ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่ 287-1 เจ้าจะไปไม่ไป
หลินเฟิงยอมอ่อนข้อให้เหยาจินฮวาจนเคยชิน พอนางบ่นโอดครวญเช่นนี้ จึงเริ่มเกิดความกระวนกระวายใจ “คือ…จะเป็นไปได้อย่างไรกัน” หลินเฟิงมองแม่ทัพหลินรวมไปถึงน้องเขยอีกคน แล้วจึงปลอบประโลมจินฮวาด้วยความยำเกรง
“ท่านพี่เขย…ท่านมาเยี่ยมซานเอ๋อร์หรือขอรับ” ไม่รู้ว่าซานเอ๋อร์วิ่งมาจากแห่งหนใด จู่ๆ ถึงได้มาจับมือของหมิงอวินอย่างสนิทสนมและฉีกยิ้มไร้เดียงสาให้ยกใหญ่
หลี่หมิงอวินรู้ว่าหลันเอ๋อร์ชอบซานเอ๋อร์มาก ดังนั้นนางชอบใครเขาก็ชอบคนนั้นด้วย จึงเผยสีหน้าเบิกบาน และกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พลางลูบศีรษะน้อยๆ ของซานเอ๋อร์ “ใช่แล้ว! พี่เขยมาเยี่ยมซานเอ๋อร์ หลายวันมานี้ซานเอ๋อร์คิดถึงพี่หลันเอ๋อร์ของเจ้าบ้างหรือไม่”
“คิดถึงสิขอรับ! ซานเอ๋อร์คิดถึงพี่หลันเอ๋อร์ทุกวัน หากมิใช่เพราะท่านแม่ข้ากล่าวว่า ข้าจำเป็นต้องแอบอยู่ในบ้าน คนชั่วร้ายที่จับตัวข้าไปเหล่านั้นจะได้ตื่นกลัว ซานเอ๋อร์ก็คงไปเยี่ยมพี่หลันเอ๋อร์ตั้งนานแล้วขอรับ” ดวงตากลมโตและหยาดเยิ้มของซานเอ๋อร์กะพริบปริบๆ เสมือนผลองุ่นอิ่มน้ำสองลูก น้ำเสียงอย่างเด็กๆ ทำให้ผู้คนรู้สึกเอ็นดูยิ่งนัก
“ซานเอ๋อร์ หากตอนนี้เจ้าอยากไปเยี่ยมพี่หลันเอ๋อร์ของเจ้าก็ไปได้แล้วละ” หลินจื้อย่วนกล่าวด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
“จริงหรือขอรับ เช่นนั้นก็ยอดเยี่ยมไปเลย ข้าจะไปตอนนี้เลย ท่านพี่เขย ท่านพาซานเอ๋อร์ไปพบพี่หลันเอ๋อร์นะขอรับ…” ซานเอ๋อร์เขย่าแขนของหลี่หมิงอวินออดอ้อน
หลี่หมิงอวินชำเลืองตามองหลินจื้อย่วน นี่เขาคิดจะใช้ซานเอ๋อร์มาคลี่คลายความสัมพันธ์กับหลันเอ๋อร์ด้วยเช่นนั้นหรือ
“ซานเอ๋อร์เด็กดี ช่วงนี้พี่หลันเอ๋อร์ของเจ้ามีเรื่องต้องจัดการ ไว้นางจัดการธุระเรียบร้อยแล้ว พี่เขยค่อยมารับซานเอ๋อร์ ตกลงหรือไม่” หลี่หมิงอวินเกลี้ยกล่อมอย่างนุ่มนวล
ซานเอ๋อร์เบะปากด้วยความผิดหวัง ประกายสดใสในดวงตาถูกบดบังด้วยความผิดหวังทันทีทันใด เขาก้มหน้าลง กระตุกแขนเสื้อของพี่เขย มองดูแล้วช่างน่าสงสารจับใจ เสมือนเด็กน้อยๆ คนหนึ่งถูกทอดทิ้ง
หลี่หมิงอวินเกือบใจอ่อน เตรียมจะตอบตกลงเขา ทว่าตอนนี้หลันเอ๋อร์คงยังเดือดดาลเลือดขึ้นหน้าอยู่เป็นแน่ หากซานเอ๋อร์ไปยามนี้ก็ไม่ช่วยอะไรขึ้นมาได้ แล้วยังจะทำให้หลันเอ๋อร์ยิ่งโกรธเกรี้ยวหนักกว่าเดิม ดังนั้นจึงกลั้นใจไม่ตอบตกลง จึงเอ่ยเกลี้ยกล่อมเขา “ซานเอ๋อร์เด็กดี พี่หลันเอ๋อร์เจ้าชอบที่ซานเอ๋อร์เชื่อฟังมากที่สุด”
ทางด้านหลินเฟิงนั่นกำลังอับอาย ไม่รู้ว่าควรปลอบใจเหยาจินฮวาที่กำลังร้องห่มร้องไห้อย่างไร จึงทำเพียงเกลี้ยกล่อมนางด้วยเสียงกระซิบ “หยุดร้องเร็วเข้า คนมากมายเพียงนี้กำลังมองอยู่ มันดูไม่ค่อยดีนัก”
เหยาจินฮวาเอี้ยวตัวไปมาเล็กน้อย และยังคงก้มหน้าลองห่มร้องไห้กับตนเอง
“ซานเอ๋อร์ มาอยู่ข้างแม่นี่ ท่านพี่เขยเจ้ามีเรื่องต้องพูดคุยกับท่านพ่อเจ้า” นางเฝิงเดินเข้ามากล่าวด้วยเสียงอ่อนหวาน จากนั้นซานเอ๋อร์จึงขยับไปยืนข้างมารดาด้วยความไม่เต็มใจ
นางเฝิงเผยรอยยิ้มอ่อนหวาน “ท่านพี่เจ้าคะ น้องให้คนเตรียมอาหารและสุราไว้ในโถงรับแขกแล้ว ท่านและหมิงอวินดื่มกันไปพูดคุยกันไปเถอะเจ้าค่ะ! เฟิงเอ๋อร์ได้พบเจอจินฮวาหลังแยกจากกันไปเนิ่นนาน คงต้องมีคำพูดมากมายที่อยากพูดคุยกัน ให้พวกเขาหนุ่มสาวสามีภรรยาได้พูดคุยกันสบายๆ สักครู่แล้วกันเจ้าค่ะ”
หลินจื้อย่วนหัวเราะด้วยความเบิกบานใจและกล่าว “ฮูหยินพูดถูก หมิงอวิน ไปเถอะ เราสองหนุ่มไปดื่มกันสองถ้วยแล้วกัน”
หลี่หมิงอวินยกสองมือขึ้นคาราวะ “ข้าน้อยยังมีงานราชการที่ต้องจัดการอีกเล็กน้อย คงต้องขอตัวลากลับก่อนแล้วขอรับ”
“เอ้ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ต่อให้งานราชการยุ่งเพียงใด ก็ต้องกินข้าวกินปลาก่อนมิใช่หรือ” หลินจื้อย่วนกล่าวรั้ง
“มิได้ๆ ขอรับ หลันเอ๋อร์กำลังรออยู่ที่บ้านน่ะขอรับ ข้าน้อยขอตัวลาก่อนขอรับ” หลี่หมิงอวินกล่าวจบ จากนั้นหันไปกล่าวต่อหลินเฟิง “พี่ใหญ่ อีกเดี๋ยวตามมาที่จวนหลี่หน่อยนะขอรับ!”
หลินเฟิงพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “อีกเดี๋ยวข้าตามไป”
หลี่หมิงอวินไม่มัวชักช้ารีรอ สาวเท้ายาวเดินก้าวจากไปทันที
นางเฝิงมองไปยังหลินจื้อย่วนพลางขยับปาก หลินจื้อย่วนเป็นอันเข้าใจได้ เขาถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือกแล้วเดินจากไปพร้อมนางเฝิง ปล่อยให้เฟิงเอ๋อร์ได้อยู่กับจินฮวาตามลำพังตรงนี้
หลังพ้นประตูออกไป นางเฝิงสั่งการแม่หวัง “อุ้มคุณชายน้อยฮานเอ๋อร์เข้าไปเถอะ!”
เหยาจินฮวารับฮานเอ๋อร์มาจากอ้อมแขนของแม่หวัง แล้วกอดฮานเอ๋อร์นั่งลงด้านข้างพร้อมกับปาดน้ำตา พลางบ่นโอดครวญด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “ตอนแรกเจ้ากล่าวไว้อย่างดิบดีว่า เมื่อปักหลักในเมืองหลวงแล้วจะมารับพวกเราแม่ลูก ผลปรากฏว่าพอจากมาก็กินเวลาไปถึงสองปีแล้ว ทิ้งขว้างพวกเราแม่ลูกไว้ที่เฟิงอานไม่ถามไม่ไถ่ ยามที่ข้าให้กำเนิดฮานเอ๋อร์ก็แทบเอาชีวิตไม่รอด ข้าต้องเลี้ยงดูลูกคนเดียวจนเติบโตด้วยความยากลำบาก เจ้าว่ามันง่ายสำหรับข้าหรือ เจ้ามันคนไร้หัวใจ เจ้าว่าเหตุใดชีวิตข้ามันถึงยากลำบากเพียงนี้นะ ถึงได้มาแต่งกับบุรุษไร้หัวใจอย่างเจ้านี่…”
เหยาจินฮวายิ่งพูดยิ่งน้อยเนื้อต่ำใจ จึงร้องห่มร้องไห้ระงมขึ้นมาอีกครั้ง ฮานเอ๋อร์ที่อยู่ในอ้อมกอดเห็นมารดาร้องได้ เขาจึงร้องด้วยเช่นกัน
ยามนี้ไม่มีคนอยู่บริเวณรอบข้าง หลินเฟิงจึงไม่สนใจรักษาภาพลักษณ์อะไรอีก เขาย่อตัวลงนั่งยองเบื้องหน้าเหยาจินฮวา ใช้แขนเสื้อช่วยซับน้ำตาให้นาง เหยาจินฮวาปัดมือเขาทิ้งด้วยความโกรธเคือง
หลินเฟิงจึงหันไปปลอบประโลมฮานเอ๋อร์ “ฮานเอ๋อร์ไม่ร้องนะ ฮานเอ๋อร์เด็กดี มา พ่อขอกอดหน่อย”
ฮานเอ๋อร์ไม่รู้จักคนผู้นี้ จึงโอบคอมารดาไว้แนบแน่นพลางส่งเสียงร้องไห้หนักยิ่งขึ้น
หลินเฟิงร้อนใจจนทำอะไรไม่ถูก พยายามอธิบายอย่างนอบน้อม “จินฮวา หยุดร้องเร็วเข้า เป็นข้าเองที่ไม่ดี เป็นเพราะข้าเองที่ไม่ดี ข้าเพียงแค่อยากรอให้ข้าประสบความสำเร็จมีหน้ามีตาแล้วค่อยรับเจ้ามา จะปล่อยให้เจ้ามาลำบากไปกับข้ามันก็ไม่ได้มิใช่หรือ”
เหยาจินฮวากล่าวตำหนิ พลางปลอบประโลมบุตรของตน “เจ้าคิดว่าจะหลอกคนเขาได้หรือ น้องสาวเจ้าแต่งเข้าตระกูลขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ลำพังเศษเงินของนางก็เพียงพอให้พวกเราดำรงชีวิตไปได้ทั้งชีวิตแล้ว จำเป็นต้องให้เจ้าไปลำบากด้วยตนเอง เอาชีวิตไปเสี่ยงถึงเพียงนั้นด้วยหรือ เจ้าบอกมานะ เป็นนางที่ไม่ให้เจ้ามารับข้าใช่หรือไม่ ข้าก็ว่าแล้วว่านางยังเคียดแค้นข้า! คิดจะทำให้พวกเราพรากจากกันสินะ!”
“นี่เจ้าพูดลามปามไปไหนต่อไหนแล้ว ไม่มีเรื่องแบบนั้นเสียหน่อย น้องสาวข้ามิใช่คนเช่นนั้น เจ้าเองไม่รู้สถานการณ์ของน้องสาวข้าด้วยซ้ำ ถึงจะเห็นว่านางได้เข้ามาอยู่ในตระกูลใหญ่โต ทว่าใช้ชีวิตแต่ละวันไม่ได้สุขสบาย แล้วข้าจะไปรบกวนนางได้อย่างไร อีกอย่าง ประเดี๋ยวข้าก็ต้องขึ้นเหนือ ประเดี๋ยวล่องใต้ ไม่ได้อยู่เป็นที่เป็นทาง แล้วจะให้รับเจ้ามาได้อย่างไรกัน” หลินเฟิงได้ยินเหยาจินฮวากล่าวโทษหลันเอ๋อร์จึงอดแก้ต่างแทนน้องสาวไม่ได้
เหยาจินฮวากล่าวด้วยความหงุดหงิด “เจ้าไม่ต้องช่วยแก้ตัวแทนนางหรอก ข้ารู้ดีว่าเจ้ารักน้องสาวเจ้าเพียงใด แต่ไม่รักข้า”
“จะได้อย่างไรกันล่ะ! เจ้าและน้องสาวข้า รวมไปถึงฮานเอ๋อร์ ล้วนเป็นคนที่ใกล้ชิดข้ามากที่สุด ข้าล้วนรักใคร่ห่วงใยทั้งนั้นละ” หลินเฟิงเห็นว่าในที่สุดจินฮวาก็หยุดร้องไห้แล้ว จึงแอบรู้สึกโล่งอกโล่งใจอยู่ลึกๆ
เหยาจินฮวาดีดหน้าผ่านของหลินเฟิงด้วยความโกรธเคือง “เจ้าช่วยเข้าใจไว้ด้วย คนที่จะใช้ชีวิตกับเจ้าชั่วชีวิตคือข้า มิใช่น้องสาวเจ้า ขืนเจ้ายังไม่ตาสว่างเช่นนี้อีก ข้าจะพาฮานเอ๋อร์หนีไป ทำให้เจ้าไม่ได้เห็นหน้าบุตรชายไปชั่วชีวิตเลย”
หลินเฟิงรู้สึกกลัดกลุ้มอย่างยิ่ง เหตุใดจินฮวาถึงต้องจ้องจิกกัดน้องสาวเขาด้วยล่ะ ทำไมถึงทำดีต่อน้องสาวเขาไม่ได้
“ยังดีที่ตอนนี้พบเจอท่านพ่อเจ้าแล้ว จากนี้พวกเราก็ถือว่ามีที่พึ่งพิงแล้ว เจ้าเองก็ไม่ต้องไปรบราลำบากยากเข็ญอะไรเพียงนั้นแล้ว เพียงแค่บอกกล่าวท่านพ่อเจ้าประโยคเดียว เจ้าต้องการอันใดมีหรือจะไม่ได้มา จากนี้พวกเราต้องกตัญญูต่อท่านพ่อให้มากๆ นี่ถึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องและสมเหตุสมผล” เหยาจินฮวาตำหนิจนพึงพอใจแล้ว ถึงนึกหน้าที่ที่พ่อสามีมอบหมายให้ไว้ขึ้นมาได้
หลินเฟิงเผยสีหน้าเคร่งขรึมทันที “จินฮวา เรื่องนี้ไว้วันหลังพวกเราค่อยว่ากันอีกทีเถอะ ตอนนี้พวกเราไปจากที่นี่กันก่อน”
เหยาจินฮวาเบิกตาโตใส่ “จะไปไหนหรือ นี่มิใช่บ้านเราหรือไร ท่านพ่อเจ้าท่านแม่เจ้าช่วยจัดที่พักให้เสร็จสรรพแล้ว แบ่งเรือนหลังใหญ่ให้พวกเราพักอาศัย บ้านหลังใหญ่และโอ่อ่ากว่าของตระกูลเยี่ยเสียอีก หลังจากนี้เจ้าก็คือคุณชายใหญ่ของที่นี่แล้ว ข้าก็คือสะใภ้ใหญ่ ส่วนฮานเอ๋อร์ก็คือคุณชายน้อย ช่างสุขสบาย และดีงามเสียยิ่งอะไรดี!”
หลินเฟิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “จินฮวา ข้าไม่มีท่านพ่อ ท่านแม่ข้าก็ตายไปนานแล้ว คนที่นี่ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับข้า”
เหยาจินฮวากัดฟันแน่นด้วยความเดือดดาล ยื่นมือไปบิดใบหูของหลินเฟิง “ถุยๆๆ ว่าเจ้าโง่เขลา เจ้าก็โง่เขลาจริงๆ คนอื่นเขาเจอเรื่องน่ายินดีประเภทนี้เกรงว่าคงเป็นลมหน้ามืดไปหมดแล้ว และต้องรีบเข้าไปประจบประแจงด้วยซ้ำ แต่เจ้ากลับกล้าดี มีบิดาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ เจ้ายังไม่ยอมรับอีก มีโชคลาภไม่รู้จักไขว่คว้า เจ้าจะโง่เขลาไปถึงไหนกัน ข้าจะบอกเจ้าให้ ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น เจ้าก็ช่วยอยู่ที่นี่อย่างว่าง่ายเสียด้วย ที่นี่ก็คือบ้านของพวกเรา”
หลินเฟิงลุกพรวดขึ้นยืน กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “จินฮวา ข้าพูดกับเจ้าอย่างตรงไปตรงมาแล้วว่าบิดาผู้นี้ข้าไม่มีทางยอมรับได้ หากเจ้าไม่ไปกับข้า ข้าก็จะไม่รับเจ้าด้วยเช่นกัน”
เหยาจินฮวาจ้องมองหลินเฟิงที่เปล่งวาจาเด็ดขาดอย่างเหลือเชื่อ คนผู้นี้ยามอยู่ต่อหน้านางล้วนคล้อยตามนางมาแต่ไหนแต่ไร บุรุษที่ไม่กล้าหืออือกลับกล้าไม่เชื่อฟังคำพูดของนาง แล้วยังกล้าข่มขู่ว่าจะไม่รับนางอีกด้วย
เหยาจินฮวาเดือดดาลขึ้นมา นางวางฮานเอ๋อร์ลงบนพื้น แล้วชี้ปลายจมูกของหลินเฟิงด่าทอ “ได้ หลินเฟิง ตอนนี้เจ้าประสบความสำเร็จแล้ว แข็งข้อแล้ว ไม่ต้องเห็นข้าเหยาจินฮวาอยู่ในสายตาแล้ว เจ้าบอกมานะ เจ้าไปถูกตาต้องใจสตรีอื่นแล้วใช่หรือไม่ คิดจะหย่าร้างกับข้าแล้วไปแต่งงานกับสตรีอื่นแล้วใช่หรือไม่ เจ้ามันไอ้คนไร้หัวใจ ข้าลำบากมาหาเจ้าถึงเมืองหลวง เจ้ากลับปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ ข้า…ข้าจะสู้เจ้าสุดชีวิต” ขณะกล่าว เหยาจินฮวาก็พุ่งตัวเข้าไป ทุบตีหลินเฟิงอย่างไม่ออมมือ “เอาสิ ดุด่าข้าเลย ไม่ต้องยอมรับข้าเป็นเมีย เจ้ามันไอ้คนไร้หัวใจ…”
ฮานเอ๋อร์ตระหนกตกใจจนร้องไห้งอแง
หลินเฟิงพยายามหลบหลีก บนใบหน้ายังถูกเล็บจินฮวาข่วนเป็นรอยจนได้ หลินเฟิงเดือดดาลขึ้นมาแล้วเช่นกัน ภรรยาเช่นนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน สนใจเพียงแค่เงินทองและอำนาจ ไม่สนใจความรู้สึกของสามีตนเองเลยสักนิด
“เหยาจินฮวา เจ้าจะหยุดหรือไม่” หลินเฟิงคว้ามือของจินฮวาไว้แล้วเขย่า จากนั้นออกแรงผลัก เหยาจินฮวาไม่ทันตั้งตัว จึงเซไปชนเข้ากับเก้าอี้ด้านข้างก่อนล้มลงกองบนพื้น
เหยาจินฮวาตกตะลึง หลินเฟิงที่อยู่เบื้องหน้าไม่ต่างจากคนแปลกหน้า คนแปลกหน้าที่ทำให้รู้สึกเกรงกลัว นางจึงส่งเสียงร้องไห้ขึ้นมาทันที “เจ้ามันฆาตกร เจ้าทุบตีข้า…ข้าทนลำบากมากับเจ้าแท้ๆ เจ้ากลับปฏิบัติต่อข้าเยี่ยงนี้ ข้าไม่ขอมีชีวิตอยู่แล้ว ข้าไม่อยู่แล้ว ข้าจะตายไปเสียสิ้นเรื่อง…”