บุหลันเคียงรัก - บทที่ 164 ใต้ต้นตี้หนี่ว์ซาง (ตอนกลาง)
ปลายขอบฟ้ามีแสงรัศมีเทพสาดส่องลงมาตลอด เหล่านักรบของทุกหน่วยต่างมากันหมด แต่ว่าเหล่านักรบโชคร้ายที่มาใหม่ต่างก็คิดไม่ถึงว่าจะมาปะทะเข้ากับองค์ชายน้อยและมหาเทพจงซานเข้า กระทั่งพูดยังไม่ทันได้พูดออกมาก็ถูกมหาเทพจงซานแช่แข็งไว้ ภายหลังองค์ชายน้อยเองก็ราวกับปรึกษากันมาอย่างดี มาถึงก็จัดการซ้อมอย่างหนักไปชุดหนึ่ง กระดูกทั้งร่างแตกหมด เจ็บจนแต่ละคนร้องไห้เรียกหาบิดามารดากันใหญ่
เหนือทะเลเมฆขึ้นไปแทบจะกลายเป็นโลกแช่แข็งไปแล้ว เหล่านักรบนับไม่ถ้วนหากไม่ถูกแช่แข็งเป็นรูปปั้นสลัก ก็ดับสูญไปแล้ว ร่างยังไม่ทันจะกลายเป็นไอบริสุทธิ์สลายไปเลยด้วยซ้ำ
ยิ่งกว่าการรับมือกับราชาก้งกงสามตนอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย นี่มันฝันร้ายชัดๆ
เสวียนอี่ หมุนวนหนึ่งรอบแล้วร่วงลงไปบนหลังของราชสีห์เก้าเศียรราวกับใบไม้ ทำเอามันตกใจเสียจนเกือบจะกลิ้งลงไปจากทะเลเมฆ มือข้างหนึ่งคว้าแขนของนางไว้ จากนั้นนางก็ตกลงสู่อ้อมกอดกระชับแน่นที่คุ้นเคย
ปราณกระบี่แปลงเป็นเทพเมื่อครู่จะต้องทำให้เขาเหน็ดเหนื่อยมากแน่ เสียงหอบหายใจถี่ของเขาดังขึ้นข้างหู แผลที่ยังไม่ทันสมานมีเลือดสดๆ ไหลออกมา เลือดเทพซึมผ่านชุด แนบไปกับผิวที่หลังของนาง กลับทำให้นางรู้สึกร้อนผ่าว
ที่ไกลๆ พายุหิมะของชิงเยี่ยนกับท่านพ่อกำลังกลืนกินฟ้าดิน แสงรัศมีเทพปะทะกับแสงรัศมีเทพ แม้ไร้สุ้มเสียงทว่ารุนแรงมาก
จริงๆ แล้วสิ่งเหล่านี้นางไม่อยากเห็นเลย ไม่อยากเลยสักนิด
“คราวนี้จะต้องเชื่อฟังแล้วนะ”
หน้าผากของฝูชางก้มลงมาติดกับกระหม่อมนาง เขาออกแรงกอดนางเอาไว้ มังกรทองกระบี่ไม้กลืนนางลงไปปกป้องภายในท้องอีกครั้ง ขณะกำลังคิดจะขี่ลมขึ้นไป ในใจพลันเกิดความรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมา สัญชาตญาณทำให้เขากลายเป็นลมบ้าคลั่งสายหนึ่งพุ่งไปทางด้านข้าง เขาได้ยินเสียงแหวกอากาศคมกริบและรุนแรงดังมาจากที่ไกลๆ พุ่งมาข้างกายเขา ลูกธนูสังหารเทพสีแดงพุ่งแหวกผ่านลมไปอย่างไร้ซึ่งความปรานี มุ่งไปยังโลกแช่แข็งบนทะเลเมฆ พร้อมกับเสียงคลื่นสังหารดังสนั่น
ลูกธนูโฮ่วอี้หรือ กระทั่งของพรรค์นี้ยังเอามาใช้ได้
ฝูชางรีบเหาะเข้าไปในทะเลเมฆ แต่เห็นว่าธนูโฮ่วอี้ที่ไม่มีดวงตานี้ไม่รู้ทำให้เหล่าเทพนักรบที่บริสุทธิ์ต้องบาดเจ็บล้มตายไปเท่าไหร่ เหล่าเทพที่สามารถหลบได้ต่างก็หลบไปไกลมากแล้ว ส่วนเทพที่โชคร้ายถูกแช่แข็งไว้จนขยับไม่ได้ก็ได้แต่อธิษฐานว่าขอให้ธนูฆ่าเทพไร้ตานี้อย่าได้ปักถูกร่างของตนเลย
มหาเทพโกวเฉินที่แทบจะถูกมังกรน้ำแข็งรัดจนหมดสติไปในทะเลเมฆกัดฟันแน่นแต่ก็ยังไม่ยอมลดละโทสะของตนลง เขาตะคอกเสียงดังว่า “มหาเทพชิงหยวน! เก็บธนูโฮ่วอี้ไปเสีย!”
ใครจะรู้ว่ามหาเทพชิงหยวนที่อยู่ห่างออกไปไกลนั้นเจ็บจนแทบจะหมดสติแล้ว เมื่อธนูโฮ่วอี้คลายผนึกออก ก็จะพุ่งไปทางที่พลังเทพแผ่ออกมา มหาเทพชิงหยวนที่คลายผนึกออกคือเหยื่อคนแรก ยังไม่ทันจะได้หลบ ก็ถูกธนูแทงทะลุใต้ซี่โครงไป
ธนูดอกนี้รวมความโกรธแค้นของมนุษย์เอาไว้ แผลที่เกิดขึ้นสำหรับเหล่าเทพแล้วราวกับพิษมิปาน ยิ่งกว่าถูกไอขุ่นมัวแทรกซึมอีก เวทคืนสภาพไร้ผล เห็นนักรบมากมายนับไม่ถ้วนถูกมันแทงจนทยอยล้มลงไป มหาเทพโกวเฉินก็ถอนหายใจยาวอย่างหดหู่เฮือกหนึ่ง
นี่เรียกว่าตัวเองทำตัวเอง มหาเทพชิงหยวนกลับคิดจะใช้อาวุธสังหารเทพมาจัดการกับเทพอายุเพียงแค่สามหมื่นกว่าปีที่เสื่อมลงไปเป็นมารอย่างนี้ ทำให้ตัวเองต้องถูกดึงเข้าไปด้วย ทั้งยังทำร้ายนักรบโชคร้ายมากมายถึงเพียงนั้นอีก
ทันใดนั้นเอง ธนูสังหารเทพที่ไร้ตาก็พุ่งมาถึงเขตแดนพายุหิมะจู๋อิน ราวกับเข้ามาในแดนไร้คน มันกลายเป็นแสงสีเลือดที่งดงามสายหนึ่ง แล้วพุ่งไปที่หลังของชิงเยี่ยนทันที
ราวกับรับรู้ได้ถึงอันตรายอย่างยิ่งยวด ชิงเยี่ยนจึงรีบเบี่ยงกายหลบไปข้างๆ แต่สุดท้ายก็สายไปก้าวหนึ่ง ธนูสีแดงพุ่งทะลุบ่าของเขาไปทำให้เลือดสดๆ ไหลออกมา เขาเจ็บปวดจนหน้าซีดเผือด เซไปมาหลายก้าว กลิ่นเลือดของเหล่าเทพทำให้ธนูยิ่งตื่นตัวมากขึ้น มันหมุนคว้างลอยเหนือขึ้นไป แล้วกลายเป็นแสงสีเลือดพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้จะหลบก็ไม่พ้นแล้ว มหาเทพจงซานจึงรีบร้อนเรียกกำแพงน้ำแข็งขึ้นมาหลายชั้น ทว่ากลับได้ยินเสียงแตกดังสนั่น อารามรีบร้อนเขาจึงใช้เท้าถีบชิงเยี่ยนจนโงนเงน แล้วจึงเห็นว่าธนูสีเลือดนั้นพลันมาถึงด้านหน้าตนแล้ว หน้าอกพลันร้อนวาบขึ้นมา แสงสีเลือดพุ่งทะลุร่างของเขาไปจนลอยขึ้นไปบนฟ้า
“ไม่!”
ชิงเยี่ยนประคองร่างของมหาเทพเอาไว้ อกของเขาทะลุเป็นรู โลหิตเทพเย็นเฉียบไหลออกมา มหาเทพจงซานมีสีหน้าประหลาดมาก มือกดลงไปที่แผลตรงหน้าอกทันที ความเจ็บปวดยามถูกแทงทะลุหน้าอกเป็นอย่างนี้นี่เอง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ลิ้มลอง แต่เขากลับปล่อยให้ความเจ็บปวดนี้ทรมานบุตรสาวของตนเองมานานหลายปีขนาดนั้น โดยที่เขาไม่รู้สักนิด
มือที่ชุ่มไปด้วยเลือดค่อยๆ ยกขึ้นจากหน้าอก จับแขนของชิงเยี่ยนไว้ “พาน้องสาวเจ้าหนีไป”
เมื่อไม่มีความสามารถของมหาเทพจงซานแล้วจะหนีได้อย่างไร? ! ชิงเยี่ยนไม่รู้เพราะโมโหหรือเพราะอย่างอื่น ใครใช้ให้เขามายุ่งไม่เข้าเรื่อง?! เจ้านี่นอกจากสร้างความยุ่งยากให้กับบุตรสาวบุตรชายแล้ว ยังทำอะไรได้อีกไหม?!
เสียงสังหารที่แหลมคมดังอีกครั้ง ฝูชางรีบร้อนชักกระบี่ฉุนจวินออกมา แล้วกลายเป็นคลื่นน้ำนับพันนับหมื่น พริบตาเดียวก็แผ่ลามครอบคลุมร่างพวกเขาเอาไว้ กระบี่วิเศษปะทะกับธนูสังหารเทพ มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง เสียงดังสนั่นที่น่ากลัวดังก้องไปทั่วฟ้า
“ยังไม่รีบจัดการพวกทรยศสวรรค์เหล่านั้นอีกหรือ? !” ในที่สุดมังกรน้ำแข็งบนร่างของมหาเทพโกวเฉินก็สลายไป เขาไม่สนใจว่ากระดูกจะหักไปแล้วกี่ท่อน ตะคอกออกมาทันที
เหล่านักรบที่เหลืออยู่ต่างทยอยพุ่งเข้าไป หมายจะไปล้อมชิงเยี่ยนที่บาดเจ็บหนักจนเริ่มขยับร่างกายไม่ได้กับฝูชางที่กำลังวุ่นอยู่กับการขังธนูโฮ่วอี้อยู่ แต่ก่อนเวลาจัดการกับราชาเผ่ามาร การโจมตีชนิดไม่ตายไม่เลิกราเป็นกระบวนการที่พวกเขาชื่นชอบที่สุด แต่สถานการณ์ตรงหน้านี้กลับไม่ทำให้พวกเขาชมชอบเลยสักนิด
ไอขุ่นมัวเข้มข้นขึ้นมากะทันหัน หิมะสีดำมากมายโปรยปรายลงมา พริบตาก็ปกคลุมไปทั่วทั้งทะเลเมฆ เหล่านักรบที่ไม่ระวังเข้าไปในอาณาเขตเข้า ต่างก็กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งสีดำไปในทันที
ฝูชางรีบร้อนก้มหน้าลง กลับพบว่ากระบี่ไม้ที่เอวปริแตกไปนานแล้ว เงาร่างเพรียวบางสีขาวที่พวกเขาพยายามดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อปกป้องนั้นเคลื่อนเข้าไปในพายุหิมะสีดำราวกับผีเสื้อท่ามกลางดอกไม้ และกำลังจะพุ่งไปทางท่านพ่อและพี่ชายของนาง แต่ว่าไอขุ่นมัวทำให้ร่างของนางหนักอึ้งจนบินไม่ได้ จึงร่วงลงไปบนเมฆ นางกลายร่างเป็นมังกรขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยไอขุ่นมัว บินโซเซลงไปใต้ชั้นเมฆ ไม่ว่าอย่างไรก็บินไม่ขึ้น
ทำไมต้องมาด้วย นางไม่หวังสักนิดว่าคนสำคัญที่สุดที่นางปกป้องเอาไว้อย่างยากเย็นนี้กลับมาทำเรื่องเหล่านี้เพื่อนาง ทำเช่นนั้นสิ่งที่นางลำบากทรมานมาก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเสียเปล่าหรอกหรือ ให้นางแบกรับหนี้ของคนสามคน แล้วไล่ฆ่าเหล่าเทพเพื่อมีชีวิตต่อไป นางไม่อยากมีชีวิตอยู่แบบนี้
ชั่วพริบตาเดียว สายพิณไร้เสียงหนาตาก็พุ่งเข้ามาอย่างไร้เสียง เสวียนอี่รู้สึกว่าร่างกายถูกตรึง ตั้งแต่หัวจรดเท้าถูกพันรัดไว้อย่างแน่นหนา ธนูยักษ์หลายดอกตามมาติดๆ นางหลบไม่ได้อีกแล้ว ถูกธนูพุ่งทะลุร่างมังกรไปอย่างจัง โลหิตเย็นเฉียบไหลรินมาราวกับห่าฝน
นางพลันเปลี่ยนเป็นร่างคน สะบั้นสายพิณออก แล้วกลายเป็นลมเย็นร่วงลงไปยังริมหน้าผา
ต้นตี้หนี่ว์ซางที่อยู่ไม่ไกลส่งเสียงดังราวกับฝนตกอีกครั้งยามลมพัดผ่าน เพียงแต่ว่า คราวนี้น่าจะเป็นพายุฝนเสียแล้ว
เสวียนอี่สะบัดแขนเสื้อ มังกรน้ำแข็งสีดำหนึ่งร้อยแปดตัวบดบังแสงพระจันทร์เยือกเย็นไว้จนมิด พริบตาเดียวก็ปริแตกลายเป็นมีดน้ำแข็งสีดำ ม้วนตัวไปยังเหล่านักรบอย่างไม่มีออมมือ จุดที่ถูกมีดน้ำแข็งแทงทะลุ ไอขุ่นมัวที่บ้าคลั่งก็จะทะลักออกมา ความเจ็บปวดทำให้เหล่านักรบต่างหมดสติไป
ขอโทษด้วย ครั้งสุดท้ายก็ยังไม่เชื่อฟัง ทางที่ดีอย่ามองมาทางนี้ เลือดของนางทำให้ชุดเขาสกปรกหมดแล้ว ภาพเช่นนี้ไม่น่าอภิรมย์เลย
นางพ่นลมออกมา กำแพงน้ำแข็งสีดำหลายแถวก็พุ่งขวางระหว่างฟ้าดินไว้ พายุหิมะที่แผ่ไพศาลและลึกล้ำราวกับท้องนภายามราตรีแผ่ไปบนทะเลเมฆ นางเก่งกาจยอดเยี่ยมได้ถึงขนาดนี้อย่างที่คิดไว้จริงๆ
เวทของเทพปะทะกับกำแพงน้ำแข็ง เสียงดังสนั่นสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน ทันใดนั้น ธนูโฮ่วอี้ที่พัวพันอยู่กับปราณกระบี่แปลงเป็นคลื่นน้ำก็ราวกับไร้การควบคุมแล้วหมุนเปลี่ยนทิศทาง คลื่นน้ำบ้าคลั่งนับหมื่นนับพันโถมมาอย่างดุดันและรุนแรง ทำให้กำแพงน้ำแข็งสลายไปในพริบตา มันกำลังจะฉีกเทพที่เสื่อมลงไปเป็นมารตนนี้เป็นชิ้นๆ
เห็นเงาร่างสีขาวกำลังจะถูกคลื่นน้ำกลืนกิน มหาเทพโกวเฉินก็ร้อง “ดี” ออกมา คำพูดยังไม่ทันจะออกมาจากปาก กลับเห็นคลื่นน้ำขนาดใหญ่ผืนน้ำราวกับถูกพลังคุกคามไร้รูปกดดันจนเปลี่ยนทาง ทันใดนั้นมังกรสีทองตัวหนึ่งก็อ้าปากสีทองอร่ามกว้างอย่างเชื่อฟัง แล้วกลืนองค์หญิงตระกูลจู๋อินลงท้องไป