ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่ 76 ซักไซ้ไล่ความ
เหวินซานนำกำลังคนมา ตรวจสอบทั้งด้านนอกด้านในของห้องหนังสืออย่างละเอียด จนกระทั่งมั่นใจว่าไม่มีงูพิษหลงเหลือแล้วจึงเก็บอุปกรณ์
หลินหลันช่วยตงจึดูดพิษออกมา จนกระทั่งเลือดที่ไหลออกมากลับกลายเป็นสีแดงสด ขณะนี้เองจึงได้ลงมือทายาขี้ผึ้งขจัดพิษ แล้วประครองเขาลุกขึ้นก่อนจะให้เหวินซานพาตงจึส่งกลับไปที่ห้อง และยังเขียนใบสั่งยาขึ้นมาหนึ่งฉบับเพื่อให้คนไปยังร้านขายยาเพื่อซื้อยาขับพิษ
ผู้คนล้วนออกไปกันหมดแล้ว ภายในห้องหนังสือจึงลงเหลือเพียงความสงบเงียบ หลินหลันเดินไปถึงเบื้องหน้ากระถางบ่อน้ำดอกบัว พยายามสูดดมอย่างละเอียด น่าเสียดายที่นางไม่ใช่สุนัข ไม่มีสัมผัสการดมกลิ่นเช่นมัน จึงได้กลิ่นของซุปโสมเท่านั้น ทว่าหลินหลันสามารถมั่นใจได้ว่าซุปโสมชามนี้มีอะไรผิดปกติอย่างแน่นอน มิฉะนั้น งูพวกนั้นจะเลื้อยปีนขึ้นมาเพียงชั้นบนนี้ได้อย่างไร จะต้องมีกลิ่นอะไรบางอย่างดึงดูดพวกมันมาที่นี่เป็นอย่างแน่นอน
หลินหลันลงไปชั้นล่างและพลิกหาทุกหนแห่งอีกครั้ง ก็ไม่พบอะไรอื่นแต่อย่างใด หลินหลันรู้สึกหงุดหงิดใจเล็กน้อย คนผู้นี้รอบครอบเป็นอย่างมาก ไร้ซึ่งการทิ้งร่องรอยแม้แต่เล็กน้อยเอาไว้เลย
ทางด้านห้องหลัก หลี่หมิงอวินกำลังเดินเอามือไพล่หลังวกไปวนมาอยู่ในห้องด้วยความกระวนกระวายใจ เมื่อเห็นหลินหลันกลับมาแล้ว ฝีก้าวเท้าของเขาก็ชะงักหยุด ริมฝีปากเม้นเข้าหากันแน่นจนเป็นเส้นตรง สีหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็ง หลินหลันก็ไม่เผยสีหน้าใดๆ ออกมาเช่นกัน อารมณ์ความรู้สึกจมดิ่งขั้นต่ำสุด นางพยายามคุ้มกันอย่างหนาแน่นแล้วเชียว ทว่ากลับยังถูกคนเขาฉวยโอกาสจนได้ ทำให้หลี่หมิงอวินตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
“เรามีหลักฐานหรือไม่” หลี่หมิงอวินถามอย่างตรงไปตรงมา
หลินหลันส่ายหน้าอย่างเสียอารมณ์ “หลักฐานถูกทำลายไปแล้ว ตอนนี้ก็คงต้องดูว่าคนผู้นั้นจะยอมรับผิดหรือไม่”
นัยน์ตาของหลี่หมิงอวินฉายอารมณ์ขมขื่นขึ้นมา ตามด้วยน้ำเสียงเย็นชาซึ่งสามารถทำให้คนรู้สึกถึงความเย็นยะเยือก “เจ้ากำลังพูดถึงเฉี่ยวโหรว”
หลินหลันพยักหน้าอย่างเปิดเผย นางรู้ดีว่าที่หลี่หมิงอวินโกรธที่สุดมิใช่เป็นแผนการร้ายของแม่มดชราที่ทำกับเขา ทว่าเป็นคนที่ตนเองเข้าใจว่าจงรักภักดีมาโดยตลอดกลับหักหลังเขาเสียได้
“ข้าขอจัดระเบียบความคิดก่อนแล้วกัน อีกประเดี๋ยวค่อยไปสอบถามดู ทางด้านตงจึพ้นขีดอันตรายแล้ว ข้าให้เหวินซานพาเขาส่งกลับห้องไปพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว” หลินหลันเข้าไปช่วยประครองเขานั่งลง ร่างกายของเขาแข็งทื่อ ราวกับถูกไขลานเอาไว้ หลินหลันกล่าวโน้มน้าว
“ส่วนเฉี่ยวโหรว พวกเราไม่ได้ทำผิดต่อนางเลยแม้แต่น้อย นางเป็นผู้เลือกหนทางด้วยตนเอง จะโทษใครคงไม่ได้เช่นกัน เจ้าจึงไม่จำเป็นต้องโมโหเสียอารมณ์ด้วยคนประเภทนั้น”
หลี่หมิงอวินถอนหายใจออกมาเบาๆ และกอบกุมมือของหลินหลันเอาไว้ “เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้อีกครั้งแล้ว”
หลินหลันกล่าวเชิงล้อเล่น “เช่นนั้นเจ้าจะพิจารณาเพิ่มรางวัลตอบแทนให้ข้าอีกสักนิดหน่อยใช่หรือไม่”
หลี่หมิงอวินอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ขณะจ้องมองหลินหลัน “เช่นนั้นเอาไปทั้งตัวและหัวใจของข้าเสียเลยเป็นอย่างไร”
หลินหลันกรอกตาไปมา “ความต้องการของข้าสูงมากทีเดียวเชียวนะ”
หลี่หมิงอวินทำทีเป็นหูทวนลม
สีหน้าอารมณ์ของหลินหลันจึงเคร่งขรึมจริงจังขึ้นมา “เรื่องนี้ข้าจำเป็นต้องไตร่ตรองให้ดีๆ ด้วยเกี่ยวข้องกับความสุขของชีวิตที่เหลือเชียวนะ!”
หลังปลอบใจหลี่หมิงอวินแล้ว หลินหลันให้แม่โจวเรียกป๋ายฮุ่ย หรูอี้ จิ่นซิ่วรวมถึงเฉี่ยวโหรวมาพร้อมกันยังหอหนังสือ
“รู้หรือไม่เหตุใดจึงเรียกพวกเจ้ามาที่นี่” หลินหลันเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาดุจน้ำแข็ง นัยน์ตาดุดันกำลังกวาดสายตามองใบหน้าทั้งสี่ทีละคน ทีละคน
ทั้งสี่คนก้มหน้าเงียบงัน
“ในชั่วครู่ก่อนหน้านี้ เอ้อร์เส้าเหยียเกือบจะถูกงูพิษกัดตายในห้องหนังสือแห่งนี้” หลินหลันตะคอกเสียงสูง ในเวลานี้เองท้ายที่สุดก็มิอาจระงับอารมณ์โมโหได้อีกต่อไป จึงระเบิดมันออกมา
ป๋ายฮุ่ยเงยหน้าขึ้นทันทีทันใด นัยน์ตาฉายให้เห็นถึงความตระหนกตกใจอย่างน่าประหลาด
ใบหน้าของจิ่นซิ่วเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ตามด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลรินลงมา
ขณะที่หรูอี้เอาแต่ก้มหน้าไม่พูดไม่จา และเฉี่ยวโหรวเริ่มตัวสั่นคลอนเล็กน้อย
“ก่อนที่ข้าจะเข้ามายังเรือนหลั้วเซี๋ยจาย เอ้อร์เส้าเหยียเคยบอกข้าไว้ว่า พวกเจ้าทั้งสี่เป็นคนเก่าแก่ ล้วนเชื่อถือได้ทั้งสิน ข้าก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าที่เอ้อร์เส้าเหยียกล่าวไว้จะเป็นความจริงและเอ้อร์เส้าเหยียไม่ได้มองพวกเจ้าผิดไป น่าเสียดาย เอ้อร์เส้าเหยียปฏิบัติต่อพวกเจ้าด้วยความจริงใจ เชื่อมั่นในตัวพวกเจ้าเช่นนี้ หนึ่งในพวกเจ้ากลับมีคนมุ่งหวั่งอยากให้เอ้อร์เส้าเหยียถึงที่ตาย” คำพูดของหลินหลันเสียงดังและเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการขับเคลื่อนจิตสำนึก ดังกึกก้องอยู่ภายในห้องหนังสือเปิดโล่งแห่งนี้ พร้อมกับนัยน์ตาซึ่งกำลังฉายแสงแห่งความเด็ดเดี่ยวและสง่างาม
เฉี่ยวโหรวเข่าอ่อนทรุดตัวลงคุกเข่า พร้อมกับเอ่ยทั้งน้ำตา “เอ้อร์เส้าหน่ายนาย มิใช่ข้าน้อยจริงๆ นะเจ้าค่ะ เอ้อร์เส้าหน่ายนายโปรดตรวจสอบเพื่อความกระจ่างด้วยเจ้าค่ะ…”
หลินหลันไม่แยแสนาง โดยหันไปมองยังป๋ายฮุ่ยเป็นอันดับแรก เอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ป๋ายฮุ่ย เจ้าตอนแปดขวบ ขายตัวอยู่ริมทางเพื่อนำเงินไปฝั่งศพผู้เป็นพ่อ ถูกฮูหยินคนก่อนซื้อตัวเอาไว้ หลังจากเข้าจวนมาก็คอยปรนนิบัติรับใช้เคียงกายเอ้อร์เส้าเหยียมาโดยตลอด บนโลกนี้ เจ้าไม่หลงเหลือญาติพี่น้องแม้เพียงผู้เดียว เจ้าจึงยกทั้งหัวใจมอบให้แด่เอ้อร์เส้าเหยีย สำหรับเจ้า เอ้อร์เส้าเหยียก็คือผู้ที่สำคัญมากที่สุดในชีวิตนี้ของเจ้า ข้าคิดว่า หากเจ้าอยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้น เจ้าจักต้องทุ่มเทต่อสู้อย่างไม่คิดชีวิตเพื่อจัดการงูพิษนั้นแทนเอ้อร์เส้าเหยียอย่างแน่นอน”
ป๋ายฮุ่ยร่ำไห้ออกมาดั่งสายฝนไม่ขาดสาย เพราะนายหญิงน้อยได้พูดความในใจที่นางปิดซ่อนเอาไว้ออกมาหมดเปลือกแล้ว เพราะความที่นายหญิงนายเชื่อมั่นในตัวนาง น่าเสียดายที่นางฟังไม่ออกถึงคำพูดเหล่านี้ที่นายหญิงน้อยแทรกหมายแฝงไว้อีกชั้น
หลินหลันหันมองไปยังทิศทางจิ่นซิ่ว “จิ่นซิ่ว เจ้าถือได้ว่าเป็นคนในครอบครัว ด้วยเดิมทีพ่อแม่เจ้าต่างเป็นผู้ได้รับอำนาจภายใต้ฮูหยิน คอยดูแลจัดการหมู่บ้านที่นอกเมือง ปีก่อน ฮูหยินคนปัจจุบันเพื่อแทรกแซงคนของตนเองเข้ามาแทน จึงไล่พ่อของเจ้าออกจากหน้าที่นี้ ปัจจุบันนี้พ่อของเจ้าจึงเป็นผู้ดูแลเรื่องจิปาทะที่ร้านผ้าไหมตระกูลเยี่ย พวกเจ้าทั้งครอบครัวล้วนได้รับความไว้วางใจจากตระกูลเยี่ย แน่นอนว่าเจ้าไม่โง่เขลาขนาดที่ต้องการทำร้ายเอ้อร์เส้าเหยีย”
จิ่นซิ่วกล่าวทั้งน้ำตา “เป็นข้าน้อยที่ไม่ดีเองเจ้าค่ะ ข้าน้อยประมาทเลินเล่อ ถึงทำให้คนฉวยโอกาศเข้าจนได้”
“ความผิดบางอย่าง ลองได้กระทำผิดแล้วก็ไม่อาจได้โอกาสให้แก้ตัวอีก ครั้งนี้ เจ้าก็ถือเสียว่าเป็นหนึ่งบทเรียน ข้าหวังว่าจะไม่เห็นอีกในครั้งต่อไป” หลินหลันกล่าวอย่างเคร่งขรึม
จิ่นซิ่วพยักหน้าระรัว “ขอบคุณความเมตตาอันใหญ่หลวงของเอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่กล้าอีกแล้ว…”
หลินหลันพยักหน้าเล็กน้อย แล้วจึงขานเรียกชื่อของหรูอี้
หรูอี้เงยหน้าขึ้น มองไปยังนายหญิงน้อยอย่างสงบนิ่ง
“หรูอี้ ปีนั้นที่เจ้าอายุเก้าขวบ ด้วยความอยากจนอัตคัดขัดสนในครอบครัว และพ่อของเจ้าก็ดันป่วยอีก ดังนั้นจึงถูกขายเข้ามาในจวน ปีนั้นที่เจ้าอายุสิบสี่ คนในครอบครัวเจ้าเคยอยากไถ่ถอนตัวเจ้า ทว่าเจ้ากลับปฏิเสธ ด้วยเหตุอันใดหรือ”
หรูอี้ฉายความเศร้าในดวงตา เอ่ยทั้งที่ยังก้มหน้า “ที่แม่ของข้าน้อยอยากไถ่ถอนตัวข้าน้อย เป็นเพราะอยากขายข้าน้อยออกไปเป็นนางบำเรอให้แก่เศรษฐีผู้หนึ่ง ข้าน้อยถูกนางขายแล้วหนึ่งครั้ง เพื่อช่วยเหลือบ้านหลังนั้นไว้ ซึ่งข้าไม่ติดค้างอะไรต่อพวกเขาอีก จึงควรพอแค่นั้นแล้วเจ้าค่ะ”
หลินหลันถอนหายใจออกมา แม้ว่าเรื่องครั้งนี้หรูอี้จะไม่มีเอี่ยวแต่อย่างใด นางให้แม่โจวจับตามองหรูอี้เป็นระยะเวลาหลายวัน ล้วนไม่เคยพบว่านางมีอะไรที่ผิดแปลกไป และเห็นว่าหรูอี้เป็นคนหนึ่งที่มีความคิดเป็นของตนเอง จึงไม่เลอะเลือนขนากที่จะยอมให้ใครบงการได้
“เฉี่ยวโหรว ตอนนี้ถึงคราพูดถึงเจ้าบ้าง” หลินหลันหันไปมองยังเฉี่ยวโหรวที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น
เฉี่ยวโหรวซึ่งได้ยินคำพูดก่อนหน้าไปแล้ว ฝ่ามือภายในแขนเสื้อก็เริ่มสั่นมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ที่แท้นายหญิงน้อยของพวกนางก็มองพวกนางแต่ละคนออกอย่างกระจ่างแจ้งแต่แรกอยู่แล้ว
“เจ้าไม่ต่างจากหรูอี้ ซึ่งถูกคนในครอบครัวขายเข้าจวนมา น่าเสียดายก็แต่เจ้าไม่มีความคิดเป็นของตนเองและจริยธรรมอันเข้มแข็งเฉกเช่นหรูอี้ หรือพูดได้ว่า เจ้ามีความรู้สึกอ่อนไหวได้ง่ายกว่าหรูอี้ เดิมทีการมีความรู้สึกอ่อนไหวได้ง่ายก็เป็นเรื่องดี ทว่าไม่แยกแยะขาวดำนั่นก็คงไม่ถูกต้อง รู้ไหมว่าเหตุใดข้าจึงสงสัยเจ้า เหตุใดเรื่องซุปโสมข้าจึงสั่งการเพียงจิ่นซิ่วเท่านั้น โดยไม่ให้ผ่านมือเจ้า” หลินหลันเอ่ยถามด้วยเสียงเย็นชา
เฉี่ยวโหรวพูดติดๆ ขัดๆ ด้วยความกังวล “ข้าน้อย…ข้าน้อยไม่รู้เจ้าค่ะ…”
หลินหลันเผยสีหน้าเย้ยหยัน “เห็นทีว่าเจ้าจะโง่เขลาเบาปัญญาจริงๆ หากเจ้าใช้ใจคิดพิเคราะห์เสียหน่อย ก็น่าจะรู้ได้ว่าข้ากำลังสงสัยในตัวเจ้าแล้ว ข้าให้แม่โจวไปสืบเสาะพี่ชายของเจ้า ถึงได้รู้ว่าพี่ชายของเจ้าเป็นผีพนัน ตอนแรกก็ขายเจ้าเพื่อที่จะนำเงินที่ขายเจ้าได้ไปเล่นพนัน ได้ยินว่าช่วงนี้เขาเพิ่งสร้างรายได้และสุขสำราญมากในบ่อนพนัน”
ศีรษะของเฉี่ยวโหรวก้มลงต่ำขึ้นเรื่อยๆ จนปลายคางแทบจรดเข้าหาบริเวณหน้าอก
“ข้าให้โอกาสเจ้ามาโดยตลอด หวังให้เจ้าตาสว่างขึ้นมา ดังนั้น จึงไม่ให้เจ้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะพาตัวเองเข้าไปนอนอยู่หน้าปลายกระบอกปืนเสียเอง การที่จิ่นซิ่วเกิดท้องเสียขึ้นมากะทันหัน เป็นเจ้าทำใช่หรือไม่”
เฉี่ยวโหรวเงยหน้าทันทีทันใด และส่ายหน้าพัลวัน
หลินหลันแสยะยิ้ม “เจ้าจงใจทำให้จิ่นซิ่วท้องเสีย เพื่อเป็นการง่ายต่อการไปรับกล่องอาหารแทนนาง เพราะวันนี้ภาชนะบรรจุอาหารผิดแปลกไป ด้านในยังแอบซ่อนงูเอาไว้จำนวนหนึ่ง หากจิ่นซิ่วไปรับ แน่นอนว่าจะต้องพบว่าน้ำหนักของภาชนะบรรจุอาหารเปลี่ยนไป รอจนกระทั่งจิ่นซิ่วยกซุปโสมขึ้นไปบนเรือน เจ้าจึงใช้โอกาศนี้เปิดแผ่นรองปิดส่วนท้ายภาชนะออก แล้วนำงูออกมา และด้วยเจ้าเองก็กลัวที่จะถูกงูกัดเข้าให้ ดังนั้นเจ้าจึงแสร้งเป็นล้างพู่กันให้เส้าเหยีย แอบอยู่ในลานบ้าน และสอดส่องสายตามองไปเป็นครั้งคราว…”
เฉี่ยวโหรวใจเต้นระรัวด้วยความตระหนกตกใจเมื่อได้ฟัง นายหญิงพูดได้ราวกับนางเห็นด้วยตาของตนเอง
ป๋ายฮุ่ยและคนอื่นๆ มองไปยังเฉี่ยวโหรวด้วยความตระหนกตกใจเสียยิ่งกว่า ในความทรงจำแสนสุขตั้งแต่เช้าจรดค่ำของพวกนาง ไม่มีเฉี่ยวโหรวที่ใจร้ายใจดำขนาดยอมทำเพื่อผู้อื่น โดยคิดทำร้ายนายน้อยเชียวหรือ
มองดูนัยน์ตาอันไม่เป็นสุขของนาง หลินหลันก็รู้ได้ทันทีว่าตนเองคาดเดาได้ถูกต้อง นางส่งเสียงดุตะคอก “เฉี่ยวโหรว เจ้ารู้หรือไม่ว่าจะได้รับโทษอย่างไร”
เฉี่ยวโหรวหมอบลงกับพื้น กล่าวทั้งน้ำตา “เอ้อร์เส้าหน่ายนายเข้าใจข้าน้อยผิดแล้ว ข้าน้อยไม่ได้ต้องการทำร้ายเอ้อร์เส้าเหยียจริงๆ นะเจ้าคะ ไม่เลยจริงๆ …..”
“เจ้ายังไม่ยอมรับอีกหรือ บอกมาซะ เจ้านำแผ่นรองปิดส่วนท้ายภาชนะไปแอบไว้ที่แห่งหนใด” แม่โจวซึ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แทบอดไม่ไหวที่จะนำตัวเฉี่ยวโหรวไปโบยให้ตายเสียเดียวนี้
ป๋ายฮุ่ยรีบร้อนเอ่ยขึ้น “เฉี่ยวโหรว เจ้าพูดความจริงมาเถอะ เป็นเจ้าที่กระทำลงไปใช่หรือไม่”
“ข้าน้อยไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่ได้ทำ เข้าใจข้าน้อยผิดไปแล้ว…” เฉี่ยวโหรวพูดด้วยความเศร้าใจอย่างยิ่ง นางรู้ดีว่าหากตนเองยอมสารภาพ นั่นก็คืออาชญากรรมร้ายแรงดีๆ นี่เอง อย่าว่าแต่เอ้อร์เส้าหน่ายนายไม่ปล่อยนางให้ลอยนวลเลย ฮูหยินยิ่งไม่ปล่อยนางไวแน่ นับแต่รับหน้าที่นี้มา นางก็รู้ดีว่าตนเองถอยหลังไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงต้องกัดฟันสู้ และเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่ยอมรับผิด แผ่นรองปิดส่วนท้ายภาชนะถูกนางใช้ก้อนหินหมัดติดไว้แล้วโยนลงในสระบัวจมดิ่ง เพียงแค่หามันไม่เจอ นายหญิงน้อยก็จะไม่สามารถเอาความผิดกับนางได้ง่ายๆ นางก็ยังพอมีทางรอดได้
หลินหลันสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะผ่อนมันออกมาอย่างแรง กล่าวด้วยความเจ็บปวด “เฉี่ยวโหรว ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง”
เฉี่ยวโหรวกัดริมฝีปากล่างไว้แน่น หลังจากลังเลใจอยู่ชั่วขณะ นางก็ยังคงส่ายหน้าเช่นเดิม
หลินหลันส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ เสียงหัวเราะนั่น ทำให้ผู้คนต่างขนลุกชันด้วยความเย็นชา “เฉี่ยวโหรว เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าการที่ข้าหาแผ่นรองภาชนะนั่นไม่เจอแล้วจะทำอะไรเจ้าไม่ได้งั้นหรือ เจ้าปากแข็งเช่นนี้ แต่ไม่รู้ว่าพี่ชายของเจ้าจะปากแข็งได้เช่นเจ้าหรือไม่ ข้าได้ยินว่าผู้ที่ติดพนันเป็นนิสัย ล้วนตาโตใส่เงินทองกันทั้งนั้น และยังกลัวตายมากอีกด้วย”
หัวใจของเฉี่ยวโหรวสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว ชีวิตนี้ของนางอยู่ในกำมือของผู้เป็นพี่ชายแล้ว หากมิใช่ฮูหยินเอาชีวิตของผู้เป็นพี่ชายมาข่มขู่นาง นางก็คงไม่อาจทำเรื่องซึ่งผิดต่อนายน้อย นี่ก็คือชะตาชีวิตของนาง
“ข้าน้อยไม่ได้ทำจริงๆ เอ้อร์เส้าหน่ายนายจะให้ข้าน้อยยอมรับผิดได้อย่างไรหรือ” เฉี่ยวโหรวโอบกอดความโชคดีในความโชคร้ายเส้นบางๆ นี้ไว้ ปฏิเสธหัวชนฝา
หลินหลันรู้ดีว่าต่อให้ถามไปก็คงไม่ได้ความอะไรจากปากนางแล้ว “ข้าได้ให้โอกาสเจ้าแล้ว หวังว่าเจ้าอย่าได้เสียใจภายหลัง แม่โจว นำตัวเฉี่ยวโหรวไปขังไว้ และคอยจับตาเฝ้าดูให้ดีๆ ”
แม่โจวขานรับ เรียกให้คนเข้ามานำตัวเฉี่ยวโหรวออกไป
ภายในห้องหลงเหลือเพียงสี่คน ภายใต้ความเงียบสงัด ทุกคนต่างตกอยู่ในอารมณ์ไม่สุขใจ
เนิ่นนานพอตัว ก่อนที่หลินหลันเปิดฉากทำลายความเงียบสงัดเมื่อครู่ลง
“ตอนนี้ คนเก่าแก่ของเรือนหลั้วเซี๋ยจายนี้ก็เหลือเพียงพวกเจ้าสามคนแล้ว การทรยศของเฉี่ยวโหรวทำให้เอ้อร์เส้าเหยียนรู้สึกผิดหวังเสียใจอย่างมาก หากใครคนใดในพวกเจ้ามีปัญญาคับข้องใจอันใด ก็เชิญลาออกไปในวันนี้เสียเถอะ! ข้าจะให้เงินชดเชยก้อนโต ถือเสียว่าทุกคนจะได้จากลากันด้วยดี ในขณะที่ยังไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาเสียก่อน ข้าไม่อยากเห็นเอ้อร์เส้าเหยียต้องมีท่าทีผิดหวังเสียใจมากขนาดนี้อีก”
ทั้งสามคนพร้อมใจกันคุกเข่าลง เผยสีหน้าจริงจังเด็ดเดี่ยว “เอ้อร์เส้าหน่ายนาย พวกเราไม่ไปเจ้าค่ะ พวกเราจะระมัดระวังให้รอบครอบ จะทุ่มแรงกายแรงใจให้การปรนนิบัติเอ้อร์เส้าหน่ายนายกับเอ้อร์เส้าเหยียเจ้าค่ะ”
หลินหลันจ้องมองพวกนาง มองเห็นถึงความซื่อสัตย์และจงรักภักดีจากนัยน์ตาของพวกนาง
“ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จากนี้ทุกคนจะต้องร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน ทำให้เรือนหลั้วเซี๋ยจายสะอาดบริสุทธิ์ ให้กลายเป็นบ้านที่แท้จริงของเอ้อร์เส้าเหยีย” หลินหลันกล่าวภายใต้สีหน้าประทับใจ
ทั้งสามคนต่างเผยสีหน้าประทับใจเช่นกัน และพยักหน้าอย่างจริงจัง