ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่ 161 แต่งกับญาติ
หญิงชรามีอันใดต้องการพูดคุยด้วยเช่นนั้นหรือ หลินหลันชายตามองแม่มดชราที่กำลังมีท่าทีราวกับจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม จึงอดรู้สึกหวั่นใจมิได้ แม่มดชราผนึกกำลังกับหญิงชราหน้ามืดตามัว ยังจะมีเรื่องดีอันใดไปได้หรือ
หลินหลันหย่อนตัวลงนั่งดังเดิม บนใบหน้างดงามยังคงแต่งแต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม เตรียมสดับรับฟังอย่างดิบดี
หญิงชราจิบชานึกอึกก่อนจะกระแอมเบาๆ แล้วจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “หลายวันมานี้เห็นเจ้าออกไปแต่เช้าตรู่ กว่าจะกลับมาก็มืดค่ำ ยุ่งจนตัวเป็นเกลียว ถึงอย่างไรก็ต้องระมัดระวังสุขภาพของตนเองด้วยจึงจะเป็นการดี”
“ขอบพระคุณท่านย่าที่เป็นห่วงเจ้าค่ะ ยามนี้ร้านยาเพิ่งเปิดจึงมีเรื่องที่ยังจัดสรรไม่เรียบร้อย รอผ่านไปอีกสักระยะ ทุกคนล้วนคุ้นชินงานกันแล้วก็คงได้เบาแรงไปเยอะเจ้าค่ะ” หลินหลันกล่าวอย่างอ่อนน้อม
หญิงชราพยักหน้า “จะว่าไปแล้ว เปิดร้านยาก็เป็นเรื่องดีที่ช่วยให้สะสมคุณงามความดีได้เช่นกัน ซึ่งมิใช่กิจการที่จะทำได้โดยทั่วไป หมิงอวินช่วยริเริ่มให้เจ้า ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเจ้าเองแล้ว”
หลินหลันนิ่งเงียบ หมิงอวินยุ่งวุ่นวายกับการต่อกรหญิงชราอย่างพวกเจ้าสองคน แล้วจะมีเวลาไหนมาช่วยข้าจัดการเรื่องร้านยาหรือ เอาเถอะ นางก็ไม่ถือสาที่จะยกความดีความชอบให้หมิงอวินเช่นกัน ถึงอย่างไรสามีภรรยาก็เป็นคนคนเดียวกัน
“เจ้าค่ะ!” หลินหลันน้อมรับอย่างนอบน้อม
“เพียงแต่เจ้าพอต้องยุ่งวุ่นวายทางด้านร้านยา เรื่องภายในบ้านก็คงหลีกเลี่ยงมิได้ที่จะดูแลไม่ทั่วถึง” นางฮานกล่าวแทรก
หลินหลันกะพริบตาปริบๆ “เรื่องในบ้าน…ก็มิเห็นมีเรื่องอันใดนี่เจ้าคะ!”
นางฮานส่งเสียงหัวเราะ “จะไม่มีเรื่องอันใดได้อย่างไรกัน เพียงแต่เจ้ามิได้ใส่ใจก็เท่านั้นเอง”
เอ่อ! การพูดออกมาเช่นนี้ เท่ากับนางกลายเป็นประเภทไม่รู้จักเอาใจใส่ไปเสียแล้ว? ทว่า นางคิดไม่ออกจริงๆ ว่ามีเรื่องอันใดหรือ เรื่องภายในบ้านมีแม่โจวคอยช่วยจัดการ เรื่องนอกบ้านนางและหมิงอวินล้วนจัดการด้วยตนเองทั้งสิ้น ส่วนเรื่องจิปาถะเล็กๆ น้อยๆ ล้วนมีบรรดาสาวใช้จัดการอยู่แล้ว แล้วยังมีเรื่องอันใดอีกเล่า
หญิงชราและแม่มดชราส่งสายตาแลกเปลี่ยนกัน สายตานั้นราวกับกำลังพูดว่า ดูสิ! สมกับที่อายุยังน้อย มิได้รู้ประสีประสาอันใด จึงต้องให้ผู้อาวุโสอย่างเราๆ เดือดเนื้อร้อนใจเช่นนี้
หญิงชรากล่าว “เจ้าคิดว่าไม่มีอันใด ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ก็คงกลายเป็นเรื่องขึ้นมาจนได้ โดยเฉพาะยามนี้ หน้าที่ขุนนางของหมิงอวินนับวันยิ่งก้าวหน้า ภาระงานนับวันก็คงมากขึ้นด้วยเช่นกัน เมื่อกลับมาบ้าน จะอย่างไรก็ต้องมีสักคนค่อยปรนนิบัติดูแล…”
เหตุใดจะไม่มีคนดูแลกันล่ะ พอหมิงอวินกลับมาบ้าน บรรดาสาวใช้ก็นำน้ำชาเอย ตักน้ำเตรียมล้างหน้าล้างตาเอย กระทั่งเปลี่ยนเสื้อผ้ายังมิต้องปลดด้วยตนเองด้วยซ้ำ รองเท้าก็ไม่ต้องถอดเอง แล้วยังต้องปรนนิบัติอย่างไรอีกหรือ หรือกระทั่งรับประทานอาหารก็ต้องป้อนเขาทีละคำด้วย? บรรดาสาวใช้น่ะเต็มใจอยู่แล้ว ทว่าหมิงอวินเขาไม่ยินยอมนี่! อีกทั้งมิใช่คนพิการ หรือเด็กแบเบาะเสียหน่อย…
ต่อให้หลินหลันเข้าใจแล้ว ว่าในความตั้งใจนี้มีจุดมุ่งหมายอื่นซ่อนเร้นโดยการอาศัยเหตุผลว่านางไม่มีเวลาปรนนิบัติพัดวี กล่าวว่านางมิอาจดูแลได้อย่างดี ก็เลยคิดจับคนยัดเข้ามาในบ้านของนาง คงเป็นอวี๋เหลียนนั่นสินะ
“ความหมายของท่านย่าเจ้าคือ จะช่วยเจ้าหาผู้ช่วยดีๆ สักคน เช่นนี้เจ้าก็จะได้มีใจจดจ่อทำร้านยาให้เต็มที่ เรื่องในบ้านก็มีคนคอยดูแลให้เรียบร้อย เช่นนี้จะได้ประโยชน์ทั้งสองทางในเวลาเดียวกัน” รอยยิ้มนี้ของแม่มดชราดูสดใสกว่าครั้งไหนๆ พลังงานความสะใจเปล่งประกายจนล้นหลาม
หลินหลันแสร้งทำทีท่าไร้เดียงสา “ได้เลยเจ้าค่ะ! ไว้เดี๋ยวข้าค่อยไปซื้อเด็กสาวมาสักสองคน จะได้เพิ่มกำลังคนเจ้าค่ะ”
หญิงชราส่งเสียง ‘เอ้’ “เด็กสาวที่ไหนจะน่าเชื่อถือได้เท่าคนใกล้ตัว”
“อ้อ! ความหมายของท่านย่าคือจะรับอนุภรรยาให้หมิงอวินหรือเจ้าคะ” หลินหลันกล่าวขึ้นทันควัน
นางฮานเผยสีหน้าท่าทีอันมุ่งมั่นและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถูกต้อง เหล่าไท่ไทและเหล่าเหยียก็หมายความเช่นนี้ เหล่าเหยียกล่าวว่าเจ้าเป็นผู้ที่รู้จักเหตุจักผล แม้ว่าภูมิหลังจะเป็นชาวชนบท ทว่ามีความรู้และความนึกคิดเทียบเท่าบุตรสาวตระกูลผู้สูงศักดิ์ก็ว่าได้ ยามนี้ก็คงต้องขึ้นอยู่กับความเห็นของเจ้าแล้วละ”
หลินหลันหัวเราะเจื่อน อุตส่าห์นำพ่อหลี่ผู้ไร้ยางอายผนึกเข้ากับหญิงชราหน้ามืดตามัวขนาดนี้แล้ว อีกทั้งยังกล่าวเชยชมนางเช่นนี้ แล้วยังให้นางมีความคิดเห็นอันใดได้อีกหรือ
“อืม…เรื่องนี้หลานเองมิคัดค้านแต่อย่างใดเจ้าค่ะ ประเด็นสำคัญคือต้องขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของหมิงอวิน นิสัยใจคอของหมิงอวินท่านท่านแม่ก็คงรู้ดีเช่นกัน บางครั้งก็เอาแต่ใจมาก เรื่องใดที่เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ใครหน้าไหนพูดก็มิฟังทั้งนั้น หลานจึงมิกล้าตอบรับแทนเขาหรอกเจ้าค่ะ” หลินหลันกล่าวอย่างไร้เดียงสา นางเริ่มจากการเกริ่นทิ้งไว้ก่อนซึ่งเป็นนัยว่า มิใช่นางไม่เห็นด้วย หากพวกเจ้ามีความสามารถก็ไปพูดกับหมิงอวินเองเถอะ!
“บุรุษนี่นะ มักจะปากไม่ตรงกับใจ ปากกล่าวอย่างทว่าภายในใจกลับเป็นคนละเรื่อง” นางฮานกล่าวอย่างลอยๆ ขึ้นมาหนึ่งประโยค
หลินหลันยิ้มกรุ้มกริ่มขณะมองนาง นั่นเป็นสามีเจ้ารวมถึงบุตรชายเจ้าต่างหากที่เป็นบุรุษไร้ยางอาย ถึงได้ปากอย่างใจอย่าง ทว่าหมิงอวินของข้ามิใช่คนประเภทนั้น
“ในเมื่อเจ้าไม่คัดค้านก็ดี หมิงอวินเป็นหลานชายข้า หลานข้าแน่นอนว่าข้าต้องเข้าใจเป็นอย่างดี เขาเป็นคนกตัญญู อย่างไรก็คงไม่คัดค้านความหวังดีของผู้อาวุโสหรอก” หญิงชรากล่าวเองเออเอง
แม่จู้ซึ่งอยู่ด้านข้างยกยิ้มมุมปาก เหล่าไท่ไท! นี่มันใช่การรักและหวังดีต่อหลานชายเสียที่ไหนกัน นี่มันเป็นการทำลายครอบครัวเขาเห็นๆ
“ท่านย่าช่างรักและเอาใจใส่หลานจริงๆ เลยขอรับ” เสียงใสกังวานดังขึ้น ตามด้วยหมิงอวินกำลังย่างก้าวเข้ามา
หลินหลันมองดูหลี่หมิงอวินที่กำลังเดินเข้ามาอย่างสง่างาม ทั้งรู้สึกดีใจและกระตือรือร้น นางรีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยถาม “มาถึงเมื่อใดหรือ”
แม้จะเห็นได้ชัดว่าหลี่หมิงอวินอ่อนเพลีย ทว่าภายใต้รอยยิ้มนั้นยังเต็มไปด้วยความสุขพร้อมกับนัยน์ตาที่ดูอบอุ่น “เพิ่งกลับมาถึง” เขากล่าวเสียงบางเบา
หลังจากนั้นจึงเดินเข้าไปคารวะหญิงชรา “หลานรู้ดีว่าท่านย่าคงคะนึงถึงหลาน ดังนั้นทันทีที่ถึงบ้านจึงมาคารวะท่านยาเป็นอันดับแรกขอรับ”
ภายในใจนางฮานเต็มไปด้วยความหงุดหงิด มาได้ประจวบเหมาะเสียจริง ทำเป็นพูดจาปากหวาน มาคารวะท่านย่าอย่างนั้นหรือ แท้จริงเป็นการมาหาหลินหลันเสียมากกว่ากระมัง!
หญิงชรารู้สึกโล่งอกโล่งใจ เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “การเดินทางราบรื่นดีใช่หรือไม่”
“ด้วยคำอวยพรของท่านย่า ทุกอย่างจึงราบรื่นดีขอรับ” หลี่หมิงอวินยกสองมือขึ้นระดับหน้าอกในท่าคารวะ
“เช่นนั้นก็ดี กินอันใดมาแล้วหรือยัง” หญิงชราแสดงความห่วงใย หมิงอวินยิ่งแสดงออกอย่างเต็มที่มากขึ้น แน่นอนว่าภายในใจของหญิงชราก็จะยิ่งเห็นคุณค่ามากขึ้นเช่นกัน
“ยังเลยขอรับ! ทว่าหลานให้เหวินซานไปสั่งการกุ้ยซ่าวช่วยเตรียมอะไรไว้ให้กินแล้วขอรับ”
“อย่ามัวยืนอยู่เลย รีบนั่งเร็วเข้า…แม่จู้ ช่วยนำน้ำชามาให้นายน้อยทีสิ” หญิงชรากล่าวสั่งการ
หลี่หมิงอวินนั่งลงข้างหลินหลัน หลินหลันจงใจกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “เมื่อครู่ท่านย่าและท่านแม่กำลังพูดเรื่องหาอนุภรรยาให้แก่ท่านพี่น่ะ! ทว่าน้องมิกล้าตัดสินใจแทนท่านพี่”
หลี่หมิงอวินเผยรอยยิ้มอันแสนอบอุ่น “เจ้าตอบรับแล้วหรือ”
หลินหลันกล่าวอย่างอ่อนหวาน “ตราบใดที่ท่านพี่ชอบ น้องเองก็มิขัดข้องแน่นอนเจ้าค่ะ” หลังแสดงภาพลักษณ์ศรีภรรยาแสนดีผู้ใจกว้างเพียงพอแล้ว จึงแอบส่งสายตาเฉียบคมประดุจคมมีดตวัดไป สายตาที่กำลังกวาดมองบนเรือนร่างของเขาแทนคำกล่าวที่ว่า หากเจ้ากล้าจริงๆ ละก็ ข้าจะเล่นงานเจ้าให้สิ้นซาก
หลี่หมิงอวินรู้สึกเย็นวาบไปทั่วหนังศีรษะเป็นอันดับแรก ต่อมาเมื่อเห็นสายตาของนางที่ตวัดมาก็รู้สึกชาไปทั่งเรือนร่าง ภายในสมองปรากฏภาพหลินหลันถือมีดหั่นผักไว้ในมือพร้อมกับแสยะยิ้มอันชั่วร้าย
“หมิงอวินเอ๊ย! ทุกวันนี้เจ้ากับหลินหลันล้วนยุ่งตัวเป็นเกลียว มีคนคอยเอาใจข้างกายเพิ่มอีกสักคน ทั้งได้ช่วยดูแลเจ้า ทั้งช่วยแบ่งเบาหลินหลัน…” นางฮานรีบเอ่ยปากทันที
หลี่หมิงอวินเบนสายตาเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มที่เผยร่องรอยเหยียดหยัน ก่อนจะกล่าวด้วยท่าทีไม่เป็นเดือดเป็นร้อนใดๆ “ว่าตามหลักก็คงเป็นเช่นนี้ ทว่าเรื่องเลือกคนนี่เป็นสิ่งสำคัญมาก หากกลายเป็นได้คนที่ไม่สมดังปรารถนามาอยู่ข้างกาย เช่นนั้นก็คงไม่เพียงแต่ช่วยให้สำราญใจ แต่กลับทำให้อึดอัดคับข้องใจไปเปล่าๆ ขอรับ”
“เจ้าวางใจได้ คนที่เหล่าไท่ไทเลือก ต้องเป็นผู้ที่อ่อนโยนเรียบร้อย รับประกันว่าสมใจเจ้าแน่นอน” นางฮานกล่าวเอาอกเอาใจ
หลี่หมิงอวินขมวดคิ้วเล็กน้อย “อ่อนโยนเรียบร้อย? ข้ามิชอบประเภทนี้หรอกขอรับ นิสัยสงบเสงี่ยมเรียบร้อยเกินไป อยู่ด้วยกันไปก็มีแต่ทำให้รู้สึกอึดอัดน่าเบื่อ”
เมื่อหญิงชราได้ยินดังกล่าว เช่นนั้นมิเท่ากับว่าอวี๋เหลียนคงมิได้มีบทบาทแล้วสินะ นางครุ่นคิด ในเมื่ออวี๋เหลียนไม่เหมาะ ก็แค่หามาใหม่อีกสักคนก็พอ “เช่นนั้นเจ้าชอบแบบไหนหรือ” นางกล่าวถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
หลี่หมิงอวินจ้องมองหลินหลันและกล่าวอย่างครุ่นคิด “หลานคิดว่าหลานชอบแบบหลินหลันนี่แหละขอรับ ร่าเริงน่ารัก ตรงไปตรงมา ที่สำคัญคือจิตใจงดงามขอรับ”
หลินหลันมองไปที่เขาด้วยแวบสายตาหนึ่ง ภายในใจกลับรู้สึกราวกับดื่มน้ำผึ้งแสนหวานเข้าไป ทันใดนั้นใบหูก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา ผู้ชายคนนี้มิรู้จักอายบ้างหรือไร เล่นชมกันตรงๆ เสียขนาดนี้เชียวหรือ!
หญิงชราและนางฮานมองหน้ากันเลิ่กลั่ก จุดมุ่งหมายนี้ พูดแล้วดูเหมือนง่ายดาย ทว่าความหมายของหมิงอวินก็คือ นอกเสียจากผู้ที่เสมือนหลินหลันเช่นนี้ ถึงยังพอพิจารณาได้
“หลานว่าน้องหมิงจูก็มิเลวนะขอรับ แม้ว่านิสัยเอาแต่ใจไปหน่อย ทว่าอายุยังน้อย จึงไม่รู้เรื่องรู้ราวไปบ้าง แต่ก็ค่อยๆ สั่งสอนกันไปก็เป็นพอ หากรับน้องหมิงจูมาเป็นอนุภรรยา หลานก็ยินดีตอบรับขอรับ หลันเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ” หลี่หมิงอวินเอ่ยถามความคิดเห็นของหลินหลันอย่างจริงใจ
ทันใดนั้นเกิดเสียงดัง ‘เคล้ง’ ฝาถ้วยน้ำชาในมือหญิงชราร่วงหล่นลง แม่จู้จึงรีบเก็บขึ้นมาให้แล้วหยิบเศษผ้าเช็ด “ยังดีที่ไม่แตกเจ้าค่ะ”
หลินหลันชายตามองหญิงชราและแม่มดชราที่นั่งอยู่ด้านบน ทั้งสองหน้าถอดสีผสมกับความประหลาดใจ หลินหลันพยายามอย่างหนักเพื่อกลั้นมิให้หัวเราะออกมา หลี่หมิงอวินนี่นะ! โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว
นางแสร้งทำเป็นไตร่ตรองจริงจังแล้วจึงเอ่ย “อืม เป็นญาติกันแล้วได้แต่งงานกันก็ดีเช่นกัน”
เมื่อหางตาสังเกตเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าไม่คายไม่ออกและดูย่ำแย่มากยิ่งขึ้นของทั้งสองคนนั้น หลินหลันจึงกล่าวสุมไฟลงไปอีกระลอก “เจ้าชอบก็เป็นพอ จะว่าไปแล้วท่านแม่ก็คงถูกใจเช่นกัน”
หลี่หมิงอวินได้รับคำอนุญาตของหลินหลันจึงหันไปยกสองมือขึ้นประสานกันระดับหน้าอกคารวะให้หญิงชรา “อย่างไรก็ขอท่านย่าโปรดทำให้หลานสมดังหวังด้วยขอรับ”
ขณะนี้หญิงชรารู้สึกอึดอัดเสียยิ่งกว่าการกินแมลงวันเข้าไป สถานะของหมิงจู หมิงอวินไม่รับรู้ พวกเขาเป็นพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันเชียวนะ แล้วจะแต่งงานกันได้อย่างไรหรือ หญิงชรามองนางฮานด้วยความกลัดกลุ้มอย่างยิ่ง ราวกับกำลังกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความนึกคิดของเจ้าที่เสนอออกมา ยามนี้เจ้าก็จัดการเองแล้วกัน! นางมิขอยุ่งเกี่ยวด้วยแล้ว
นางฮานอดรู้สึกอึดอัดใจมิได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือความรู้สึกกระวนกระวาย คู่สามีภรรยาหมิงอวินร่วมมือกันต่อกรหมิงจูไม่รู้กี่ครั้งกี่ครา ทำให้หมิงจูถูกเอาเปรียบอย่างใหญ่หลวง ยามนี้กลับกล่าวว่าชื่นชอบนิสัยประเภทหมิงจู ต้องการให้หมิงจูเป็นอนุภรรยา พวกเขาจงใจรับหมิงจูไป เพื่อจะได้รังแกหมิงจูต่อไปให้ถนัดมือหน่อย หรือว่าพวกเขารู้อันใดเข้าแล้ว ในกรณีสุดท้ายเป็นเรื่องคาดเดาที่นางฮานกังวลใจและเกรงกลัวมากที่สุด
นางฮานครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรก็กลับมาอยู่ในอาการสงบนิ่งแล้วกล่าวอย่างนุ่มนวล “หมิงจูนิสัยเอาแต่ใจจนเคยชิน ท่านพ่อเจ้ามิชอบนางอย่างยิ่งจึงบอกกล่าวอยู่หลายครั้งหลายคราว่าต้องการให้นางแต่งออกไปโดยเร็วไว เมื่อต้นฤดูใบไม้ผลินี้ ข้าได้ให้แม่สื่อช่วยหาบ้านแม่ยายที่เหมาะสมให้นางแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็กำลังพูดคุยอยู่พอดีเชียว!”
หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยความเสียดาย “เช่นนี้เองหรือขอรับ! เช่นนั้นก็น่าเสียดายยิ่งนัก ตามจริงลูกคิดจะเอ่ยตั้งนานแล้ว ทว่าเข้าใจมาโดยตลอดว่าพี่ใหญ่ชอบพอหมิงจูจึงมิได้เอ่ยปาก เฮ้อ…ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ขอพักความคิดเรื่องรับอนุภรรยาไว้ก่อนแล้วกัน หลันเอ๋อร์ อย่างไรก็ลำบากเจ้าหน่อยแล้วกันนะ”
นางฮานรู้สึกอัดอัดใจขึ้นอีกระลอก หลี่หมิงอวินมิรู้จริงๆ หรือแสร้งเลอะเลือนกันแน่
หลินหลันต้องกลั้นหัวเราะจนท้องเกร็งไปหมดแล้วยังต้องแสดงท่าทีสตรีงามผู้แสนดี “ปรนนิบัติสามีของตนเอง ต่อให้เหน็ดเหนื่อยเพียงใดก็เป็นเรื่องที่พึงกระทำเจ้าค่ะ”
และเมื่อเห็นดวงตาของคุณชายหลี่ที่กำลังเปล่งประกายเสมือนดวงตาหมาป่า หลินหลันรู้สึกขึ้นทันใดว่าการแสดงออกของตนเองมิค่อยถูกต้องเสียแล้ว
หญิงชราถูกความนึกคิดอันแปลกประหลาดของหมิงอวินทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายอย่างสิ้นเชิงจึงถอนหายใจออกมา “หมิงอวินเอ๊ย! เจ้านั่งรถม้ามาก็คงเหนื่อยมากแล้วเช่นกัน รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ! เรื่องรับอนุภรรยาไว้ค่อยว่ากันวันหลังแล้วกัน!”
หลี่หมิงอวินและหลินหลันรีบลุกขึ้นและกล่าวลาทันทีทันใด
หลังทั้งสองเดินจากไปแล้ว หญิงชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาภายใต้สีหน้าเคร่งขรึม “วันหน้าวันหลังอย่าได้เอ่ยถึงเรื่องรับอนุภรรยาขึ้นมาอีก เรื่องวันนี้ก็อย่าได้บอกกล่าวสามีเจ้า เดี๋ยวจะพานให้สามีเจ้าขุ่นเคืองใจไปเปล่าๆ เมื่อได้ยินเข้า”
นางฮานมิเพียงแต่ไม่อาจบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ แต่กลับถูกหมิงอวินตอกหน้าหงายอย่างโหดเหี้ยมไปอย่างน่าเสียดาย คงมิต้องเอ่ยถึงว่าภายในใจคับข้องเพียงใด เดิมยังคิดว่าจะไปบอกกล่าวสถานการณ์ต่อสามี ทว่าหญิงชราดันสั่งให้ปิดปากเอาไว้เสียก่อน นางหงุดหงิดจนเลือดลมเดินไม่สะดวกจึงรู้สึกอัดแน่นบริเวณหน้าอกขึ้นมา ทว่าท้ายที่สุดก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาขานรับ “ลูกจดจำไว้แล้วเจ้าค่ะ”