ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่ 158 อาบน้ำท่ามกลางกลีบดอกไม้
“มิชอบ อับอายขายหน้าคนอื่นเขาแย่” หลินหลันบ่นอุบอิบ พอได้นึกถึงนัยน์ตาอันคลุมเครือของทุกคนนั่น นางก็อย่างจับหลี่หมิงอวินกดลงไปในน้ำให้รู้แล้วรู้รอด
“ข้าได้ยินมาว่าการแช่น้ำที่โรยด้วยกลีบดอกไม้บ่อยๆ จะช่วยให้ผิวพรรณเนียนนุ่มได้ ในเมื่อมีอ่างน้ำใหญ่ขนาดนี้แล้ว วันหลังหากเจ้าเหนื่อยล้าก็มาแช่น้ำเสียหน่อย ทั้งช่วยผ่อนคลายความอ่อนล้า ทั้งช่วยให้ผิวพรรณงดงาม เท่ากับได้สองประโยชน์ในเวลาเดียวกันเชียวนะ” หลี่หมิงอวินกล่าวตามด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
หลินหลันสบถ ฮึ ไยเจ้ามิพูดด้วยว่า แล้วยังพลอดรักในน้ำได้ด้วยน่ะ
“ข้ามิต้องการ เอาเป็นว่าเจ้าใช้ไปคนเดียวเถอะ”
เสียงบานประตูดัง ‘แอด’ พร้อมกับค่อยๆ ปิดลง อวี้หลงผู้รู้งานพาสาวใช้ทั้งหมดถอยออกไป ผู้ที่อยู่ด้านหลังแนบกายเข้าหาจนแนบแน่น ไอหมอกที่กลั่นตัวขึ้นมาตลอดเวลาส่งผลให้บรรยากาศโดยรอบรายล้อมไปด้วยความขมุกขมัว ทว่าความรู้สึกส่วนอื่นๆ กลับปะทุรุนแรงและเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ ลมหายใจร้อนผ่าวของเขากำลังรินรดข้างใบหูของนางพร้อมกับกลีบปากอุ่นที่กำลังคลอเคลียบนลำคอระหงอย่างอ้อยอิ่ง ซึ่งสัมผัสเช่นนี้ส่งผลให้คลื่นความร้อนในร่างกายนางพวยพุ่งจนเกินกว่าจะควบคุมให้สงบลงได้
“ทำแบบนี้ดูไม่ดีกระมัง เดี๋ยวบรรดาสาวใช้จะหัวเราะเยาะเอาได้” นางพึมพำเสียงกระเส่า
เขาอมยิ้มแล้วประทับจูบลงไปบนต้นคอไล่ลงมาจนถึงไหปลาร้า ขณะเดียวกันมือข้างหนึ่งของเขาก็เริ่มปลดเสื้อผ้าของนางราวกับบุรุษผู้ซึ่งกำลังปรนนิบัตินายหญิงด้วยความรักใคร่ทะนุถนอม “นี่มันเรื่องธรรมชาติ มีอันใดให้น่าหัวเราะเยาะหรือ อีกไม่กี่วันข้าอาจต้องไปเทียนจิน ไปกลับอย่างน้อยๆ ก็คงกินเวลาหลายวันทีเดียว…”
หลินหลันประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้าต้องไปเทียนจิน? ไปทำอันใดหรือ”
“มีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง จึงต้องไปพบคนผู้หนึ่ง”
“พบคนผู้หนึ่ง?” หลินหลันประหลาดใจอย่างมาก การที่เขาพูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าไปจัดการเรื่องลับบางอย่าง
ระหว่างนั้นชุดกระโปรงก็ถูกเขาถอดออกจนเหลือเพียงเสื้อชั้นในสีกลีบบัวลักษณะสายคล้องคอและมีเชือกผูกเอวด้านหลัง หลินหลันไม่ทันได้หยุดยั้ง เชือกที่ผูกรัดอยู่ก็ถูกกระตุกออก
“หมิงอวิน…” น้ำเสียงออดอ้อนปนตำหนิอันแฝงไว้ซึ่งความหมายที่ต้องการปฏิเสธ เอ่อ…ตามจริงนางก็คิดที่จะปฏิเสธขึ้นมาจริงๆ ทว่าเขายังพูดไม่ยอมหยุดหย่อน
“น้ำใกล้เย็นหมดแล้ว…” เขาดึงสิ่งกีดขวางบนเรือนร่างชิ้นสุดท้ายออกแล้วโอบอุ้มนางไว้ในอ้อมแขนก่อนจะค่อยๆ วางลงในอ่างน้ำขนาดใหญ่
น้ำอุ่นกำลังพอดี หลินหลันหดตัวลงเพื่อนำท่อนบ่าของตนแช่ลงไปในน้ำ กลีบดอกไม้ที่ล่องลอยอยู่ช่วยให้นางรู้สึกถึงความปลอดภัยขึ้นมาเล็กน้อย พื้นผิวน้ำที่กระเพื่อมไปมาช่วยห่อหุ้มเรือนร่างอย่างนุ่มนวลและอบอุ่น เสมือนกับสัมผัสอันแสนอ่อนโยน ช่างให้ความรู้สึกสบายยิ่งนัก เอาเถอะ ในเมื่อได้ผ่อนคลายเสียทีก็ซึมซับมันให้เต็มที่ถึงจะถูก
ไม่ทันไรก็ตามมาด้วยเสียงหย่อนตัวลงน้ำของหลี่หมิงอวิน ด้วยความประหม่าหลินหลันจึงเคลื่อนตัวไปหลบในตำแหน่งที่ไกลออกไป แต่น่าเสียดายที่อ่างน้ำแม้จะใหญ่เพียงใด คนเขาเอื้อมแขนออกมาก็ตวัดถึงตัวนางอยู่ดี จึงทำให้นางต้องเคลื่อนตัวเข้ามานั่งบนเรือนร่างของเขาอย่างปฏิเสธไม่ได้ ความแข็งแกร่งที่กำลังผงาดกล้าประดุจท่อนเหล็กมนกำลังสัมผัสอยู่บริเวณสะโพกของนาง
หลินหลันแสดงออกอย่างขัดขืน ทว่านั่นกลับนำมาซึ่งเสียงครางอย่างหงุดหงิดใจจากเขา จึงทำให้เจ้าของเรือนร่างเล็กไม่กล้าขยับแต่อย่างใด
มือข้างหนึ่งของเขากำลังโอบรัดเอวคอดของนางซึ่งทำให้หน้าอกคู่อวบอิ่มลอยพ้นเหนือน้ำจนปรากฏเนื้อเนียนขาวประดุจหยกท่ามกลางกลีบดอกไม้สีแดงสด ยอดทับทิมสีชมพูดสดในยามนี้กำลังเย้ายวนสายตาอย่างรุนแรง ทำให้เลือดร้อนในกายของหลี่หมิงอวินปะทุขึ้นอย่างหนักหน่วง นัยน์ตาคู่ลึกล้ำสีดำประดุจน้ำหมึกเคลื่อนมองอย่างสำรวจพร้อมกับเสียงพร่าเบาอันทรงเสน่ห์ “หลันเอ๋อร์ เจ้าช่างงดงามเหลือเกิน…”
ดวงตาคู่คมซึ่งเต็มไปด้วยความหลงใหลและความปรารถนากำลังเปล่งประกายราวกับเพชรน้ำงาม มันดูราวกับทั้งเป็นจริงและเป็นภาพลวงตาท่ามกลางไอน้ำ สร้างความเย้ายวนและเสน่ห์ดึงดูดใจให้ผู้คน หลินหลันมองเขาอย่างไร้เดียงสาพร้อมกับนึกคิดอยู่ภายในใจ เจ้าสิงดงาม งดงามราวกับเทพบุตรที่ลงมาเดินอยู่บนโลกมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น
เขาใช้มือหนึ่งกอบกุมหน้าอกอวบอิ่มหนึ่งข้างแล้วระดมจูบลงไป ก่อนจะครอบงำยอดทับทิมสีชมพูสดด้วยการกลืนกินประหนึ่งว่ากำลังลิ้มรสสตอเบอร์รี่เดือนสามที่มีรสชาติหอมหวานที่สุด
ทันใดนั้นความรู้สึกอันคับแน่นก็พลุ่งพล่านไปทั่วเรือนร่าง หลินหลันเงยหน้าขึ้นพร้อมกับแอ่นกายตามด้วยเสียงครางที่มิอาจสะกดกลั้นเอาไว้ได้
“หลันเอ๋อร์ มีเพียงช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเจ้าเท่านั้นถึงเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด…” เขาพ่นลมหายใจหอบกระเส่าขณะออกแรงฟอนเฟ้นหนักมือยิ่งขึ้น จากแรกเริ่มเดิมทีที่เป็นเพียงเนินเนื้อนุ่มขนาดเล็กกลับค่อยๆ อวบอิ่มจนเต็มไม้เต็มมือภายใต้การปรนเปรอของเขา ซึ่งยามนี้เห็นผลเป็นที่น่าพึงพอใจยิ่งนัก นี่เป็นน้ำพักน้ำแรงที่เขาอดนึกภูมิใจไม่ได้
หลินหลันรู้สึกประหลาดราวกับตรวจพบความผิดปกติบางอย่างในคำพูดของเขา แม้ว่าขณะนี้จะอยู่ในสถานการณ์ที่มึนงงสับสน
“เจ้าเคยลองอยู่กับผู้อื่นแล้วหรือ” นางโถมเรือนร่างของตนเองเข้าหาเขาแล้วเคลื่อนใบหน้าเข้าไปขบเม้มใบหูของหมิงอวิน ถ้าหากเขากล้า นางจะเล่นงานเขาอย่างไม่ปรานีเลยคอยดูสิ
หลี่หมิงอวินสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ปกติแล้วเขามักใช้ลูกไม้นี้ในการกำราบนางซึ่งได้ผลอย่างสิ้นเชิง ทำให้นางสั่นสะท้านไปทั้งตัวและหัวใจ วันนี้ถึงคราเป็นฝ่ายได้ลิ้มรสเสียบ้างจึงรู้ได้ทันทีว่าตรงส่วนนี้เป็นจุดอ่อนของนาง และเป็นจุดอ่อนของเขาด้วยเช่นกัน
นางส่งปลายลิ้นอุ่นหยอกล้อบริเวณใบหูของเขาอย่างนุ่มนวล ราวกับบทลงโทษอันแสนหวาน “รีบบอกมาเร็วเข้า”
เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบากพร้อมกับจังหวะลมหายใจเข้าออกอันหนักหน่วงยิ่งขึ้น “เจ้าจะทำอันใดข้าได้” เสียงของเขาฟังดูแหบพร่าแต่ยังคงไว้ซึ่งความน่าหลงใหล
เมื่อสัมผัสได้ถึงเขาที่กำลังเปลี่ยนไป หลินหลันจึงยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับนัยน์ตาคู่สวยของนางที่กำลังเปล่งประกายความเจ้าเล่ห์ ปกติแล้วล้วนเป็นเขาที่รังแกนาง เช่นนั้นวันนี้ก็ให้เขาได้ลิ้มรสการถูกรังแกเสียหน่อยจะเป็นไรไป
หลินหลันทำเช่นเดียวกันโดยการเริ่มจากพรมจูบจากหลังใบหูเคลื่อนลงมาจนถึงแผงอกกำยำของเขา หลังจากนั้นจึงส่งปลายลิ้นนุ่มตวัดยอดจุดกลมขนาดเล็กที่ชูชันขึ้นมาแล้วใช้ฟันขบเม้มมันเบาๆ “หากเจ้ากล้า ข้าจะกัดมันให้ขาดไปเสีย” นางข่มขู่ด้วยเสียงยั่วยวน
หลี่หมิงอวินผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ การตกเป็นฝ่ายถูกรุกรานอย่างกะทันหันเช่นนี้ทำให้เขาตะลึงงันไปชั่วขณะ ทว่าภายใต้ความตกตะลึงนี้กลับปนไปด้วยความสุขใจอย่างน่าประหลาด นี่นับเป็นครั้งแรกที่หลันเอ๋อร์ของเขาเป็นฝ่ายลงมือขึ้นมาก่อน เห็นทีว่าการเปลืองแรงครั้งนี้จะไม่สูญเปล่า หากรู้เช่นนี้ก็คงนำอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ย้ายเข้ามาในบ้านตั้งนานแล้ว
เดิมทีคิดว่าจะอดทนเพื่อปล่อยให้นางแสดงฝีมือตามอำเภอใจ ทว่าท่อนล่างที่แข็งขืนขึ้นมากำลังสร้างความปวดหนึบให้แก่เขา เขาส่งเสียงคำรามต่ำแล้วช้อนเรือนร่างนางขึ้น พร้อมกับนำแกนกายที่กำลังร้อนผ่าวจ่อส่วนช่องทางรักอย่างแม่นยำและออกแรงผลักดัน ด้วยน้ำหล่อลื่นอันชุ่มชื้นส่งผลให้ทั้งแกนกายของเขาจมดิ่งลงไปจนสุดทาง
เรือนร่างของหลินหลันสั่นสะท้านเบาๆ นางกัดลงไปที่บ่าของหมิงอวินเพื่อสกัดกั้นการปลดปล่อยเสียงราวกับเจ็บปวดและผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน
“หลันเอ๋อร์ เจ้าชอบแบบนี้หรือไม่” เขาจับเอวคอดของนางเสมือนการบังคับให้นางขยับขึ้นลงและดูดกลืนกินยอดทับทิมสีชมพูสดของนางไปในขณะเดียวกัน ช่องทางรักอันอบอุ่นและคับแน่นนั้นห่อหุ้มแกนกายของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับมีริมฝีปากนับร้อยกำลังดูดกลืนอันก่อให้เกิดคลื่นแห่งความสุขและงดงามบนหน้าผิวน้ำ และต่อให้ต้องจมลงไปในนั้นก็ยินยอมเช่นกัน
ทุกครั้งที่ความแข็งกร้าวของเขาดำดิ่งสู่ช่องทางรักของนางอย่างลึกซึ้ง ก่อให้เกิดความรู้สึกซึ่งไม่อาจต้านทานการกระทบอันรุนแรงเช่นนี้ได้ หลินหลันครางกระเส่าราวกับว่าต้องการหนีไปแต่ในขณะเดียวกันความต้องการกลับพวยพุ่งมากยิ่งกว่า ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงเรียกชื่อของเขาอย่างช่วยไม่ได้ “หมิงอวิน…อา…”
“ปลดปล่อยออกมา ข้าต้องการให้เจ้ามีความสุข…” เสียงแหบพร่าอันนุ่มนวลเต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน เขาเคลื่อนไหวอย่างให้ความร่วมมือนาง เพื่อเติมเต็มอย่างแนบแน่น ยามที่นางถอยเขาก็ถอยเช่นกัน ยามที่นางรุกล้ำเข้ามาเขาก็สอดประสานเข้าด้วยเช่นกัน ทว่าการถอยของเขานั้นหลักๆ ก็เพื่อส่งแรงจู่โจมให้หนักหน่วงยิ่งขึ้น เพื่อความสอดประสานอันแนบแน่น ราวกับว่าต่อให้ทำเช่นนี้ไปชั่วชีวิตก็หาได้เพียงพอไม่
หลินหลันรู้สึกราวกับวิญญาณของตนถูกกระแทกจนหลุดออกไป สายน้ำที่โอบล้อมแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นอันร้อนผ่าวเช่นกัน เสียงครวญครางที่กำลังท่วมท้นจนท้ายที่สุดก็เกินกว่าจะกักขังเอาไว้ได้ เบื้องหน้ายามนี้มีเพียงสายหมอกและนัยน์ตาดับขลับที่กำลังเปล่งประกายต่อหน้านาง ดวงตาอันเต็มไปด้วยความรักใคร่อย่างลึกซึ้งและแรงปรารถนาอันเร่าร้อนของเขา
“หลันเอ๋อร์…” เขาสัมผัสได้ถึงช่องทางรักของนางที่หดตัวเกร็งขึ้นมาฉับพลัน ซึ่งความรู้สึกคับแน่นอย่างกะทันหันทำให้เขาไม่อาจถอนตัวออกมาได้ จึงกระชับอ้อมแขนกอดนางเอาไว้แนบแน่น
ชั่วครู่ต่อมา จังหวะหัวใจของหลินหลันค่อยๆ สงบลง นางซบอยู่บนไหล่ของเขาและกล่าวออกมาอย่างอ้อยอิ่ง “เหนื่อยจัง”
หลี่หมิงอวินยิ้มอย่างไรเดียงสา “เจ้าเพิ่งขยับไปกี่ครั้งเอง แค่นี้ก็เหนื่อยแล้วหรือ”
หลินหลันกัดลงไปที่บ่าของเขาด้วยความขุ่นเคือง “เจ้ามาลองเองสิ”
หลี่หมิงอวินกล่าวภายใต้รอยยิ้มฉกาจ “นี่เจ้าพูดเองนะ เช่นนั้นคราของข้าบ้างละ”
หลินหลันผลักเขา “ไม่เอาแล้ว ข้าเหนื่อยแล้ว”
หลี่หมิงอวินแสร้งทำทีน้อยเนื้อต่ำใจ “เจ้าสบายตัวแล้ว ก็เลยมิสนใจข้าแล้วสินะ” ความแข็งแกร่งที่ยังคงอยู่ในร่างกายของนางเคลื่อนไหวอย่างประท้วง
หลินหลันรู้สึกถึงความร้อนผ่าวบนใบหน้าและมองค้อนใส่เขาพร้อมกับกล่าวเชิงตำหนิ “เจ้านี่ช่างร้ายกาจอะไรปานนี้”
หลินหลันหมดเรี่ยวแรงหลังจากบทสวาทในอ่างอาบน้ำ เดิมคิดว่าจะกลับไปนอนที่ห้องนอนแต่ท้ายที่สุดกลับต้องนอนในห้องปีกตะวันออกนี่จนได้ มิน่าล่ะเขาถึงให้คนปูเตียงนอนไว้ให้ ที่แท้ก็เตรียมการที่จะทรมานนางเต็มที่ไว้แต่แรกแล้วนี่เอง
หลินหลันโอดครวญอย่างขุ่นเคือง “เจ้ารังแกข้าไม่บันยะบันยังถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่พรุ่งนี้เป็นวันเปิดร้านหลินจี้ ข้าเกลียดเจ้ายิ่งนัก”
หลี่หมิงอวินหลุดหัวเราะออกมา “พรุ่งนี้ข้าลางานอยู่เป็นเพื่อนเจ้า ไว้ถึงเวลาข้าช่วยเจ้าต้อนรับแขกเอง ส่วนเจ้าก็พักผ่อนเท่านั้นเป็นพอ”
หลินหลันเผยดวงตาเปล่งประกายขณะมองใบหน้าเขา “จริงหรือ”
หลี่หมิงอวินเลิกคิ้ว “แน่นอน ข้าเคยโกหกเจ้าด้วยหรือ พรุ่งนี้ท่านลุงจะส่งคนมาเป็นลูกมือคอยช่วยเหลือด้วยเช่นกัน อีกอย่างก็ยังมีศิษย์พี่ของเจ้า ไหนจะเหล่าอู๋และฝูอานอีก เจ้าวางใจเถิด”
“ก็จริง เรื่องที่ต้องตระเตรียมข้าก็เตรียมไว้พร้อมหมดแล้ว พรุ่งนี้แค่ดำเนินไปตามแผนการที่วางไว้ก็เป็นพอ” หลินหลันเผยรอยยิ้มขึ้นมาได้อีกครั้งเมื่อนึกถึงความปรารถนาที่คาดหวังมาหลายปีในที่สุดก็เป็นจริง จึงรู้สึกปลาบปลื้มใจอย่างมาก
“ภรรยาข้ามีความสามารถมากที่สุด มิว่าผู้ใดก็ไม่อาจเทียบเทียมได้” หลี่หมิงอวินจับมือของนางแล้วประทับจูบลงบนใจกลางฝ่ามือนาง
หลินหลันหัวเราะด้วยความจั๊กจี้ และทั้งสองก็เริ่มหยอกเย้ากันอยู่อีกสักพัก หลังจากนั้นหลินหลันกลับนึกถึงหัวข้อสนทนาก่อนหน้าที่ถูกตัดบทไปขึ้นมาได้อีกครั้ง จึงเอ่ยถามขณะที่กำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของหมิงอวิน “คนที่เจ้าเอ่ยถึงว่าต้องไปพบที่เทียนจินนั้น เป็นผู้ใดหรือ”
หลี่หมิงอวินลูบคลำแผ่นหลังของนางเป็นพักๆ พลางกล่าวขึ้นอย่างใจเย็น “ท่านพ่อเคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ผู้คุมการขนถ่ายสินค้าในเทียนจิน ตระกูลเยี่ยมีเรือเดินทะเลที่ท่าเรือเทียนจินซึ่งใช้ขนส่งผ้าไหมทางท้องทะเลในทุกปี จึงมีผู้คนที่ค่อนข้างสนิทสนมทางด้านนั้น หลังการสอบถามในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ในที่สุดก็พบผู้ที่กอบกุมหลักฐานเรื่องการทุจริตของท่านพ่อ อีกทั้งคนผู้นั้นยังยินยอมขายหลักฐานให้ ด้วยเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก ข้าจึงต้องไปที่นั่นด้วยตนเองสักครั้ง”
หลินหลันตกตะลึง “เจ้ากำลังเตรียมหลักฐานเรื่องการทุจริตของท่านพ่อ หลังจากนั้นก็เปิดโปงเขาหรือ”
พ่อหลี่ผู้ไร้ยางอายผู้นี้แม้จะเห็นว่าเขาเป็นคนสุภาพ เต็มไปด้วยความจงรักภักดีต่อฮ่องเต้และมีความรักชาติบ้านเมือง ทว่ากลับขี้เหนียวเข้ากระดูกดำ นี่ยังไม่รวมถึงการหลอกผู้อื่นเขามาแต่งงานด้วย แล้วยังเป็นข้าราชการที่ทุจริตอีก หลินหลันแอบดูถูกอย่างเงียบๆ ภายในใจ
หลี่หมิงอวินกล่าว “แน่นอนว่าข้าเปิดโปงออกไปไม่ได้หรอก การเปิดโปงบุพการี แม้ว่าจะมีหลักฐานแน่นหนาและมีเหตุผลอันเหมาะสมเต็มเปี่ยม ทว่าก็จะถูกคนเขามองว่าเป็นลูกอกตัญญู ข้าตั้งใจว่าจะรวบรวมหลักฐานเอาไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที ไว้ถึงเวลาและดูสถานการณ์ค่อยตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร ประเด็นสำคัญคือข้าอยากรู้ชัดกระจ่างแจ้งว่าในมือท่านพ่อมีทรัพย์สินอยู่เท่าใด เงินออมส่วนตัวของท่านพ่อ เกรงว่าคงตกไปอยู่ที่แม่มดชราจนหมดหรือไม่”
นั่นสิ หากหมิงอวินต้องการจัดการพ่อหลี่ผู้ไร้ยางอาย คงทำได้เพียงใช้วิธีการทางอ้อม จะทำอย่างเปิดเผยคงเป็นไปมิได้ ขอเพียงรับรู้รายละเอียดเชิงลึกของพ่อหลี่ผู้ไร้ยางอาย จึงจะช่วยให้มีเป้าหมายที่ชัดเจนได้ แผนการจัดการแม่มดชราของหมิงอวินมีรายละเอียดยิบย่อยอย่างมากจึงไม่อาจมองข้ามประเด็นปัญหาใดๆ ที่มีความเกี่ยวโยงไปได้
“ท่านพ่อรับตำแหน่งรองเสนาบดีกรมคลังมาก็หลายปีแล้ว เขารับผิดชอบเรื่องเงิน เสบียง และภาษีของบ้านเมือง คิดๆ ดูแล้วก็คงหาประโยชน์จากจุดนี้ได้มิใช่น้อยๆ กระมัง” หลินหลันกล่าวอย่างครุ่นคิด จิตใจของมนุษย์ไม่ต่างจากบ่อลึก คนที่ละโมบโลภมากและเต็มไปด้วยราคะตัณหาเฉกเช่นพ่อหลี่ผู้ไร้ยางอาย คงไม่อาจเปลี่ยนธรรมชาติที่เต็มไปด้วยความโลภของตนเองไปได้
“ในเมืองหลวงจะทำอันใดกระโตกกระตากไปมิได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นไปเปล่าๆ อีกทั้งท่านพ่อก็ระมัดระวังอย่างมากเช่นกัน ท่านลุงแอบสังเกตการณ์มาถึงสามปี ยังจับร่องรอยเพื่อเอาผิดเขาไม่ได้เลย…” หลี่หมิงอวินกล่าว
หลินหลันพยักหน้าอย่างเห็นด้วยแล้วเอ่ยถาม “เช่นนั้นเจ้าจะออกเดินทางเมื่อใด แล้วต้องไปกี่วันหรือ”
“ไว้ค่อยไปหลังหลินจี้เปิดทำการแล้ว อย่างน้อยๆ ก็คงสามสี่วัน และอย่างมากสุดก็คงห้าหกวันกระมัง”
หลินหลันรู้สึกโล่งใจ ยังดีที่ไม่ได้ไปนานมากนัก