ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่ 15 ไกล่เกลี่ยเพื่อหาข้อยุติ
ในเมื่อให้นางเอ่ยความคิดของตนเองออกมาก่อน เช่นนั้นหลินหลันก็ไม่รีรอที่จะพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา
“ข้าหลินหลันยังคงยืนยันคำนั้น ต่อให้ต้องแต่งงานกับหมูกับหมา ก็จะไม่มีทางยอมแต่งไปเป็นนางบำเรอให้แก่จางต้าฮู่”
น้ำเสียงคำพูดที่ดังชัดเจน และท่าทีหลินหลันที่แสดงให้เห็นถึงความแน่วแน่เด็ดเดี่ยว
หัวหน้าหมู่บ้านจินฟู้กุ้ยกระแอมออกมาสองครั้ง มองข้ามรูปลักษณ์ที่ไร้ซึ่งความน่าเชื่อถือของเหยาจินฮวา ขมวดคิ้วบึ้งตึงเอ่ยกับหลินเฟิง “หลินเฟิง คำพูดของหลินหลันเจ้าก็ได้ยินแล้ว พวกเราเพียงแต่อยากถามเจ้าว่า เจ้าเห็นความสำคัญในคำสั่งเสียของท่านแม่ของเจ้าบ้างหรือไม่”
เหยาจินฮวากัดฟันด้วยอารมณ์ขุนเคือง ชายชราพวกนี้กำลังหยิบยกเรื่องอื่นขึ้นมาทิ่มแทง
หลินเฟิงมองไปยังเหยาจินฮวาอย่างลำบากใจ เอ่ยออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ “คำสั่งเสียของท่านแม่ หลินเฟิงไม่อาจลืมเลือน”
“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงได้ปล่อยให้ภรรยาของเจ้าทำการตามอำเภอใจโดยไม่ได้รับการยินยอมจากหลินหลัน รับเอาเงินหมั้นของจางต้าฮู่มาเก็บไว้เอง?” จินฟู้กุ้ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น และเอ่ยตำหนิโดยไร้ความปราณี
ภายในใจหลินเฟิงอยากจะร้องขอความยุติธรรม เพื่อตนเอง และก็เพื่อจินฮวา จินฮวานางเองก็ไม่ได้อยากทำให้เรื่องราวกลายเป็นเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะจางต้าฮู่คนเลวผู้นั้น ต้องการดึงดันที่จะสู่ขอให้ได้
ไม่ทันรอให้หลินเฟิงได้เอ่ยปาก เหยาจินฮวาก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ท่านก็รู้ว่าหลินเฟิงเป็นคนซื่อตรง ท่านเองก็อย่าได้เอาแต่ข่มขู่เขาเลย ก็จริงอยู่ที่เรื่องนี้ข้าไม่ได้ปรึกษาหารือกับหลินหลันเสียก่อน สาเหตุก็อย่างที่ข้าได้บอกไปแล้วเมื่อตอนกลางวัน แม่สื่อหวังส่งของหมั้นหมายมาให้ตอนนั้นก็ได้พูดชัดเจนแล้วว่าจางต้าฮู่ผู้นั่นถูกใจหลินหลันมาตั้งนานแล้ว ข้าก็ได้พูดกับแม่สื่อหวังไปแล้วว่า อย่างไรเรื่องนี้ก็ยังต้องถามไถ่ความคิดเห็นของหลินหลันเสียก่อน แต่ทว่าแม่สื่อหวังเอ่ยว่าเรื่องที่จางต้าฮู่ได้ตัดสินใจลงไปแล้ว ใครหน้าไหนจะกล้าเปลี่ยนแปลง? ให้เชื่อฟังแต่โดยดี อย่าได้ต้องให้ถึงขั้นใช้กำลังถึงจะยอมรับเลย ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าก็แค่เกรงกลัววิธีการที่จางต้าฮู่จะใช้เล่นงาน จึงไม่กล้าปฏิเสธที่จะไม่รับเงินหมั้นเอาไว้ ถ้าหากพวกท่านมีวิธีการที่จะนำไปคืนให้แก่จางต้าฮู่ได้ โดยทำให้เขาจางต้าฮู่ผู้นั้นยอมรับของหมั้นกลับคืนแต่โดยดี ข้าเหยาจินฮวาก็จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง หลินเฟิงก็มีเพียงแค่น้องสาวคนนี้ผู้เดียว แล้วใยข้าจะไม่รักและเป็นห่วงนางกันเล่า เพียงแต่ ข้าก็แค่สะใภ้คนหนึ่ง มิอาจกล้าต่อกรกับจางต้าฮู่ได้หรอก”
เหยาจินฮวาเอ่ยออกมาอย่างสละสลวย พลางแสดงสีหน้ารู้สึกผิด ตีบทบาทหญิงสาวแสนดีผู้อ่อนแอออกมาได้อย่างเข้าถึงบทบาทเป็นที่สุด แม้ว่าจะจงเกลียดจงชังชายชราเหล่านี้ แต่พวกเขาก็เป็นผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในหมู่บ้าน แน่นอนว่าเหยาจินฮวาไม่โง่ถึงขนาดว่าจะตั้งตัวเป็นอริต่อพวกเขา เพียงแค่โยนเรื่องราวยุ่งยากเช่นนี้ออกไปให้จัดการ ในเมื่อพวกเจ้ามีความสามารถมากพอถึงขนาดนี้ เช่นนั้นก็เชิญพวกเจ้าไปอธิบายต่อจางต้าฮู่แล้วกัน!
หลินหลันรู้สึกโชคดีที่ยังไม่ได้กินทั้งมื้อกลางวันและเย็นในกระเพาะจึงว่างเปล่า ไม่เช่นนั้นคงได้กลั้นอาเจียนเอาไว้ไม่ไหวเป็นแน่
“นั่นสินั่นสิ! น่าเสียดายที่วันนี้ข้าดันบังเอิญไม่อยู่เสียได้ หากว่าข้าอยู่ล่ะก็เรื่องนี้ก็คงไม่มีทางเกิดขึ้นได้” หลินเฟิงเอ่ยสมทบขึ้นมาอย่างว่องไว
เฉินเหลียงเดิมทีก็ไม่ถูกชะตากับแม่สื่อหวังยิ่งกว่าอะไรดี ถึงขั้นเกลียดเข้ากระดูกดำยังว่าได้ เขาเอ่ยขึ้นอย่างดุดัน “แม่สื่อหวังผู้นี้ไม่ใช่คนดีเด่อะไร ชุนฮวาของครอบครัวข้าก็ถูกนางทำร้ายไปแล้ว ข้าเคยได้พร่ำป่าวประกาศคนในหมู่บ้านไปมาตั้งแต่ไหนแต่ไรว่าอย่าได้พึ่งพาแม่สื่อหวังอย่าได้ไปพึ่งพาแม่สื่อหวัง ภรรยาหลินเฟิง นี่ไม่ได้เป็นการที่เจ้าหาเรื่องลำบากใส่ตัวเช่นนั้นหรอกหรือ”
ลุงเหยาฮุยเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “ภรรยาหลินเฟิง คำพูดสวยหรูเจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกมาแล้ว หากไม่ใช่เพราะเจ้าใช้ให้แม่สื่อหวังไปพูดกับคนบ้านจางต้าฮู่ แล้วใยเล่าจางต้าฮู่ถึงได้ส่งของหมั้นหมายมาเช่นนี้ หากพูดถึงการแต่งงาน จะรีบร้อนไปเพียงใดก็ยังจำเป็นต้องไปมาหาสู่กันเสียก่อนถึงจะสามารถตกลงได้ไม่ใช่หรือ”
เหยาจินฮวาทำทีเผยสีหน้ารู้สึกผิด ไม่เอ่ยโต้แย้งใดๆ ออกไป ทำเพียงรับฟังคำพูดของลุงเหยาฮุย “ในเมื่อเจ้าก็สำนึกแล้วว่าตนเองทำผิดไปแล้ว พรุ่งนี้เจ้ากับหลินเฟิงไปหาแม่สื่อหวัง แล้วให้นางนำของหมั้นหมายกลับไปคืนซะ”
“ไอย่า! ท่านลุงเหยาฮุย ทำเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด ของหมั้นนี้ได้รับเอาไว้ทั้งหมดแล้ว และข้าคิดว่าแม่สื่อหวังป่านนี้ก็คงไปบ้านจางต้าฮู่เพื่อตอบรับคำไปเรียบร้อยแล้วด้วย ท่านจะให้พวกข้าไปพูดกับจางต้าฮู่อย่างไรหรือ ให้บอกว่าหลินหลันไม่ยอมแต่ง? นั่นมันเป็นการเอาชีวิตตัวเองไปทิ้งชัดๆ และที่บอกว่าคนทั้งหมู่บ้านล้วนไม่พอใจหากให้หลินหลันแต่งออกไป? ท่านลุงทั้งหลาย อย่าลืมสิว่าผ้าไหมหมู่บ้านเจี้ยนซีของพวกเราล้วนเป็นจางต้าฮู่ที่รับซื้อเอาไว้” เหยาจินฮวารีบเอ่ยขึ้นมา
จินฟู้กุ้ยลูบเคราบางๆ ของเขา เอ่ยขึ้นอย่างครุ่นคิด “ที่ภรรยาหลินเฟิงเอ่ยนั้นก็มีเหตุผล หากจะคืนของหมั้นก็ต้องหาเหตุผลที่เหมาะสม” ขณะที่ในใจกลับรู้สึกไม่พอใจในตัวเหยาจินฮวาอยู่เล็กน้อย แม่นางสะใภ้ชั่วร้ายผู้นี้ช่างมีพิษสงเสียจริง เห็นได้อย่างชัดเจนว่านางกำลังข่มขู่พวกเขา หากให้นางนำเงินหมั้นหมายไปคืน นางก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะบอกจางต้าฮู่ออกไปว่าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านที่บังคับให้นางไป เช่นนั้นแล้วจางต้าฮู่ไม่ใช่ว่าจะจับเขาฉีกออกเป็นชิ้นๆ หรอกหรือ
“ไอ้เหตุผลที่ว่านี้มันไม่ได้หากันได้ง่ายๆ นี่สิ!” ลุงเหยาฮุยส่ายหน้าพลางถอนหายใจออกมา
ลุงเฉินเหลียงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ถึงอย่างไรก็ไม่ควรบังคับให้หลินหลันแต่งออกไปหรอกใช่หรือไม่”
หลินหลันกำลังคิดว่า ควรนำเรื่องหลี่ซิ่วฉายเอ่ยออกไปได้แล้วสินะ ในเมื่อเหยาจินฮวาใช้ข้อโต้แย้งที่ดูเหมือนฉลาดเช่นนี้แล้ว ฉะนั้นก็ปล่อยให้นางดำเนินต่อไปตามทางของนาง!
“อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้น เพราะข้ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว เดิมทีตั้งใจไว้ว่าอีกไม่กี่วันจะพูดคุยกับพี่ชาย พอถึงเวลาพี่สะใภ้ก็ดันบอกว่าได้กำหนดการแต่งงานกับทางนั้นไว้ให้ก่อนเสียแล้ว โดยที่นางไม่ได้รับรู้ด้วย” หลินหลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
เมื่อประโยคนี้หลุดออกมา ทุกคนในห้องต่างอยู่ในอาการตกตะลึง ที่หลินหลันพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือโกหกกันแน่?
หลินเฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจ “เหม่ยจื่อ เจ้าอย่าได้เพื่อหาเหตุผลจึงยอมให้ตนเองแต่งกับใครก็ได้เลย”
“นั่นน่ะสิ! หลินหลัน เหตุผลนี้ของเจ้าไม่ได้เรื่องหรอก มีที่ไหนกันน้องสาวหมั้นหมายแล้ว ในฐานะพี่สะใภ้จะไม่รับรู้?” เหยาจินฮวาเอ่ยด้วยสีหน้าประชดประชัน “อย่าหาว่าข้าอย่างนู้นอย่างนี้เลยนะ แต่งกับจินเป่าจู้ยังไม่สู้แต่งกับจางต้าฮู่!”
หลินหลันเหลือบตามองไปยังเหยาจินฮวาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ใครบอกว่าข้าจะแต่งกับจินเป่าจู้ คนที่ข้าชอบพอคือหลี่ซิ่วฉาย อีกอย่าง การที่เจ้าไม่รู้มันแปลกมากงั้นหรือ เจ้าก็ไปบอกกับจางต้าฮู่ว่าข้าและพี่ชายของข้าเกรงว่าเจ้าจะดูถูกดูแคลนซิ่วฉายคนจน และไม่ยอมรับเขา ดังนั้นก่อนหน้านี้จึงปิดบังเจ้าไว้แค่นี้ก็เป็นอันเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือ” มิใช่ว่าเหยาจินฮวาเอ่ยว่ารักและเป็นห่วงนางหรอกหรือ เช่นนั้นก็แบกรับผลของการกระทำนี้ไปซะ!
เหยาจินฮวาสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ยังคงรู้สึกเหลือเชื่อยิ่งนัก “จะเป็นหลี่ซิ่วฉายไปได้อย่างไร?” นี่ยิ่งเทียบไม่ได้กับจินเป่าจู้เข้าไปอีก บ้านของจินเป่าจู้อย่างน้อยก็ยังเลี้ยงฝูงเป็ด ทว่าหลี่ซิ่วฉายเขาผู้นั้นมีอะไรบ้าง? นอกเสียจากเป็นนักกวีไส้แห้ง กับกระท่อมที่มีรูรั่วอยู่ทุกด้าน แล้วยังมีอะไรอีก?
จินฟู้กุ้ยถึงกับทำหน้าไม่ถูก เหตุไฉนจึงไปเกี่ยวข้องกับหลี่ซิ่วฉายเสียได้ล่ะ ทันใดนั้นจินฟู้กุ้ยก็นึกถึงเรื่องราวเมื่อเช้านี้ขึ้นมา ไม่แน่หลินหลันอาจจะชอบพอกับหลี่ซิ่วฉายจริงๆ ก็ได้ ไม่เช่นนั้น นางจะเป็นกังวลหลี่ซิ่วฉายถึงขนาดเกรงกลัวว่าหลี่ซิ่วฉายจะถูกคนทำร้าย จึงให้เอ้อร์นิวพาคนอื่นๆ ขึ้นภูเขาไปช่วยเช่นนั้นหรือ
“แล้วทำไมจะเป็นหลี่ซิ่วฉายไม่ได้? หลี่ซิ่วฉายอยู่ในหมู่บ้านเจี้ยนซีมาสามปี เขาเป็นคนอย่างไร ข้าคิดว่าพวกลุงทุกท่านก็น่าจะพอเข้าใจดี หลี่ซิ่วฉายแม้ว่าจะยากจนไปหน่อย แต่ทว่าเขาก็มีความรู้ มีนิสัยที่ดีและปฏิบัติตนสอดคล้องกับกฎระเบียบมาโดยตลอด หากจะมองคนโดยยึดจากคุณลักษณะนิสัยไม่ได้หรือไรกัน อีกทั้งข้าก็เชื่อมั่นว่าหลี่ซิ่วฉายในอนาคตข้างหน้าจะต้องสอบเข้าหลวงได้แน่” หลินหลันเอ่ยอย่างภาคภูมิใจด้วยท่าทีที่แสนมุ่งมั่น ราวกับว่าหลี่ซิ่วฉายจะสามารถสอบเป็นที่หนึ่งของจักรวรรดิได้จริงๆ
ลุงเฉินเหลียงพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “จะว่าไปหลี่ซิ่วฉายผู้นี้ก็ไม่เลว กตัญญูรู้คุณ มีน้ำใจต่อผู้อื่น ครั้งก่อนข้าให้เขาช่วยเขียนจนหมายให้ เขาก็ไม่เรียกเก็บเงินข้าแม้แต่น้อย”
และยังมีอีกนิดหน่อยที่ลุงเฉินเหลียงไม่ได้เอื้อยเอ่ยขึ้นมา นั่นก็คือบรรดาสาวๆ ในหมู่บ้านนี้ล้วนหลงใหลได้ปลื้มหลี่ซิ่วฉายกันทั้งนั้น ต่างพากันคอยเอาอกเอาใจทั้งแบบเปิดเผยและแบบลับๆ ทว่าหลี่ซิ่วฉายผู้นั้นก็ไม่เคยเหลียวตามอง นับว่าเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่ง
ลุงเหยาฮุยก็เอ่ยขึ้นมาเช่นกัน “ข้าได้ยินมาว่าตระกูลเยี่ยในเมืองอยากเชิญเขาไปเป็นครูสอนประจำบ้าน และนายอำเภอก็ยังอยากเชิญเขาไปเป็นสัสดีนายทะเบียนอีกด้วย”
“เป็นครูสอนประจำบ้าน เป็นสัสดีนายทะเบียนมีอะไรดีนักหนาหรือ จะได้เงินซักเท่าไหร่กันเชียว!” เหยาจินฮวาดูถูกเหยียดยามเป็นอย่างมาก สอบเข้าหลวง สอบเข้าได้ก็บ้าแล้ว ผู้มีความสามารถที่มีรายชื่อเข้าสอบในวังจะมีได้ซักกี่คน? เห็นพวกมีพรสวรรค์ด้านหนังสือต่างก็สิ้นเนื้อประดาตัวกันไปนักต่อนักแล้ว
“พูดจาเช่นนี้ก็ไม่ถูก โดยเฉพาะกับคนจนวัยเยาว์ที่มีความสามารถ ไม่แน่ว่าวันได้วันหนึ่งอาจจะได้ขั้นได้ตำแหน่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วก็เป็นได้” จินฟู้กุ้ยเอ่ยอย่างใจเย็น
ลุงเฉินเหลียงเอ่ยเสริม “ข้าว่าไม่มีปัญหา เพียงแต่…หลินหลัน หลี่ซิ่วฉายรู้เรื่องจางต้าฮู่สู่ขอเจ้าหรือไม่”
เรื่องนี้จำเป็นต้องถามให้ชัดเจน เพราะหากว่าหลี่ซิ่วฉายก็เกรงกลัวจางต้าฮู่ แล้วหนีไปดื้อๆ ในเวลาสำคัญเช่นนั้นจะเป็นการยุ่งยากเอาได้…
หลินหลันส่งเสียงอืมออกมาเบาๆ “ข้าบอกกับเขาแล้ว”
หลินเฟิงเอ่ยแทรกขึ้น “แล้วเขาว่าอย่างไร”
หลินหลันคิดไตร่ตรอง นางจะเป็นฝ่ายพูดเองทุกเรื่องไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะดูเหมือนไม่รักนวลสงวนตัวจนเกินไป และดูเป็นการสร้างเรื่องขึ้น “เรื่องนี้…พรุ่งนี้พี่ก็ไปถามเขาดูด้วยตนเองเถอะ!”