บุหลันเคียงรัก - บทที่ 149 เบ่งบานอย่างงดงาม (ตอนต้น)
ปลายนิ้วของฝูชางลูบไปบนบาดแผลเบาๆ ครั้งหนึ่ง เขาก้มลงมองรอยเลือดบนนั้นแล้วจึงเหลือบตาขึ้นมองนางอีกครั้ง
แววตาที่ทั้งเสียใจและนุ่มนวลอย่างหาได้ยากนั่นปรากฏขึ้นในแววตานางอีกครั้ง
อย่ามองเขาอย่างนี้ เขาไม่ได้ไล่ตามคุ้มครองนางเพราะอยากจะให้นางเสียใจ เป็นอย่างนี้เสมอ ในความรักอันลึกซึ้งที่สลักลึกถึงกระดูกของเขาที่มีต่อนาง มักจะแทรกไปด้วยความคับแค้นใจเสมอ ตอนนี้ความคับแค้นใจนี้ก็กำลังเอ่อล้นอยู่ในอกของเขา เขาเกลียดที่นางเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัว แต่ว่าความเสียใจที่นุ่มนวลนี้กลับยิ่งทำให้เขาเจ็บปวดและแค้นใจยิ่งกว่า
ฝูชางพลันเอามือปิดตานางไว้ เลือดตรงปลายนิ้วเปื้อนอยู่ที่ขมับของนาง “…อย่ามองข้าอย่างนี้”
องค์หญิงมังกรไม่ได้กล่าวอะไร แพขนตาของนางสั่นไหวอยู่ในฝ่ามือ ทั้งจั๊กจี้และอ่อนแรง ดวงตาถูกปิดไว้ เหลือเพียงใบหน้าครึ่งล่างเท่านั้น ริมฝีปากอวบอิ่มงดงามเม้มน้อยๆ ท่าทางอย่างนี้ของนางทำให้ฝูชางอดที่จะนึกไปถึงภาพเมื่อครั้งแรกที่นางมาที่นี่ไม่ได้ ทุกอย่างไม่เหมือนกับตอนนั้นแล้ว แต่ก็ราวกับเหมือนกันไม่มีผิด
องค์หญิงมังกรที่เอาแต่ใจ เห็นแก่ตัวและทำอะไรตามใจ ยังคงทำให้เขาดำดิ่งและคับแค้นใจ
ความเจ็บปวดที่บาดแผลทำให้เขาใจกล้าและตรงไปตรงมามากขึ้น ฝูชางยื่นมือออกไปจับไหล่ของนางเอาไว้ นิ้วมือรวบเข้า แต่ว่าไม่นานก็เลื่อนลงไปที่เอวของนางอย่างรวดเร็ว เขาออกแรง ร่างเพรียวบางงดงามนั่นก็เข้ามาในอ้อมอก เขาค้อมตัวลงแล้วกัดลงไปบนริมฝีปากอ่อนนุ่มของนางอย่างหนัก
ลมหายใจติดขัดอย่างเจ็บปวดออกมาจากจมูกขององค์หญิงมังกร นางเริ่มดิ้นรนทันที มือทั้งสองก็กดไปยังบาดแผลที่หน้าอกของเขาเหล่านั้น แล้วนางก็ชักมือกลับมาอย่างรีบร้อนคล้ายกับตกใจ นางใช้มือยันไปที่พื้นแล้วพยายามออกแรงเอนตัวไปด้านหลัง
ที่เขาไม่ต้องการที่สุด ก็คือความปวดใจและความเห็นใจของนางในตอนนี้ ราวกับว่ามันกำลังเตือนเขาตลอดว่าเขายังไม่แข็งแกร่งพอ ยังไม่สามารถที่จะปกป้องนางเอาไว้ในฝ่ามือได้ ดังนั้นนางถึงต้องเป็นผู้ที่ถูกทำร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า และอำมหิตถึงขนาดที่จะทิ้งเขาแล้วจากไป
ฝูชางกดหลังของนางให้แนบชิดกับร่างตน มือที่ปิดดวงตาของนางไว้ก็ดันให้นางแหงนหน้าขึ้น เขาราวกับจะระบายความคับแค้นในส่วนลึกของใจเหล่านั้นออกมา พัวพันกับริมฝีปากที่สั่นเทาของนางไม่หยุด เขาแทรกผ่านเรียวฟันเข้าไป และไม่ยอมให้นางหลบไปไหน
กอดเขาไว้ นี่ถึงจะเรียกว่าเป็นความนุ่มนวลและเห็นใจจริงๆ
แต่ว่ามือของนางยังคงหลบไปด้านหลัง ร่างถอยไปด้านหลัง ศีรษะก็พยายามที่จะก้มลง มือของฝูชางที่ปิดดวงตาทั้งสองของนางเลื่อนไหลลงไปตามหลังศีรษะ เขาจับผมยาวของนางไว้ทำให้นางได้แต่ต้องเงยหน้าขึ้น การจูบที่ดุดันอย่างนี้ จูบจนนางตัวสั่นไปทั้งร่าง
ลมหายใจร้อนรนของนางพ่นรดใบหน้า นางพ่นลมหายใจเยือกเย็นออกมา แต่ว่าเมื่อสัมผัสเข้ากับผิวเขาแล้วกลับร้อนจัด ร่างสัมผัสใกล้ชิดกัน อ่อนนุ่มราวกับกลีบดอกไม้ ฝูชางปล่อยผมของนางโดยไม่รู้ตัว ปลายนิ้วไล้ไปบนใบหน้า ไล่ลงไปตามโครงหน้าจนถึงปลายคาง ลูบคลำไปบนลำคอเรียวระหงของนาง
ตอนนี้เสวียนอี่แยกไม่ออกแล้วว่ามันคือสัมผัสที่จั๊กจี้หรือเพราะความคิดอารมณ์วุ่นวายอันสับสน ในสมองของนางเหมือนถูกดึงขึงไว้ ไม่อาจดิ้นรนปฏิเสธอย่างแต่ก่อนได้อีก หากว่าไม่ระวังไปถูกบาดแผลตรงไหนเข้าก็จะมีเลือดไหลออกมา
นางรู้สึกตนเองวุ่นวายและสับสนมาก มือทั้งสองไม่รู้ควรจะวางไว้ที่ไหนดี บ้างก็ผลักไปอย่างไม่รู้ตัว บ้างก็รีบหดกลับเข้ามา สุดท้ายก็ได้แต่กำเสื้อตรงบ่าเขาแน่น ชุดผ้าไหมของเขาถูกนางกำจนยับย่นหมดแล้ว
ชุดบนร่างของนางเดิมก็ใหญ่โตและหลวมโคร่งอยู่แล้ว ปกคอเสื้อไม่รู้เปิดออกหมดตั้งแต่เมื่อไหร่ ผิวที่แผ่นหลังถูกฝ่ามือของเขาแนบไว้ เสวียนอี่พลันยื่นมือทั้งสองออกไปแล้วโอบรอบคอฝูชางแน่น ไม่ยอมให้มอง
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ปกติแล้วตอนนี้เขาจะหยุดลงอย่างเอาใจใส่นาง เสวียนอี่กอดรัดเขาไว้แน่น ไม่ให้เขามองต่ำลงไป ร่างทั้งร่างของนางแทบจะแขวนอยู่บนร่างเขา ชุดแทบจะร่วงลงไปถึงแขนแล้ว
ลมหายใจร้อนจัดของฝูชางพ่นรดใบหูของนาง เขาไม่ได้ทำต่อจริงๆ นางจึงรีบตามหาเสียงของตนกลับมาแล้วเรียกเขา “ศิษย์พี่ฝูชาง”
ช่วยนางจัดชุดให้เรียบร้อย แล้วเขาอยากจะตีนางอย่างไร จะตำหนินางอย่างไร นางก็ตัดสินใจแล้วว่าจะนั่งฟังอย่างว่านอนสอนง่าย จะไม่พูดอะไรสักคำแน่นอน
แต่ว่าต่อมา ริมฝีปากของเขากลับแนบไปที่หูของนาง มือทั้งสองกลับสอดผ่านรอยแยกของชุดเข้าไปอย่างไม่ลังเล กอบกุมร่างนุ่มราวกับผ้าไหมและงดงามราวกระเบื้องเคลือบของนางเอาไว้ เสวียนอี่สูดลมหายใจเข้าลึก พยายามดิ้นลงไปที่พื้น
ฝูชางอุ้มนางเอาไว้ กักนางไว้ในอ้อมอก เขาหมุนตัวแล้วเดินเข้าไปในห้องนอน เสวียนอี่ไม่รู้ควรทำเช่นไร นางรีบร้อนปีนขึ้นไปกอดคอเขาเอาไว้ต่อ นางพยายามคิดอย่างหนักและก็ได้แต่เอาข้ออ้างที่นางใช้จนเปื่อยไปหมดแล้วนั่นออกมาทั้งยังกล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า “ข้า ข้าหิวแล้ว…รอก่อน! “
รอก่อนหรือ แล้วก็ให้นางวิ่งหนีไปไกลอีกหรือ ทำไมชอบหลบหนีเขานัก ในเมื่อสุดท้ายก็ต้องหลบ เขาก็จะไล่ตามไปด้านหลัง ในเมื่อเขาจับนางไว้ได้แล้ว แล้วคิดว่าเขาจะปล่อยนางไปอีกหรือ
ผิวที่เขากุมไว้ในฝ่ามือนั้นร้อนจัด ไยต้องหนีด้วย ผ้าม่านสีเขียวอมน้ำเงินบบดบังเงาร่างเพรียวบางของนางจนมิด ฝูชางค้อมกายลงแล้วจูบนางคล้ายกับกำลังล่อลวง จากมุมด้านซ้ายไปถึงมุมปากด้านขวา บดเบียดไปกับริมฝีปากอ่อนนุ่มของนางช้าๆ และค่อยๆ เปิดเรียวฟันที่เรียงกันนั่นพร้อมกับเข้าไปลิ้มรสอันโอชะภายใน ปลายลิ้นสัมผัสกับนางและผละออก
ชุดคลุมยาวหลวมโคร่งที่เกะกะนั่นถูกถอดออกทีละน้อย จูบที่เร่าร้อนลากไล้ลงไป สลับขึ้นลงไปมา ผิวเยือกเย็นราวกับเครื่องเคลือบหยกนั่นถูกเรียวปากของเขาขบเม้มและดูดดุน
ราวกับถูกเมฆมากมายถาโถมมาคลุมไว้จนมิด ทั้งล่องลอยและหนักอึ้ง ผิวที่ร้อนจัดของเขาสัมผัสกับนาง เสวียนอี่รู้สึกว่าตัวเองจมเข้าไปในเตียงนี้แล้ว ผ้าห่มและผ้าคลุมเตียงม้วนขดอยู่ใต้ร่าง พันรัดไปกับเท้าของนาง นางไม่รู้ว่านางสะบัดมันไม่หลุดหรือว่าสะบัดเขาไม่หลุดกันแน่
ชุดคลุมยาวสีเขียวอมน้ำเงินชุ่มเหงื่อตกอยู่ใต้ม่าน ฝูชางโน้มตัวอยู่บนกายนาง และจับเอาผมเผ้ายุ่งเหยิงบนใบหน้าของนางไปไว้บนหมอน จับจ้องมองใบหน้าแดงก่ำของนาง ราวกับดอกไม้ที่กำลังจะเบ่งบาน องค์หญิงมังกรของเขา ที่นี่คือเรือนของเขา ห้องของเขา เตียงของเขา เขาขังนางไว้ได้แล้วจริงๆ
สองหมื่นกว่าปีอันแสนยาวนาน รู้จักนาง แค้นเคือง รักใคร่ ราวกับเวียนว่ายอยู่สามครั้ง และทุกครั้งเขาก็จะถลำลึกลงไปไม่อาจถอนตัวขึ้นมาได้
ให้เขาจมดิ่งลงไปลึกกว่านี้อีกหน่อย อย่าหนีไปเลย
เขาก้มหน้าลง จุมพิตลงบนริมฝีปากชุ่มชื้นที่อ้าน้อยๆ ของนางหลายครั้ง จากนั้นเขาก็เกี่ยวเข่าของนาง เปิดออกเพื่อเขาเถอะ
ร่างที่อ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูกขององค์หญิงมังกรแข็งขืนขึ้นมา พยายามหนีขึ้นไป วงแหวนทองร่วงลงข้างหมอน ผมยาวของเขาพันรัดไปกับผมของนาง เขาก้มหน้าลงแล้วจุมพิตลงไปบนใบหน้าที่ชื้นเหงื่อน้อยๆ ของนาง “อย่าหนี”
ลมหายใจของนางรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ขาของนางถีบเตะอยู่บนเตียง พยายามที่จะหลบไปยังมุมสุดของเตียง เขากลับรุกคืบตามมาทีละก้าว สุดท้ายก็บีบจนนางไร้ทางหนี ร่างตกอยู่ในฝ่ามือเขา ไม่มีทางถอยแล้วหรือ ถ้าอย่างนั้นก็มอบให้เขาทั้งหมดแล้วกัน
หยาดเหงื่อหยดหนึ่งหยดลงมาจากคางที่งดงามราวหยกของเขา ม่านสีเขียวอมน้ำเงินสั่นไหวตลอด ทุกการเคลื่อนไหวล้วนแต่ทำให้เขาทั้งเจ็บปวดและสุขสมไปพร้อมกัน ฝูชางมององค์หญิงมังกรจากด้านบน นางกำลังเจ็บปวด เจ็บปวดอีกหน่อยเถอะ ทำอย่างนี้ถึงจะเอาแต่ใจและทำตามอำเภอใจได้ เขาเกลียดความเอาแต่ใจนี้มาก แต่ว่าเขาก็ยังถูกมันดึงดูดให้ถลำลึกลงไปมาตลอด
องค์หญิงมังกรราวกับอดทนจนถึงขีดสุดแล้ว มือทั้งสองจึงเตรียมจะออกแรงผลักเขา นางถูกการกระทำอันหยาบกระด้างไร้ความนุ่มนวลของเขาทรมานจนแทบคลั่งแล้ว แต่ว่าเมื่อยื่นมือออกไป สุดท้ายก็ไม่ได้จับลงไปบนแผลของเขา เพียงจับไหล่อันเปลือยเปล่าแข็งแกร่งของเขาไว้ ปากก็อ้าออกแล้วกัดลงไปตรงที่ที่ไม่มีแผลอย่างแรง
กัดจนกระทั่งได้กลิ่นเลือดแล้ว นางถึงได้ปล่อยมือออก แขนยกขึ้นบังดวงตา ยามถูกจับพลิกไปพลิกมาบนเตียงหลายครั้ง นางก็เปล่งเสียงหอบหายใจขาดห้วงและร้อนรนออกมา
ฝูชางจับข้อมือทั้งสองของนางแยกออกแล้วกดลงไปบนเตียง ให้นางมองเขา
ผมยาวของนางปรกหน้าอีกแล้ว รอยแดงก่ำจางๆ ทิ้งไว้บนลำคอ ใบหน้าและริมฝีปากเจ็บเสียจนขาวซีด ฝูชางไม่เพียงแต่จับหลังคอนางเอาไว้เท่านั้น ยังค้อมร่างลงแล้วกอดนางเอาไว้แน่นอย่างนุ่มนวล
“กอดข้าไว้” เขากล่าวเสียงต่ำ
สุดท้ายแขนเรียวอ่อนนุ่มทั้งสองของนางก็คล้องรอบคอเขาไว้ ฝูชางค่อยๆ ผ่อนการเคลื่อนไหวลง เขาจูบลงไปบนหน้าผากชื้นเหงื่อของนาง ไล่ลงไปจนถึงปลายคาง เขาขบเม้มริมฝีปากของนางอย่างล่อลวงและอ้อยอิ่ง ผิวนวลราวกลีบดอกไม้ของนางถูกลูบคลำอยู่ในฝ่ามือ ในที่สุดมันก็ร้อนผะผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง ลมหายใจหอบถี่พ่นรดข้างหูเขา กระทั่งลมหายใจยังร้อนจัด ร่างเปิดออก แล้วกลายเป็นคล้อยตามอย่างนุ่มนวล
ลมหายใจสอดประสาน ผมยาวเกี่ยวพันกัน เขาจมลงไปทีละน้อยอย่างลึกล้ำและไม่อาจถอนตัวได้