ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่ 292 คลอดแล้ว
หลี่หมิงเจ๋อร้อนรนใจประดุจเพลิงโหมไหม้ มีหรือจะมัวสนใจว่าน้องสาวสามีของสตรีปากตลาดผู้นี้เป็นใคร ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาไม่มีเวลามัวต่อล้อต่อเถียงกับนาง จึงยื่นมือข้างหนึ่งออกไปผลักนางให้หลีกทางไป
เหยาจินฮวากลับฉุดกระชากลากเขาไว้ไม่ยอมปล่อยและราวีไม่เลิกรา “เจ้าคิดจะเดินหนีไปแบบนี้หรือ ไม่มีทาง เจ้าจำเป็นต้องชดใช้ ชุดที่ข้าสวมใส่นี้ ข้าเพิ่งซื้อมาแท้ๆ ตั้งสามตำลึงเงิน ตอนนี้ถูกเจ้าทำสกปรกแล้ว สวมใส่มิได้แล้ว เจ้าชดใช้มานะ เจ้าต้องชดใช้ให้ข้า…”
“สตรีปากเสียนี่มาจากที่ไหน ยังไม่รีบหลีกไปอีก” หลี่หมิงเจ๋อตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยว
“อะไรนะ เจ้ากล้าด่าข้าว่าสตรีปากเสียหรือ เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใคร หากวันนี้เจ้าไม่ชดใช้เงินสำหรับชุดของข้า ก็อย่าหวังว่าจะหนีไปไหนได้” เหยาจินฮวากระทืบเท้าขณะโวยวายใส่
หลี่หมิงเจ๋อเกิดความเดือดดาลอย่างยิ่ง สะบัดครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ยังคงไม่อาจสะบัดออกได้ เมื่อหันหน้าไปแล้วเห็นหรูอี้จึงกล่าว “หรูอี้ คนผู้นี้เป็นใครกัน!”
หรูอี้อ้ำอึ้ง “ต้าเส้าเหยีย นี่…นี่คือภรรยาของพี่ชายเอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าค่ะ”
“อ๋า? ต้าเส้าเหยีย?” เหยาจินฮวาตะลึงงัน และปล่อยมือออกอย่างไม่รู้ตัวทันที
หลี่หมิงเจ๋อชำเลืองมองเหยาจินฮวา ถึงกับงุนงงไปชั่วขณะหนึ่ง นี่เป็นภรรยาของพี่ชายน้องสะใภ้ประเภทไหนกัน เพียงแต่ในที่สุดนางก็ปล่อยมือเสียที หลี่หมิงเจ๋อจึงรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เหยาจินฮวามองดูแผ่นหลังของคุณชายใหญ่ด้วยความตกตะลึงจนกระทั่งลับสายตาไป นางจึงพึมพำขึ้นมา “นี่เป็นคุณชายใหญ่ของพวกเจ้าจริงหรือ ดูไม่ออกเลยสักนิด เหตุใดถึงไม่เหมือนหลี่หมิงอวินเอาเสียเลยล่ะ อีกทั้ง เจ้าลองดูสิ เขาอยู่ในชุดธรรมดาๆ เนื้อผ้าหยาบกร้าน ที่เขาสวมใส่สู้เสื้อผ้าที่ผู้ดูแลในจวนสวมใส่มิได้ด้วยซ้ำ…”
“เอ้…หรูอี้ เหตุใดเจ้าถึงไม่รีบบอกข้าแต่แรกล่ะ!” เหยาจินฮวาโอดครวญ เมื่อครู่ท่าทางนั้นมันช่างเสียมรรยาทไม่น้อยเลยทีเดียวเชียว!
หรูอี้ยิ้มเจื่อน “จิ้วฮูหยินท่านเปิดโอกาสให้ข้าน้อยได้เอ่ยปากหรือเจ้าคะ”
เหยาจินฮวาชักสีหน้าโกรธเคือง “ช่างเถอะๆ ข้าไปก่อนละ ไว้พรุ่งนี้ข้าค่อยมาใหม่” เหยาจินฮวาปัดฝุ่นบนชุดกระโปรงทิ้ง อดรู้สึกเศร้าใจไม่ได้ เสื้อผ้าชุดนี้เพิ่งสวมใส่วันนี้เอง ปรากฏว่าดันสกปรกเสียแล้ว ช่างซวยจริงๆ
“พี่สะใภ้ อดทนเข้าไว้นะเจ้าคะ ออกแรงอีกนิดเจ้าค่ะ เด็กใกล้จะออกมาได้แล้วเจ้าค่ะ” หลินหลันให้กำลังใจ พลางซับเหงื่อที่ผุดตามหน้าผากแล้วไหลลงมาตามไรผมด้านข้าง ใบหน้าของนางยังคงสงบยิ่ง ทว่าในใจกลับร้อนรน พละกำลังของติงหลั้วเหยียนน้อยเกินไปจริงๆ แทบจะไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นก็ว่าได้ นางมองเห็นศีรษะของเด็กตั้งนานแล้ว ทว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่ออกมาเสียที ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป เด็กจะมีอันตรายทางด้านระบบหายใจเอาได้
หยินหลิ่วกำลังถือผ้าเช็ดหน้าช่วยซับเหงื่อให้นายหญิงสะใภ้รองอยู่ด้านข้างเป็นระยะๆ นางติดตามข้างกายนายหญิงสะใภ้รองมาเนิ่นนานเพียงนี้ ทว่านี่ถือเป็นครั้งแรกที่เห็นนายหญิงสะใภ้รองประหม่าได้เพียงนี้
“เอ้อร์เส้าหน่ายนาย สรุปแล้วเจ้ารับมือไหวมือไม่ หากไม่ไหวก็รีบบอกมาเสีย พวกเราจะได้หาคนมาเปลี่ยน” ติงฮูหยินได้นอนหลับไปหนึ่งตื่นจึงรู้สึกกระปรี้กระเปร่าอย่างยิ่ง นางรู้สึกไม่พึงพอใจหลินหลันที่เวลาผ่านไปนานขนาดนี้แล้วยังไม่อาจทำอะไรได้
“หลินหลัน ข้าไม่ไหวแล้วจริงๆ ไม่ไหวแล้ว…” ติงหลั้วเหยียนเหงื่อออกประดุจธารน้ำ ขณะส่งเสียงแหบพร่าอย่างสิ้นหวัง นางพยายามอย่างมากแล้ว ทว่ายังไม่ไหวอยู่ดี!
หลินหลันชำเลืองมองติงฮูหยินอย่างดุดัน เจ้าในฐานะมารดาคนหนึ่ง ไม่ก่อกวนคนอื่นเขามันจะตายหรือ พูดจาและกระทำการใดๆ ไม่รู้จักดูเวล่ำเวลาเสียบ้าง
“ติงฮูหยิน ท่านโปรดช่วยอยู่ในความสงบด้วยเจ้าค่ะ หากท่านหักห้ามคำพูดไม่ได้ เช่นนั้นเชิญท่านออกไปพูดข้างนอกนะเจ้าคะ” หลินหลันกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หมอตำแยจางกล่าว “ฮูหยิน ท่านอย่าร้อนใจไปเลยเจ้าค่ะ คงใกล้ออกมาแล้วเจ้าค่ะ”
ติงฮูหยินอ้าปากพะงาบๆ มองดูบุตรสาวที่กึ่งเป็นกึ่งตาย ท้ายที่สุดก็ยอมอดกลั้นไว้แต่โดยดี
“หลั้วเหยียน หลั้วเหยียน…ข้ากลับมาแล้ว เจ้าได้ยินหรือไม่ ข้าจะคอยอยู่ด้านนอกนี่ หลั้วเหยียน เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าอยู่นี่ ข้าอยู่นี่…” หลี่หมิงเจ๋อส่งเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากชั้นล่างของเรือน
หลินหลันรู้สึกดีใจทันที “พี่สะใภ้ ท่านได้ยินแล้วหรือไม่ พี่ใหญ่กลับมาแล้วเจ้าค่ะ พี่ใหญ่กลับมาแล้ว ดังนั้น ท่านต้องพยายามต่อไปนะเจ้าคะ! พวกท่านครอบครัวจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วเจ้าค่ะ”
ดวงตาหลั้วเหยียนสว่างไสวขึ้นทันใด มองไปยังทิศทางบันไดเรือนอย่างฮึกเหิม
หลี่หมิงเจ๋อต้องการขึ้นไปบนเรือน แต่ถูกบรรดาหญิงรับใช้ขัดขวางไว้อย่างจริงจัง
“ต้าเส้าเหยียเจ้าคะ ท่านขึ้นไปมิได้จริงๆ เจ้าค่ะ นั่นเป็นห้องทำคลอดอยู่ เป็นสถานที่สกปรก บุรุษมิอาจเข้าไปได้เจ้าค่ะ…”
หลี่หมิงเจ๋อกล่าวด้วยความหงุดหงิด “นั่นคือเมียและลูกของข้า สกปรกบ้าบออันใดหรือ รีบหลีกไป ข้าต้องขึ้นไปให้ได้”
“ต้าเส้าเหยีย ทำเช่นนั้นมิได้นะเจ้าคะ ไม่ได้จริงๆ เจ้าค่ะ…”
“พี่ใหญ่ ท่านอย่าได้หุนหันพลันแล่นไปเลยขอรับ! พี่สะใภ้จะต้องได้ยินเสียงของท่าน รับรู้ว่าท่านกลับมาแล้วเป็นแน่ จิตใจของนางก็จะเป็นอันสงบแล้วเช่นกัน ยามนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญยิ่ง ท่านก็คอยอยู่ตรงนี้จะดีกว่านะขอรับ” หลี่หมิงอวินตบบ่าของพี่ชายขณะเกลี้ยกล่อม วันนี้เขารีบกลับมาแต่หัววันเช่นกัน ตอนนี้ก็รออยู่บริเวณชั้นล่างของเรือนเวยอวี่
หลี่หมิงเจ๋อรู้สึกเศร้าใจอย่างยิ่ง แม้ไม่ได้ยินเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดของหลั้วเหยียน แต่เขารู้นิสัยของหลั้วเหยียน ต่อให้เจ็บปวดแทบตายก็เคอะเขินเกินกว่าจะปริปากออกมา ด้วยเหตุนี้เขาถึงยิ่งเป็นกังวลใจและยิ่งปวดใจ เขาอยากคอยดูแลหลั้วเหยียนอยู่ข้างกาย กอบกุมมือของนางเพื่อให้กำลังใจนาง
“หลั้วเหยียน เจ้าอย่าได้กลัวไปนะ เจ้าจะต้องพยายามเข้าไว้ ข้าจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้ รอเจ้าและลูกของพวกเรา…” หลี่หมิงเจ๋อรู้สึกจนปัญญา ทำได้เพียงส่งเสียงตะโกนขึ้นไปชั้นบน
ได้ยินคำพูดของหมิงเจ๋อ สายตาของติงหลั้วเหยียนเปลี่ยนมาสงบนิ่งและฮึดสู้ นางกัดริมฝีปากก่อนกล่าวขึ้น “หลินหลัน ช่วยข้าที ข้าต้องการให้ลูกคลอดออกมาอย่างปลอดภัย…”
หลี่หมิงอวินมองดูพี่ชายที่เดินวกไปวนมาในห้องด้วยความกระวนกระวายจึงโน้มน้าวอีก “พี่ใหญ่ ท่านนั่งลงหน่อยเถอะ! ท่านก็ได้ยินแล้ว หยินหลิ่วเอ่ยว่าพี่สะใภ้ใกล้คลอดแล้ว อย่าได้กังวลไปเลยขอรับ”
หลี่หมิงเจ๋อกล่าวอย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “จะไม่ให้เป็นกังวลได้อย่างไรกัน นานเนถึงเพียงนี้แล้ว หากรู้แต่แรกว่าการคลอดบุตรต้องทุกข์ทรมานเพียงนี้ อันตรายเพียงนี้ ข้าขอไม่ต้องการลูกก็สิ้นเรื่อง”
หลี่หมิงอวินตะลึงงันไปชั่วครู่ เหตุใดคำพูดนี้มันถึงคุ้นหูเพียงนี้ อ้อ! เมื่อคืนเขาก็คิดแบบนี้นี่นะ
“อุแว้…อุแว้…” เสียงเด็กร้องดังกังวานลงมายังชั้นล่าง
หลี่หมิงอวินลุกขึ้นยืนทันทีทันใด หลี่หมิงเจ๋อก็หยุดชะงักฝีก้าวด้วยเช่นกัน ทั้งสองคนมองไปยังอาคารชั้นบน ภายในใจรู้สึกดีอกอีใจอย่างยิ่ง คลอดแล้ว คลอดแล้ว…
ตึก ตึก ตึก…แม่เหยาเดินลงมาอย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยด้วยความดีใจภายใต้สีหน้าเบิกบาน “ยินดีกับต้าเส้าเหยียด้วยเจ้าค่ะ ต้าเส้าหน่ายนายคลอดแล้วเจ้าค่ะ เป็นคุณชายน้อย คุณชายน้อยขาวจ้ำม่ำเจ้าค่ะ…”
หลี่หมิงเจ๋อแทบยังไม่ทันดึงสติกลับคืนมาได้จากความตกตะลึงปนดีใจ เขายังคงตะลึงงัน แทบไม่กล้าเชื่อ ตนเองได้เลื่อนขั้นเป็นบิดาแล้วจริงๆ
หลี่หมิงอวินหัวเราะร่าพลางตบบ่าพี่ชาย “พี่ใหญ่ ยังมัวตกตะลึงอันใดอีกหรือ พี่สะใภ้คลอดแล้ว ยินดีกับท่านด้วย ได้เป็นพ่อคนแล้วนะขอรับ”
หลี่หมิงเจ๋อมีปฏิกิริยาโต้ตอบช้าไปนิด มือไม้กำลังถูไถกัน เผยรอยยิ้มใสซื่อขณะกล่าวไม่ปะติดปะต่อ “ใช่แล้ว ใช่แล้ว คลอดแล้ว เป็นพ่อคนแล้ว รางวัล ตบรางวัลให้ทุกคนที่ปรนนิบัติข้างกายต้าเส้าหน่ายนายเป็นจำนวนสิบตำลึงเงิน ส่วนคนอื่นๆ ในจวนให้ตบรางวัลห้าตำลึงเงิน”
แม่เหยาย่อเข่าลงด้วยสีหน้าเบิกบานสุขใจ “ขอบพระคุณต้าเส้าเหยียสำหรับรางวัลเจ้าค่ะ”
หลี่หมิงอวินม้วนแขนเสื้ออย่างสุขสำราญใจ “สิบตำลึงเงินน้อยเกินไป นี่เป็นถึงเรื่องมงคลครั้งยิ่งใหญ่ของจวนหลี่ แม่เหยา ถ่ายถอดคำสั่งลงไป ตบรางวัลให้อีกเท่าตัวหนึ่ง”
หลี่หมิงเจ๋อหัวเราะลั่นอย่างเบิกบานใจ “ตกลง เพิ่มอีกเท่าตัวหนึ่ง!”
แม่เหยาดีอกดีใจอย่างยิ่ง กล่าวขอบคุณแทนบรรดาข้ารับใช้ในจวนอีกครั้ง
ไม่นานนักหมอตำแยก็อุ้มเด็กทารกลงมาจากชั้นบน
“ยินดีกับต้าเส้าเหยียด้วยเจ้าค่ะ คุณชายน้อยรูปลักษณ์เสมือนต้าเส้าหน่ายนายไม่ผิดเพี้ยนเลยเจ้าค่ะ” หมอตำแยเข้าใจพูดเอาอกเอาใจเป็นที่สุด พูดจากการสังเกตตัวบุคคล คุณชายใหญ่ท่านนี้เป็นห่วงเป็นใยนายหญิงสะใภ้ใหญ่ถึงเพียงนี้ การกล่าวว่าเด็กเหมือนนายหญิงสะใภ้ใหญ่ แน่นอนว่าคุณชายใหญ่ต้องยินดีปรีดาเป็นธรรมดา
“ต้าเส้าเหยีย ท่านต้องการอุ้มดูหรือไม่เจ้าคะ” หมอตำแยอุ้มเด็กไปเบื้องหน้าหลี่หมิงเจ๋อ
หลี่หมิงเจ๋อมองดูเด็กน้อยผมดกดำผู้นี้ซึ่งอยู่ในผ้าห่อตัว ผิวพรรณยังคงยู่ยี่เล็กน้อย ไม่ถึงกับว่างดงาม แต่ดวงตาคู่นี้กลับดำขลับและสว่างสดใสเป็นพิเศษ ดูมีไหวพริบอย่างมาก ช่างเสมือนหลั้วเหยียนจริงๆ ทันใดนั้นดวงใจเขาก็แปรเปลี่ยนไปจนสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนอย่างยิ่ง