ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่ 30 ความรู้ใหม่
วันนี้กลับช่างบังเอิญ ศิษย์ฝึกงานล้วนอยู่ที่ร้านขายยาฮู๋จี้กันทั้งหมด คนไข้ในร้านก็น้อย ยากต่อการพูดคุยเล่น ท่านหมอฮู๋ตรวจดูข้อเท้าของหลินหลัน มั่นใจว่าไม่เป็นอะไรร้ายแรง ลูกศิษย์สองสามคนก็นั่งลงคุยกัน
ท่านหมอฮู๋มองดูหลี่หมิงอวินที่กำลังนั่งดื่มชาอยู่เงียบๆ ด้านข้าง แล้วลูบครำเคราที่บางเบาของเขาพลางถอนหายใจและเอ่ยขึ้น “หลินหลันเอ้ย เจ้าเป็นศิษย์ที่ฉลาดเฉลียวมากที่สุดเท่าที่อาจารย์เคยสอนมา เดิมทีคิดไว้ว่า จะสอนเจ้าอีกสองปี เจ้าก็สามารถจบหลักสูตรแล้วบนโลกนี้ก็จะมีหมอดีๆ ไว้คอยรักษาผู้เจ็บไข้ได้ป่วยเพิ่มอีกคน น่าเสียดาย ไม่นานเจ้าก็จะไปจากที่นี่เสียแล้ว”
ศิษย์พี่ศิษย์น้องสามท่านที่อยู่ด้านข้างต่างเผยสีหน้าขายหน้าออกมา
หลินหลันนิ่งเงียบ ท่านอาจารย์อ่าท่านอาจารย์ ชีวิตที่แล้วของข้าก็ได้จบหลักสูตรเป็นหมอไปแล้ว แต่ทว่า สองปีมานี้ที่ได้เรียนรู้จากท่านก็ยังถือว่าได้เรียนอะไรมาบ้างไม่น้อยเลยเช่นกัน
มองดูท่านหมอฮู๋ซึ่งกำลังแสดงอารมณ์เสียดายเป็นยิ่งนัก หลินหลันรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก จึงเอ่ยออกไป “ท่านอาจารย์ ถึงข้าไปเมืองหลวงแล้วก็ยังเป็นหมอรักษาได้อยู่!”
ท่านหมอฮู๋มองไปยังหลี่หมิงอวินอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวขึ้น “ง่ายดายที่ไหนกัน?”
“ท่านอาจารย์ ความสำเร็จอยู่ที่ตัวเราจะกระทำ” หลินหลันแสดงความไม่เห็นด้วย เรื่องที่นางจะยอมให้ใครหน้าไหนจะมาขัดขวางงั้นหรือ?
ดวงตาก่อนหน้าซึ่งดูซับซ้อนของท่านหมอฮู๋ฉายความสว่างไสวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สีหน้าซึ่งเดิมที่เป็นเพราะเสียดายจึงเผยความเศร้าหมองขึ้นมาเล็กน้อยกลับปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น
“หลินหลันอ่า! เจ้าคิดได้เช่นนี้ ข้าปลื้มใจยิ่งนักที่ได้เป็นอาจารย์ของเจ้า”
โม่จื่อโหยวเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าพลางเอ่ยขึ้น “ศิษย์น้อง ในอนาคตหากเจ้าเปิดร้านขายยา ศิษย์พี่ขอไปเป็นหุ้นส่วนกับเจ้าด้วย”
หลินหลันตบลงบนบ่าของโม่จื่อโหยวสองสามครั้ง มองเขาอย่างจริงจัง และเอ่ยด้วยใจจริง “ศิษย์พี่ห้า ให้ท่านเป็นหุ้นส่วนคงไม่เหมาะสมหรอก จะอย่างไรก็จะต้องเป็นหมอในร้านยาสิถึงจะเหมาะสม”
ศิษย์พี่สองหวังต้าไห่ก็เข้าร่วมด้วย “ศิษย์น้อง ถึงตอนนั้นอย่าได้ลืมศิษย์พี่สองของเจ้าเชียว จัดหาตำแหน่งงานให้ข้าด้วยซักตำแหน่งนะ”
หลินหลันพูดอย่างใจกว้าง “ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นพวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องก็ได้ทำงานใหญ่กันอย่างอิสระ แล้วก็ช่วยกันสืบทอดกิจการให้มีชื่อเสียงยาวนานขึ้นมาให้ได้”
ศิษย์พี่ใหญ่จ้าวเหริ่นรีบร้อนเอ่ยขึ้น “พวกเจ้าไปกันหมดแล้ว เหลือข้ากับทานอาจารย์เช่นนั้นจะทำอย่างไร ในร้านมีกันสองคนทำไม่ไหวแน่!” จ้าวเหริ่นเป็นคนที่ซื่อสัตย์จงรักภักดี มีความคิดแบบง่ายๆ เป็นอย่างมาก คนอื่นเขาพากันพูดเล่นกลับล้วนเข้าใจว่าเป็นความจริงไปเสียได้
ทุกคนต่างพากันหัวเราะเสียงดัง
ท่านหมอฮู๋เองก็ชอบใจยิ่งนัก จึงกล่าวอย่างติดตลกออกไป “ดูท่าหมอชราอย่างข้าต้องรับสมัครเด็กฝึกงานเสียแล้ว จ้าวเหริ่น เจ้าไปจัดการเขียนประกาศให้ที”
จ้าวเหริ่นศิษย์พี่ใหญ่เอ่ยเพียงอ่อด้วยสีหน้าเศร้าใจ ก่อนจะแยกตัวไปเพื่อเขียนประกาศจริงๆ ทำให้หลินหลันหัวเราะเสียงดังขึ้นมาอีก หลี่หมิงอวินก็ไม่อาจกลั้นเอาไว้ได้เช่นกัน รู้สึกชื่นชอบบรรยากาศของที่นี่เป็นอย่างมาก เป็นตัวของตัวเองอีกทั้งยังอบอุ่น
“พวกเจ้าศิษย์พี่ศิษย์น้องคุยกันต่อเถอะ! หลี่กงจื่อ ท่านตามข้ามาประเดี๋ยว” ท่านหมอฮู๋ลุกขึ้นแล้วเรียกหลี่หมิงอวิน หลี่หมิงอวินวางถ้วยน้ำชาลงแล้วเดินตามหมอฮู๋เข้าไปในห้องซักประวัติผู้ป่วย
ทันทีที่ท่านอาจารย์เดินจากไป ใบหน้าของโม่จื่อโหยวก็เผยถึงความอยากรู้อยากเห็น “เฮ้! ศิษย์น้อง เจ้ากับหลี่ซิ่วฉายไปชอบพอกันเมื่อไหร่หรือ เรื่องราวการแต่งงานแบบคลุมถุงชน ได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งเขตเฟิงอานแล้ว ตอนนี้ที่ถนนตามตรอกซอกซอยต่างพากันพูดถึงพวกเจ้าสองคน รีบเล่ามาให้ฟังเสียดีๆ ช่วยอธิบายไขข้อข้องใจให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องที”
“นั่นสิ นั่นสิ! วันนี้หากเจ้าไม่ได้มาร้านยา ข้ายังวางแผนว่าจะไปพบเจ้าที่จวนเยี่ย” หวังต้าไห่ก็แสดงสีหน้าประหลาดใจและตื่นเต้นเป็นอย่างมากเช่นกัน
หลินหลันกรอกตาไปมา มันน่าตื่นตระหนกขนาดนี้เชียวหรือ
“เรื่องนี้…อันที่จริงก็ไม่มีอะไรให้อธิบายหรอก โชคชะตามาถึงแล้ว ก็เป็นเช่นนี้ล่ะ!” หลินหลันตั้งใจหลอกลวง
“ไม่ได้ นี่เจ้ากำลังบอกปัดเพื่อจะไม่เล่าเรื่อง รีบเล่าสถานการณ์การจับแต่งงานแบบคลุมถุงชนวันนั้นมาเร็วเข้า” โม่จื่อโหยวไม่ยอมแพ้ ซักไซ้ไม่เลิก
ไม่ใช่ว่านางต้องการบอกปัด เรื่องภายในซึ่งไม่อาจบอกเล่าต่อผู้อื่นมันเยอะมากเกินไปต่างหากล่ะ
“ศิษย์พี่ห้า เอาเป็นว่าท่านเอาความอยากรู้อยากเห็นนี้ไปใช้ในการเรียนหมอจะดีกว่า ไม่งั้นก็ได้เป็นหมอไปตั้งนานแล้ว”
“อย่าเปลี่ยนหัวข้อ รีบพูดมา” หวังต้าไห่ก็ไล่บี้มาเช่นกัน
หลินหลันหนีไปไหนไม่พ้น ทำได้เพียงต้องกล่าวอย่างสรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ของวันนั้น
โม่จื่อโหยวเมื่อได้ยินผู้ดูแลหลิวคนนั้นทำให้หลินหลันรู้สึกลำบากใจ อดไม่ได้ที่จะกำมือเป็นกำปั้นแน่นพลางเอ่ยออกมาด้วยความโกรธ “จางตาฮู้คนนี้ วันใดหากเขาขอให้ท่านอาจารย์ไปให้การรักษาอีกครั้ง ข้าจะใส่ยาระบายลงไปในบ่อน้ำที่บ้านของเขา ทำให้ท้องร่วงไปทั้งครอบครัวของเขา”
“นั่นสิ หลินหลันเจ้าก็เกินไป เกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ก็ไม่มาหาพวกเราศิษย์พี่ ต่อให้พวกเราใช้ไม่ได้ขนาดไหน ก็ให้ไปยืนโบกธงตะโกนให้กำลังใจเจ้าก็ยังดี” หวังต้าไห่พูดอย่างตำหนิเล็กน้อย
“คือว่า…ไม่ใช่ว่ามีหลี่หมิงอวินแล้วหรอกหรือ เช่นนั้นก็เลยไม่อยากรบกวนพวกศิษย์พี่” หลินหลันเอ่ยขึ้นพลางยิ้มเล็กน้อย ในใจกลับรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก ท่านอาจารย์และบรรดาศิษย์พี่นับว่าเป็นห่วงเป็นใจนางมาก ที่นี่ไม่ต่างจากบ้านอีกหลังของนาง มาคิดๆ ดูแล้วอีกไม่นานก็ต้องจากที่นี่ไปแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงจะได้พบเจอกันอีก อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะเทือนใจอยู่บ้าง จึงตัดสินใจแน่วแน่ ภายภาคหน้าเมื่อได้เปิดร้านยาในเมืองหลวงแล้ว จะต้องเชิญท่านอาจารย์และศิษย์พี่ไปอยู่ที่เมืองหลวง
พูดคุยเล่นกันต่อไปอีกสองสามประโยค หลี่หมิงอวินถือใบสั่งจ่ายยาออกมา ส่งให้แก่หวังต้าไห่ เพื่อรบกวนเขาให้ช่วยนำยามาให้
หลินหลันคว้าเอามา “ให้ข้าจัดการเถอะ!” พอดีกับที่มีคนไข้มาในร้าน หวังต้าไห่และโม่จื่อโหยวจึงแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง
หลินหลันเปิดดูใบสั่งยา เป็นยาต้มอู่โถว ยาต้มชนิดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดข้ออย่างรุนแรงในโรคไขข้ออักเสบ ผู้ที่ถูกกับความอบอุ่นและเกลียดความเย็น
“ให้ท่านยายของเจ้าใช่ไหม”
หลี่หมิงอวินพยักหน้า “ป่วยเรื้อรังมาหลายปีแล้ว เพียงแต่ไม่กี่ปีมานี้ยิ่งเป็นหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ”
“อันที่จริงแล้ว อาการของโรคนี้อาศัยแค่การระงับอาการไม่ได้ ผู้ที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่เกิดจากสาเหตุม้าม ไตและซานเจียว [1] บกพร่อง ดังนั้นจึงต้องปรับสมดุลม้าม เสริมสร้างไต เปิดจุดซานเจียวและเปิดเส้นลมปราณให้เดินสะดวกมากยิ่งขึ้น สูตรยานี้เป็นยารักษาตามอาการ จะดื่มไปก่อนก็ได้ ในการปรับสมดุลม้ามและไตนั้นสามารถใช้ยาบำรุงได้ ในส่วนการเปิดจุดซานเจียวและเปิดเส้นลมปราณ ข้ามีวิธีการรมยา ข้าจะจดไว้ให้ แล้วเจ้าก็นำไปให้ท่านยายเสีย บอกแค่ว่าท่านอาจารย์ของข้าเป็นผู้สั่งเอาไว้ก็พอ และยังมีวิธีการนวดอีกหนึ่งชุด เจ้าช่วยหาสาวใช้ที่ฉลาดให้มาหาข้าเพื่อข้าจะได้สอนนางไว้คอยนวดให้ท่านยายทุกวัน เจ้าอย่าได้ดูถูกการนวดเชียว วิธีการนวดที่ถูกต้องนี่แหละจะช่วยให้ได้ผลดีเสียยิ่งกว่ากินยาเสียอีก”
เมื่อหลี่หมิงอวินมองดูนางบอกกล่าวถึงวิธีการจ่ายยารักษาอาการป่วย คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย ขณะเดียวกันสีหน้าก็จดจ่อราวกับว่านางดูเหมือนหมอรักษาที่มีประสบการณ์มายาวนาน จึงรู้สึกอึ้งไปเล็กน้อยและสิ่งที่นางพูดก็ใกล้เคียงกับที่ท่านหมอฮู๋เอ่ยไว้ ท่านหมอฮู๋ก็ได้กล่าวถึงการบำรุงม้ามและเสริมสร้างไต อีกทั้งยังกล่าวถึงการใช้วิธีการฝังเข็ม แต่เพียงว่าท่านยายกลัวความเจ็บปวดและทนความเจ็บปวดจากการฝังเข็มไม่ได้ จึงยืนกรานปฏิเสธที่จะใช้วิธีนั้น เมื่อได้ยินวิธีการรมยาและการนวดนี้จึงจะนำไปลองใช้ดูแล้วกัน
“เตรียมยาไว้ครบแล้ว พวกเราจะนำไปเองหรือให้สหายข้าซักคนนำไปส่งไว้ให้ก่อน?” หลินหลันห่อยาเสร็จอย่างว่องไว แล้วเอ่ยถามหลี่หมิงอวิน
หลี่หมิงอวินหันกลับมามอง มองเห็นบนโต๊ะเต็มไปด้วยป้ายยาสิบสี่ชนิดวางเรียงอยู่ อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง “เจ้า…ไวขนาดนี้?”
“ทำเป็นเล่นไป ศิษย์น้องของพวกเราหยิบยาได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวเป็นอันดับต้นๆ ก่อนหน้านี้พวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องมักจะเล่นเกมส์นี้ ห้าคนยังสู้นางเพียงคนเดียวไม่ได้เลย แถมยังไม่ต้องใช้ตราชั่งอีกด้วย ใช้เพียงหยิบมือเดียวได้อย่างแม่นยำ” โม่จื่อโหยวหยิบใบสั่งยาของนายจางเอามา จึงถือโอกาสคุยโว้เกี่ยวกับหลินหลันยกใหญ่ หลังจางนั้นจึงเผยรอยยิ้มออกมา “ศิษย์น้อง ช่วยหยิบยาของใบสั่งยานี้ให้ด้วยเลยแล้วกัน!”
หลินหลันถลึงตาใส่เขาไปหนึ่งที “พอข้ามาก็ใช้แรงงานข้าเลยนะ” ปากบ่นอุบอิบ ทว่ากลับกวาดสายลงมองรายการชนิดยาอย่างว่องไว จดจำชื่อชนิดยาเอาไว้ รวมถึงปริมาณ แล้วหันหลังกลับไปเปิดลิ้นชักยาอย่างคล่องแคล่ว หยิบออกมาทีละรายการ แยกบรรจุลงห่ออย่างดี โดยใช้ระยะเวลาอันสั้นก็เป็นอันเรียบร้อย
โม่จื่อโหยวเชิดคางขึ้นเล็กน้อยโดยมองไปยังหลี่หมิงอวิน ยิ้มอย่างภาคภูมิใจและเอ่ยขึ้น “เป็นเช่นไร ศิษย์น้องของข้าเก่งกาจใช่ไหม! แต่ว่าข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ ที่ศิษย์น้องของข้าเก่งกาจมากที่สุดไม่ใช่สิ่งนี้หรอก…” โม่จื่อโหยวเหลือบตามองหลินหลัน ก่อนจะหันไปกระซิบกระซาบข้างใบหูหลี่หมิงอวิน
หลินหลันซึ่งมองเห็นท่าทีนั้นจึงรีบเบิกตากว้างใส่กลับไป และเอ่ยข่มขู่ “ศิษย์พี่ห้า ไม่อนุญาตให้เปิดเผยรายละเอียดของข้า ไม่เช่นนั้นพี่โดนดีแน่”
โม่จื่อโหยวทำหน้าทำตาทะเล้นแลบลิ้นใส่ แล้วรีบเดินหนีไป
หลี่หมิงอวินกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาเสียแล้วว่า หลินหลันยังมีอะไรที่เก่งกาจไปยิ่งกว่านี้อีก?
——
[1] ซานเจียว (三焦) เป็นอวัยวะหนึ่งทางการแพทย์แผนจีน