ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่ 208 ตรวจค้นบ้านยึดทรัพย์สิน
หลี่หมิงอวินกลับมาถึง ทางด้านนี้ก็เพิ่งวางแผนกันเป็นที่เรียบร้อย แม่โจวจึงนำทุกคนถอยออกไปอย่างรู้งาน
“ทางด้านท่านพ่อนั่นเอ่ยว่าอย่างไรบ้างหรือ” หลินหลันกล่าวอย่างเป็นห่วงเป็นใย
หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยความหนักใจ “ข้าย้ำเตือนเขาไว้แล้ว ถือได้ว่าเป็นการชี้ทางให้เขา ดังนั้นตัวเขาเองคงรู้อยู่แก่ใจว่าต้องทำเช่นไร”
หลินหลันอยากถามเขาอย่างยิ่งว่าสรุปแล้วเขามีความมั่นใจมากน้อยเพียงใด เรื่องนี้ไม่ง่ายดายเสมือนการเล่นงานแม่มดชรานั่น อย่างไรก็ตาม นางรู้ดีว่าในส่วนของเงินทองทรัพย์สินต้องสูญเสียไปอย่างแน่นอน นางจึงไม่เกรงกลัวเรื่องที่รู้ว่าจะเกิดขึ้น แต่เกรงกลัวว่าสถานการณ์จะเอนเอียงไปในทิศทางที่เหนือความคาดหมาย ซึ่งอาจนำมาซึ่งผลร้ายแรงได้ ขีดจำกัดของหลินหลันคือความปลอดภัยของหมิงอวิน นางไม่ขอถอยเพื่อความปลอดภัยของตนเอง แต่ขอมีชีวิตอยู่ได้โดยไร้ความกังวลก็เป็นพอ
หลี่หมิงอวินจ้องมองหลินหลันที่กำลังอ้ำอึ้งด้วยแววตารู้สึกผิด เขารู้ว่าหลินหลันกำลังกังวลอะไรอยู่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดปล่อยวาง ปล่อยให้บิดาเสวยสุข หลังจากนั้นเขาค่อยขอโยกย้ายไปรับตำแหน่งนอกเมือง พาหลินหลันออกไปจากสถานที่สกปรกๆ แห่งนี้ ทว่าการกระทำต่างๆ นานาของบิดา ทำให้เขาไม่อาจอดทนได้ นิสัยใจคอที่เลวทรามเพียงนี้ แสร้งเป็นสุภาพบุรุษที่ใช้วิธีการอันโหดเหี้ยมได้เพียงนี้ นี่มันคนเลวทรามชัดๆ แล้วมีสิทธิ์อันใดที่จะใช้ชีวิตอย่างอิสระสุขสบายได้อีก การปล่อยให้เขาได้เสพสุขอยู่บนชื่อเสียงอันดีงามและความร่ำรวยซึ่งได้มาจากวิธีการต่ำช้า เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจอดทนและยอมรับได้
“หลันเอ๋อร์…” หลี่หมิงอวินสวมกอดนางหลวมๆ แล้วกระซิบข้างหูนาง “หลันเอ๋อร์ มิต้องเป็นกังวลไป พวกเราไม่เป็นอะไรหรอก”
แม้เขาจะปลอบประโลมเช่นนี้ ทว่าภายในใจกลับไม่สุข เขาไม่ใช่เทพเจ้าจึงไม่อาจควบคุมทุกอย่างให้อยู่ใต้อาณัติได้ ความอันตรายของการเดินหมากตัวนี้ หากทำไม่ดีจะเป็นการดึงตนเองจมลงไปด้วย ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้เขาเป็นบุตรชายของหลี่จิ้งเสียนกันล่ะ
หลินหลันโอบสองแขนรอบเอวเขาแล้วเอ่ยเสียงเบา “หมิงอวิน กอดข้าให้แน่นหน่อยสิ”
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ตั้งแต่เขาเผาหนังสือสัญญาฉบับนั้นทิ้งแล้วเอ่ยว่าต้องการเป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงกับนาง นางก็ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า ไม่ว่าในอนาคตจะเป็นเช่นไร นางจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขาอย่างไม่ลังเล เช่นนั้น ไม่ว่าในอนาคตจะเป็นเช่นไร สิ่งที่รอคอยพวกเขาอยู่คือหายนะหรือความสุข นางก็พร้อมจับมือเคียงข้างเขาไม่จากไปไหน
หลี่หมิงอวินกระชับอ้อมแขนกอดนางไว้แนบแน่น เขารู้สึกราวกับมีบางอย่างจุกที่ลำคอพร้อมกับดวงตาพร่ามัวขึ้นฉับพลัน ขอเพียงผ่านปัญหานี้ไปให้ได้ เพื่อมารดา เพื่อตระกูลเยี่ย เพื่อตนเอง แล้วหลังจากนี้ เขาขอเพียงได้อยู่ครองรักกับสตรีผู้นี้ จับมือกันไปจนแก่เฒ่า
“เอ้อร์เส้าเหยีย แย่แล้วขอรับ ทหารรักษาพระองค์ล้อมจวนหลี่ไว้แล้วขอรับ…” ตงจึเคาะประตูอย่างแรงพลางส่งเสียงตะโกน
หลี่หมิงอวินกับหลินหลันต่างไม่ส่งเสียงขานรับ พวกเขายังคงโอบกอดกันและกันอย่างสงบเงียบ ซึมซับช่วงเวลาอบอุ่นอันแสนสั้นนี้ไว้ให้ได้มากที่สุด
ทหารรักษาพระองค์บุกเข้ามาอย่างอุกอาจ นำตัวลูกหลานผู้เป็นบุรุษของตระกูลหลี่ไปแล้วปิดตายบ้านหลังโตของตระกูลหลี่ พวกเขาอนุญาตให้สตรีในตระกูลหลี่พกพาของใช้ที่จำเป็นติดตัวไว้เท่านั้น ก่อนทยอยขับไล่ออกจากจวนหลี่
หลินหลันและติงหลั้วเหยียนมองดูหมิงอวินและคนอื่นๆ ถูกพาตัวไป ได้ยินเสียงประตูบานใหญ่ของจวนหลี่ถูกปิดลงอย่างแรง ตามด้วยเสียงร้องไห้ระงมจากด้านหลัง แม้เตรียมตัวเตรียมใจไว้แต่เนิ่นๆ แล้ว ทว่านาทีนี้ หลินหลันยังคงรู้สึกแย่อย่างยิ่งต่อการต้องมองดูหมิงอวินถูกพาตัวไป การที่หมิงอวินทำเช่นนี้ บอกไม่ได้เช่นกันว่ามันคุ้มค่าหรือไม่ ในเมื่อนั่นเป็นบทสรุปในใจของเขา หากไม่ทำเช่นนี้ ชั่วชีวิตของเขาก็คงไม่อาจมีความสุขไปได้
ติงหลั้วเหยียนไม่อาจกลั้นน้ำตา นางกล่าวสะอึกสะอื้น “น้องสะใภ้ พวกเราจะทำอย่างไรกันดีหรือ”
หลินหลันหันกลับไปมองประตูบานใหญ่ของจวนหลี่ที่ถูกปิดผนึก มองดูสาวใช้ทั้งชายและหญิงกลุ่มหนึ่งด้านหลังที่มีสีหน้าคร่ำเครียด มองดูหญิงชราที่นอนอยู่บนเปลแบกหาม เมื่อต้องประสบเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นมาจริงๆ นางรู้สึกเสมือนกำลังแบกรับภาระอันหนักอึ้ง
หลินหลันสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามทำให้ตนเองสงบนิ่งก่อนกล่าวออกไปอย่างใจเย็น “แม่เหยาอยู่ไหนหรือ”
แม่เหยาส่งเสียงขานรับแล้วก้าวออกมา
“นำสัญญาซื้อขายตัวของทุกคนมาให้ข้า” หลินหลันกล่าว
แม่เหยาเผยสีหน้าประหลาดใจก่อนมองไปขอความคิดเห็นของนายหญิงสะใภ้ใหญ่
ติงหลั้วเหยียนปาดน้ำตาที่หางตา “ทำตามที่เอ้อร์เส้าหน่ายนายว่าเถอะ!”
แม่เหยาหยิบหนังสือสัญญาปึกหนึ่งส่งให้นายหญิงสะใภ้รอง
หลินหลันถือหนังสือสัญญาไว้แล้วกล่าวต่อกลุ่มคน “จวนหลี่ถูกตรวจค้นและยึดทรัพย์สิน ยามนี้พวกเจ้าและข้าล้วนกลายเป็นคนไร้บ้าน สิ่งเหล่านี้คือสัญญาซื้อขายตัวของพวกเจ้า หากพวกเจ้าอยากออกไปหาช่องทางอื่นก็รับสัญญาซื้อขายตัวของพวกเจ้าไปเสีย ข้าจะให้เงินแก่พวกเจ้าทุกคนจำนวนห้าตำลึงเงินเป็นเงินชดเชยสำหรับการแยกย้ายออกไป หากไม่อยากจากไปก็อยู่ด้วยกัน ทว่าข้าต้องขอบอกกล่าวไว้ก่อนว่า หากอยู่ด้วยกันต่อ ข้าทำได้เพียงรับประกันว่าพวกเจ้าจะกินอิ่มท้องทั้งสามมื้อในแต่ละวัน ส่วนเงินเดือนคงไม่มีให้พวกเจ้า”
ติงหลั้วเหยียนกล่าวด้วยเสียงบางเบา “น้องสะใภ้ ตอนนี้พวกเรามีเงินเป็นค่าชดเชยให้พวกเขาที่ไหนกัน”
ข้ารับใช้บางส่วนที่อยากถอนตัวต่างมองไปยังนายหญิงสะใภ้รองด้วยความสงสัยเช่นกัน ตระกูลหลี่ถูกค้นบ้านและยึดทรัพย์ไปทั้งหมดแล้ว ทุกคนทำได้เพียงนำเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นติดตัวออกมาเท่านั้น แล้วนายหญิงสะใภ้รองจะไปเอาเงินมาจากไหนหรือ
เวลานี้เอง เสียงเกือกม้าควบเข้ามาอย่างเร่งรีบดังมาแต่ไกลก่อนหยุดลงเบื้องหน้าประตูจวนหลี่ ฝูอานและเหล่าอู่กระโดดลงจากม้า ฝูอานเป็นผู้เดินเข้ามาคารวะนายหญิงสะใภ้รอง “เอ้อร์เส้าหน่ายนายขอรับ ข้าน้อยนำของที่ท่านต้องการมาแล้วขอรับ”
หลินหลันพยักหน้าแล้วหันไปเอ่ยกับเหวินซาน “เหวินซาน เจ้ากับหรูอี้ช่วยกันหน่อย นำเงินค่าชดเชยนี่ไปแจกจ่ายให้ทุกคนที่ต้องการแยกตัวออกไปทีสิ” นางเอ่ยพลางนำสัญญาซื้อขายตัวที่อยู่ในมือส่งให้หรูอี้
เหวินซานขานรับก่อนกล่าวด้วยเสียงดังฟังชัด “เอ้อร์เส้าหน่ายนายต้องการจ่ายเงินชดเชย ผู้ที่ต้องการจากไปมาเข้าแถวกันได้เลย”
มีข้ารับใช้สิบกว่าคนก้าวออกมาและไปยืนเข้าแถวเรียงรายกันอย่างเงียบๆ ทันที บางส่วนเกิดความลังเลใจ แต่เมื่อมองดูผู้อื่นได้รับเงินห้าตำลึงเงินจริงๆ จึงเริ่มเกิดความหวั่นไหว ในเมื่อตระกูลหลี่จบสิ้นแล้ว การอยู่ต่อไปจะมีอันใดดีขึ้นหรือ
หลินหลันเดินไปยังหน้าเปลแบกหามเพื่อมองดูหญิงชรา ไม่สนใจว่าผู้คนทางด้านนี้เลือกจะจากไปมากน้อยเพียงใด หญิงชรายังคงมีท่าทีสงบนิ่งเฉกเช่นที่ผ่านมา นัยน์ตาของนางไม่ปรากฏร่องรอยความตื่นตระหนก มีเพียงความสงบนิ่งราวกับไม่มีเรื่องใดๆ เกิดขึ้นทั้งสิ้น
“ท่านย่า ท่านมิต้องกังวลไปนะเจ้าคะ ข้าไม่ทิ้งท่านโดยไม่สนใจไยดีหรอกเจ้าค่ะ” หลินหลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าคะ เช่นนั้นพวกเราจะไปอยู่ไหนกันหรือเจ้าคะ” แม่จู้เอ่ยถามด้วยความกระวนกระวายใจ
“ข้าให้คนไปบอกกล่าวนายท่านเยี่ยไว้แล้วว่าให้เขาช่วยเตรียมที่พักไว้ให้แห่งหนึ่ง ยามนี้พวกเรามีตระกูลเยี่ยเป็นที่พึ่งเดียวเท่านั้นเช่นกัน” ยามที่หลินหลันเอ่ยเช่นนี้ นางสังเกตสีหน้าของหญิงชราเป็นพิเศษ
เห็นเพียงกล้ามเนื้อบนใบหน้าหญิงชรากระตุกเล็กน้อยก่อนปิดเปลือกตาลงช้าๆ
หลินหลันลอบถอนหายใจ หญิงชราหนอหญิงชรา เจ้าดูถูกเหยียดหยามตระกูลเยี่ยมาโดยตลอด แต่ท้ายที่สุดก็ยังต้องพึ่งพิงตระกูลเยี่ยเพื่อเอาตัวรอด ยามนี้ในใจของเจ้ามีความนึกคิดและรู้สึกเช่นไรกันนะ
มือของหญิงชราที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มสั่นสะท้านไม่หยุดด้วยอยากกำมือทว่าร่างกายกลับไม่เชื่อฟังเอาเสียเลย
เมื่อเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป นอกจากคนของเรือนหลั้วเซี๋ยจายก็ไม่มีผู้อื่นหลงเหลืออยู่อีก ข้ารับใช้ของเรือนอื่นๆ ต่างแยกย้ายจากกันไป ที่เหลือๆ อยู่ทั้งหมดจึงมีเพียงสิบกว่าคน
เหล่าอู่ก้าวเดินเข้ามาแล้วเอ่ย “ต้าเหล่าเหยียตระเตรียมที่พักไว้ให้เรียบร้อยแล้วขอรับ ข้าน้อยจะพาต้าเส้าหน่ายนายไปเองขอรับ”
หลินหลันพยักหน้าให้ ก่อนได้ยินเสียงหงซางซึ่งอยู่ข้างกายติงหลั้วเหยียนเอ่ยถามเบาๆ “ต้าเส้าหน่ายนายเจ้าคะ เรากลับไปจวนติงกันดีหรือไม่เจ้าคะ”
ติงหลั้วเหยียนกล่าว “คนของตระกูลหลี่ไปแห่งหนใด เราก็ไปแห่งหนนั้น”
หลินหลันรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง ดูเหมือนสตรีที่หนักแน่นอย่างหลั้วเหยียนเพียงนี้คงไม่อาจพบเห็นได้บ่อยนัก นางจึงก้าวขึ้นไปเบื้องหน้าแล้วกล่าว “พี่สะใภ้ พวกเราไปด้วยกันเถอะ!”
ด้วยรถม้ามีเพียงคันเดียว หลินหลันจึงให้หญิงชราที่เป็นอัมพาตและอนุภรรยาหลิวที่ตั้งครรภ์นั่งรถม้าไป ส่วนคนที่เหลือพากันเดินเท้า หลังจากนั้นขบวนคนกลุ่มหนึ่งจึงพากันเคลื่อนตัวออกจากบริเวณจวนหลี่อย่างเงียบงัน
ตามจริง ที่พักอาศัยนี้เป็นสถานที่ที่หลินหลันตระเตรียมไว้นานแล้ว พวกหรูอี้ก็เคยมาก่อนหน้านี้เช่นกัน นั่นก็คือบ้านหลังนั้นที่หลินหลันเคยใช้ในการไตร่สวนเฉียวโหรวเมื่อนานมาแล้ว
หลินหลันมอบเรื่องการจัดแบ่งห้องให้แต่ละคนและการจัดสรรภาระงานของทุกคนในบ้านให้ติงหลั้วเหยียนเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนตนเองออกไปบ้านตระกูลเยี่ยโดยมีหรูอี้ติดตามไปด้วย
“หลานสะใภ้ เจ้ามิต้องเป็นกังวลจนเกินไป แม้ตระกูลหลี่ถูกยึดทรัพย์จนหมด ทว่าผู้ได้รับโทษมีเพียงบุตรชายในตระกูลหลี่เท่านั้น ฮ่องเต้ไม่ถือโทษเอาผิดกับสตรีตระกูลหลี่ เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ทรงมีพระเมตตาไม่น้อยทีเดียว ข้าเชื่อว่าไม่นานนักหมิงอวินก็คงถูกปล่อยออกมาแล้วละ” เยี่ยเต๋อฮ๋วยมองหลินหลันด้วยสีหน้าหดหู่ใจขณะกล่าวปลอบประโลม
หลินหลันฝืนยิ้มแล้วกล่าว “ท่านลุงมิต้องปลอบใจข้าหรอกเจ้าค่ะ ข้ามิเป็นไรเจ้าค่ะ”
ป้าสะใภ้ใหญ่จูงมือหลินหลันไปนั่งลง “ทั้งหมดเป็นเพราะความชั่วที่หลี่จิ้งเสียนกระทำไว้ แต่หมิงอวินกลับต้องติดร่างแหไปด้วยเสียนี่”
นางฉีป้าสะใภ้รองกล่าวด้วยความหงุดหงิด “ทางที่ดีที่สุดหลี่จิ้งเสียนผู้นั้นควรถูกตัดสินโทษโดยการเอามีดพันหมื่นเล่มมากรีดเฉือนจนตายไปเสีย ถึงจะสาสมแก่ความเคียดแค้นในใจข้า”
หลินหลันเผยรอยยิ้มขมขื่น“หากท่านพ่อถูกลงโทษเช่นนั้นจริงเกรงว่าหมิงอวินก็คงไม่รอดพ้นเช่นกันนะเจ้าคะ”
นางฉีกล่าว “นี่มันไร้สาระสิ้นดี! หมิงอวินมิใช่ผู้รับสินบน มีสิทธิ์อันใดมาจับหมิงอวินไปด้วย”
เยี่ยเต๋อฮ๋วยสบถ ฮึ “หมิงอวินดันเกิดมาผิดที่ผิดทางไปหน่อย จึงโชคร้ายมีบิดาที่ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน”
“ท่านลุง ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรกันดีเจ้าคะ” หลินหลันเอ่ยเข้าประเด็นอย่างตรงไปตรงมา หมากตัวนี้เป็นส่วนที่หมิงอวินกับผู้เป็นลุงวางไว้ ตอนนี้หมิงอวินถูกจับไปแล้ว ผู้เป็นลุงจึงน่าจะมีมาตรการเพื่อรับมือถึงจะถูก
เยี่ยเต๋อฮ๋วยขมวดคิ้วขณะหย่อนตัวลงนั่งแล้วจึงเอ่ย “หมิงอวินเป็นผู้มีพรสวรรค์ความสามารถที่ไม่ได้พบเจอกันง่ายๆ ฮ่องเต้เห็นเขาเป็นอาวุธสำคัญมาโดยตลอด จึงไม่น่าถือโทษเอาความอันใดต่อหมิงอวิน ยิ่งไปกว่านั้น ขณะที่หมิงอวินเป็นขุนนางทำหน้าที่เพื่อราชวงศ์ เขาได้รับคำชื่นชมและเคารพนับถือ ข้าจึงเชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยต้องช่วยพูดแทนเขา โดยสรุปแล้ว ข้าจะส่งคนไปสืบถามดูก่อนว่าหมิงอวินถูกพวกเขาขังไว้แห่งหนใด คอยสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ ดูก่อน แล้วเมื่อถึงเวลาค่อยคิดหาวิธีเคลื่อนไหวอีกที”
เยี่ยซือเฉิงกล่าวขึ้นมาเช่นกัน “น้องสะใภ้ ข้าส่งคนไปบอกกล่าวคุณชายเฉินแล้ว เขาตอบกลับมาว่าอีกประเดี๋ยวจะมาที่จวนเยี่ย”
นางหวังกล่าวด้วยความห่วงใย “จะอย่างไรก็ช่าง ไปรับประทานอาหารกันก่อนเถอะ! อิ่มท้องแล้วถึงจะสมองโลดแล่นคิดอะไรต่อได้”
ข่าวคราวที่จวนหลี่ถูกตรวจค้นบ้านและยึดทรัพย์สินแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงเพียงชั่วข้ามคืน
ในจวนจิ้งปั๋วโหว์ เฉียวอวิ๋นซีเอ่ยถามผู้ดูแลจงด้วยความกระวนกระวายใจ “รู้หรือไม่ว่ายามนี้หมอหลินไปอยู่แห่งหนใด”
ผู้ดูแลจงกล่าว “ยามนี้ข้าน้อยยังไม่ทราบว่าหมอหลินไปอยู่แห่งหนใดขอรับ ทว่าหุยชุนถางยังเปิดทำการ ข้าน้อยเชื่อว่าคนของหุยชุนถางน่าจะรู้ขอรับ”
เฉียวอวิ๋นซีครุ่นคิดชั่วขณะ “เจ้ารีบไปหุยชุนถางแล้วถามไถ่ทีว่าหมอหลินไปปักหลักอยู่แห่งหนใด ทางทีดีที่สุดให้นางมาหาข้าสักครั้ง”
ผู้ดูแลจงกล่าว “ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้ขอรับ”
แม่ฟางกล่าวด้วยความลังเล “ไปตามหาหมอหลินในยามนี้จะเป็นการไม่เหมาะสมหรือไม่เจ้าคะ”
เฉียวอวิ๋นซีตวัดสายตาเขม็งจ้องมองไป “ไม่เหมาะสมอันใดกัน ต่อให้ไม่เหมาะสม ความยากลำบากของนางข้าก็จะต้องช่วยเหลือให้ได้ น่าเสียดายที่ยามนี้โหว์เหยียยังอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ มิเช่นนั้นโหว์เหยียคงมีวิธีอันใดอย่างแน่นอน”
แม่ฟางพยักหน้า ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยใดๆ อีก
ณ จวนเผย เผยจื่อชิ่งได้ยินเรื่องราวของตระกูลหลี่จึงรีบไปหาบิดาที่ห้องหนังสือทันที
“ท่านพ่อ ท่านต้องคิดหาวิธีช่วยบัณฑิตหลี่ด้วยนะเจ้าคะ…”
มหาบัณฑิตเผยกำลังปรึกษาหารือกับสหายผู้ร่วมงานจากสำนักฮ่านหลินที่รีบมาหลังได้ยินข่าวคราวนี้เช่นกัน เมื่อเห็นบุตรสาวบุ่มบ่ามเข้ามาจึงอดชักสีหน้าเคร่งขรึมใส่ไม่ได้ “เจ้ามาที่นี่ทำไมหรือ”
เผยจื่อชิ่งเพิ่งพบว่ามีคนจำนวนมากอยู่ในห้องหนังสือยามนี้ จึงผลักภาระความรับผิดชอบทั้งหมดไปที่มารดาทันที “ท่านแม่ให้ลูกมาเจ้าค่ะ ท่านหมอหลินมีพระคุณต่อตระกูลเรา ดังนั้น…”
มหาบัณฑิตเผยยกมือขึ้นโบกปัดๆ “เรื่องนี้เดี๋ยวพ่อจัดการเอง เจ้าออกไปเถอะ บอกท่านแม่เจ้าให้วางใจได้”
เผยจื่อชิ่งพยักหน้าขานรับแล้วรีบถอยออกมา นางเชื่อว่าบิดาจะไม่นิ่งนอนใจมองดูเฉยๆ แน่นอน ทว่านางก็ไม่อาจวางใจได้อยู่ดี จึงไปสั่งการรั่วเอ๋อร์ “เจ้ารีบไปสืบมาทีว่ายามนี้หมอหลินปักหลักอยู่แห่งหนใด แล้วรีบกลับมารายงานข้าโดยเร็ว”
รั่วเอ๋อร์รับคำสั่งการแล้วออกไป หลังจากนั้นเผยจื่อชิ่งจึงกลับห้องไปเขียนจดหมายฉบับหนึ่งแล้วให้คนนำมันไปส่งที่จวนอู่หยางจวิ้นจู่