ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่ 300-2 ให้เจ้าสั่งสอนอบรม
นางเฝิงได้ยินว่าสามีพาหลินหลันกลับมาด้วย จึงละมือจากเรื่องราวที่ทำอยู่และเตรียมไปเจอะเจอ เมื่อเดินไปได้เพียงครึ่งฝีก้าวก็ชะงักลงฝีเท้าลง
“ฮูหยิน…” โม่เอ๋อร์ประหลาดใจ เหตุใดฮูหยินถึงไม่เดินไปต่อ
นางเฝิงส่ายหน้าขณะถอนหายใจ “กลับกันดีกว่า! พวกเขาสองพ่อลูกกว่าจะได้พูดคุยกันหาใช่เรื่องง่ายดายไม่ ข้าไปจะเป็นการไม่ดีไปเปล่าๆ”
หลินหลันออกจากจวนแม่ทัพ เดิมทีตั้งใจว่าจะมุ่งหน้าไปจวนจิ้งปั๋วโหว์ แต่คิดๆ ดูแล้วก็ล้มเลิกความตั้งใจนี้ไป เวลานี้ต้องพยายามให้เงียบที่สุด เพื่อจะได้ไม่นำมาซึ่งความวุ่นวายอันไม่จำเป็น จึงควรอยู่ห่างๆ เข้าไว้จะเป็นการดี
รถม้าเพิ่งจอดสนิท หยินหลิ่วก็เดินเข้ามาตอนรับ ช่วยนายหญิงสะใภ้รองเปิดผ้าม่านรถ แล้วประคองนางลงจากรถ
“เอ้อร์เส้าหน่ายนาย ได้เจอเอ้อร์เส้าเหยียหรือไม่เจ้าคะ” หยินหลิ่วเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น
หลินหลันเผยรอยยิ้มเล็กน้อย “ก็ถือว่าราบรื่นกระมัง อากาศหนาวเย็นเพียงนี้ เจ้ารออยู่ในบ้านก็ได้ ไยต้องวิ่งออกมาด้วย”
หยินหลิ่วกัดฟันเบาๆ แล้วกล่าว “อยู่ในบ้านไม่สบายใจเท่าอยู่ข้างนอกน่ะเจ้าค่ะ”
หลินหลันเลิกคิ้ว ชำเลืองตามองหยินหลิ่ว บนใบหน้าหยินหลิ่วแสดงถึงความอึดอัดใจไม่น้อย จึงเอ่ยถาม “จิ้วฮูหยินก่อความวุ่นวายอันใดอีกแล้วหรือ”
หยินหลิ่วกล่าวอย่างหงุดหงิดใจ “ว่ากันตามหลัก นางคือจิ้วฮูหยิน บรรดาข้าน้อยก็ควรปรนนิบัตินางอย่างดี หากปฏิบัติไม่ดี แล้วได้รับการตำหนิก็เป็นเรื่องอันสมควร ทว่า ไม่เห็นจำเป็นต้องทำกันถึงเพียงนี้ ทุกคนเกรงว่าจะสร้างความลำบากใจให้เอ้อร์เส้าหน่ายนาย จึงพากันปกปิดไม่บอกกล่าว และคิดเพียงว่าเช่นนั้นก็ปรนนิบัติอย่างระมัดระวังให้มากขึ้นหน่อย ใครจะรู้ว่านับวันจิ้วฮูหยินยิ่งเอาใหญ่ เอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าคะ ท่านคงไม่รู่ว่า นางให้หรูอี้ช่วยล้างเท้าให้นางทุกคืนด้วยนะเจ้าคะ จะเป็นคนอื่นก็ไม่ได้ ต้องเป็นหรูอี้เท่านั้น แล้วก็ ตั้งแต่จิ้วฮูหยินมาอยู่ แม่นมของคุณชายน้อยฮานเอ๋อร์ไม่ได้กินดอกเกลือเลยสักนิด จิ้วฮูหยินยังบังคับให้นางกินกีบขาหมูที่ไร้รสชาติ แรกเริ่มแม่นมก็ยังอดทนเอาไว้ก่อน แต่วันนี้กินไม่ลงแล้วจริงๆ จิ้วฮูหยินก็กระชากผมนางแล้วตบตี พวกหรูอี้นางเข้าไปเกลี้ยกล่อม ก็ถูกตบเข้าไปด้วยหนึ่งฉาด แล้วยังกล่าวอะไรที่ว่า ล้วนเป็นพวกขยะไร้ประโยชน์ เจ้านายพวกเจ้าไม่รู้จักอบรมสั่งสอนหรือไร เช่นนั้นนางก็จะอบรมสั่งสอนให้เองทำนองนี้เจ้าค่ะ วันนี้ตอนกลางวัน นางต้องการให้กุ้ยซ่าวตุ๋นไก่ กุ้ยซ่าวกล่าวว่ายามนี้บ้านเมืองตกอยู่ในสถานการณ์เศร้าโศก แม้แต่กีบเท้าหมูที่แม่นมกินก็ได้มาจากการไปสรรหามาอย่างยากลำบากจึงไม่กล้าทำให้นาง จิ้วฮูหยินก็อาละวาดขึ้นมา ทำลายหม้อไหในห้องครัวจนเละเทะ…เอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าคะ อย่างอื่นก็พอมองข้ามได้ ทว่าจิ้วฮูหยินไม่รู้จักประมาณตนเช่นนี้ นี่มันมิเท่ากับเป็นการชักนำปัญหาให้ตระกูลหลี่เราหรือเจ้าคะ”
หยินหลิ่วบอกกล่าวเป็นที่เรียบร้อย เห็นสีหน้าของนายหญิงเคร่งขรึมอย่างชัดเจน จึงคิดว่าตนเองปากมากเกินไปเสียแล้ว นางแอบตำหนิตนเองอยู่ลึกๆ แม่โจวบอกกล่าวไว้แล้วแท้ๆ ว่าให้อดกลั้นไว้ก่อน ทว่านางจะอดกลั้นไหวได้อย่างไรล่ะ นายหญิงสะใภ้รองกังวลใจด้วยเรื่องราวของคุณชายรองมากพอแล้ว “เอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าคะ เป็นความผิดของข้าน้อยเอง ข้าน้อยไม่ควรนำเรื่องราวเหล่านี้มาเพิ่มความกลัดกลุ้มให้เอ้อร์เส้าหน่ายนายเลยเจ้าค่ะ” หยินหลิ่วกล่าวตะกุกตะกัก
หลินหลันสบถฮึ “เจ้าไม่ผิด ไม่จำเป็นต้องตำหนิตนเอง คนของข้ายังไม่ถึงขั้นต้องให้ผู้อื่นมาบงการว่าต้องทำอันใด”
หลินหลันเดินตรงดิ่งเข้าไปด้านใน พร้อมกับความเดือดดาลที่อัดแน่นเต็มท้อง ระยะนี้นางมัวกังวลเรื่องของหมิงอวิน ตราบใดที่ทางด้านเหยาจินฮวานั่นไม่กระทำการเกินไป นางก็คร้านจะใส่ใจ ทว่าตอนนี้ได้ยินสิ่งเหล่านี้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่อาจอดกลั้นได้
หลังเหยาจินฮวาอาละวาดไปหนึ่งยก กุ้ยซ่าวก็ยอมหลุดปากว่าจะตุ๋นไก่ให้นาง เหยาจินฮวาเอ่ยปากข่มขู่ว่า ไม่ช้าก็เร็วจะขับไล่กุ้ยซ่าวออกไป จากนั้นนางก็เดินกลับห้องไปอย่างหงุดหงิด
กุ้ยซ่าวและอวิ๋นอิงพร้อมคนอื่นๆ ช่วยกันเก็บกวาดห้องที่เลอะเทอะ อวิ๋นอิงเก็บกวาดไปพลางบ่นอุบอิบด้วยความโกรธเกรี้ยว “พอเอ้อร์เส้าหน่ายนายไม่อยู่ในจวน นางถึงกล้าอาละวาดเช่นนี้ ข้าละไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมแม่โจวถึงไม่ออกมากำราบ”
กุ้ยซ่าวกล่าวอย่างเห็นต่าง “จะกำราบทำไมหรือ ปล่อยให้นางอาละวาดสร้างปัญหาไปเถอะ ยิ่งสร้างปัญหานางก็ยิ่งได้ถูกขับไล่ไปรวดเร็วขึ้นเท่านั้น”
“ทว่า…พวกเราต่างไม่บอกกล่าวเอ้อร์เส้าหน่ายนาย แล้วเอ้อร์เส้าหน่ายนายจะไล่นางไปได้อย่างไรล่ะเจ้าคะ นางก็เอาแต่ข่มขู่คุกคามต่อหน้าข้ารับใช้อย่างพวกเรา พอพบเจอเอ้อร์เส้าหน่ายนายก็ทำเป็นว่านอนสอนง่าย”
กุ้ยซ่าวกล่าวเย้ยหยัน “เรื่องที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เจ้าพูดออกไปทีละเรื่อง พาลจะทำให้เอ้อร์เส้าหน่ายนายฟังแล้วเหนื่อยล้าเปล่าๆ และก็คงปล่อยไปเลยตามเลย ยิ่งไปกว่านั้น เอ้อร์เส้าหน่ายนายขับไล่คนเขาออกไปได้เพียงเพราะตบตีข้ารับใช้หรือ พวกเราจึงจำเป็นต้องอดทนนางไปเช่นนี้ เช่นนี้ถึงจะรวมหัวกันสะสางในคราเดียวได้”
อวิ๋นอิงเป็นอันเข้าใจได้ ความโกรธเกรี้ยวก็มลายหายไปด้วยเช่นกัน จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ผู้สูงวัยก็มักแก้ปัญหาต่างๆ ได้รวดเร็วและดีเยี่ยมกว่าอยู่เสมอเลยนะเจ้าคะ”
กุ้ยซ่าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเด็กนี่ เจ้ายังอ่อนหัดยิ่งนัก! เรียนรู้เอาไว้แล้วกัน! หากแม่โจวไม่มีทักษะการรับมือแม้แต่เรื่องเล็กๆ นี้ เหล่าไท่ไทเยี่ยคงมิให้นางติดตามมาเป็นผู้ช่วยหรอก? เฮ้อ! เอาเศษหม้อไหที่แตกไปโยนทิ้งด้านนอก โดยต้องวางไว้ในบริเวณที่สะดุดตามากที่สุด แล้วก็เศษกระเบื้องที่แตกพวกนั้นด้วย อย่าเพิ่งเอาไปเททิ้งละ เอากองๆ ไว้ที่ปากประตูเสียก่อน”
หลินหลันกลับมาถึงเรือนหลั้วเซี๋ยจาย แล้วเดินมุ่งตรงไปยังห้องที่เหยาจินฮวาพักอาศัยทันที เหยาจินฮวากำลังนั่งแทะเมล็ดทานตะวันอยู่บนเตียงเตา ขณะที่สาวใช้สองคนกำลังหยอกล้อเล่นเป็นเพื่อนฮานเอ๋อร์
เห็นว่าหลินหลันเดินหน้าบึ้งตึงเข้ามา ในใจเหยาจินฮวาจึงตระหนักได้ทันทีทันใด “หลินหลันกลับมาแล้วหรือ! รีบเข้ามานั่งสิ นี่เมล็ดทานตะวันคั่วใหม่ๆ กำลังหอมทีเดียวเชียวละ! มาชิมดูๆ…” นางกล่าวด้วยรอยยิ้มเจื่อน
“เสี่ยวเหมย เสี่ยวหลาน พวกเจ้าพาคุณชายน้อยฮานเอ๋อร์ไปเล่นบริเวณอื่นก่อน” หลินหลันสั่งการด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เสี่ยวเหมยและเสี่ยวหลานจึงรีบพากันอุ้มคุณชายน้อยฮานเอ๋อร์ออกไป
“หยินหลิ่ว ไปเรียกข้ารับใช้ในบ้านหลังนี้มาให้หมด”
หยินหลิ่วขานรับแล้วเดินออกไป
เหยาจินฮวามองดูหลินหลันในท่าทางเช่นนี้ ก็รู้ได้ทันทีว่าคงมีคนไปฟ้องเข้าแล้วเป็นแน่ จึงอดเกิดความขลาดกลัวขึ้นเล็กน้อยไม่ได้ แต่ไม่ทันไรนางก็สงบนิ่งลงอีกครั้ง นางไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย อีกอย่าง ถึงอย่างไรนางก็เป็นพี่สะใภ้ของหลินหลัน หลินหลันจะทำอันใดนางได้หรือ
“น้องสะใภ้ นี่ต้องการจะทำอันใดหรือ” เหยาจินฮวายังคงแทะเมล็ดทานตะวัน กล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน ทั้งที่ภายในใจกลับลนลานไม่เป็นสุข
หลินหลันนิ่งเงียบ เดินเข้าไปด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วหย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามเหยาจินฮวา
ไม่นานนัก หยินหลิ่วก็เรียกทุกคนมาพร้อมหน้าพร้อมตากัน
หลินหลันกวาดสายตามองเหยาจินฮวาอย่างเรียบเฉย จากนั้นเคลื่อนสายตายังไปเรือนร่างของกลุ่มคน ผมเผ้าของแม่นมผ่านการหวีจนเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ดวงตายังคงบวมแดง ผิวพรรณของหรูอี้ขาวเนียน รอยมือบนแก้มด้านซ้ายจึงปรากฏอย่างชัดเจน หลินหลันพยายามสะกดกลั้นความโกรธ แล้วกล่าวอย่างใจเย็น “พี่สะใภ้ ได้ยินว่าพี่สะใภ้ตำหนิว่าบรรดาข้ารับใช้ที่อยู่ใต้คำสั่งข้าทำงานมิได้เรื่อง ขาดการอบรมสั่งสอน ตอนนี้ข้าเรียกทุกคนมาแล้ว พี่สะใภ้ก็ช่วยอบรมสั่งสอนแล้วกัน ข้าจะได้เรียนรู้จากความสามารถของพี่สะใภ้ด้วยเช่นกัน” เมื่อกล่าวจบ หลินหลันลูบคลำร่องรอยยับเล็กน้อยบนกระโปรง จัดแต่งให้เหมาะสม แล้วเตรียมสดับรับฟังทฤษฏีขั้นสูงของเหยาจินฮวา
เหยาจินฮวาชะงักไปชั่วครู่ พร้อมกับสีหน้าที่แสดงให้เห็นถึงอาการตกตะลึง “น้องพี่ นี่เจ้าไปได้ยินคำพูดไร้สาระจากที่ไหนกันหรือ ข้าไปตำหนิถึงขั้นนั้นตั้งแต่เมื่อใดกัน”
หลินหลันหลุดหัวเราะเบาๆ แล้วขานเรียกหรูอี้ “หรูอี้ ใบหน้าของเจ้าไปโดนอันใดมาหรือ”
หรูอี้ที่กำลังก้มหน้าก้มตา เงยหน้าขึ้นแล้วชำเลืองมองเหยาจินฮวา จากนั้นก้มลงไปอีกครั้ง และไม่เอื้อนเอ่ยใดๆ
“เจ้าอย่าบอกข้านะว่า เป็นตัวเจ้าเองที่ไม่ระมัดระวังแล้วไปชนเสาเข้าอะไรทำนองนี้” หลินหลันกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
หรูอี้เม้มริมฝีปาก จากนั้นกล่าวอย่างอ้ำอึ้ง “เป็น…เป็นจิ้วฮูหยินเจ้าค่ะ…”
เหยาจินฮวาเชิดคางขึ้นแล้วส่ายศีรษะ เผยสีหน้าราวกับว่าข้าเป็นคนทำแล้วจะทำไมหรือ “ถูกต้อง เป็นข้าตบตีเอง ใครใช้ให้นางปฏิบัติต่อผู้เป็นนายอย่างไม่ให้ความเคารพล่ะ เป็นข้าทาสแต่ไม่ทำตัวอย่างข้าทาส แล้วยังกล้าตีตนขึ้นเทียบกับผู้เป็นนาย จะสั่งสอนสักหน่อยมิได้หรือ”
หรูอี้เงยหน้าขึ้นทันที นัยน์ตาเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำสีใส “จิ้วฮูหยินตำหนิกันเช่นนี้ ข้าน้อยไม่อาจยอมรับได้เจ้าค่ะ แม้ข้าน้อยจะต้อยต่ำ แต่ก็รู้ฐานะของการเป็นข้าทาสคนหนึ่งว่าควรวางตนเช่นไร เรื่องรังแกผู้เป็นนาย ข้าน้อยมิอาจกล้าแน่นอน ขอเอ้อร์เส้าหน่ายนายโปรดไต่สวนหาความกระจ่างแจ้งด้วยเจ้าค่ะ”
“ข้าน้อยเป็นพยานได้เจ้าค่ะ พี่หรูอี้มิได้กระทำอันใดที่ไม่เป็นการเคารพจิ้วฮูหยินเลยเจ้าค่ะ เป็นจิ้วฮูหยินที่ตบตีแม่นม พี่หรูอี้จึงเข้าไปพูดเกลี้ยกล่อมไม่กี่ประโยค จิ้วฮูหยินก็จับพี่หรูอี้ไประบายอารมณ์โกรธ อีกทั้งยังไม่เพียงแค่ตบตีพี่หรูอี้ พี่จิ่นซิ่ว เสี่ยวหลาน เสี่ยวเหมย ล้วนถูกจิ้วฮูหยินตบตีกันถ้วนหน้า คุณชายน้อยฮานเอ๋อร์ก็ร้องไห้เพราะความตื่นกลัวด้วยเจ้าค่ะ…” อวิ๋นอิงกล่าวหมดเปลือกด้วยความโกรธเคือง
“นี่พวกเจ้ากำลังรวมหัวกันใส่ร้ายป้ายสีข้า” เหยาจินฮวาค้านเสียงแข็ง ความโกรธเกรี้ยวปะทุขึ้นภายในอก เสมือนนางต่างหากที่เป็นตัวร้ายที่สุดผู้นั้น
“ข้าน้อยเปล่านะเจ้าคะ ข้าน้อยพูดความจริง พวกเราปรนนิบัติเอ้อร์เส้าหน่ายนายมาเนิ่นนาน เอ้อร์เส้าหน่ายนายยังไม่เคยลงไม้ลงมือกับพวกเราแม้แต่ปลายนิ้ว จิ้วฮูหยินมาเพียงไม่กี่วัน ข้ารับใช้ในเรือนหลังนี้ นอกจากแม่โจว ใครบ้างที่ไม่ถูกจิ้วฮูหยินตบตีล่ะเจ้าคะ” อวิ๋นอิงได้รับคำชี้นำของกุ้ยซ่าว ยามนี้จึงทำการฟ้องร้องพฤติกรรมชั่วร้ายของเหยาจินฮวาอย่างไม่ยั้ง
“จิ้วฮูหยินยังดื้อดึงต้องการให้ทางห้องครัวทำไก่ตุ๋นให้นาง กุ้ยซ่าวไม่ได้ทำตามที่นางต้องการ จิ้วฮูหยินจึงอาละวาดที่ห้องครัวจนเละเทะด้วยเจ้าค่ะ…”
เหยาจินฮวาเถียงข้างๆ คูๆ “หรือว่าไม่ควรทุบให้เละเทะล่ะ ห้องครัวเอาไว้ทำอันใดหรือ มิใช่ไว้ทำกับข้าวหรือไร ข้าก็แค่อยากให้นางทำไก่ตุ๋นให้เท่านั้น นางก็อ้างนู้นอ้างนี่ นี่มิเท่ากับไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาหรือไร”
“เรียนเอ้อร์เส้าหน่ายนาย บ่าวมิได้ตั้งใจจะขัดความประสงค์ของจิ้วฮูหยินจริงๆ เจ้าค่ะ เพียงแต่ด้วยสถานการณ์บ้านเมืองในยามนี้อยู่ในช่วงไว้อาลัย แล้วผู้ใดจะกล้าขนเนื้อปลาเนื้อสัตว์เข้าบ้านล่ะเจ้าคะ…” กุ้ยซ่าวกล่าวอธิบาย
“ไร้สาระ ข้าเคยได้ยินแค่ว่า ในช่วงที่บ้านเมืองต้องทำการไว้อาลัย ไม่อนุญาตให้จัดงานเลี้ยงรื่นเริง แต่ไม่เคยได้ยินว่าแม้แต่เนื้อสัตว์ก็แตะไม่ได้ เจ้าช่วยหาข้ออ้างมาพูดให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ” เหยาจินฮวากล่าวโต้แย้งเสียงดังลั่น
หลินหลันแสยะยิ้ม แล้วกล่าวอย่างใจเย็น “พี่สะใภ้อ่าพี่สะใภ้ เจ้าจะให้ข้าว่ากล่าวเจ้าเช่นไรดีล่ะ”
“ข้ามิได้ทำอันใดผิด เจ้าจะว่ากล่าวข้าด้วยเรื่องอันใดหรือ” เหยาจินฮวากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์