ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่ 303-1 วันก่อนวันส่งท้ายปีเก่าที่หนาวเหน็บ
ประโยคหนึ่งขององค์รัชทายาทที่ฟังดูนุ่มนวลล่องลอยมาเข้าหู แต่กลับชวนให้หลินจื้อย่วนตระหนกตกใจแทบแย่ จนเขาต้องรีบวิ่งแจ้นไปขอประทานอภัยกับองค์รัชทายาท หลังพร่ำพรรณนาไปยกใหญ่ ผลสุดท้ายองค์รัชทายาทก็ทิ้งท้ายอีกหนึ่งประโยคไว้อย่างนุ่มนวล “ความนึกคิดนี้เป็นหลี่ฮูหยินเองที่เสนอมา ไยแม่ทัพหลินไม่ไปถามหลี่ฮูหยินเองเล่า”
หลินจื้อย่วนตะลึงงันไปพักใหญ่ คาดเดาไม่ถูกว่าสรุปแล้วองค์รัชทายาทหมายความเช่นไร เมื่อออกจากพระราชวังจึงควบม้ามุ่งหน้าไปจวนหลี่ทันที
ทันทีที่หลินหลันกลับถึงบ้านก็เรียกแม่โจวไปหา กล่าวตามจริง ครั้งนี้กระทำเรื่องไร้ประโยชน์ไปแล้วหรือไม่ ในใจนางค่อนข้างคิดไม่ตกเลยทีเดียว ดังนั้นการจะวางแผนเตรียมการให้เรียบร้อยแต่เนิ่นๆ เพื่อรับมือในกรณีเลวร้ายที่สุด ก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกแต่อย่างใด
“แม่โจว ในนี้เป็นโฉนดของเหมืองภูเขา รวมไปถึงห้องแถวสิบแปดห้องและโฉนดที่ดินของไร่สวนสองแห่ง ท่านเอาเก็บไว้ก่อน ผนวกกับทรัพย์สมบัติที่ฝากไว้กับตระกูลเยี่ยเมื่อก่อนหน้านี้ หากครั้งนี้เอ้อร์เส้าเหยียไม่อาจกลับมาได้ เจ้าช่วยบอกกล่าวท่านลุงทีว่า สิ่งของเหล่านี้ก็ถือเสียว่าได้กลับคืนสู่เจ้าของเดิม…” หลินหลันแตะมือลงไปบนกล่องขนาดย่อมลวดลายงดงามเคลือบด้วยสีแดงขณะกำชับแม่โจว
แม่โจวตระหนกตกใจเมื่อได้ยินดังกล่าว หน้าซีดเผือดทันทีทันใด แล้วกล่าวอ้ำอึ้ง “เอ้อร์…เอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าคะ นี่มันเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”
หลินหลันไม่ได้ตอบใดๆ ทั้งสิ้น จากนั้นชี้ไปยังกล่องขนาดย่อมอีกใบ “นี่เป็นสิ่งของที่เหล่าไท่ไททิ้งไว้ และตั๋วเงินอีกสี่แสนตำลึงเงิน เมื่อถึงเวลาก็ส่งมอบให้ต้าเส้าเหยีย ให้เขาเป็นผู้ดูแลจัดการ เรื่องของตระกูลหลี่ ให้ต้าเส้าเหยียเป็นผู้มีอำนาจจัดการทั้งหมด”
แม่โจวกระวนกระวายใจจนกรอบตาเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา เหตุใดเอ้อร์เส้าหน่ายนายถึงกล่าวเสมือนการสั่งเสียเยี่ยงนี้ หรือว่าเอ้อร์เส้าเหยียจะไม่ได้กลับมาอีกแล้วจริงๆ
“ในนี้เป็นตั๋วเงินหนึ่งล้านหกแสนตำลึงเงิน ในนี้แปดหมื่นตำลึงเงินให้พี่ชายข้า สามแสนตำลึงเงินเอาไว้ให้ศิษย์พี่ทั้งสองท่านของข้า หวังว่าพวกเขาจะยังคงฝึกฝนจนได้เป็นเสมือนท่านอาจารย์และสืบสานการรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่อไป หุยชุนถางและโรงผลิตเออเจียวที่เมืองตงอานั่น ข้าได้แบ่งออกเป็นสามกอง พี่ชายข้าสี่ส่วน ศิษย์พี่รองและศิษย์พี่ห้าคนละสามส่วน ภายภาคหน้าท่านอาจารย์จะตามมาและทำหน้าที่แทนข้า ให้เคารพและกตัญญูมากๆ เข้าไว้ก็เป็นพอ ยังมีอีกสองแสนตำลึงเงิน ให้เหวินซานช่วยกลับไปหมู่บ้านเจี้ยนซีแทนข้า ใช้ซ่อมแซมถนนหนทางในหมู่บ้านและสร้างโรงเรียนให้เด็กๆ ส่วนที่เหลืออีกสามแสนตำลึงเงิน มอบให้ท่านและหยินหลิ่วคนละห้าหมื่นตำลึงเงิน อวี้หลง เหวินซาน และตงจึคนละสามหมื่นตำลึงเงิน ส่วนที่เหลือก็แบ่งให้แก่ข้ารับใช้ในเรือนหลั้วเซี๋ยจายคนละเท่าๆ กัน ท่านลองจัดสรรดูแล้วกัน แล้วยังมีสิ่งนี้อีกอย่าง ท่านเอาเก็บไว้ด้วย เมื่อถึงเวลาค่อยมอบให้คุณชายน้อยซานเอ๋อร์ ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากพี่สาวอย่างข้าคนนี้…”
แม่โจวถึงกับน้ำตาไหลพรากพร้อมกับคุกเข่าลงดังปึก และกล่าวทั้งน้ำตา “เอ้อร์เส้าหน่ายนาย นี่มันอะไรกันหรือเจ้าคะ ทำไมจู่ๆ ถึงมอบสิ่งเหล่านี้ให้บ่าวล่ะเจ้าคะ”
หลินหลันรีบเข้าไปประคองนางลุกขึ้น “แม่โจว ท่านรีบลุกขึ้นมาเถิด”
แม่โจวกล่าวอย่างเศร้าโศก “เอ้อร์เส้าหน่ายนาย ท่านบอกความจริงกับบ่าวมาเถอะนะเจ้าคะ เอ้อร์เส้าเหยียจะไม่กลับมาแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ”
หลินหลันถอนหายใจแล้วกล่าว “เรื่องนี้ข้าเองก็ตอบไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นถึงได้เตรียมการไว้แต่เนิ่นๆ เพื่อจะได้ไม่วุ่นวายจนทำอะไรไม่ถูกยามคับขัน ท่านเองก็ไม่ต้องกระวนกระวายใจไป พวกเราควรทำอันใดก็ทำไป ใช้ชีวิตแต่ละวันไปอย่างมีความสุขก็พอ”
“เอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าคะ บ่าวมิใช่คนไร้หัวจิตหัวใจนะเจ้าคะ ท่านสั่งการไว้เช่นนี้แล้ว จะให้บ่าวไม่กระวนกระวายใจไปได้อย่างไร จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปได้อย่างไรกันเจ้าคะ บ่าวขอเพียงเอ้อร์เส้าเหยียและเอ้อร์เส้าหน่ายนายสงบสุขเท่านั้นเจ้าค่ะ…” แม่โจวร้องไห้สะอึกสะอื้น
“แม่โจว หยุดร้องไห้เร็วเข้า อาจเป็นเพราะข้าวิตกกังวลเกินไปเอง นี่ข้าก็แค่เตรียมการสำหรับเหตุไม่คาดคิดเท่านั้นเองมิใช่หรือ ในจวนนี้ท่านมีคุณสมบัติสูงสุด จัดการเรื่องราวได้อย่างเรียบร้อยและรอบคอบ ข้าจึงจำเป็นต้องบอกกล่าวท่านเอาไว้ก่อน เอาละ หยุดร้องได้แล้ว อย่าให้คนรอบข้างมองออกเชียว เดี๋ยวจะพานให้ทุกคนกังวลใจไม่เป็นสุขเอาได้” หลินหลันกล่าวปลอบใจ
ไม่ง่ายเลยกล่าวจะปลอบประโลมแล้วให้แม่โจวออกไป หลินหลันรู้สึกอ่อนล้าจึงอยากนอนพักให้เต็มอิ่มสักงีบ ทว่าอวิ๋นอิงกลับส่งเสียงรายงานเข้ามาจากด้านนอกว่าแม่ทัพหลินมาเยือน ต้องการพบเจอนายหญิงสะใภ้รอง
นางยังไม่ทันตอบตกลงก็ได้ยินเหยาจินฮวาเอ่ยอย่างตื่นเต้นดีใจ “ไอ้หยา! ท่านพ่อสามีข้ามาหรือ เร็วเข้า พาข้าไปพบเจอทีสิ เอ้…เสี่ยวหลาน อุ้มคุณชายน้อยฮานเอ๋อร์ไปด้วย”
หลินหลันขมวดคิ้วพร้อมกับสติสัมปชัญญะที่ตื่นตัวอย่างแรงกล้า จากนั้นเลิกผ้าม่านหน้าต่างเปิดออก
“พี่สะใภ้ ท่านดีใจอันใดนักหนา ไม่ได้ยินหรือว่าคนที่แม่ทัพหลินต้องการเจอคือข้า เสี่ยวหลาน ด้านนอกลมแรง อย่าให้คุณชายน้อยฮานเอ๋อร์ตากลมเย็น พาเข้าไปอยู่ในห้องเสีย” หลินหลันส่งเสียตะโกนบอกกล่าว
เสี่ยวหลานที่เตรียมอุ้มฮานเอ๋อร์ออกมาหดฝีเท้ากลับเข้าไปดังเดิม แล้วขานรับอย่างนอบน้อม “เจ้าค่ะ เอ้อร์เส้าหน่ายนาย”
เหยาจินฮวาจ้องเขม็งใส่ด้วยความโกรธเกรี้ยว “หลินหลัน เจ้าหมายความว่าอันใด มีสิทธิ์อันใดมิให้ฮานเอ๋อร์ได้พบเจอท่านปู่เขา”
หลินหลันตวัดสายตามองนาง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “มีสิทธิ์อันใดน่ะหรือ อยู่ที่ของข้าก็ต้องทำตามกฎระเบียบของข้า”
เหยาจินฮวาเท้าสะเอวและยืดคอแข็ง พลางกล่าวด้วยความโมโห “นี่เป็นบ้านของเจ้าแล้วอย่างไรหรือ ข้าไม่อยู่แล้วก็ได้ เดี๋ยวข้าจะพาฮานเอ๋อร์ไปเดี๋ยวนี้เลย พวกเราก็ไม่ต้องเจอะเจอกันอีก”
หลินหลันเยาะเย้ย “เจ้าจะไปก็ไม่มีใครเขารั้งเจ้าหรอก ทว่าฮานเอ๋อร์ พี่ชายข้าสั่งไว้แล้วว่าให้อยู่กับข้าที่นี่ นอกจากพี่ชายข้า ใครหน้าไหนก็พาฮานเอ๋อร์ไปมิได้ทั้งนั้น จางซิ่งเจีย อีกประเดี๋ยวหากจิ้วฮูหยินต้องการเก็บข้าวของ เจ้าช่วยเขาหน่อยแล้วกัน”
หลินหลันเดินจากไปหน้าตาเฉยทันทีที่กล่าวจบ ปล่อยให้เหยาจินฮวาโกรธเกรี้ยวจนหน้าแดงก่ำ นางชี้นิ้วใส่แผ่นหลังของหลินหลันและพ่นคำด่าทอ “ใต้หล้านี้มีสตรีที่ชั่วร้ายถึงเพียงนี้ด้วยหรือ มีสิทธิ์อันใดมาห้ามปรามคนอื่นเขาไปเสียทุกเรื่อง เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน ข้าเหยาจินฮวาต้องเกรงกลัวเจ้าด้วยหรือไร…”
เดิมทีแม่โจวก็อารมณ์ไม่ดีถึงขีดสุดอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเหยาจินฮวาเอื้อนเอ่ยวาจาอย่างไม่ให้ความเคารพ จึงเลิกม่านประตูออกดัง ‘พรึ่บ’ แล้วเดินออกมา จากนั้นกล่าวอย่างไม่เกรงใจภายใต้สีหน้าบึ้งตึง “ผู้ใดกันที่ไม่รู้จักอายฟ้าอายดิน มาตะโกนแหกปากอยู่ตรงนี้ ว่ากล่าวคนอื่นเขาไม่ดี แต่ไม่รู้จักสำรวจจิตใจของตนเองก่อนเสียบ้าง ช่วยพินิจพิจารณาให้ดีๆ หน่อยว่า เสื้อผ้างดงามและข้าวปลาอาหารที่ปรนเปรอเจ้าในทุกวันนี้เป็นใครกันที่มอบให้ หากมีปัญญา แน่จริงก็ไปสรรหามาด้วยตนเองสิไป”
“เจ้า…” เหยาจินฮวาโกรธเกรี้ยวจนเนื้อตัวสั่นสะท้าน ตั้งแต่ถูกหลินหลันพูดสั่งสอนเมื่อครั้งก่อน สาวใช้น้อยใหญ่ในบ้านล้วนไม่เห็นนางอยู่ในสายตา นี่ยังไม่เท่าไหร่ ลูกสะใภ้จางซิ่งและลูกสะใภ้หรงเซิงอะไรนั่น ปากร้ายเสียยิ่งกว่านางอีก อย่าว่าแต่ชี้นิ้วสั่งพวกนางเลย พวกนางไม่ชักสีหน้าบึ้งตึงใส่นาง ยังต้องขอบคุณพระเจ้าด้วยซ้ำ สถานที่บ้าบอนี่ คงอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้วจริงๆ ทว่าหากไม่อยู่ที่นี่ แล้วนางจะไปไหนได้หรือ กลับบ้านของตนเอง ข้าวปลาอาหารก็ต้องใช้จ่ายเงินของตนเอง อีกทั้งด้วยแนวโน้มสถานการณ์ในยามนี้ นางก็ไม่กล้าอยู่ลำพังคนเดียวเช่นกัน! จะไปจวนแม่ทัพยิ่งแล้วใหญ่ หากหลินเฟิงรับรู้เข้า คงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ ช่างเถอะๆ อยู่ที่นี่ให้ผ่านพ้นปีใหม่ไปก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที
เหยาจินฮวาถลึงตาใส่แม่โจวอย่างหงุดหงิด แล้วหันเดินกลับเข้าไปในห้อง
ลูกสะใภ้จางซิ่งตามเข้ามาติดๆ แล้วเอ่ยถามอย่างหน้าตาเฉย “จิ้วฮูหยินต้องการเก็บข้าวเก็บของแล้วใช่หรือไม่ ตามจริงก็ไม่จำเป็นต้องเก็บอันใดนี่เจ้าคะ ห่อสัมภาระในยามที่จิ้วฮูหยินมายังไม่ได้เปิดออกด้วยซ้ำ แม้แต่เสื้อผ้าบนตัวท่านก็เป็นที่เอ้อร์เส้าหน่ายนายสั่งทำให้ท่านใหม่ ท่านแค่ถือห่อสัมภาระก็กลับไปได้แล้วนี่เจ้าคะ”
เหยาจินฮวาหันไปมองแล้วตะคอกใส่นาง “เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใคร ถึงได้กล้าไร้มรรยาทต่อข้า”
ลูกสะใภ้จางซิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม หาได้สะทกสะท้านไม่ “ข้าน้อยรู้จักตนเองอย่างดีเจ้าค่ะว่าเป็นใคร ไม่เหมือนใครบางคน ไม่รู้จักว่าตนเองเป็นตัวอะไรกันแน่”
“เจ้าด่าใครหรือ หา? เจ้าด่าใคร นี่น่ะหรือกฎระเบียบในจวนหลี่ของพวกเจ้า” เหยาจินฮวายื่นนิ้วจ้ำม่ำจิ้มหน้าผากของลูกสะใภ้จางซิ่ง
ลูกสะใภ้จางซิ่งปัดมือนางออกเบาๆ โดยยังคงเผยรอยยิ้มเช่นเดิม “ข้าน้อยมิได้กระทำเรื่องผิดกฎระเบียบสักหน่อย จิ้วฮูหยินไปโกรธเกรี้ยวมาจากแห่งหนไหนหรือเจ้าคะ”
ลูกสะใภ้หรงเซิงเดินเข้ามา แล้วกล่าว “เมื่อครู่ข้าได้ยินคำพูดชวนขบขันที่ด้านนอก เห็นกล่าวว่าป้าจางเก็บแมวป่าตัวหนึ่งได้ ให้อาหารมันอยู่หลายวัน มันเลยเข้าใจว่าที่นี่เป็นบ้านของมันจริงๆ จึงไม่ยอมไปไหน ทุกมื้ออาหารยังจ้องจะกินแต่ปลา ไม่ให้มันก็เอาแต่ก่อกวน ทั้งยังข่วนหน้าป้าจาง ป้าจางเลยโมโหอย่างยิ่ง ข้าก็เลยกล่าวว่า นี่เป็นเพราะป้าจางใจดีเกินไป ทำไมต้องไปเลี้ยงสัตว์เดรัจฉานที่ไม่เชื่องตัวหนึ่งอย่างดีเพียงนี้ จัดการตีมันให้ออกไปก็สิ้นเรื่องมิใช่หรือ”
ลูกสะใภ้จางซิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก็นั่นน่ะสิ สำหรับสัตว์เดรัจฉานที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องเกรงใจเลยจริงๆ”
เหยาจินฮวาโกรธจนหน้าเขียวปั๊ด อย่าคิดว่านางจะฟังไม่ออกว่าข้าทาสสองคนนี้กำลังตีวัวกระทบคราด แต่นางก็พูดอะไรไม่ได้ เหยาจินฮวากรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง พลางเอื้อมมือไปคว้ากาน้ำชาหนึ่งใบแล้วปาลงบนพื้น
ลูกสะใภ้หรงเซิงส่งเสียงจุ๊ๆ ด้วยความรู้สึกเศร้าใจ “ไอ้หยา…นี่มันเป็นเครื่องเคลือบชั้นเยี่ยมเชียวนะ ราคาไม่ใช่น้อยๆ เลยด้วย”
ลูกสะใภ้จางซิ่งกล่าวอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อน “เจ้าจะปวดใจอันใด ถึงอย่างไรตามกฎระเบียบในจวน สิ่งของแต่ละห้องหากมีการเสียหาย แต่ละห้องก็ต้องชดใช้ด้วยตนเอง จิ้วฮูหยิน รวมกับกาน้ำชานี้ ท่านทุบสิ่งของแตกไปแล้วสามอย่าง แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ถึงอย่างไรจิ้วฮูหยินก็มีเงินมากมาย ต่อให้ทุบแตกทุกสิ่งอย่างก็ชดใช้ได้อยู่แล้ว อีกประเดี๋ยวบ่าวจะไปห้องคลังเก็บของเพื่อตรวจสอบดูว่า สิ่งของทั้งสามอย่างนี้มีราคาเท่าใด”
เหยาจินฮวาแทบจะคลั่งแล้วจริงๆ ก็ว่าได้ นางเดินพุ่งเข้าไปในห้องนอน แล้วหยิบหมอนหนุนมาฟาดลงบนเตียงไม่ยั้งมือ
หลินหลันมายังโถงรับแขกส่วนหน้า หลินจื้อย่วนกำลังเดินวกไปวนมาอยู่ใจกลางห้องโถงด้วยความกระวนกระวาย
“ท่านมาทำไมหรือเจ้าคะ” หลินหลันเดินเข้าไปแล้วเอ่ยถามด้วยท่าทีเย็นชา
หลินจื้อย่วนคุ้นเคยต่อท่าทางอย่างไม่แยแสของหลินหลันแล้วเช่นกัน จึงกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “หายนะจะมาเยือนแล้ว เหตุใดเจ้าถึงไม่เดือดเนื้อร้อนใจเลยสักนิด”
หลินหลันค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่ง “มีอันใดให้น่าเดือดเนื้อร้อนใจไปเจ้าคะ หรือว่าเดือดเนื้อร้อนใจไปแล้วจะหลีกเลี่ยงหายนะได้เช่นนั้นหรือเจ้าคะ”