ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่ 159 ได้ทั้งชื่อเสียงและผลกำไร
งานเปิดร้านยาหลินจี้ ผู้ดูแลร้านยาอันมีชื่อเสียงจำนวนสามสี่แห่งในเมืองหลวง รวมไปถึงเต๋อเหรินถางล้วนมาแสดงความยินดี สหายของหมิงอวินตลอดจนผู้ที่คิดใช้โอกาสนี้เชื่อมสัมพันธ์กับหมิงอวินล้วนมาแสดงความยินดีด้วยเช่นกัน หลินหลันเองก็มีผู้ที่คุ้นเคยรู้จักกันดีในหมู่สตรีชั้นสูงแห่งเมืองหลวงจำนวนไม่น้อย ผู้ที่คุ้นเคยรู้จักกันดีอยู่แล้วพาผู้ที่ไม่คุ้ยเคยเข้ามาร่วมสร้างความครึกครื้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นภาพฉาก ณ ยามนั้นจึงดูยิ่งใหญ่อลังการมากทีเดียวเชียว
ยุ่งวุ่นวายตลอดหนึ่งวันเต็ม ยังดีที่ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น
ช่วงราตรี หลินหลันฉีกยิ้มเป็นระยะๆ ระหว่างนั่งอยู่ใต้แสงไฟมองดูฝูอานจัดระเบียบใบรายการของขวัญ
หลี่หมิงอวินดื่มน้ำชาอย่างใจเย็น มองดูท่าทีราวกับผู้ซึ่งโลภในทรัพย์สินเงินทองของนางและอดหัวเราะออกมามิได้ “มองดูมาเนิ่นนานขนาดนั้นแล้ว ยังจะมองอยู่ได้”
หลินหลันหาได้แยแสไม่ “ข้าชอบ ข้าพอใจ”
อวี้หลงเข้ามาบอกกล่าว “เอ้อร์เส้าเหยียเจ้าคะ สัมภาระของท่านล้วนตระเตรียมเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
หลี่หมิงอวินพยักหน้า “อย่าได้ให้ห่อใหญ่เกินไปล่ะ เราไปไม่กี่วันก็กลับ”
อวี้หลงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ล้วนตระเตรียมตามคำสั่งของเอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าค่ะ”
หลินหลันเองหน้าขึ้นแล้วเอ่ยถาม “พรุ่งนี้เจ้าออกเดินทางกี่โมงกี่ยามหรือ”
“ก็มิได้เช้าตรู่มากนัก ว่าจะออกเดินทางประมาณเจ็ดแปดโมงเช้าน่ะ!”
หลินหลันกล่าวด้วยรอยยิ้มระรื่น “เช่นนั้นช่วยข้าทำเรื่องหนึ่งก่อนได้หรือไม่”
หลี่หมิงอวินเผยรอยยิ้มเล็กน้อย “เรื่องอันใดหรือ”
หลินหลันวางใบรายการของขวัญลงแล้วเดินเข้ามาหา ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ เขา “เรื่องนี้ข้าไตร่ตรองมาหลายวันแล้ว ยามนี้ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะบริจาคยาเป่าหนิงสามพันเม็ด ฮั่วเซียงสามพันเม็ด และลิ่วเซินสามพันเม็ดให้แด่แม่ทัพผิงซี เจ้าลองคิดดูสิ เมื่อท่านแม่ทัพไปถึงซีหนาน ก็เกือบจะเข้าฤดูร้อนแล้ว ฤดูร้อนของซีหนานมีอากาศที่ร้อนชื้นอย่างยิ่ง ทหารจากตอนเหนือคงไม่คุ้นชินกับสภาพอากาศทางด้านนั้นอย่างแน่นอน ถึงยามนั้นเกิดเป็นลมแดดขึ้นมา รวมถึงผู้ที่อาจเป็นไข้มาลาเรียก็คงมิน้อย ยาสองสามชนิดของข้านี้เหมาะเสียยิ่งกระไรดี ให้หมอทหารนำติดไปเผื่อใช้ยามจำเป็นก็ไม่เสียหาย ซึ่งว่ากันในทางตรง พวกเราจะนับได้ว่ามีส่วนร่วมในการทำเพื่อบ้านเมื่อด้วยเช่นกัน และหากว่ากันทางอ้อม หลินจี้เพิ่งเปิดทำการร้านยา แม้ว่าการยืนหยัดอย่างมั่นคงภายในเมืองหลวงมิใช่เรื่องยากเย็นแต่อย่างใด ทว่าหากต้องการขยายอิทธิพลให้กว้างไกลอย่างรวดเร็วภายในเวลาอันสั้น เช่นนั้นการปฏิบัติเช่นนี้จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ทั้งได้ชื่อเสียงและได้ผลกำไร!”
อวี้หลงบนอุบอิบเมื่อได้ยินดังกล่าว “ยาตั้งเก้าพันเม็ด มิใช่เงินน้อยๆ เลยนะเจ้าคะ”
หลินหลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้ามิรู้อันใด ขอเพียงยาพวกนี้มีชื่อเสียงเลื่องลือขึ้นมา ถึงยามนั้น ประโยชน์ที่พวกเราจะได้รับมิใช่เพียงเก้าพันเม็ดแต่อย่างใด มิแน่ว่าอาจมากถึงเก้าหมื่นเม็ดก็ย่อมได้”
ขณะที่หลี่หมิงอวินกำลังครุ่นคิดตาม มุมปากของเขาก็เผยรอยยิ้มอย่างเห็นดีเห็นงามปรากฏออกมา “เช่นนั้นความหมายของเจ้าคือ ให้ข้าช่วยเจ้านำยาเก้าพันเม็ดนี้ไปบริจาคในวันพรุ่งนี้สินะ”
หลินหลันพยักหน้าอย่างจริงจัง “วันนี้คนของจวนจิ้งปั๋วโหว์มาด้วย ข้าเลยถามไถ่ดู เห็นเอ่ยว่าอีกสามวันท่านแม่ทัพก็ต้องออกเดินทางแล้ว กว่าเจ้าจะกลับมามิแน่ว่าพวกเขาอาจออกเดินทางไปกันแล้วก็เป็นได้”
หลี่หมิงอวินยิ้มเล็กยิ้มน้อย “ก็ได้! พรุ่งนี้ข้าจะแวะไปจวนจิ้งปั๋วโหว์ก่อนแล้วค่อยไปเทียนจิน” ขอเพียงนางไม่เอ่ยถึงเรื่องไปเขตโรคระบาด มิว่าอันใดก็เจรจาได้ง่ายดายทั้งสิ้น และเขาเองก็คิดเช่นกันว่า แผนการนี้ของหลินหลันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก
หลินหลันดีใจจนอยากจุมพิตเขาสักที แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าอวี้หลงยังอยู่ในห้องด้วยจึงสะกดกลั้นความรู้สึกเอาไว้ “เช่นนั้นก็เยี่ยมไปเลย ข้าตระเตรียมยาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ให้เหล่าอู๋นำออกมาก็เป็นพอ”
วันรุ่งขึ้น สองสามีภรรยามุ่งไปร้านยาแต่เช้าตรู่ หลินหลันสั่งให้เหล่าอู๋นำหีบขนาดย่อมซึ่งบรรจุยาไว้ออกมา แล้วให้คนขนย้ายขึ้นรถม้า โดยแนบคำอธิบายวิธีการใช้ยาและสรรพคุณของยาแต่ละชนิดไว้ นอกจากนั้นยังมียาเม็ดไก่ดำหงส์ขาว[1] นี่เป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่หลินหลันเตรียมผลักดันในขั้นตอนต่อไป จึงให้เฉียวอวิ๋นซีได้ลองรับประทานก่อน
“ยาห่อนี้เป็นของภรรยาจิ้งปั๋วโหว์ เป็นยาดีสำหรับบำรุงเลือดลม เจ้าให้จิ้งปั๋วโหว์นำไปมอบให้นางก็เป็นพอ โหว์เหยียฮูหยินย่อมเข้าใจ” หลินหลันกล่าวกำชับ ครั้งก่อนที่ไปพบเจอเฉียวอวิ๋นซี ได้ยินว่านางประจำเดือนมาไม่ปกติ และมีอาการร้อนๆ หนาวๆ เป็นระยะๆ ตอนนั้นนางจึงนึกถึงยาเม็ดไก่ดำหงส์ขาวขึ้นมาได้ก็เลยรับปากเฉียวอวิ๋นซีว่าไว้กลับไปจะทำยามาให้นาง
หลี่หมิงอวินส่งมอบให้เหวินซานนำไปวางไว้ให้เรียบร้อย หลังจากนั้นหลินหลันก็เอ่ยกำชับอีกสองสามประโยคประเภทที่ว่า ให้เขาระมัดระวังขณะเดินทางและกลับมาโดยเร็วหน่อย หลี่หมิงอวินตอบรับ บอกให้นางวางใจได้และต้องระมัดระวังแม่มดชราให้มากๆ อย่ายอมเสียเปรียบเป็นอันขาด หากมีเรื่องเกินรับมือจริงๆ ให้โยนมาที่เขาได้เลย
หลินหลันเอ่ยกำชับขึ้นอีกครั้งโดยหันไปพูดกับเหวินซานและตงจึว่าต้องดูแลนายน้อยให้ดีๆ ทั้งสองรับประกันอย่างมันอกมั่นใจว่าจะดูแลนายน้อยให้ดี มิปล่อยให้นายนายไปยังสถานที่ซึ่งมิควรไป และจะปรนนิบัตินายน้อยให้สุขสบายเสมือนอยู่ที่บ้าน
หลี่หมิงอวินเขกหัวพวกเขาคนละที “ช่วยประจบสอพลอให้มันน้อยๆ หน่อย เราต้องให้พวกเจ้าคอยจับตาดูตั้งแต่เมื่อใดกัน แล้วเราเคยไปสถานที่ซึ่งมิควรไปเมื่อใดกันหรือ”
ตงจึหัวเราะคิกคักแล้วกล่าว “ก็แค่พูดให้เอ้อร์เส้าหน่ายนายฟังน่ะขอรับ จะได้ทำให้เอ้อร์เส้าหน่ายนายวางใจได้อย่างไรล่ะขอรับ!”
หลินหลันเม้มริมฝีปากเผยรอยยิ้มอ่อน “เอาละ เลิกพูดไร้สาระกันได้แล้ว ปรนนิบัติเส้าเหยียให้ดีๆ ก็เป็นพอ”
เมื่อเดินทางไปถึงจวนจิ้งปั๋วโหว์ หลี่หมิงอวินให้คนเข้าไปบอกกล่าวจุดมุ่งหมายในการมาเป็นอันดับแรก ไม่นานนักก็มีคนเข้ามาเรียนเชิญเขาเข้าสู่ด้านในและกล่าวว่า โหว์เหย่รออยู่ในห้องหนังสือ
ที่บังเอิญคือ องค์ชายสี่ก็อยู่ด้วยเช่นกัน จิ้งปั๋วโหว์ผู้นี้วางตนอย่างถ่อมตัว ความสัมพันธ์กับองค์ชายแต่ละท่านไม่สนิทสนมและไม่ห่างเกินจนเกินไป องค์ชายสี่มีจุดมุ่งหมายต้องการชักจูงใจตั้งเนิ่นนานแล้ว การได้ร่วมทางไปพร้อมกับจิ้งปั๋วโหว์ในครานี้จึงเป็นโอกาสที่ดีงาม ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่นำพาเขาแวะเวียนมาอยู่ทุกวันเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับปัญหาความวุ่นวายที่เกิดขึ้น
องค์ชายสี่ดูเหมือนดีใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นหลี่หมิงอวิน “ได้ยินว่าร้านยาหลินจี้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ เดิมทีเราอยากไปแสดงความยินดีด้วยตนเอง แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเรื่องการทหารเหนี่ยวรั้งตัวเราไว้จนไม่มีเวลาว่างเว้น”
หลี่หมิงอวินยกสองมือขึ้นคารวะทันทีพร้อมกับกล่าวอย่างนอบน้อม “ขอบพระทัยความเมตตาอันใหญ่หลวงขององค์ชายพะย่ะค่ะ”
จิ้งปั๋วโหว์กล่าวภายใต้รอยยิ้มอ่อนโยน “หลี่ฮูหยินมีทักษะการแพทย์ล้ำเลิศ อีกทั้งยังเจตจำนงจงรักภักดีต่อบ้านเมือง ช่างน่าเลื่อมใสและควรค่าแก่การยกย่องยิ่งนัก”
องค์ชายสี่กล่าว “โหว์เหย่พูดถูกยิ่งนัก หากคนในราชวงศ์ข้าล้วนมีจิตใจจงรักภักดีและทำเพื่อบ้านเมืองอย่างเช่นภรรยาท่านบัณฑิตหลี่ แล้วยังจะมีผู้ใดกล้ารุกรานราชวงศ์ของข้าได้อีก ประเดี๋ยวเราจะกลับไปบอกกล่าวเสด็จพ่อให้ทรงมอบรางวัลให้”
หลี่หมิงอวินกล่าวอย่างถ่อมตัวและนอบน้อม “ข้าน้อยมิบังอาจพะย่ะค่ะ ข้าน้อยและภรรยาเพียงแค่ลงแรงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มิเหมาะสมที่จะได้รับรางวัลใดจากฝ่าบาทพะย่ะค่ะ”
“นี่…บัณฑิตหลี่มิต้องถ่อมตนไปหรอก เมื่อวานนี้ข้ากับองค์ชายสี่เพิ่งพูดคุยกันถึงประเด็นกองทัพที่เตรียมมุ่งลงไปทางตอนใต้ ด้วยเกรงว่าบรรดาทหารจะล้มป่วย แต่แล้ววันนี้พวกเจ้าร้านยาหลินจี้ก็ส่งยาดีมาให้พอดิบพอดี ช่วยคลายความกังวลข้าไปได้ไม่น้อยทีเดียว” จิ้งปั๋วโหว์กล่าวและตามด้วยเสียงหัวเราะร่า
หลี่หมิงอวินหัวเราะอย่างถ่อมตน จิ้งปั๋วโหว์กวักมือเรียกให้เข้านั่งลงก่อนจะสั่งให้คนไปยกน้ำชามาให้
“อยากพูดคุยกับบัณฑิตหลี่ตั้งเนิ่นนานแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็ได้สมดั่งปรารถนาเสียที” องค์ชายสี่ชะงักไปชั่วขณะแล้วจึงกล่าวถาม “มิทราบว่าบัณฑิตหลี่มีความคิดเห็นอย่างไรต่อกองทัพที่ต้องลงไปทางตอนใต้ในครานี้หรือ” องค์ชายสี่รู้ดีว่าบรรดาขุนนางฝ่ายบุ๋นล้วนเสนอให้ใช้วิธีการอย่างสงบเป็นหลัก
ฮ่องเต้มีพระบัญชาลงมาเช่นนี้ แล้วจะให้เขาพูดว่าการกระทำครั้งนี้ไม่เหมาะสมได้อีกหรือ หลี่หมิงอวินรำพึงรำพันอยู่ภายในใจ ก่อนจะหันไปมองสายตาของจิ้งปั๋วโหว์ จิ้งปั๋วโหว์พยักหน้าทันทีที่สังเกตเห็น ตามจริงหลายวันก่อนเขาและจิ้งปั๋วโหว์ได้พูดคุยกันถึงเรื่องนี้หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในราชสำนักมาบ้างแล้ว หลี่หมิงอวินลังเลใจอยู่ชั่วขณะก่อนกล่าวออกไปอย่างสัตย์จริง “คนชนเผ่าก่อความวุ่นวาย ทางตะวันตกเฉียงใต้ไม่สงบสุข ส่งผลให้ทางทิเบตและชนเผ่าไป่อี๋ก็พร้อมเคลื่อนพลเช่นกัน หากเกิดการกบฏขึ้นเรื่อยๆ ทางตะวันตกเฉียงใต้ก็คงเป็นเรื่องที่อันตรายทีเดียวพะย่ะค่ะ! อย่างไรก็ตาม ข้าน้อยได้ยินมาว่าชาวชนเผ่ากล้าหาญและเก่งกาจในการต่อสู้ พวกเขาใช้ป่าทึบและภูเขาเป็นเกราะกำบัง จึงเกรงว่าการเข้าล้อมและปราบปรามพวกเขาคงมิใช่เรื่องง่ายเท่าใดนักพะย่ะค่ะ…”
องค์ชายสี่คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้แต่แรกแล้ว เขาจึงกล่าวด้วยความมั่นใจ “ข้ามิเชื่อว่ากองทัพทหารสองแสนคนจะทำลายล้างชนเผ่าไม่กี่หมื่นคนไม่ได้”
หลี่หมิงอวินกล่าว “องค์ชายเก่งกาจและกล้าหาญ อีกทั้งโหว์เหย่ก็มีประสบการณ์การรบอย่างโชกโชน โดยปกติแล้วการกำจัดชาวชนเผ่าเพียงไม่กี่คนหาได้เป็นปัญหาไม่ ทว่าหากทางทิเบตและไป่อี๋ถือโอกาสส่งกองกำลังทหารมา…”
องค์ชายสี่แสยะยิ้มเย็นชา “ข้าเกรงก็แต่พวกเขาจะไม่โผล่หัวมามากกว่า หากกล้ามา ชาวราชวงศ์ข้าก็ไม่ปรานีเช่นกัน จะทำให้พวกมันรู้ว่าเมื่อมาแล้วจะไม่มีทางได้กลับไป”
จิ้งปั๋วโหว์แอบหนักใจ องค์ชายสี่เป็นคนหนุ่มเลือดร้อน อีกทั้งยังกระตือรือร้นสร้างผลงานจนหน้ามืดตามัวเกินไปเสียแล้ว
“บัณฑิตหลี่วิเคราะห์สถานการณ์เรื่องนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ว่าแต่เจ้ามีแนวทางกลยุทธ์ดีๆ อันใดบ้างหรือไม่” จิ้งปั๋วโหว์กล่าวถามอย่างใจเย็น
หลี่หมิงอวินเผยรอยยิ้มเล็กน้อย “มิอาจกล่าวได้ว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดีหรอกขอรับ ทว่าเป็นข้อเสนอแนะเล็กน้อยของข้าน้อยขอรับ เท่าที่ข้าน้อยพอทราบมา ราชวงศ์เราใช้กฎระเบียบที่เคร่งครัดอย่างสูงต่อชนเผ่า ชาวชนเผ่าต้องบริจาคภาษีอันมากมายหลายเท่าเมื่อเทียบกับชาวฮั่นอย่างเราๆ กรณีที่ฝ่าฝืนกฎหมายในเรื่องเดียวกัน ชาวชนเผ่ากลับได้รับโทษรุนแรงกว่าชาวฮั่น เมื่อมาคิดๆ ดูแล้ว นี่อาจเป็นสาเหตุซึ่งทำให้ชาวชนเผ่าก่อความไม่สงบ อีกทั้งชาวชนเผ่าก็กล้าหาญและเชี่ยวชาญการรบ มิกลัวเป็นกลัวตาย หากกองกำลังกดดันเข้าไปใกล้ พวกเขาคงสู้จนตัวตายอย่างแน่นอน แม้ว่ากองกำลังทหารเราจะได้รับชัยชนะ แต่ก็ไม่คุ้มค่ากับโศกนาฏกรรมที่แลกมา ข้าน้อยจึงคิดว่า ชาวชนเผาเป็นเสมือนเสือ เราจึงควรฝึกเสือแทนที่จะต่อสู้อย่างหนักหากเราใช้เสือตัวนี้จัดการกับพวกทิเบตและไป่อี๋ มันจะไม่ดีกับทั้งสองฝ่ายมากกว่าหรือขอรับ”
นัยน์ตาของจิ้งปั๋วโหว์ฉายแววความชื่นชมอย่างเด่นชัด
องค์ชายสี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “หากยึดตามที่เจ้ากล่าวมา ทางราชสำนักเราส่งคนไปเจรจาคืนความสงบก็เป็นอันพอ ไยจักต้องเปลืองแรงทำงานอย่างหนักเพื่อส่งกองกำลังทหารลงใต้อีกหรือ”
หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จะว่าเช่นนั้นก็มิได้พะย่ะค่ะ ทางทิเบตและไป่อี๋จับตามองทางราชวงศ์เรามิใช่แค่วันสองวันที่ผ่านมา แม้ว่าไร้ความวุ่นวายจากชาวชนเผ่า พวกเขาก็ยังใช้โอกาสระหว่างการรุกรานของทู่เจวี๋ยทางตะวันตกเฉียงเหนือแทรกซึมตัวเข้ามา ตราบใดที่เรามิสั่งสอนพวกเขาให้รู้จักเข็ดหลาบ พวกเขาก็คงไม่ยอมเลิกราวี หากองค์ชายต้องการสร้างวีรกรรมที่โดดเด่น ครานี้นับว่าเป็นโอกาสอันดีงามยิ่ง องค์ชายสามารถส่งคนไปเจรจาคืนความสงบอย่างลับๆ เป็นอันดับแรก แล้วค่อยกวาดกองกำลังไปยังทิศใต้ ทำทีก่อความโกลาหลเพื่อดึงดูดให้ทิเบตและไป่อี๋ส่งทหารมา ถึงเวลานั้นองค์ชายก็ปลดปล่อยชาวชนเผ่าผู้ดุร้ายออกไป…เมื่อเป็นเช่นนี้ มิเพียงแต่สร้างความสงบให้เกิดขึ้นโดยมิต้องสละชีวิตทหารแม้แต่คนเดียว แล้วยังเป็นการเพิ่มเสือเข้ามาอีกตัว การโจมตีชาวทิเบตให้กระอักเลือดครานี้ นับเป็นผลงานชิ้นเอกก็ว่าได้นะพะย่ะค่ะ…”
ดวงตาทั้งสองขององค์ชายสี่เปล่งประกายขึ้นทันที จริงด้วย! เล่นงานเสือมิสู้ฝึกฝนเสือ ทำทีเล่นงานเสือเพื่อหลอกงูเข้ารูแล้วค่อยจุดไฟเผาไหม้มิให้เหลือชิ้นดี นี่มันยอดเยี่ยมเสียยิ่งกระไรดี
จิ้งปั๋วโหว์มองดูนัยน์ตาองค์ชายที่เปลี่ยนไป มุมปากของเขาจึงเผยรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย ประโยคเหล่านี้ล้วนอยู่ในใจของเขาแต่แรกแล้ว และก็เคยพูดคุยแล้วเช่นกัน ทว่าองค์ชายสี่ยืนกรานเด็ดขาด ไม่ยอมรับฟังเลยแม้แต่น้อย วันนี้หลี่หมิงอวินมาได้ประจวบเหมาะพอดี องค์ชายสี่กลับกลั้นใจรับฟังเสียที ดังนั้นถึงได้มีคำกล่าวที่ว่า คำพูดเดียวกัน ทว่าพูดออกมาโดยคนละคน ผลลัพธ์มักแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
องค์ชายสี่ฟาดมือลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปเดินมาอย่างกระตือรือร้น หลังผ่านไปชั่วขณะ เขาหยุดชะงักฝีก้าวแล้วมองมายังหลี่หมิงอวินด้วยสายตาฮึกเหิม “บัณฑิตหลี่ กลยุทธ์ของเจ้านี้ฉลาดเฉลียวยิ่งนัก มาๆๆ เรามาพูดคุยอย่างละเอียดกันอีกสักหน่อยแล้วกัน”
หลี่หมิงอวินแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาปฏิบัติตนอย่างใสสะอาดมาโดยตลอด ทั้งยังจงใจรักษาระยะห่างต่อองค์ชายแต่ละท่าน โดยปกติแล้วเมื่อพบเจอกันในราชสำนัก ก็เป็นเพียงการคารวะและกล่าวทักทายเท่านั้น เสมือนการพูดคุยเป็นเรื่องเป็นราวครานี้จึงนับว่าเป็นครั้งแรก ซึ่งหากมิใช่เพราะเจตจำนงของจิ้งปั๋วโหว์ บางคำพูดเขาเองก็คงมิพูดออกไปอย่างแน่นอน เรื่องการทหารเหล่านี้ เขาเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นผู้หนึ่งจึงไม่เหมาะสมที่จะกล่าวออกไปเท่าใดนัก ลำดับถัดไปจึงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องราวของจิ้งปั๋วโหว์และองค์ชายสี่จัดการกันเองถึงจะเป็นการดี
หลี่หมิงอวินกล่าวอย่างถ่อมตน “เรื่องการทหาร ข้าน้อยมิเข้าใจจริงๆ พะย่ะค่ะ ทั้งหมดที่กล่าวไปเมื่อครู่ก็แค่การสมมุติสถานการณ์เท่านั้น ขอองค์ชายโปรดอย่าได้ถือสาเลยพะย่ะค่ะ”
“ไม่เลยๆ เจ้ากล่าวได้อย่างยอดเยี่ยมมากต่างหากล่ะ” องค์ชายสี่ส่ายหน้าพัลวัน
จิ้งปั๋วโหว์ส่งเสียงหัวเราะร่า “องค์ชาย ท่านก็อย่าได้ทำให้เขาลำบากใจเลยพะย่ะค่ะ อีกทั้งยังเป็นเรื่องลับ รายละเอียดเบื้องลึก ท่านกับข้าค่อยหารือกันอีกทีก็เป็นพอพะย่ะค่ะ”
องค์ชายสี่แอบรู้สึกเสียดายเล็กน้อย ขณะเดียวกันเขาก็แอบตัดสินใจแล้วว่า ในภายภาคหน้าจะต้องดึงตัวหลี่หมิงอวินมาเป็นหมากของตนให้ได้ หากคนผู้นี้เข้าไปอยู่ข้างองค์รัชทายาท คงไม่เป็นผลดีต่อเขาอย่างยิ่งแน่นอน
[1] ยาเม็ดไก่ดำหงส์ขาว (乌鸡白凤丸) เป็นยาชูกำลังมีประสิทธิผลในการบำรุงเลือดลม และควบคุมการมีประจำเดือนมาไม่ปกติ