บุหลันเคียงรัก - บทที่ 129 ขนหงส์สามเส้น (ตอนปลาย)
งั้นหรือ มิน่านางถึงได้รู้สึกไม่ค่อยจะคล่องตัว หัวใจนางดวงนี้ทำไมถึงได้อ่อนแอนัก อ่อนแอยิ่งกว่าที่นางคิดไว้หลายเท่าเลย
คนอย่างนางเองก็มีสิ่งที่ใส่ใจที่สุดอยู่เหมือนกัน มีสิ่งที่ไม่อยากจะสูญเสียไปที่สุดเช่นกัน เขาไม่ลงมือยังดี แต่พอลงมือทีกลับคว้าเอาจุดที่นางคิดว่าตนนั้นยิ่งใหญ่ไร้พ่ายไว้อย่างแม่นยำ ช่างโหดเหี้ยมอำมหิตจริงๆ
เกล็ดหิมะมากมายเริ่มตกในห้อง บนพื้นจับตัวเป็นน้ำแข็งหนาชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว เสวียนอี่เริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก ก้อนปุยนุ่นนั่นอุดอยู่ในอกนาง และค่อยๆ พองตัวขึ้นจนทำให้นางเจ็บปวดทรมาน
นางนึกออกแล้ว ตอนนั้นนางถูกเข็มศิลาเพลิงหมื่นปีแทงทะลุหัวใจ หัวใจนางที่เยือกเย็นที่สุดของตระกูลจู๋อินดวงนั้นถูกเปลวเพลิงเผาเสียจนแทบจะหลอมละลาย
มันเจ็บเสียจนนางอยากจะดับสูญไปเสียตรงนั้นเลย
เซ่าอี๋เริ่มขมวดคิ้ว แล้วประคองศีรษะของนางเอาไว้ เขาเข้าไปใกล้แล้วประทับลงไปที่ริมฝีปากนาง มือที่เยือกเย็นยันคางของเขาเอาไว้ ดวงตาของนางราวกับกำลังบอกว่า รับปากข้าก่อนถึงจะได้
น้ำเสียงของเขาเย็นชา “ข้าสามารถเก็บเอาขนหัวใจหงส์กลับมาได้ แล้วมองเจ้าดับสูญไป”
ถ้าอย่างนั้นก็เก็บกลับไปเถอะ! ไม่ต้องคิดเอาชีวิตของนางมาข่มขู่นาง ตอนนี้วิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลแล้ว ชีวิตของนางไม่ใช่ของนาง ส่วนที่ถูกเขากำไว้ในกำมือเหล่านั้น หากว่าไม่สามารถทำให้พวกเขาปลอดภัยได้ พวกเขาดับสูญไปพร้อมกันก็ดี เอาอย่างที่ตระกูลชิงหยางต้องการ ความแค้นของทั้งสองตระกูล ให้พวกเขาชนะไป นางไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นเลยสักนิด
นางไม่คิดถึงเงาร่างสีขาวหิมะอีกคน หากว่าไม่คิด ก็จะสามารถตัดสินใจเด็ดขาดได้มากขึ้นอีกนิด
เซ่าอี๋จ้องนางอยู่เนิ่นนาน นานเสียจนเขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะหายใจไม่ได้แล้ว เขาถึงได้กุมข้อมือเย็นเฉียบของนางเอาไว้ช้าๆ แล้วจับมันแยกออก ร่างของนางนอนแข็งทื่ออยู่ข้างเตียง เขาขึ้นไปคร่อมนางไว้แล้วก้มหน้าลงไปประทับจูบหนักๆ บนริมฝีปากนาง
พลังเทพคืนชีวิตดั่งสุราฤทธิ์แรงไหลลงไปตามลำคอ มันลงไปเสริมบริเวณอกที่ว่างเปล่านั้นของเสวียนอี่อย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดจากการแผดเผาคลายลงมาก
ไอของหงส์ฟ้าเก้าสวรรค์พ่นออกมาปะทะใบหน้านาง เสวียนอี่รีบเบนศีรษะหนีออกไปทันที ลมหายใจร้อนเผ่าอย่างแปลกประหลาดของเขารดลงบนใบหูของนางและทำซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้ง เขาพลันเข้ามาใกล้แล้วจูบลงไปบนริมฝีปากที่เย็นจัดของนางอีกครั้ง
เสมือนน้ำแข็งที่เยือกเย็นสัมผัสกับเปลวเพลิงอันร้อนแรง แค่พริบตาเดียว เสวียนอี่ก็ผลักเขาออกไป เพราะแผลที่หัวใจกำเริบ นางจึงรู้สึกหนักอึ้งเสียยิ่งกว่าภูเขาไท่ซาน กำลังก็แข็งแกร่งมากกว่าปกติ เซ่าอี๋ถูกนางผลักจนถอยออกไปหลายก้าว แล้วใช้ปลายนิ้วเช็ดริมฝีปากครั้งหนึ่ง เขามีท่าทีสงบ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เสวียนอี่เพียงรู้สึกมึนงง ความเหนื่อยล้าเหมือนตอนนั้นที่แผลหัวใจนางกำเริบและกลับไปถึงเขาจงซานกลับมาอีกครั้ง นางพยายามฝืนไม่ให้ตัวเองหลับไป แล้วกล่าวต่อไปว่า “ข้าจะอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหน ท่านปล่อยพวกเขากลับไป”
เซ่าอี๋เดินมาข้างเตียงแล้วนั่งลงขัดสมาธิ เขาหัวเราะเสียงต่ำ “ปลาดุกอุยน้อย อย่างนี้ไม่ได้นะ”
ไม่ได้หรือ เสวียนอี่มองเขาอย่างเย็นชาครู่หนึ่ง เขากล่าวต่อว่า “ข้าไม่สามารถให้เจ้าหลับใหลได้อีก สถานการณ์แย่กว่าที่คิดไว้อยู่บ้าง เจ้าไม่มีเวลานอนแล้ว”
มีดน้ำแข็งมากมายพลันปรากฏขึ้น แล้วพุ่งแทงไปที่เขาอย่างหมายเอาชีวิตโดยไร้ความปรานี เซ่าอี๋ไม่ได้หลบ และปล่อยให้มีดน้ำแข็งเหล่านั้นแทงเข้าไปในร่าง ทันใดนั้นหลังตรงบริเวณหัวใจพลันมีมีดน้ำแข็งจะแทงเข้ามา เขารีบเบี่ยงร่างหลบ ครั้งนี้เขาไม่ให้มันแทงเข้ามายังอกข้างขวา ผมยาวของเขาส่ายไปมาน้อยๆ ราวกับหางหงส์ที่กำลังโบกสะบัด พร้อมกับม้วนเอามีดน้ำแข็งนั้นโยนทิ้งไป
แสงสว่างสีทองและดำสลับกันและปรากฏขึ้นบนผิวของเขาเต็มไปหมด มันค่อยๆ แผ่ขยายออกไป เซ่าอี๋ลูบไปที่หัวใจของตน ปลายนิ้วกดเข้าไปในนั้น แสงสว่างสีทองสลับดำกลุ่มหนึ่งและประกายแสงประหลาดปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา บนนั้นยังมีรอยเลือดติดอยู่
“มา” เขาเกี่ยวเข็มขัดของเสวียนอี่ออก นางดิ้นรนอย่างแรง แต่ว่าเพราะมีดน้ำแข็งบนร่างของเขาเหล่านั้น มือของเขาจึงหนักอึ้งหาใดเปรียบ นางดิ้นอยู่นาน แต่เขากลับไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด
คราวนี้ไม่ได้เหมือนกับคราวที่แล้วที่เขาฉีกชุดบนร่างของนางออกอย่างโมโห เขาค่อยๆ คลายมันออกอย่างเชื่องช้าและระมัดระวัง ค่อยๆ แหวกปกเสื้อออกไปอย่างนุ่มนวลราวกับกำลังเด็ดกลีบดอกไม้ ผิวขาวราวหิมะของนางเผยออกมา
เซ่าอี๋ใช้มือข้างหนึ่งกดนางเอาไว้ แล้วใช้มืออีกข้างคีบประกายแสงที่เปื้อนเลือดนั่นไว้ แล้วค่อยๆ แทงมันเข้าไปในหัวใจของนางทีละน้อย
ราวกับถูกเข็มเล่มหนึ่งแทงที่หัวใจจนทะลุอีกครั้ง เสวียนอี่สูดลมหายใจเข้า ประกายแสงนี้ก็คือขนหัวใจหงส์หรือ มันกลับสามารถแทงทะลุเกล็ดมังกรจู๋อินได้! เขาพลันใช้ฝ่ามือกดเอาไว้ ประกายแสงสีทองสลับดำทั้งอันไหลไปบนบาดแผลที่หัวใจของนางราวกับคลื่นน้ำ เสวียนอี่รู้สึกว่าคราวนี้พลังเทพคืนชีวิตที่ร้อนแรงราวกับสุราฤทธิ์ร้อนแรงนั่นถูกกรอกเข้าไปในหัวใจนางโดยตรง มันเจ็บจนทั้งร่างนางชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็นๆ
“ครั้งที่แล้วตอนช่วยเจ้า เจ้ากำลังหมดสติอยู่” เซ่าอี๋ก้มหน้าลงมองนาง ผมยาวกว่าครึ่งปรกลงไปบนไหล่ทั้งสองของนาง “เจ้าจึงไม่รู้ว่า เวลาที่ถูกช่วยด้วยขนหัวใจหงส์นั้นมันเจ็บมาก”
มันใช่แค่เจ็บที่ไหนกัน การถูกลงโทษไม่ได้ต่างไปจากนี้เลย! เสวียนอี่เจ็บมากเสียจนหน้ามืด นางใช้ขาทั้งสองถีบไปบนเตียง ปรายตามองเขาที่กำลังมองนางถูกรับโทษอย่างสบายอารมณ์ นางโมโหแทบคลั่ง ตอนนี้นางไม่สามารถใช้พลังเทพได้ จึงคว้าไปที่ผมของเขามาช่อหนึ่งแล้วม้วนไปที่มือหลายชั้นพลางดึงอย่างแรง
เซ่าอี๋ร้อง “ซี๊ด” ออกมา แล้วกดทับลงไปบนร่างนางอย่างแรงตามแรงดึง เขาก้มหน้าเข้าไปใกล้นางมาก มองเหงื่อเย็นๆ ชั้นหนึ่งบนผิวขาวราวกับกระเบื้องเคลือบของนาง แต่ว่านางกลับไม่ร้องออกมา เหล่าเผ่าเทพที่เคยถูกขนหัวใจหงส์ช่วยไว้โดยที่ยังมีสติเหล่านั้น แปดเก้าในสิบส่วนต่างก็ร้องตะโกนคอแทบแตกทั้งนั้น
ร้ายกาจ นางร้ายกาจจริงๆ
เซ่าอี๋ใช้มือทั้งสองประคองใบหน้าของนางอย่างแช่มช้าแล้วมองนิ่งอยู่นาน ริมฝีปากขาวซีดของนางถูกกัดจนแตกหมดแล้ว แต่ว่านางก็ยังคงกัดมันเอาไว้
กัดจนจะพังแล้ว เขาก็เจ็บมากเช่นกัน
เขาจับกรามนางเอาไว้และกำลังจะโน้มตัวลงไป ทันใดนั้นผมเขากลับถูกนางม้วนไว้ที่มืออีกรอบ หนังหัวเขาเจ็บอย่างร้ายกาจ จึงเงยหน้ามองแววตาเย็นชาของนาง
ดวงตาทั้งสี่สบประสานกัน ผ่านไปครู่หนึ่ง มือของเซ่าอี๋ที่จับกรามนางเอาไว้นั่นก็ส่ายไปมาน้อยๆ แล้วกล่าวเสียงนุ่มนวลแผ่วเบาว่า “เดิมข้าคิดว่ามีศิษย์น้องฝูชางอยู่เป็นเพื่อนเจ้า เมื่อจับองค์ชายน้อยกับมหาเทพไปแล้ว เจ้าก็น่าจะยังทนได้ แต่คิดไม่ถึงว่าเขากลับทิ้งเจ้าเอาไว้ ช่วยไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องให้ข้าลงมือ จนตอนนี้ข้ามีขนหงส์เหลือเพียงห้าเส้นเท่านั้นแล้ว แค่เจ้าข้าก็เสียไปแล้วถึงสามเส้น บัญชีนี้ของพวกเรายิ่งคิดก็ยิ่งมาก”
เลือดบนร่างของเขาจากแผลที่ถูกมีดน้ำแข็งแทงตกลงไปบนร่างของเสวียนอี่ และถูกเขาใช้แขนเสื้อลูบออกช้าๆ จากนั้นก็เอาใบหน้าแนบไปบนหัวใจที่เปลือยเปล่าของนาง ฟังเสียงหัวใจที่เต้นอย่างสับสนและยากลำบากของนางค่อยๆ กลับเป็นปกติ เมื่อใช้ขนหงส์เส้นที่สามไปก็นับว่าพอมีประโยชน์บ้างแล้ว
บนร่างของเซ่าอี๋มีแสงสีทองปรากฏขึ้นมาชั้นหนึ่ง ลอยไปตัดผมที่ถูกนางกำไว้จนขาด มีดน้ำแข็งที่แทงไปบนร่างเขาก็ทยอยตกลงไปใต้เตียง เขาไม่ได้รักษาแผลให้สมานกัน แต่ว่าค่อยๆ นั่งหลังตรงแล้วลงไปจากเตียง เขาหันไปมองร่างของปลาดุกอุยน้อยบนเตียงที่เต็มไปด้วยรอยเลือดมากมาย คิดว่าคราวนี้หัวใจนางคงไม่เจ็บแล้ว แต่ที่เจ็บน่าจะเป็นบาดแผลเหล่านั้นเสียมากกว่า
เจ็บนานอีกหน่อยแล้วกัน
เสวียนอี่ออกแรงทั้งหมดสวมใส่ชุดให้เรียบร้อย นางพลิกตัวแล้วจ้องไปยังแผ่นหลังชุ่มเลือดของเขาเขม็ง “บอกข้ามา พวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่”
เซ่าอี๋รินชาแก้วหนึ่ง แล้วหมุนตัวเดินมาพิงที่โต๊ะ พลางกล่าวเสียงไม่ทุกข์ร้อนว่า “ตอนนี้พวกเขายังมีชีวิตดีอยู่ แต่อีกหน่อยจะยังมีชีวิตอยู่อีกไหมนั้น ก็ต้องดูที่เจ้าแล้ว”
เสวียนอี่ฝืนลุกขึ้นนั่งบนเตียง นางจัดการเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงของตนลวกๆ “ข้าอยากได้หลักฐาน”
เซ่าอี๋คิด “ไม่มีหลักฐาน หากว่าเจ้าไม่เชื่อ ข้าก็ทำอะไรไม่ได้”
เสวียนอี่สูดลมหายใจเข้า แล้วมองเขานิ่งอยู่ครู่หนึ่ง “ขนหัวใจหงส์มีผลกับพวกเราทั้งสองเหมือนๆ กัน หากว่าท่านไม่ยอมตัดสัมพันธ์หัวใจหงส์ ชีวิตของท่านเองก็เท่ากับอยู่ในกำมือข้าเช่นกัน ถึงแม้ว่าการอยากทำร้ายตระกูลจู๋อินนั้นจะยากมาก แต่ว่าข้าก็ยังมีวิธี”
ประโยคนี้ออกมาจากปากของนางตอนนี้ เขาต้องเชื่อจริงๆ
เซ่าอี๋มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดของนาง แล้วพลันกล่าวว่า “พวกเขาอยู่ที่เมืองฉยงซาง เจ้าอยากไปไหมล่ะ”