บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 1072
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 1072
เขากระซิบเอ่ยชื่อเมเดลีนเบา ๆ พลางใช้นิ้วเรียวลูบไล้ใบหน้างดงามในรูปถ่ายแล้วไอออกมาเสียงดัง
เขารีบกินยาแก้ปวด แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดรสชาติเลือดที่มาจากส่วนลึกในลำคอของตัวเองได้
เจเรมี่เช็ดเลือดจากริมฝีปากออกด้วยกระดาษทิชชู่ก่อนจะมองไปที่คราบเลือดซึ่งเป็นสีน้ำตาลเข้ม และดูไม่เหมือนเลือดสีแดงสดตามปกติทั่วไป
นอกจากนั้นยังมีความเจ็บปวดที่เสียดแทงในหัวใจจนทำให้นิ้วเรียวของเขาสั่นเทาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อพิษที่พัฒนาโดยอดัมเข้าสู่ระยะสุดท้าย ไม่เพียงแต่มันจะทรมานร่างกายของบุคคลนั้น แต่ยังทดสอบจิตใจของบุคคลนั้นอย่างรุนแรงอีกด้วย
เจเรมี่นอนในห้องนอนที่ออฟฟิศ
ทันทีที่ตื่นขึ้นในวันใหม่ เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากลาน่า
หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นออกจากโรงพยาบาล เธอก็รีบบอกเจเรมี่อย่างกระตือรือร้นว่าอยากจะตามไปปิดข้อตกลงด้วย
ในตอนแรกเจเรมี่ต้องการหาเหตุผลเพื่อจะรับลาน่าไปด้วยกันอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่มีเธอ ทุกอย่างก็คงดำเนินการต่อไปไม่ได้
ลาน่ากลับไปที่วิลล่า และเลือกชุดที่เธอคิดว่าสวยที่สุด
ฟาเบียนเพิ่งโทรหาเมเดลีนเสร็จและกำลังจะไปหาลิเลียน ทันทีที่ออกจากห้อง เขาก็เห็นลาน่าเดินเข้ามาอย่างกระฉับกระเฉง
“แต่งตัวอะไรเนี่ย? เธอจะไปไหน?” ฟาเบียนพูดอย่างห้วน ๆ ซึ่งทำให้ลาน่ารู้สึกราวกับว่าโดนน้ำเย็น ๆ สาดหน้า
ลาน่าจ้องไปที่ฟาเบียน “ก็บ่นกันไม่ใช่เหรอว่าฉันเอาแต่ฉุดรั้งความเจริญรุ่งเรืองของแก๊งสเตเจี่ยนจอห์นสันไว้ แถมยังทำให้แก๊งสูญเสียเงินหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์อีก? แต่ฉันนี่แหละ ที่จะทำให้เงินร้อยล้านดอลลาร์กลับคืนมา!”
ฟาเบียนสงสัย “ว้าว เธอจะทำได้จริง ๆ น่ะเหรอ ลาน่า?”
“ทำไม? ฉันต้องรอให้แกทำคนเดียวหรือไง?” ลาน่าตอกกลับและเย้ยหยันฟาเบียน “อันที่จริงนะฟาเบียน ในบรรดาพวกเราสามคนพี่น้อง คนที่ไร้ประโยชน์ที่สุดน่ะคือแกต่างหาก แกทำอะไรบ้างล่ะ? สิ่งที่แกทำคือใช้ชีวิตเสเพลอยู่นอกบ้านแล้วสนุกไปวัน ๆ เท่านั้น แกมีค่าอะไรนอกเหนือจากนั้นหรือเปล่า? แกเคยเจรจาข้อตกลงให้เราได้บ้างไหม? รู้วิธีปิดข้อตกลงหรือเปล่า? ถ้าไม่ใช่เพราะฉันกับโยริค แกก็คงอดตายไปแล้ว!”
“ลาน่า แกพูดแบบนั้นกับฟาบได้ยังไง?” โยริคแทรกขึ้นด้วยความไม่พอใจ “ฟาบยังไม่โตพอ ตอนนี้การไม่ยุ่งกับบริษัทจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเขามากกว่า แกพูดอย่างนั้นในฐานะพี่สาวได้ยังไง?”
“ก็ได้ พี่ก็เป็นพี่ชายของฉัน แต่พี่ทำอะไรให้กับฉันบ้าง?” ลาน่ากัดฟันด้วยความโกรธ แต่แล้วก็ยิ้มอย่างมั่นใจ “แต่ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะเดี๋ยวฉันจะทำข้อตกลงกับเจเรมี่แล้วเราก็จะทำกำไรมากกว่าหนึ่งร้อยล้านด้วย! คอยดูก็แล้วกัน!”
ลาน่าเดินไปที่ประตูอย่างมั่นใจแล้วเปลี่ยนไปใส่รองเท้าส้นสูงที่เข้ากับชุดของเธอ ราวกับว่าลืมไปเสียสนิทว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์ หญิงสาวให้บอดี้การ์ดสองคนถือกล่องไว้ซึ่งภายในบรรจุปืนเถื่อนเอาไว้ แล้วพวกเขาก็ออกเดินทางกัน
หลังจากกินยาแก้ปวด เจเรมี่ก็มาถึงเซ็นทรัลสแควร์ตามเวลานัดหมาย
ทันทีที่มาถึงเขาก็เห็นลาน่าวิ่งเข้ามาหาด้วยรองเท้าส้นสูงอย่างมีความสุข ราวกับว่าอาการเลือดออกเมื่อวานไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธอเลยสักนิด
ลาน่ามองไปที่เจเรมี่ในชุดสูทและผูกไท ขณะที่ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความลุ่มหลง “เจเรมี่ วันนี้คุณดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อวานอีกนะคะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้ชายอย่างคุณจะดึงดูดฉันได้ขนาดนี้ ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันยิ่งรักคุณมากขึ้นไปอีกจริง ๆ นะคะ”
ลาน่าชมเขาไม่หยุด ก่อนน้ำเสียงของเธอจะกลายเป็นจริงจังขึ้นมาทันที “ลูกค้าจะมาถึงก่อนเวลา เราไปที่ห้องส่วนตัวกันเถอะค่ะ”
นิ้วยาวของเจเรมี่ปรับแขนเสื้อและที่หนีบเนคไทซึ่งประดับด้วยไพลิน พลางยิ้มขณะมองไปที่ลาน่า “ได้เวลาทำธุรกิจแล้ว”
“ค่ะ” ลาน่าดูเหมือนหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ขณะที่เธอเดินตามเจเรมี่เข้าไปในบริเวณรับประทานอาหารส่วนตัวที่จองเอาไว้
หลังจากนั้นไม่นานลูกค้าที่นัดไว้ก็มาถึง
เขาเป็นชายอ้วนวัยกลางคนที่ดูเหมือนไม่เคยต้องทำอะไรเองเลยในชีวิตนี้ เขาพาบอดี้การ์ดสี่คนมาด้วย ชายคนนั้นดูเหมือนจะสนใจลาน่ามากเป็นพิเศษ หลังจากตรวจสอบสินค้าที่ลาน่านำมาอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนัก เขาก็พร้อมที่จะเซ็นสัญญาทันที
เจเรมี่มองเขาอย่างใจเย็น เมื่อเขาเห็นว่าทั้งลาน่าและชายผู้นั้นได้ลงนามในสัญญาแล้ว มุมปากของเขาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม แล้วชายหนุ่มก็เลื่อนมือไปที่หูและกดหูฟังบลูทูธที่เขาเปิดอยู่เบา ๆ
ทันทีที่กดมัน หนึ่งในบอดี้การ์ดของชายร่างอ้วนก็เดินมาหาและชี้ไปยังที่หนีบเน็คไทของเจเรมี่ “เขามีกล้องสอดแนมอยู่บนตัว และอาจจะถ่ายรูปการทำสัญญาเมื่อครู่นี้ก็ได้!”
เมื่อลาน่าได้ยินอย่างนั้น เธอก็มองไปยังสีหน้าเย็นชาของเจเรมี่ “พูดบ้าอะไรกัน? นี่แฟนฉันนะ เขาไม่ถ่ายรูปอะไรแบบนั้นหรอก”
แม้ว่าชายร่างอ้วนจะชอบลาน่ามาก แต่เขาก็ยิ่งกังวลว่าเจเรมี่จะมีกล้องแอบถ่ายจริง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไปหาแล้วถาม “ถอดที่หนีบเนคไทออก แล้วให้คนของผมตรวจสอบว่ามีกล้องแอบถ่ายจริงหรือเปล่า นี่เป็นข้อตกลงทางธุรกิจขนาดใหญ่ ผมไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาดทีหลัง”
“คุณโฮวี่ ไม่เชื่อใจฉันเหรอคะ? เขาคนนี้เป็นแฟนฉันนะคะ เขากับฉันเป็นทีมเดียวกัน ทำไมเขาต้องทรยศตัวเองโดยทิ้งร่องรอยไว้ให้คนตามจับเราล่ะ?” ลาน่าปกป้องเจเรมี่เต็มที่ เมื่อเห็นว่าพวกเขายังดูสงสัย ลาน่าจึงเดินไปหาเจเรมี่ “คุณช่วยถอดที่หนีบเนคไทออก และแสดงให้พวกเขาเห็นได้ไหมคะ ว่าพวกเขาเข้าใจผิด?”
เมื่อเธอพูดอย่างนั้นเจเรมี่ก็ลุกขึ้นยืนช้า ๆ ลาน่าเหยียดยิ้มด้วยความพอใจและรอให้ชายหนุ่มถอดที่หนีบเนคไทออก ทว่าเจเรมี่กลับมองเธออย่างเย็นชาเท่านั้น “ไม่ ฉันไม่จำเป็นต้องถอดที่หนีบเนคไทนี่ออก เพราะพวกเขาพูดถูก มีกล้องสอดแนมขนาดเล็กติดอยู่ตรงนี้”
“…” ลาน่าตกตะลึง “จะ… เจเรมี่ ทำไมคุณถึงถ่ายเอาไว้ล่ะ?”
เจเรมี่เลิกคิ้วเย็นชาของเขา ขณะที่รอยยิ้มยินดีฉายผ่านดวงตาคมกล้าอย่างรวดเร็ว “ก็เพื่อจับตัวผู้กระทำผิด และใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาลน่ะสิ”
“อะไรนะ?” ลาน่าตะลึงงัน ก่อนที่เธอจะทันได้เข้าใจชัดเจนว่าเขาหมายถึงอะไร ประตูของส่วนรับประทานอาหารส่วนตัวก็เปิดออก