บุหลันเคียงรัก - บทที่ 30 ปีศาจปลาดุก
เดิมเสวียนอี่ก็เจ็บจนหน้าขาวซีดอยู่แล้ว พอได้ยินเสียงนี้ก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ศิษย์พี่ฝูชาง เทพีอูเจียงเชื้อเชิญท่านขนาดนี้ ท่านก็ไปเถอะ ข้าไม่มีทางไปรบกวนท่านเด็ดขาด”
รีบปล่อยนางลงแล้วให้นางไปซะ!
เทพีอูเจียงมองมาที่นางแล้วยิ้ม ดวงตาปรากฏแววละโมบ “องค์หญิงน้อยตระกูลจู๋อินคนนี้ ดมดูแล้วหอมมาก หากว่าได้กินจะต้องทั้งนุ่มทั้งสดอร่อยแน่ ข้ายอมปล่อยเจ้าไปไม่ได้หรอก อีกอย่าง เจ้ายังไม่ได้คืนสร้อยไข่มุกให้ข้าเลย”
เสวียนอี่หัวเราะออกมา “ที่ไหนกัน ตระกูลจู๋อินเนื้อหยาบกระดูกแข็ง กินแล้วจะต้องไม่ถูกปากท่านแน่ จริงๆ แล้วจากความสามารถของท่านเทพธิดา ไยต้องปลอมเป็นเทพแม่น้ำด้วย ท่านเก่งกาจกว่าเทพแม่น้ำตั้งมากมาย”
เทพีอูเจียงอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “เจ้าช่างรู้จักพูดจริงๆ ข้าเก่งหรือ น่าเสียดายนะ ไม่ว่าข้าจะเก่งกาจอย่างไรเสียก็ยังเป็นปีศาจ ไม่มีทางจะกลายเป็นเทพได้”
เสวียนอี่มองไปที่นางอย่างครุ่นคิด แล้วถอดสร้อยไข่มุกที่ข้อมือวางไปบนมือของฝูชาง พลางใช้ปลายนิ้วขีดไปบนฝ่ามือของเขาเบาๆ พักหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่ฝูชาง รบกวนท่านช่วยเอาสร้อยไข่มุกคืนไปให้กับเทพีด้วย”
พอสร้อยไข่มุกเข้ามาในมือ ฝูชางก็ยกมือขึ้นแล้วขว้างออกไปไกลด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เขาใช้พลังเทพทำให้สร้อยลอยออกไปไกลถึงเก้าหมื่นลี้ พริบตาเดียวสร้อยไข่มุกก็หายลับไป
สีหน้าของเทพีอูเจียงดำคล้ำขึ้นมาในบัดดล จ้องไปที่เขาอย่างเยือกเย็น
ฝูชางไม่สนใจการข่มขู่อย่างเงียบๆ ของนางแล้วกล่าวออกมาเรียบๆ ว่า “เจ้าไม่ไปตาม สร้อยไข่มุกต้องถูกปีศาจเผ่าอื่นเก็บไปแน่ เจ้าต้องรู้ว่า พลังเทพที่อยู่ในสร้อยไข่มุกเส้นนั้นทำให้เผ่าปีศาจมากมายต่างก็รู้สึกริษยา รวมถึงบรรดาเผ่าปีศาจโบราณเองก็เหมือนกัน”
เทพีอูเจียงส่งเสียงฮึดฮัดออกมาอย่างขัดเคือง “ใครใช้ให้ข้ายังไม่อยากจะกินเจ้าตอนนี้ ก็ได้ ข้าจะเล่นเป็นเพื่อนเจ้า”
นางหมุนตัวแล้วก้าวไปบนดอกบัวด้วยท่าทีเชื่องช้า แต่กลับเร็วมาก แค่พริบตานางก็ไปไกลถึงหนึ่งร้อยลี้แล้ว
“รีบไป! ” เสวียนอี่ก้มหน้าเร่งเร้า และแทบจะอยากอ้าปากกัดเขาให้ตาย “ปล่อยข้าลงก่อน! “
ฝูชางรัดข้อมือทั้งสองของนางเอาไว้ราวกับไม่ได้ยิน แล้วขี่ลมไปทางประตูสวรรค์ทิศใต้อย่างรวดเร็ว
เสวียนอี่รู้สึกราวกับข้อมือที่ถูกเขารัดเอาไว้จะหัก นางเจ็บจนเตะไปมาบนร่างของเขา หากว่าฉีหนานได้มาเห็นภาพองค์หญิงน้อยที่ปกติมักจะวางท่าสูงส่งมีท่าทีดุร้ายขนาดนี้ เกรงว่าลูกตาของเขาคงได้หลุดลงมาแน่
“ประตูสวรรค์ทิศใต้ยังห่างจากที่นี่อีกไกล เจ้าบินช้าเกินไป” ฝูชางปล่อยให้นางเตะเขาตามใจ “จากความสามารถของนาง การจะไล่ตามพวกเรามาคงใช้เวลาแค่ไม่นาน หากว่าเจ้ายังจะเตะอีก ข้าจะจับเจ้ามัดเอาไว้แล้วโยนลงแม่น้ำไปเสีย ลองดูว่านางจะต้องการสร้อยไข่มุกหรือว่าข้า”
เสวียนอี่ที่กำลังง้างขาสูงก็ค่อยๆ หดกลับไป นางไม่กลัววิชาห้าธาตุและหยินหยางก็จริง แต่หากว่าเทพีอูเจียงจะทำร้ายนาง นางก็ยังรู้สึกเจ็บ นางไม่ได้เหมือนกับชิงเยี่ยน นางต่อยตีไม่ได้เลย
“บินเร็วหน่อย! ” นางกลั้นความโมโหเอาไว้ หากว่าเทพีอูเจียงพบว่าสร้อยไข่มุกที่โยนออกไปคือสร้อยปลอมที่นางสร้างขึ้นมาจากหิมะ จะต้องกลับมาอย่างด้วยความโมโหแน่ ไม่ว่าอย่างไรการไปที่ประตูสวรรค์ทิศใต้ก็คือเรื่องสำคัญที่สุด
เกลียดจริงๆ เหตุใดประตูสวรรค์ทิศใต้ถึงได้ไปสร้างอยู่ไกลนัก เกลียดจริงๆ ทำไมเวลาถึงได้ผ่านไปเร็วขนาดนี้ เห็นขอบฟ้าช่วงพลบค่ำที่สวยงาม แต่ว่ากลับยังไม่เห็นแม้แต่เงาของประตูสวรรค์ทิศใต้ เสวียนอี่เริ่มรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีในใจ นางกำลังจะอ้าปากพูดเร่ง ก็พลันได้ยินเสียงที่เยือกเย็นของเทพีอูเจียงดังมาจากด้านหลัง “พวกเจ้ากล้ามาหลอกข้า! “
นางตามมาเร็วมาก! ใจของเทพทั้งสองกระตุกขึ้นมา
ฝูชางหยิบเอากระบี่ฉุนจวินออก แล้วถอยกลับไปหลายจั้ง ก็เห็นเทพีอูเจียงกำลังก้าวไปบนดอกบัวจากที่ไกลๆ ด้วยสีหน้าแข็งกระด้าง
นางมองหน้าพวกเขาทั้งสองแล้วยิ้มเย็นพลางกล่าวว่า “เทพฝูชาง เดิมทีข้าไม่อยากจะหาเรื่องท่าน แต่ว่าท่านเองก็ไม่ควรมาเล่นแง่กับข้า! อย่าคิดว่าข้าจะไม่ลงมือ! “
นางกระทืบเท้า มงกุฎและอาภรณ์ของนางก็พลันแตกกระจายเป็นชิ้นๆ พลังเทพแม่น้ำที่เบาบางกลายเป็นพลังปีศาจมหาศาลสั่นสะเทือนไปทั่ว กระทั่งเมฆบนฟ้ายังสลายออก ฝูชางคิดไม่ถึงว่าพลังปีศาจของนางจะมากขนาดนี้ และก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว
ท้องฟ้ามืดลงอย่างฉับพลัน ลมกรรโชกอย่างรุนแรง นางปรายตามองไปยังองค์หญิงตระกูลจู๋อินที่หมอบอยู่ที่หลังของฝูชาง เด็กสาวกำลังใช้ขาเกาะเกี่ยวเขาแน่นด้วยสีหน้าซีดขาว ดูแล้วช่างไม่เหมือนกับตระกูลจู๋อินอันเก่งกาจที่นางเคยได้ยินมาเลย
นางดึงเอาแส้อ่อนออกมาจากด้านข้างสองเส้น แล้วโจมตีไปที่ดวงตาด้านซ้ายและขวาของฝูชางด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
ฝูชางใช้กระบี่ฉุนจวินวาดไปด้านหน้า ก็มียันต์แปดทิศ [1] กางออกด้านหน้า แต่แส้หนึ่งในสองกลับเปลี่ยนทิศทาง เส้นหนึ่งโจมตีไปที่แสงของยันต์แปดทิศจนแตก ส่วนอีกเส้นกลับพุ่งม้วนไปที่เสวียนอี่ด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด
ฝูชางรวบรวมสมาธิท่องคาถา ก็มีม่านพลังไร้รูปมาขวางกั้นรอบตัวเสวียนอี่ห่างออกไปสามชุ่น มีเสียงดังเปรี้ยง ม่านพลังไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง มันถูกทำลายลงในพริบตา แส้ยาวลอยไปรัดเข้าที่ขาของเสวียนอี่แล้วออกแรงดึงอย่างรวดเร็ว
เสวียนอี่ตกใจมาก มาไม้นี้อีกแล้ว! แรงมหาศาลที่ดึงขาของนางอยู่ทำให้นางไร้แรงจะต่อต้าน นางถูกลากลงไปพร้อมกับร้องอย่างตกใจ สองแขนก็ดิ้นรนไปมาแล้วไปคว้าเอาผมของฝูชางไว้
เขาถูกดึงผมจนเจ็บปวดอย่างมากจนต้องย่อตัวลง แล้วใช้สองมือจับไปใต้รักแร้นางพร้อมกับรัดเอาไว้แน่น จากนั้นก็กล่าวอย่างร้อนรนว่า “ปล่อยมือ! “
“ข้าไม่ปล่อย! ” เสวียนอี่ตื่นตระหนกและร้อนรน “หากว่าดึงข้าเอาไว้ไม่ได้ ท่านก็เป็นไอ้หัวล้านไปเถอะ! “
องค์หญิงมังกรที่ทำได้แต่สร้างเรื่อง! ฝูชางเป่าลมหายใจออกมา แล้วลมก็ไปตัดผมของเขาออก สองมือที่รัดนางเอาไว้ก็เปลี่ยนเป็นใช้มือเดียวคว้าไปที่แขนของนาง ส่วนอีกมือก็โบกสะบัดกระบี่ฉุนจวินแล้วฟันไปที่แส้
แต่ว่าแส้ที่ดูยาวบางเส้นนั้นกลับเหนียวมาก แม้แต่อานุภาพของกระบี่ฉุนจวินยังทำให้เป็นได้แค่รอยเล็กๆ เท่านั้น
เทพีอูเจียงหัวเราะออกมาแล้วกล่าวว่า “จากความสามารถของเจ้า ต่อให้ฟันไปอีกพันครั้งก็ยังฟันแส้อ่อนของข้าไม่ขาด! บางทีหากว่าอาจารย์ของพวกเจ้ามาอาจจะยังพอทำเนา! ปล่อยมือเถอะ รอให้ข้ากินตระกูลจู๋อินแล้ว ค่อยมาเล่นกับเจ้า”
ฝูชางขมวดคิ้วมุ่น เขารู้สึกว่าแรงดึงตรงหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ เขาเองก็ไม่ยอมปล่อยมือ แล้วออกแรงรัดเสวียนอี่เอาไว้สุดแรง
จะหักแล้ว! นางตัวจะหักอยู่แล้ว! เสวียนอี่เจ็บจนแทบจะกรีดร้องออกมา
สีหน้าของนางพลันปรากฏความยินดีและประหลาดใจขึ้น นางมองไปทางด้านหลังของเทพีอูเจียงแล้วร้องอย่างร้อนรนว่า “ท่านพ่อ! รีบมาฆ่าปีศาจตนนี้! “
มหาเทพแห่งเขาจงซานมา !
เทพีอูเจียงตกใจ นางคลายแรงที่มือลงหลายส่วน ยังไม่ทันจะหันกลับไปมองด้านหลังก็รีบรู้ได้ว่ามีลมคมกริบพัดมาที่ด้านหลัง นางหวาดกลัวตระกูลจู๋อินมากและไม่กล้าไปปะทะด้วยตรงๆ ดังนั้นนางจึงรีบปล่อยแส้แล้วรีบหมุนตัวหลบหลีกไปอย่างรีบร้อน
ใครจะรู้ว่าด้านหลังของนางกลับไม่มีเงาใครสักคน มีเพียงแสงสีน้ำเงินจากกระบี่สะท้อนไปมาที่บริเวณที่นางยืนอยู่เมื่อครู่นี้เท่านั้น คิดแล้วเสียงลมเมื่อกี้น่าจะเป็นเสียงของวิชากระบี่มากกว่า
นางถูกหลอกแล้ว!
กระบี่ฉุนจวินที่ชวนให้ขนหัวลุกพุ่งมาตรงหน้านางอย่างรวดเร็ว ปราณกระบี่มากมายราวกับตาข่ายขังนางเอาไว้ภายใน เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ บนร่างของนางเต็มไปด้วยบาดแผล กระโปรงยาวสีเลือดหมูตัวบางของนางก็ถูกฟันจนกลายเป็นผ้าขี้ริ้ว
คิดไม่ถึงเลยว่าเทพที่อายุยังไม่มากจะมีวิชาที่เก่งกาจได้อย่างนี้ ยิ่งพอมารวมกับกระบี่วิเศษอย่างฉุนจวินด้วยแล้ว ยิ่งทำให้บาดแผลของนางเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก เทพีอูเจียงร้องตะโกนอย่างมีโทสะ แล้วร่างของนางก็ขดตัวกลายเป็นก้อน กลับสู่ร่างเดิมในบัดดล ซึ่งก็คือปีศาจปลาดุกขนาดใหญ่ยาวสิบกว่าจั้ง นางคำรามออกมาเสียงดังสนั่นพลางใช้หางตวัดลงมาด้วยอานุภาพมหาศาล
เสวียนอี่กล่าวออกมาเสียงต่ำ “รีบกลับไปที่ประตูสวรรค์ทิศใต้! “
พอกล่าวจบ อากาศรอบข้างพลันมืดสนิท เทพีอูเจียงยังไม่ทันได้ตั้งตัวและชะงักไปครู่หนึ่ง ความดำมืดนี้มาเร็วมาก หายไปก็เร็วมาก พอดวงตากลับมามองเห็นอีกครั้ง นางก็รีบไล่ตามไปทางประตูสวรรค์ทิศใต้อย่างรวดเร็ว นางบินไปไกลถึงหนึ่งพันลี้ถึงได้สติขึ้นมาว่า นางถูกหลอกอีกแล้ว!
องค์หญิงตระกูลจู๋อินช่างเจ้าเล่ห์นัก!
นางแค้นจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นางสะบัดหางหนึ่งครั้งและบินออกไปหนึ่งร้อยลี้ สะบัดเพิ่มอีกครั้งก็ไปไกลอีกหนึ่งร้อยลี้ ตนจะต้องจับตัวนางมาแล้วจับมาเลาะหนังกินเป็นๆ ให้ได้!
—
[1] ยันต์แปดทิศ : แผนผังแปดทิศหรือปากว้า เป็นสัญลักษณ์ฟ้าดิน มักอยู่คู่กับสัญลักษณ์หยินหยาง