ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่ 273 ลอบสังหารหมิงอวิน
เมื่อได้รับการย้ำเตือนของเฉียวอวิ๋นซี หลินหลันตัดสินใจปิดร้านพักกิจการทันที และด้วยความที่เกรงว่าบรรดาศิษย์พี่อยู่ภายนอกจะไม่ปลอดภัย จึงให้พวกเขาย้ายไปพักอาศัยที่บ้านตระกูลเยี่ยก่อน ขณะเดียวกันก็ย้ำเตือนท่านลุงให้ระมัดระวังไว้ด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันตระกูลฉินเจียวที่หาโอกาสลงมือนางไม่ได้ แล้วจะเปลี่ยนไปใช้แผนสำรองโดยหันไปหาตระกูลเยี่ยแทน
ยิ่งตระกูลฉินร้อนรนใจ ก็หมายความว่าแนวโน้มของหมิงอวินที่จะเป็นฝ่ายชนะถือว่ามากยิ่งขึ้นไปอีก เวลาเช่นนี้ นางจะให้เกิดเรื่องผิดพลาดจนทำให้หมิงอวินตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้ทางเลือกไปไม่ได้เป็นอันขาด ได้แต่หวังว่าหมิงอวินจะกลับมาโดยเร็วไว!
หลินหลันเสมือนเต่าที่เผชิญหน้ากับศัตรู เก็บหัวหดอยู่ในกระดอง จะเป็นจะตายก็ไม่ยื่นหัวออกมาเป็นอันขาด ภายใต้บารมีของฮ่องเต้ ตระกูลฉินไม่กล้ากระทำการอันใดบุ่มบ่ามเกินไป ในเมื่อไม่อาจทำอะไรหลินหลันได้ และเห็นว่าวันที่หลี่หมิงอวินจะเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงใกล้เข้าไปทุกที ทว่าเรื่องการลอบสังหารพยานบุคคลก็ยังไร้ข่าวคราวใดๆ เช่นกัน นี่ทำให้ตระกูลฉินแทบจะบ้าคลั่งก็ว่าได้ ฉินจงกัดฟันแน่น สั่งการฉินซื่อส่งทหารกล้าตายทั้งหมดของตระกูลฉินออกไปกำจัดหลี่หมิงอวินในคราวเดียว ผู้ใดคิดต่อกรกับตระกูลฉิน ผู้นั้นต้องตายสถานเดียว
ยามรุ่งอรุณ กองกำลังคนและม้ากลุ่มหนึ่งเดินทางมายังบริเวณเชิงเขาไท่หาง แสงสีทองยามเช้าสาดกระทบชุดเกราะสามพันตัวจนเกิดแสงประกายระยิบระยับ ให้ความรู้สึกประหนึ่งดงพิฆาตที่เย็นยะเยือก
“พี่ใหญ่ เบื้องหน้าก็คือเทือกเขาไท่หาง เมื่อผ่านเส้นทางเป่ยซาน เมืองหลวงก็อยู่อีกไม่ไกลแล้วละขอรับ” หนิงซิ่งชี้นิ้วไปยังเส้นทางบนเทือกเขาที่เด่นตระหง่านอยู่เบื้องหน้า
หลี่หมิงอวินเงยหน้าทอดสายตามองไปยังภูเขาที่ตั้งตระหง่าน สีหน้าวิตกกังวลเล็กน้อย เมืองหลวงอยู่อีกไม่ไกลแล้ว เช่นนั้นอันตรายก็มากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน ตลอดเส้นทางมานี้ เขาถูกซุ่มโจมตีถึงสามครั้ง จำนวนผู้ลอบสังหารในแต่ละครั้งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และลงมืออย่างโหดเหี้ยมยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน หากไม่ใช่เพราะมีทหารกล้าตายของหนิงซิ่งจำนวนสามพันนายอยู่ข้างกาย เกรงว่าเขาคงเดินมาไม่ถึงที่นี่เป็นแน่
หนิงซิ่งมองออกว่าเขากำลังเป็นกังวล วูบหนึ่งที่นัยน์ตาชายหนุ่มปรากฏความดุดันออกมาเด่นชัด มือข้างหนึ่งกระชับด้ามดาบบริเวณเอวแน่น “เส้นทางเบื้องหน้าทอดยาวและแคบ ทั้งยังมีป่าหนาทึบ เป็นสถานที่เหมาะแก่การซุ่มโจมตี ทว่า มีข้าหนิงซิ่งผู้นี้อยู่ทั้งคน พวกเขาอย่าหวังว่าจะสมความปรารถนาไปได้เลย”
หลี่หมิงอวินขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับมองเห็นโอกาสลอบสังหารที่แอบซ่อนอยู่ในป่าทึบนั่น มันเป็นความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย หากคิดจะขัดขวางการกลับเข้าสู่เมืองหลวงของเขา เส้นทางเป่ยซานเป็นโอกาสสุดท้ายและโอกาสที่ดีเยี่ยมที่สุด ครั้งนี้ตระกูลฉินคงไม่ออมแรงอย่างแน่นอน
หลี่หมิงอวินหันไปชำเลืองมองหม่าโหยวเหลียงที่อยู่ด้านหลังไม่ไกลออกไป ภายในใจเต็มไปด้วยความกังวล เขาไม่เกรงกลัวมือลอบสังหารของตระกูลฉินที่รอซุ่มโจมตีบนเส้นทางเป่ยซาน ด้วยความสามารถของหนิงซิ่งก็น่าจะจัดการได้ แต่หากในกองทัพมีกบฏแอบแฝง…นับตั้งแต่จัดกองทัพใหม่ อำนาจของกองทัพที่นำโดยหม่าโหยวเหลียงก็ค่อยๆ อ่อนแอลง ความพ่ายแพ้ของฉินเฉิงว่างก็ทำให้หม่าโหยวเหลียงสงบเสงี่ยมลงบ้างเช่นกัน ทว่าสิ่งเหล่านี้ยังไม่เพียงพอ เขาไม่กลัวสิ่งที่คาดการณ์ไว้ แต่กลัวสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันมากกว่า สิ่งที่ไม่คาดฝันนี้มีความเป็นไปได้ว่าจะก่อให้เกิดผลที่ไม่อาจคาดเดาได้ตามมา
“พี่ใหญ่ หรือไม่…” หนิงซิ่งแอบทำมือทำไม้ที่แสดงถึงการ ‘ปลิดชีพ’ ความกังวลของหลี่หมิงอวินก็เป็นสิ่งที่เขากำลังกังวลเช่นกัน ตั้งแต่เริ่มจนท้ายสุด หม่าโหยวเหลียงก็ยังเป็นตัวอันตรายคนหนึ่ง มีเพียงการขจัดเขาเท่านั้นถึงจะปลอดภัยไร้กังวลได้
หลี่หมิงอวินถอนหายใจยาวและส่ายหน้า การแสดงออกของหม่าโหยวเหลียงที่ซาอีและเซิ่งโจว แม้ทำให้พี่น้องแห่งค่ายเป่ยต้าผิดหวังไม่น้อย ทว่าเขาก็เป็นผู้นำค่ายเป่ยต้ามาเป็นเวลาหลายปี ในจิตใจของพี่ๆ น้องๆ ค่ายเป่ยต้าจึงยังคงมีจุดยืนที่มั่นคง หากเวลานี้ปลิดชีพหม่าโหยวเหลียง คงเป็นการยากที่จะรับประกันได้ว่าพี่ๆ น้องๆ ของค่ายเป่ยต้าจะไม่หวั่นใจ พอเป็นเช่นนี้ ตระกูลฉินยิ่งมีโอกาสอาศัยจังหวะนี้ อีกอย่าง หม่าโหยวเหลียงมีจิตใจเป็นอื่นหรือไม่ ก็เป็นเพียงการคาดเดาของเขาเท่านั้น จะอย่างไรเขาก็คงไม่เอาจปลิดชีพผู้อื่นได้เพียงเพราะความเคลือบแคลงใจหรอกกระมัง!
“จับตามองการเคลื่อนไหวของเขาไว้ก็พอ” หลี่หมิงอวินกล่าวอย่างอ่อนใจ “ทางด้านพยานบุคคลนั่นคงต้องเพิ่มกำลังคนไปเสริม”
หนิงซิ่งรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ทว่ายังคงเคารพการตัดสินใจของพี่ใหญ่
“ทางด้านพยานบุคคลนั่นไม่มีปัญหาหรอกขอรับ มีเก๋อเปียวคอยดูอยู่ทั้งคน ตราบใดที่เก๋อเปียวไม่ล้มลง ใครหน้าไหนก็อย่าได้คิดจะเข้าใกล้รถคุมขังไปได้”
หลี่หมิงอวินพยักหน้า จากนั้นทอดสายตามองไปยังภูเขาที่ไกลออกไปอีกครั้ง “เช่นนั้นก็…ออกเดินทางกันเถอะ!” อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ทั้งๆ ที่รู้ว่าบนภูเขามีเสือก็ยังต้องมุ่งหน้าไปยังภูเขาที่มีเสือ เขาเลือกเส้นทางที่ปลอดภัยยิ่งกว่าเพื่อมุ่งกลับสู่เมืองหลวงได้ ทว่าจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาการเดินทางด้วยเท้าสิบกว่าวัน หลายวันก่อนหน้าได้รับรายงานลับมาว่าตระกูลฉินถึงขั้นส่งนักลอบสังหารไปแถวจวนหลี่ยามราตรี โชคดีที่จวนหลี่มีจ้าวจัวอี้และองครักษ์ลับที่จิ้งปั๋วโหว์ส่งคอยอารักขา แม้เหตุการณ์จะร้ายแรงพอตัว แต่ไม่มีอันตรายเกิดขึ้น ทว่าเขาไม่อาจวางใจอยู่ดี หากตระกูลฉินส่งไอ้พวกหมาลอบกัดกระโดดข้ามกำแพงเข้าไปแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหลินหลัน เขาคงเสียใจไปชั่วชีวิต ดังนั้น ต่อให้เส้นทางนี้อันตรายมากมายเพียงใด เขาก็ไม่ลังเลใจที่จะเลือกมัน ขอเพียงกลับไปถึงเมืองหลวงได้โดยเร็ว
หนิงซิ่งโบกมือ ส่งเสียงดังกึกก้อง “ทหารทุกนายฟังให้ดี มุ่งหน้าด้วยความเร็วเต็มกำลัง จำเป็นต้องข้ามเส้นทางเป่ยซานไปให้ได้ก่อนฟ้ามืด”
เส้นทางเป่ยซานพาดผ่านเทือกเขาไท่หาง มีเส้นทางคดเคี้ยวหลายสิบลี้ เส้นทางภูเขาไม่ได้ทอดยาวแต่อย่างใด ทว่ามีหลายบริเวณที่เป็นอันตราย แต่ปกติแล้วด้วยระดับความเร็วในการเดินเท้าของทหารราบ การเดินพ้นเส้นทางเป่ยซานก่อนฟ้ามืดไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
ฝูงชนในคราบชุดเกราะสามพันนายหายลับเข้าไปท่ามกลางภูเขาอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เข้าสู่เส้นทางเป่ยซาน แมกไม้เข้ามาบดบังท้องนภาและพระอาทิตย์ บริเวณสองข้างทางหนาทึบ อุณหภูมิลดระดับลงทันทีทันใด ความเยือกเย็นแทรกผ่านชุดนักรบ ทะลุผ่านรูขุมขน และซึมซาบเข้าสู่หยาดโลหิตในกาย ทำให้ผู้คนอดขนลุกชันไม่ได้ สายลมภายในป่าพัดโชยผ่านไปให้เสียงหวีดร้องแผ่วเบาเสมือนเสียงร้องโหยหวนของวิญญาณ บรรยากาศอึมครึมทำให้ผู้คนเกิดความกดดันและประหม่า สติของทุกคนล้วนตื่นตัวอย่างสูง พวกเขาก้าวเดินไปเบื้องหน้าด้วยฝีก้าวฉับไว พลางมองดูสถานการณ์โดยรอบอย่างระมัดระวัง
หลินเฟิงที่ควบม้าเปิดทางเบื้องหน้าหยุดชะงักลงกะทันหัน หนิงซิ่งจึงรีบแสดงสัญญาณให้กองพลหยุดชั่วคราว และคอยตั้งสติระมัดระวังเข้าไว้
“เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ” หนิงซิ่งเอ่ยถามนายทหารที่เดินเข้ามาเบื้องหน้า
นายทหารกล่าว “ผู้นำทางกล่าวว่าเบื้องหน้าเป็นผืนป่าหนาทึบขอรับ”
หนิงซิ่งตระหนักได้ทันที การกล่าวเช่นนี้ก็หมายความว่า เบื้องหน้าเป็นตำแหน่งที่เหมาะแก่การซุ่มโจมตีมากที่สุดแล้วสินะ?
หนิงซิ่งทำสัญญาณมือ จากนั้นองครักษ์หลายสิบคนจึงชักดาบขึ้นมาทันใด และเคลื่อนเข้าไปห้อมล้อมอารักขาหลี่หมิงอวิน เก๋อเปียวที่อยู่ด้านหลังได้รับสัญญาณที่ส่งมาจากเบื้องหน้าจึงยกมือขึ้นโบก ทันใดนั้นกองกำลังพลของเขาพร้อมใจกันเคลื่อนตัวไปกระชับวงล้อมรถห้องขังไว้ใจกลางอย่างรวดเร็ว และเตรียมพร้อมสำหรับการป้องกันอย่างดิบดี และทหารองครักษ์ที่ได้รับคำสั่งให้จับตามองหม่าโหยวเหลียงก็กอบกุมดาบในมือไว้แน่นเช่นกัน ประหนึ่งว่าเมื่อใดก็ตามที่มีความผิดปกติเกิดขึ้น ก็พร้อมลุยปลิดชีพเต็มกำลัง
“มุ่งหน้าต่อไป!” เสียงทุ้มกึกก้องของหนิงซิ่งดังสนั่นไปพร้อมกับสายลมที่หวีดร้อง
กองทัพเคลื่อนไปเบื้องหน้าอย่างเชื่องช้า
ยามที่หนิงซิ่งและคนอื่นๆ เข้าสู่ใจกลางป่าทึบผืนนี้ ทันใดนั้น ท่ามกลางสายลมหอบเอาเสียงแปลกประหลาดหนึ่งล่องลอยมา ม่านตาหนิงซิ่งหดตัว และส่งเสียงตะโกนดังลั่น “ระวังศัตรูโจมตี!”
ลูกธนูจำนวนนับไม่ถ้วนบินว่อนออกมาจากป่า โดยมุ่งเป้าไปยังหลี่หมิงอวิน
ปักปักปัก
เสียงของแข็งกระแทกเข้ากับโลหะดังขึ้นชั่วครู่ ลูกธนูจำนวนมากถูกสกัดร่วงลง ขณะเดียวกันเสียงดังสนั่นประดุจลูกเห็บก็ล่องลอยมาจากด้านหลัง หลี่หมิงอวินหันกลับไปมอง เห็นเพียงเส้นทางบนภูเขาด้านหลังกำลังมีหินขนาดยักษ์กลิ่งลงมาจำนวนนับไม่ถ้วน ก่อให้เกิดฝุ่นควันโขมงลอยคละคลุ้ง
“แย่แล้ว รถคุมขังยังอยู่บนเส้นทางภูเขานั่น” หลี่หมิงอวินกล่าวเสียงแผ่ว
หนิงซิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรนใจ “อารักขาใต้เท้าหลี่ไว้”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ลูกธนูจำนวนนับไม่ถ้วนบินว่อนออกมาจากป่าหนาทึบอีกระลอกประดุจฝนลูกเห็บ เกิดเป็นเสียงดังสนั่น ถึงขั้นกลบเสียงหวีดของสายลมไปได้หมดจด
หลี่หมิงอวินพลิกตัวลงจากหลังม้าทันที บรรดาทหารองครักษ์ฝีมือดีกระชับวงล้อมเพื่อปกป้องหลี่หมิงอวินไว้อย่างหนาแน่น
ลูกธนูกระทบโล่ แล้วทยอยตกลงบนพื้น
สายฝนลูกธนูพุ่งมาต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน และเป็นจำนวนถี่มากขึ้นเรื่อยๆ ประหนึ่งฝูงตั๊กแตนอพยพย้ายถิ่นฐาน ซึ่งครั้งนี้เป้าหมายของมันคือทุกคนที่อยู่ในพงไพรผืนนี้
ทันใดนั้นมีทหารยิงธนูออกไป ตามด้วยเสียงร้องโอดครวญดังขึ้นเป็นระลอก ช่างเป็นอะไรที่ชวนให้ผู้คนหวาดกลัวยิ่งนัก
หนิงซิ่งสกัดลูกธนูไปหลายต่อหลายครั้ง พลางก่นด่าอยู่ในใจ ไอ้พวกขี้ขลาดมุดหัวอยู่แต่ในกระดองเต่า รู้จักแต่แอบซ่อนในที่ลับและยิงธนูออกมาหรือ แน่จริงก็ออกมาดวลฝีดาบกับข้าสักตั้งสิวะ
“ตั้งโล่ ตั้งโล่…” หนิงซิ่งส่งเสียงตะโกนลั่น
บรรดาทหารทั้งหมดทยอยตั้งโล่กำบังขึ้น และล้อมวงป็นวงกลมวงหนึ่ง
ประมาณสิบห้านาทีเต็มผ่านพ้นไป ฝนธนูถึงได้หยุดลง ทันใดนั้นความเคลื่อนไหวในป่าทึบก็หายไปกะทันหัน กลายเป็นความเงียบสงัดราวกับเสียชีวิตกันไปหมดแล้ว