ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่ 260 หน้าไม่อาย
เมื่อครั้งหลินหลันอยู่ในหมู่บ้าน เคยได้ยินบางผู้คนพูดถึงการแก่งแย่งทรัพย์สมบัติของวงศ์ตระกูล เพียงโถส้วมเดียวแบ่งกันไม่ลงตัวก็ถึงขั้นจะตบตีกันให้ตายไปข้าง ทว่าชาวหมู่บ้านเจี้ยนซีใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย นางจึงไม่เคยพบเห็นกรณีเหล่านี้ ตอนนี้ได้เห็นท่าทีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟของลุงใหญ่ แสดงท่าทางราวกับต้องการสู้สุดชีวิต นางถึงเชื่อแล้วว่าที่เขากล่าวต่อๆ กันมาไม่ใช่คำลวงหลอก นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในกล่องบรรจุอะไรไว้บ้าง ทว่าหญิงชราส่งมอบสิ่งนี้ไว้ให้ก่อนสิ้นลมหายใจ มันคงเป็นของสำคัญยิ่งอย่างแน่นอน พวกเงินทองทรัพย์สมบัติใดอะไรนี่ นางไม่สนใจเลยสักนิด นางกับหมิงอวินมีร้านยา มีเหมืองถ่านหิน หากให้พูดอย่างคุยโวโอ้อวดหน่อยก็คือ เงินของนางให้ใช้ไปหลายชั่วชีวิตก็ไม่มีวันหมด แล้วมีหรือจะอยากได้สิ่งของอันน้อยนิดนี้ของหญิงชรา ไม่รู้เช่นกันว่าหญิงชรานึกคิดอะไร ทำไมถึงโยนปัญหานี่ให้นางเสียดื้อๆ
แน่นอนละ ความไม่สนใจเป็นเรื่องหนึ่ง แต่จะปล่อยให้พวกเจ้ามาใส่ร้ายป้ายสีด้วยความคิดแย่งชิงสิ่งของนี้ไปก็ไม่ได้เช่นกัน หากปล่อยให้เป็นเช่นนั้น หลินหลันก็คงโง่เขลาขั้นสุด
หลินหลันแสร้งถอนหายใจและกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ท่านลุงใหญ่ ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ หลานสะใภ้ก็ลำบากเช่นกันเจ้าค่ะ ทำไมเหล่าไท่ไทต้องนำสิ่งของมอบให้ข้า เรื่องนี้ ไว้เราค่อยว่ากันอีกทีเถอะเจ้าค่ะ ตอนนี้การจัดพิธีศพของเหล่าไท่ไทสำคัญกว่า หากให้คนภายนอกรับรู้ว่า บุตรหลานของตระกูลหลี่ไม่สนใจใยดีเหล่าไท่ไท่ที่เพิ่งสิ้นลมไป แต่กลับเอาทะเลาะเบาะแว้งกัน จะไม่เป็นการทำให้ตระกูลหลี่เราน่าหัวเราะเยาะหรอกหรือ ข้าขอตัวไปจัดการก่อนนะเจ้าคะ” หลินหลันถือกล่องเดินจากไปทันทีที่กล่าวจบ
มีหรือหลี่จิ้งอี้จะยินยอมโดยง่าย เขาเดินตามไปฉุดรั้งหลินหลันไว้ “ยังไม่ทันพูดให้ชัดเจนกระจ่างแจ้ง ก็ไปไหนมิได้ทั้งนั้น”
หลี่จิ้งอี้แสดงท่าทางดุดัน หลินหลันคาดไม่ถึงเช่นกันว่าผู้เป็นลุงจะทำเรื่องต่ำช้าเพียงนี้ออกมาได้ ถึงขั้นถูกเขาคว้าท่อนแขนรั้งไว้
หลี่หมิงเจ๋อตกตะลึงอย่างยิ่ง นี่ลุงใหญ่ต้องการลงมือกับน้องสะใภ้เช่นนั้นหรือ เขารีบสาวเท้าเก้าเดินขึ้นไปเบื้องหน้า แต่กลับถูกนางอวี๋ขัดขวางไว้
แม่จู้เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งร้อนใจทั้งปวดใจ นางรู้สึกเศร้าโศกและโกรธเคืองกว่าครั้งไหนๆ เหล่าไท่ไทอ่าเหล่าไท่ไท ท่านหน้ามืดตามัวไปแล้วทั้งชีวิต ในที่สุดก่อนสิ้นลมจากไปก็ตาสว่างเสียที ทว่าท่านยังประเมินบุตรชายของตนเองต่ำไปอยู่ดี พวกเขาเพื่อทรัพย์สินเงินทองถึงขั้นไม่คำนึงถึงสถานะของตนเองเสียแล้ว
“ฮูหยินใหญ่ นี่ท่านต้องการจะทำอันใดเจ้าคะ” แม่จู้เดินเข้าไปฉุดรั้งนางอวี๋ แต่กลับถูกนางอวี๋ผลักจนล้มไปกองบนพื้น
ชุ่ยจื่อและคนอื่นๆ รีบเข้าไปประครองแม่จู้ ส่วนอวี๋เหลียนหลบไปด้านข้างและไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ด้วยความตื่นกลัว หลี่หมิงเจ๋อคิดจะสลัดนางอวี๋ทิ้ง ทว่านางอวี๋ฉุดรั้งไว้อย่างเหนียวแน่น ทันใดนั้นเกิดเสียงดัง ‘แคว่ก’ แขนเสื้อของหลี่หมิงเจ๋อถูกนางดึงรั้งจนขาดออกมา
นัยน์ตาเย็นชาของหลินหลันจ้องมองผู้เป็นลุงด้วยความเกรี้ยวกราดภายใต้สีหน้าเคร่งขรึม “ข้าเคารพที่ท่านเป็นผู้อาวุโส และให้ความอดกลั้นต่อท่านในทุกกรณีแล้วเช่นกัน ข้าขอแนะนำท่านว่าทางที่ดีที่สุดรีบปล่อยมือเสีย มิเช่นนั้น อย่ากล่าวโทษว่าข้าไม่ไว้หน้า อย่าลืมไปสิว่า นี่คือบ้านหลี่”
หลี่จิ้งอี้ดวงตาแดงก่ำ จิตใจเต็มไปด้วยความวุ่นวายสับสน ตั้งแต่ได้รับข่าวคราวว่ามารดาป่วยหนัก เขาก็แทบพลิกแผ่นดินหาสิ่งที่หญิงชรานี่ซ่อนไว้ หลังควานหาทั่วทั้งบ้านล้วนไม่พบเจอ ถึงได้รีบร้อนมุ่งหน้ามายังเมืองหลวง เมื่อถึงเมืองหลวง เขาพยายามปรนนิบัติเอาใจใส่ เช็ดอุจจาระเช็ดปัสสาวะให้ ผลปรากฏว่า หญิงชรากลับไม่ทิ้งอะไรไว้ให้เขาสักอย่าง แต่กลับให้หลินหลัน แล้วนี่จะให้เขาคิดอย่างไร จะให้เขาอดกลั้นความเดือดดาลได้อย่างไรหรือ
“เจ้ายังรู้อยู่หรือว่าข้าอาวุโสกว่าเจ้า แล้วเจ้ายังกล้าข่มขู่ข้าอีกหรือ ได้สิ! เจ้ามีกลวิธีอันใดก็เชิญเอาออกมาใช้ได้เลย เจ้าเอาเลยสิ…” หลี่จิ้งอี้กล่าวด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยว
หลินหลันอดทนจนไม่รู้จะอดทนอย่างไร กับคนไร้ยางอายขีดสุดประเภทนี้ยังจะพูดคุยอะไรได้อีกหรือ
“เจ้าปล่อยพี่สาวข้านะ เจ้าคนชั่วช้า สารเลว รังแกผู้หญิง เจ้ามันคนชั่ว…” เด็กจ้ำม่ำคนหนึ่งพุ่งเข้ามากะทันหัน แล้วจับมือของหลี่จิ้งอี้ไว้ จากนั้นทั้งเตะทั้งทุบตี
“คุณชายซานเอ๋อร์…เอ้อร์เส้าหน่ายนาย…” แม่โจวได้ยินว่าทางด้านโถงจาวฮุยมีเสียงโวยวายดังขึ้นจึงเร่งรีบมา ทว่าคุณชายซานเอ๋อร์วิ่งรวดเร็วกว่านางมาก แม่โจวเห็นสถานการณ์เบื้องหน้าก็เดือดดาลอย่างยิ่ง อยากพุ่งเข้าไปฟาดฝ่ามือใส่นายท่านใหญ่สักหนึ่งฉาด แต่ด้วยนางเป็นข้ารับใช้คนหนึ่ง จึงไม่อาจทำเช่นนั้นได้
แม่โจวยังคงมีสติไตร่ตรอง ทว่าหยินหลิ่วและจิ่นซิ่วรวมถึงคนอื่นๆ ไม่อาจมัวไตร่ตรองอยู่ได้ นายหญิงสะใภ้รองถูกนายท่านใหญ่ฉุดรั้งอยู่ หรือต้องให้นายหญิงสะใภ้รองลงมือ? เมื่อเห็นคุณชายซานเอ๋อร์พุ่งเข้าใส่ พวกนางก็พุ่งเข้าใส่เช่นกัน โดยการฉุดกระชากนายท่านใหญ่ พลางกล่าวเกลี้ยกล่อม “นายท่านใหญ่ ท่านมีอันใดก็ค่อยพูดค่อยจากันเถอะเจ้าค่ะ…” ทว่าใต้ฝ่ามือกลับไร้ความปรานี ขณะจับไว้ก็บิดเนื้อเขาเต็มแรง
หลี่จิ้งอี้คาดไม่ถึงว่าบรรดาสาวใช้จะหาญกล้าเพียงนี้ ถึงขั้นกล้าลงไม้ลงมือ “โอ๊ย…” หลี่จิ้งอวี้รู้สึกเจ็บจี๊ดบนหลังมือ เมื่อก้มลงมอง ปรากฏว่าเป็นเด็กจ้ำม่ำกำลังกัดเขา
“ปล่อย ปล่อยนะโว้ย นี่มันสัตว์เดรัจฉานจากแห่งหนใดวะ…” หลี่จิ้งอี้เดือดดาลอย่างยิ่ง
ซานเอ๋อร์โกรธเกรี้ยวยิ่งนัก คนชั่วผู้นี้รังแกพี่สาว แล้วยังด่าเขาเป็นสัตว์เดรัจฉาน ซานเอ๋อร์ยื่นมือน้อยๆ ออกไปแล้วบีบที่ถุงอัณฑะของเขาอย่างแรง หลี่จิ้งอี้ถึงกับเหงื่อแตกท่วมตัว เขาปล่อยมือจากหลินหลัน และเตรียมส่งมือไปฟาดเด็กน้อยที่เขากล่าวว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานผู้นี้ ทว่าทันทีที่ง้างฝ่ามือขึ้นก็ถูกคนยับยั้งไว้อยู่หมัด
ผู้ที่ยับยั้งเขาก็คือหลินหลันนั่นเอง หลินหลันกดลงบนจุดเส้นประสาทบนข้อมือของเขาและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ท่านลุง ท่านโวยวายพอหรือยัง ท่านหน้าไม่อาย แต่พวกเรายังต้องการรักษาหน้าเอาไว้อยู่เจ้าค่ะ”
หลี่จิ้งอี้ปวดมือ ทั้งยังปวดไข่ ปวดจนเขายืดตัวไม่ขึ้น ความหยิ่งผยองก็มอดดับไปด้วยเช่นกัน
ซานเอ๋อร์ยังไม่ยอมลดละ โดยการโก่งลำคอตะโกนสุดเสียง “ข้ามิใช่สัตว์เดรัจฉาน บิดาข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ ท่านแม่ข้าเป็นฮูหยินขั้นห้า เจ้ากล้าด่าข้าเป็นสัตว์เดรัจฉาน ข้าจะให้ท่านพ่อข้าตัดหัวของเจ้า”
แม่จู้ร้องไห้โฮด้วยความเศร้าโศก “เหล่าไท่ไทอ่า! ท่านลืมตาขึ้นมาดูสิเจ้าคะ…ร่างท่านยังไม่ทันเย็นเฉียบ คำพูดของท่าน นายท่านใหญ่ก็ไม่ยินยอมเชื่อฟังเสียแล้ว…พวกเขาจ้องจะโวยวายเช่นนี้ แล้วท่านจะไปสู่สุคติได้อย่างไรหรือ เหล่าไท่ไท ท่านลืมตาขึ้นมาสิเจ้าคะ…”
ต่อให้หลี่หมิงเจ๋ออุปนิสัยประหนึ่งพ่อพระก็ไม่อาจอดทนอยู่ได้ เขาออกแรงสะบัดเต็มเหนี่ยว สลัดนางอวี๋หลุดออกในคราเดียว เขามองผู้เป็นลุงและป้าสะใภ้ด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว จากนั้นกล่าวด้วยเสียงดังกึกก้อง “ใครหน้าไหนกล้าดีก่อปัญหาอีกก็ลองดู ข้าไม่สนว่าท่านเป็นผู้อาวุโสหรือไม่ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะส่งคำฟ้องร้องไปถึงที่ทำการขุนนาง ระบุว่าพวกท่านมันคนอกตัญญู”
แผงอกของหลี่หมิงเจ๋อกระเพื่อมขึ้นลงอย่างชัดเจนเพราะความโกรธเกรี้ยว เขากล่าวอย่างเกรี้ยวกราด พลางชี้หน้าผู้เป็นลุงและป้าสะใภ้ “พวกท่านต้องการเปิดถกประเด็นวงศ์ตระกูลนักหนามิใช่หรือ ได้ ข้าจะรอ ข้าเองก็ต้องการให้ทุกคนตัดสินดูสิว่า ใครกันแน่ที่มีเหตุมีผล”
การที่หลี่หมิงเจ๋อส่งเสียงตะคอกดังลั่นครั้งนี้ ส่งผลให้คู่สามีภรรยาหลี่จิ้งอี้ถึงกับพูดไม่ออก เดิมทีนางอวี๋ยังคิดส่งเสียงด่าทอ ทว่าพอมาคิดๆ ดู หญิงชราเพิ่งสิ้นลมหายใจ พวกเขาก็โวยวายไม่ลดละ เห็นได้ชัดว่าเป็นการกระทำที่ได้ไม่คุ้มเสีย
หลี่จิ้งอี้เห็นว่าวันนี้คงไม่อาจบรรลุความต้องการได้เสียแล้ว จึงหาทางกู้สถานการณ์ให้ตนเอง ขณะจ้องเขม็งทั้งสองคนด้วยความเดือดดาล “ฝากไว้ก่อนเถอะพวกเจ้า เรื่องนี้ยังไม่มีทางจบง่ายๆ”
หลินหลันไม่แม้แต่ชำเลืองมองเขา นางหันไปกล่าวต่อแม่เหยาและคนอื่นๆ ที่ยืนแข็งทื่อเป็นต่อไม้อยู่หน้าประตูอย่างทำอะไรไม่ถูก “ยังไม่รีบเปลี่ยนชุดให้เหล่าไท่ไทอีก”
แม่เหยารียเรียกสาวใช้วัยกลางคนจำนวนหนึ่งเข้ามาในห้องทันที
“พี่ใหญ่ ข้าไปเตรียมจัดวางห้องโถงเซ่นไหว้ก่อนแล้วกัน ส่วนท่านไปส่งบัตรเชิญร่วมงานศพเถอะเจ้าค่ะ!” หลินหลันนำซานเอ๋อร์เดินจากไปหลังกล่าวจบ
หลี่หมิงเจ๋อจ้องนางอวี๋เขม็งแวบหนึ่ง จากนั้นเก็บแขนเสื้อที่ถูกนางอวี๋ดึงขาด แล้วเดินจากกไปเช่นกัน
เมื่อพ้นประตูออกมา หลินหลันสั่งการจิ่นซิ่วให้เชิญแม่จู้มา แล้วให้คนจับตามองชุนซิ่งไว้อย่าให้คลาดสายตา
ซานเอ๋อร์ยังคงหงุดหงิดไม่หาย “พี่หลันเอ๋อร์จะทำอย่างไรกับคนชั่วผู้นั้นดีขอรับ หรือไม่เรียกท่านพี่จ้าวมาจับเขาไปเลยดีหรือไม่”
หลินหลันลูบศีรษะของเขา เด็กน้อยหอยสังข์นี่ ช่างลงมือได้โหดเหี้ยมเสียจริง!
“ซานเอ๋อร์ เจ้าเชื่อฟังโดยการตามแม่โจวกลับไป และหลังจากนี้มิต้องมาทางด้านนี้อีก หลายวันนี้พี่มีเรื่องยุ่งวุ่นวายต้องจัดการ เจ้าอย่าดื้ออย่าซนนะ ตกลงหรือไม่”
ซานเอ๋อร์เม้มปาก “ซานเอ๋อร์รู้แล้วขอรับ”
“แม่โจว ท่านช่วยรีบไปแจ้งนายท่านใหญ่เยี่ยให้ทราบ จะได้ให้ตระกูลเยี่ยส่งกำลังคนจำนวนหนึ่งมาให้ข้า”
แม่โจวกล่าว “บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
แม่โจวพาซานเอ๋อร์เดินจากไป ส่วนหลินหลันไปวางแผนจัดวางห้องโถงเซ่นไหว้ด้วยตนเอง ไม่นานนัก จิ่นซิ่วพาแม่จู้มาพบ หลินหลันจึงเชิญแม่จู้เข้าไปยังห้องที่สงบเงียบ
หลินหลันมองดูกล่องขนาดเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชา และกล่าวด้วยความรู้สึกเหนื่อยใจ “แม่จู้ เหล่าไท่ไททำเช่นนี้ไปเพื่ออะไรหรือ”
แม่จู้คว้ากุญแจดอกหนึ่งออกมาส่งให้หลินหลัน
“นี่มัน…” หลินหลันงุนงงสับสน
แม่จู้กล่าวไขข้อสงสัย “นี่เป็นกุญแจของหีบขนาดใหญ่ในห้องเหล่าไท่ไทเจ้าค่ะ ของที่เหล่าไท่ไททิ้งไว้ล้วนอยู่ในหีบใหญ่ลังนั้นลังเดียว ตามจริงกล่องขนาดเล็กนี้ไม่มีสิ่งของอันใดหรอกเจ้าค่ะ ก็แค่เครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ เหล่าไท่ไทรู้ดีแก่ใจว่า นายท่านใหญ่เชื่อถือมิได้เช่นกัน ทว่าเหล่าไท่ไทยังวาดฝันอยู่บ้าง หากเอ้อร์เส้าหน่ายนายท่านรับกล่องขนาดเล็กนี้ไปแล้ว นายท่านใหญ่และฮูหยินใหญ่ไม่อาละวาดก่อปัญหา เช่นนั้นก็ให้บ่าวนำของที่นางสะสมไว้ตลอดหลายปีนี้มอบให้นายท่านใหญ่ ทว่า ท่านก็มองเห็นแล้ว ด้วยนิสัยเยี่ยงนั้นของนายท่านใหญ่ มันช่างเกินไปจริงๆ! นายท่านรองพังพินาศไปแล้ว หากทำส่วนที่เหลือของตระกูลส่งมอบให้นายท่านใหญ่ นายท่านใหญ่คงรักษาไว้มิได้ ต่อให้รักษาไว้ได้ คนรอบข้างก็อาจทำให้งอกเงยเพิ่มพูนขึ้นมาไม่ได้ ต้าเส้าเหยียนิสัยหัวอ่อน ใจอ่อน ต้าเส้าหน่ายนายก็ไม่มีกำลังความกล้าหาญอย่างเช่นเอ้อร์เส้าหน่ายนาย ดังนั้น เหล่าไท่ไทจึงมอบให้ท่านได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น นางถึงวางใจได้ เหล่าไท่ไทสั่งการไว้ว่า หากบุตรหลานของตระกูลหลี่มีหน้ามีตาขึ้นมาในภายภาคหน้า เช่นนั้นก็ทำของเหล่านี้มอบให้พวกเขา หากไม่มี เช่นนั้นก็แล้วแต่เอ้อร์เส้าหน่ายนายจะจัดการเลยเจ้าค่ะ เหล่าไท่ไทกล่าวว่า ตามจริงของเหล่านี้ล้วนเป็นของที่ตระกูลเยี่ยให้ ทิ้งไว้ให้หมิงอวินจึงเป็นสิ่งที่สมควรแล้วเช่นกัน”
หลินหลันตกอยู่ในความเงียบงันไปชั่วขณะ เหล่าไท่ไทอ่าเหล่าไท่ไท นี่ท่านทิ้งความวุ่นวายอันใหญ่หลวงไว้ให้ข้าแล้วต่างหาก
“เอ้อร์เส้าหน่ายนาย บ่าวเข้าใจดีเช่นกันว่าเรื่องนี้ยากต่อการจัดการ นายท่านใหญ่และฮูหยินใหญ่คงไม่ยอมเลิกราวีโดยง่ายเป็นแน่ พวกเขาล้วนลำบากตรากตรำมาตั้งแต่เล็ก เงินแดงหนึ่งก็เท่ากับชีวิตคนคนหนึ่ง แล้วนับประสาอันใดกับการที่ยังมีนายท่านสามอยู่ด้วย ยามนี้ยังไม่รู้ว่านายท่านสามจะมีปฏิกิริยาเช่นไร ทว่านี่เป็นความปรารถนาสุดท้ายของเหล่าไท่ไท หวังว่าเอ้อร์เส้าหน่ายนายจะฝืนใจทำในสิ่งที่ยากเย็นนี้ ช่วยเหล่าไท่ไทรักษาทรัพย์สินของครอบครัวนี้ไว้ด้วยเถอะนะเจ้าคะ!” แม่จู้กล่าวด้วยความเศร้าโศก
หลินหลันรู้สึกหมดคำบรรยายอย่างยิ่ง เหตุใดนางต้องพานพบเรื่องที่ต้องเปลืองแรงประเภทนี้อยู่เรื่อยๆ นี่หมายความว่าเหล่าไท่ไทต้องการมอบภาระการรักษาตระกูลไว้ให้แก่นาง ทว่านางมีสิทธิ์อันใดมาข้องเกี่ยวหน้าที่อันหนักอึ้งนี้หรือ ตระกูลหลี่ล้วนเป็นแหล่งรวมพลบุรุษไร้ยางอาย ทำไมนางต้องสนใจว่าพวกเขาจะเป็นหรือตายด้วย?
“เอ้อร์เส้าหน่ายนาย เหล่าไท่ไทยังทิ้งคำพูดไว้อีกเจ้าค่ะ เหล่าไท่ไทหวังว่าพิธีศพของนางทั้งหมดให้ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายเจ้าค่ะ” แม่จู้กล่าว
หลินหลันเผยรอยยิ้มขมขื่น “ท่านลุงยังคิดจะจัดพิธีศพอย่างใหญ่โตให้เหล่าไท่ไทอยู่เลย! ยังเอ่ยปากว่าต้องการเงินจากข้าถึงสามหมื่นตำลึงเงิน”
แม่จู้สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ด้วยความตระหนกตกใจ “นายท่านใหญ่ช่างไม่ได้เรื่องเกินไปเสียแล้ว สามหมื่นตำลึงเงิน เหตุใดเขาไม่ปล้นกันเลยล่ะ เอ้อร์เส้าหน่ายนาย ท่านอย่าไปฟังเขาเจ้าค่ะ หากเขาเอ่ยถึงอะไรเช่นนี้ขึ้นมาอีก บ่าวจะเป็นคนไปต่อกรกับเขาเองเจ้าค่ะ แม้บ่าวเป็นเพียงข้ารับใช้คนหนึ่ง ทว่าคนของตระกูลหลี่ล้วนรู้กันดีว่า บ่าวเป็นคนที่คอยปรนนิบัติข้างกายเหล่าไท่ไทซึ่งไว้เนื้อเชื่อใจได้ คำพูดของบ่าว ยังพอมีน้ำหนักอยู่บ้างเจ้าค่ะ”
หลินหลันกล่าวอย่างจนปัญญา “กุญแจดอกนี้ข้ายังไม่ขอรับไว้ รอให้ถึงเวลาค่อยว่ากันอีกทีเถอะ! จัดการพิธีศพของเหล่าไท่ไทให้เรียบร้อยก่อน ให้นางได้กลับบ้านเกิดอย่างสงบ”
แม่จู้อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลรินลงมาอีกครั้ง “เหล่าไท่ไทจากไปอย่างไม่สงบน่ะสิเจ้าคะ!”
หลินหลันกล่าวปลอบใจแม่จู้อยู่พักใหญ่ ละร้องไห้ไปกับนาง ระหว่างนั้นชุ่ยจือนำชุดไว้อาลัยเข้ามาให้และกล่าวรายงาน “ห่อหุ้มเรือนร่างเหล่าไท่ไทเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
หลินหลันพยักหน้า “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ละ”
ชุ่ยจืออ้ำอึ้ง
หลินหลันเอ่ยถาม “ยังมีเรื่องอันใดอีกหรือ”
ชุ่ยจือกล่าว “นายท่านใหญ่และฮูหยินใหญ่ยังคงอยู่ในห้องเหล่าไท่ไท เอ้อร์เส้าหน่ายนายจะนำคนติดตามไปด้วยสักหน่อยหรือไม่เจ้าคะ”
ชุ่ยจือเพียงแค่กลัวว่านายท่านใหญ่จะอาละวาดขึ้นมาอีกครั้ง