ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่ 82 ยอมรับผิด
เฉี่ยวโหรวนั่งเหม่อลอยอยู่บนพื้นในห้องเก็บฟืน หลายวันมานี้นายหญิงสะใภ้รองของบ้านขังนางเอาไว้โดยไม่สั่งการลงโทษแต่อย่างใด นั่นทำให้นางกระวนกระวายใจ ด้วยเกรงว่านายหญิงจะพบหลักฐานเข้าจนได้ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกละอายแก่ใจอยู่ลึกๆ คุณชายรองปฏิบัติต่อพวกนางข้ารับใช้เป็นอย่างดี ทว่านางกลับเกือบคราชีวิตของคุณชายรอง ไม่ต่างจากอสรพิษดีๆ นี่เอง ความหวาดกลัวและสับสนภายในใจกำลังกัดกินนางให้ทรมาน อยากจะเอาหัวโขกตายไปให้รู้แล้วรู้รอด ทว่านางก็กลัวตาย และไม่อยากเสียชีวิตไปตอนนี้…
ประตูห้องเก็บฟืนเปิดออกดังเอี๊ยดอ๊าด ลำแสงส่องเข้ามาแยงดวงตา ทำให้ห้องเก็บฟืนที่เคยมืดมิดสว่างไสวขึ้นทันใด เฉี่ยวโหรวยังคงนั่งเหม่อลอยอยู่เช่นเดิม แม้กระทั่งเปลือกตาก็ไม่กะพริบ
หรูอี้มองดูพี่น้องที่แสนดีผู้นี้ซึ่งเคียงข้างกันมานานหลายปี เวลานี้ผมเผ้ารุงรัง นั่งอยู่บนพื้นอย่างหมดอะไรตายอยาก ไม่ต่างจากพวกขอทานริมถนน อดไม่ได้ที่จะถอดถอนหายใจออกมาและกล่าวด้วยเสียงบางเบา “เฉี่ยวโหรว เอ้อร์เส้าหน่ายนายต้องการพบเจ้า”
เฉี่ยวโหรวเงยหน้าขึ้นทันทีทันใด จ้องมองหรูอี้ที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงสว่างซึ่งกำลังเผยสีหน้าสงสารจับใจ นางตระหนกตกใจชั่วครู่ แล้วถึงได้สติกลับคืนมา เมื่อครู่ที่ตนเองได้ยินนั้นมิใช่ความฝันแต่อย่างใด ในที่สุดเอ้อร์เส้าหน่ายนายก็ต้องการพบนางแล้ว
หรูอี้พาเฉียวโหรวไปล้างหน้าล้าตา หวีผม ตลอดจนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สะอาดสะอ้าน นี่เป็นคำสั่งการของนายหญิงน้อย ให้เฉี่ยวโหรวไปพบนางอย่างสะอาดสะอ้าน
เฉี่ยวโหรวตามหรูอี้ออกไปนอกจวน เหวินซานได้เตรียมรถม้าคอยอยู่เป็นที่เรียบร้อย ทั้งสองขึ้นไปบนรถม้าด้วยกัน เฉี่ยวโหรวนึกสงสัยภายในใจ นี่กำลังจะไปแห่งหนใดหรือ นางเอ่ยถามหรูอี้ หรูอี้กล่าวด้วยเสียงเรียบเฉย “ไว้เจ้าไปถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้”
รถม้าขับเคลื่อนไปเป็นระยะเวลาครึ่งชั่วยาม จนมาถึงพื้นที่โล่งซึ่งล้อมรอบด้วยกำแพงอย่างมิดชิดแห่งหนึ่ง ตามมาด้วยข้ารับใช้สองคนเป็นผู้นำทางเข้าไป
“เอ้อร์เส้าหน่ายนาย พานางมาแล้วเจ้าค่ะ” หรูอี้เข้าไปบอกกล่าวเป็นอันดับแรก
“ให้นางเข้ามาเถิด!” น้ำเสียงของนายหญิงน้อยบางเบาราวกับเสียงถอดถอนหายใจ แต่ก็ได้ยินเข้าไปถึงโสตประสาทการได้ยินของเฉี่ยวโหรว จังหวะหัวใจของเฉี่ยวโหรวเต้นแรงขึ้น รู้ดีแก่ใจว่าวันนี้ก็คือเวลาแห่งการตัดสินชะตาชีวิตของนาง
ภายในห้อง ป๋ายฮุ่ย จิ่นซิ่ว หยินหลิ่ว อวี้หลง แม่โจว ล้วนอยู่กันพร้อมหน้า แต่ละคนจ้องมองไปยังนาง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง ขณะที่นายหญิงสะใภ้รองของบ้านกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวภายใต้สีหน้าเคร่งขรึม
เฉี่ยวโหรวเดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้านายหญิง แล้วค่อยๆ คุกเข่าลง ก้มหน้าก้มตา น้อมรับฟังบทลงโทษอย่างสงบเสงี่ยม
หลินหลันจ้องมองนางอยู่พักใหญ่ ถึงได้เอ่ยปากขึ้น “เฉี่ยวโหรว ข้าเคยให้โอกาสแก่เจ้าไปแล้ว ดังนั้นข้าจะไม่เอ่ยคำพูดประเภทที่ว่าข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายขึ้นมาอีก เรื่องบางเรื่องพลาดไปแล้วก็พลาดไปเลย หวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจภายหลัง แม่โจว ท่านนำเรื่องที่ท่านสอบถามได้ความมา พูดให้นางฟังทีสิ”
แม่โจวก้าวขึ้นมาเบื้องหน้าหนึ่งฝีก้าว หันไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อพูดกับเฉี่ยวโหรว “พี่ชายของเจ้าหายตัวไปหลายวันแล้ว เอ้อร์เส้าหน่ายนายส่งคนไปตามหาทั่วทุกหนแห่งในเมืองหลวงทว่าไม่พบเจอแต่อย่างใด กระทั่งพี่สะใภ้เจ้าก็ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน หลังจากที่ข้าสอบถามมามากมาย จึงได้รู้มาว่าวันนั้นที่เกิดเรื่อง มีคนเห็นพี่ชายเจ้าถูกจับตัวไป ตอนนั้นพวกเขายังบอกด้วยว่าพี่ชายเจ้าติดหนี้พนันมากโข นิสัยใจคอของฮูหยินเจ้าเองคงรู้ดีอยู่แล้ว เพื่อปกป้องตัวนางเอง เกรงว่าพี่ชายเจ้าจะประสบโชคร้ายเสียแล้ว”
ดั่งฟ้าปาดลงมากลางใจเฉี่ยวโหรว ในดวงตาเริ่มเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ได้ยินสี่คำที่ว่าประสบโชคร้าย น้ำตาก็พรั่งพรูไหลรินลงมาพร้อมกับริมฝีปากที่กำลังสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
หลังแม่โจวพูดจบ จึงถอยกลับไปยืนยั่งตำแหน่งเดิม หลินหลันจึงเอ่ยขึ้น “อวี้หลง หยิบสิ่งของออกมาให้นางดู”
อวี้หลงขานรับ แล้วนำแผ่นรองปิดกั้นส่วนท้ายซึ่งผ่านการล้างจนสะอาดออกมาวางลงเบื้องหน้าเฉี่ยวโหรว ทันทีที่เฉี่ยวโหรวได้เห็นมัน ทั้งเรือนร่างของนางก็สั่นไหวดั่งใบไม้ที่ร่วงหล่นท่ามกลางสายลม ตื่นตระหนก หวาดกลัว กระวนกระวาย ความรู้สึกต่างๆ ประดังงาจนท้ายที่สุดกลายเป็นความสิ้นหวัง นางจนตรอก ร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดโดยไร้เสียงสะอื้น
ทุกคนในห้องทำเพียงมองดูนางร้องห่มร้องไห้จนบ่าสั่นเครืออย่างหนัก การได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญเช่นนั้น ทำให้จิตใจของทุกคนวุ่นวายซับสน
หลินหลันรอจนนางร้องไห้จนพอ แล้วจึงเอ่ยถาม “เจ้ามีอะไรอยากจะพูดหรือไม่”
เฉี่ยวโหรวส่ายหน้า ด้วยรู้ดีว่าตนเองทำผิดมหันต์ ซึ่งไม่อาจให้อภัยได้ และก่อนหน้านายหญิงก็ได้พูดไว้ชัดเจนแล้ว ไม่มีโอกาสอีกต่อไป เช่นนั้นนางจึงทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม
หลินหลันนิ่งเงียบ ยังถือว่าพอรู้จักสำนึกอยู่บ้าง
“เฉี่ยวโหรว เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดเจ้าถึงตกมาอยู่ในสถานการณ์เช่นวันนี้” หลินหลันเอ่ยถามอย่างเหนื่อยใจ
เฉี่ยวโหรวเช็ดน้ำตา “ล้วนเป็นข้าน้อยที่ผิดเอง ข้าน้อยยอมรับผิดเจ้าค่ะ”
“เจ้ารู้ว่าทำผิด แต่เจ้าไม่รู้ว่าที่ทำผิดนั้นคือตรงไหนกันแน่ ตอนนี้ข้าจะพูดให้เจ้าฟัง ประการแรก ผิดที่เจ้ารู้ไม่เท่าทันคน ตอนแรกที่ฮูหยินนำพี่ชายของเจ้ามาข่มขู่เจ้า เจ้าควรมาบอกข้าหรือเส้าเหยีย แล้วพวกเราจะช่วยเจ้าคิดหาวิธีเอง ทว่าเจ้ากลับเลือกตกเป็นเครื่องมือของเขา รู้ทั้งรู้ว่าเมื่อเจ้าถะลำลึกไปแล้ว ก็ไม่อาจถอยหลังกลับได้อีก ประการที่สอง ผิดที่เจ้าลังเลใจไม่เด็ดขาด ด้วยมีความคิดหวังที่จะได้รับในสิ่งที่ไม่ควรได้รับ การช่วยผู้อื่นกระทำผิดมีความเสี่ยง ยิ่งทำเรื่องแย่มากเท่าใดความเสี่ยงก็มากขึ้นเท่านั้น เมื่อล้มเหลว หากไม่กลายเป็นแพะรับบาป ก็จะถูกฆ่าในภายหลัง ทว่าเจ้าก็ยังมองไม่ทะลุปรุโปร่ง และในขณะที่เจ้ายังโชคดี โดยข้าได้ให้โอกาสเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งเจ้าก็ปล่อยมันหลุดลอยไปแล้ว ประการที่สาม ผิดที่เจ้าไม่จงรักภักดี เพื่อช่วยชีวิตพี่ชายของเจ้า ถึงกลับทำร้ายเอ้อร์เส้าเหยีย เจ้าคิดว่าตนเองมีเรื่องทุกข์ใจ แล้วมันยุติธรรมต่อความรู้สึกของเอ้อร์เส้าเหยียงั้นหรือ เจ้าเคยคิดไหมว่า หากเอ้อร์เส้าเหยียถูกงูพิษกัดจนตายไปจริงๆ ใจของเจ้าจะสงบสุขได้งั้นหรือ ความผิดแต่ละก้าวขั้นทั้งหมด นำพามาสู้ความผิด ณ ตอนนี้ยังไงล่ะ” หลินหลันกล่าวด้วยความเสียใจ ประโยคเหล่านี้พูดเพื่อให้เฉี่ยวโหรวรับฟัง และพูดให้ทุกคนในที่นี้ได้รับฟังด้วยเช่นกัน ด้วยไม่หวังว่าจะมีผู้ใดที่อยู่ข้างกายกระทำผิดเช่นนี้อีก
น้ำตาของเฉี่ยวโหรวค่อยๆ เหือดแห้งไป ทุกประโยคของนายหญิงน้อยเป็นดั่งมีดที่กรีดลงมา ในตอนแรกมิใช่ว่านางไม่เคยคิดที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากนายน้อยของนางแต่อย่างใด ทว่าด้วยนางมีความหวังอยู่เล็กๆ น้อยๆ โดยคิดว่าฮูหยินเพียงต้องการให้นางช่วยคอยเป็นหูเป็นตาให้นาง คอยรายงานพฤติกรรมความเคลื่อนไหวของคุณชายรองเท่านั้นเอง และแล้วก็พลั้งเผลอรับปากไป หลังจากนั้น ฮูหยินก็ให้คนมาส่งข่าวว่า ต้องการให้นางปล่อยงูพิษ นางเคยลังเลใจอยู่เช่นกัน ทว่าคนนั้นเอ่ยว่า ฮูหยินเพียงแค่ต้องการทำให้คุณชายรองได้รับบาดเจ็บและไม่สามารถเข้าร่วมการสอบได้ ไม่ถึงขั้นเสียชีวิตหรอก และนางก็หน้ามืดตามัวตอบรับไปอีกครั้ง จนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้น นางยังจงใจปิดบังความผิด คิดแต่ว่าเพียงแค่ตนเองไม่ยอมรับผิด อย่างมากก็คงโดนโบยไม่กี่ไม้ แล้วไล่ออกจากจวนไป ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่า นายหญิงสะใภ้รองดันสามารถนำหลักฐานมาวางเบื้องหน้าของนาง ด้วยนางใจจดจ่อคิดแต่จะปกป้องพี่ชายจึงไม่แยกแยะถูกผิด ไม่รู้จักกลัวตาย…มันผิดตั้งแต่เริ่มเสียแล้ว การเดินไปบนเส้นทางที่ผิดจึงนำมาซึ่งจุดจบอันน่าอนาจ เช่นนั้นแล้ว ก่อนที่นางจะตายจากไป ก็ทำอะไรเพื่อนายน้อยสักเรื่องแล้วกัน!
“เอ้อร์เส้าหน่ายนาย เฉี่ยวโหรวรับผิดเจ้าค่ะ เฉี่ยวโหรวยินยอมที่จะนำเรื่องราวทั้งหมดบอกเล่าสู่เอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าค่ะ เฉี่ยวโหรวไม่ร้องขอให้เอ้อร์เส้าหน่ายนายเมตตา ขอเพียงเอ้อร์เส้าหน่ายนายให้ความสงสารแก่พี่สะใภ้ของข้ากับหลานชายตาดำๆ ของข้าน้อย หากพี่ชายข้ายังพอโชคดีเอาตัวรอดได้ เอ้อร์เส้าหน่ายนายโปรดไว้ชีวิตพวกเขาด้วยนะเจ้าค่ะ เฉี่ยวโหรวขอคำนับให้เอ้อร์เส้าหน่ายเจ้าค่ะ…” เมื่อพูดจบ เฉี่ยวโหรวก็โคกหน้าผากลงไปบนพื้นอย่างนับครั้งไม่ถ้วนด้วยความจริงใจและเสียใจอย่างสุดซึ้งให้แก่นายหญิง
หลินหลันกล่าวภายใต้สีหน้าเรียบเฉย “หยินหลิ่ว นำพู่กันและหมึกมา”
เฉี่ยวโหรวนำคำสั่งการจากฮูหยินที่มีต่อนางในเริ่มแรก ตามด้วยส่งผู้ใดมาสื่อสาร แล้วนางปล่อยงูออกมาจากภาชนะบรรจุอาหารได้อย่างไร ตลอดจนทำลายลักษณะฐานอย่างไร เป็นต้น ล้วนพูดออกมาอย่างหมดเปลือก
ทุกคนถึงกับอ้าปากค้าง มิน่าล่ะงูพิษถึงได้ปีนขึ้นไปชั้นบน ที่แท้ซุปโสมที่ส่งมาในวันนั้นได้ผสมยาที่กระตุ้นสัญชาตญาณการโจมตีของงูพิษนี่เอง โชคดีที่นายน้อยไม่ได้ดื่มซุปโสมเข้าไป งูพิษเหล่านั้นจึงไม่พร้อมใจกันเข้าไปทักทายนายน้อย ทุกคนอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งฮูหยินว่าเป็นผู้โหดเหี้ยมอำมหิต นี่หรือคือความคิดเพียงแค่ต้องการให้คุณชายรองได้รับบาดเจ็บ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าต้องการเอาชีวิตของคุณชายรองของบ้านต่างหาก
หลินหลันรู้สึกหนักใจอย่างมาก เรื่องราวเป็นไปดั่งที่นางคาดการณ์ไว้จริงๆ นังแม่มดชรา เจ้าก็ไม่ไตร่ตรองเสียหน่อยว่าคนอย่างหลินหลันเป็นเช่นไร ต่อหน้าต่อตาข้ากล้าใช้กลวิธีอันร้ายกาจ ไว้วันหน้า ข้าก็จะใส่ยาให้เจ้ากินเช่นกัน เล่นให้เจ้าปางตาย และเป็นอัมพฤกษ์ไปเลย
หลังจดบันทึกเป็นที่เรียบร้อย หลินหลันให้เฉี่ยวโหรวประทับตรารอยนิ้วมือลงไป
ป๋ายฮุ่ยและคนอื่นๆ หันมองหน้ากัน ต่างก็คิดที่จะช่วยร้องขอความเมตตาให้เฉี่ยวโหรว แต่ก็พูดไม่ออก ได้แต่ถามตนเองว่า หากเอ้อร์เส้าเหยียถูกนางทำร้ายเข้าให้จริงๆ พวกนางคงไม่อาจให้อภัยได้อย่างแน่นอน
“เฉี่ยวโหรว แม่ว่าครั้งนี้เอ้อร์เส้าเหยียยังถือว่าโชคดีและดวงชะตาแข็งยิ่งนัก จึงรอดพ้นจากอันตรายมาได้ ทว่าเจ้ากระทำเรื่องผิดเช่นนี้ ข้าไม่อาจปล่อยเจ้าไว้ได้ เห็นแก่การสำนึกผิดของเจ้า ครั้งนี้ข้าจะลงโทษสถานเบา แม่โจว นำนางส่งไปให้นายหน้า ขายออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่ไกลได้” หลินหลันกล่าวสั่งการ
เฉี่ยวโหรวเงนหน้าขึ้นด้วยความตกตะลึง คิดว่าตนเองได้ยินผิดไป เอ้อร์เส้าหน่ายนายปล่อยนาง และไว้ชีวิตนางด้วย
ผู้ที่กำลังสับสนว่าจะช่วยร้องขอความเห็นใจในการลงโทษของนายหญิงน้อยหรือไม่ ก็เป็นอันตกตะลึงเช่นกัน
“เงินที่ขายตัวเจ้า ข้าจะให้แม่โจวมอบให้แก่พี่สะใภ้เจ้า ถือว่าเป็นน้ำใจก้อนสุดท้ายที่เจ้ามีต่อพวกเขาแล้วกัน!” หลินหลันเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย นางทำดีที่สุดแล้ว หากมิใช่ว่าการไว้ชีวิตเฉี่ยวโหรว ยังพอมีประโยชน์อะไรบ้าง นางคงไม่ลงโทษนางสถานเบาเช่นนี้อย่างแน่นอน อย่างน้อยๆ ก็ต้องจับนางโบยหลายสิบไม้
เฉี่ยวโหรวซาบซึ้งในบุญคุณ ก้มลงเอาหน้าผากแตะลงบนพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า “ขอบพระคุณเอ้อร์เส้าหน่ายนายที่เมตตาอย่างใหญ่หลวง ขอบพระคุณอย่างยิ่งเจ้าค่ะ…”
หลินหลันโบกปัดมือด้วยความรำคาญ “พานางออกไปเสีย”
แม่โจวนำตัวเฉี่ยวโหรวออกไปทันที
หลินหลันกวาดสายตามองไปยังคนที่อยู่ในสถานการณ์ แล้วกล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึม “เรื่องของเฉี่ยวโหรวถือว่าเป็นบทเรียนที่ปลุกให้พวกเราตื่นตัวขึ้น ครั้งนี้ฮูหยินทำร้ายเอ้อร์เส้าเหยียไม่สำเร็จ คงยังต้องมีลูกไม้อื่นๆ ออกมาอีกแน่นอน ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่เจริญรอยตามเฉี่ยวโหรว เช่นเดียวกับนางที่มองคนไม่ทะลุปรุโปร่ง วันนี้ข้าลงโทษเฉี่ยวโหรวสถานเบา วันหน้าหากมีผู้ใดกระทำผิด ข้าจะลงโทษสถานหนักอย่างแน่นอน”
ทุกคนพร้อมใจกันพยักหน้าขานรับ
“เอาล่ะ คนอื่นๆ กลับไปก่อนเถอะ! ส่วนหยินหลิ่วอยู่ที่นี่กับข้า” หลังหลินหลันส่งป๋ายฮุ่ยและคนอื่นๆ ออกไปแล้ว ถึงได้กล่าวขึ้น “หนิงต้าเกอ พวกเจ้าเชิญออกมาได้แล้ว!”
หนิงซิ่งและเจ้าหน้าที่ขุนนางหนึ่งท่านออกมาจากห้านหลังฉากกันลม
หลินหลันย่อเขาลงและโน้มตัวเล็กน้อยเพื่อคาราวะทั้งสองท่าน “คำพูดของเฉี่ยวโหรวเมื่อครู่นี้ต้าเกอทั้งสองล้วนได้ยินแล้ว ขอท่านทั้งสองช่วยเป็นพยานให้ด้วยนะเจ้าคะ”
หนิงซิ่งมีสีหน้าที่เคร่งขรึม นัยน์ตาแฝงไว้ซึ่งความโกรธเกรี้ยว “นางฮานช่างเกินไปแล้วจริงๆ จะประมาทนางไม่ได้เสียแล้ว”
เจ้าหน้าที่ขุนนางกล่าวอย่างครุ่นคิด “แม้ว่าจะได้รับคำสารภาพแล้ว ทว่าคำสารภาพของคนๆ เดียวยังมิเพียงพอที่จะตัดสินลงโทษได้ ทางที่ดีควรได้รับคำสารภาพของผู้อื่นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เพิ่มมาด้วย”
หลินหลันพยักหน้า “ประเด็นนี้ข้าเข้าใจดีเจ้าค่ะ ข้าจะคิดหาวิธีให้ได้ ตอนนี้หมิงอวินกำลังเข้าร่วมการสอบ ส่วนที่ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรนั้นจำเป็นต้องรอให้หมิงอวินออกมาตัดสินใจ อย่างไรก็ขอท่านทั้งสอบช่วยเก็บไว้เป็นความลับชั่วคราวด้วยเจ้าค่ะ”
เจ้าหน้าที่ขุนนางผู้นั้นกล่าวอย่างหนักแน่น “หนิงซิ่งเป็นพี่น้องของข้า ด้วยความเชื่อใจของเขาที่มอบให้ ข้าจะทำให้ดีที่สุด เอ้อร์เส้าหน่ายนายโปรดวางใจได้ ตราบใดที่ยังไม่มีคำสั่งการจากหลี่กงจื่อ คำพูดเมื่อครู่เหล่านั้น เพียงแค่เข้าหูข้า ไม่ทะลุออกปากข้าอย่างแน่นอน”
หลินหลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนี้แล้ว หลินหลันขอขอบคุณเจิ้งต้าเกอเจ้าค่ะ เรื่องนี้รบกวนเจิ้งต้าเกอแล้วนะเจ้าค่ะ”
คนที่หนิงซิ่งพามาด้วย จะเชื่อถือได้หรือไม่ นอกจากนี้ยังเป็นหน่วยลาดตระเวนแนวหน้าซึ่งมีชื่อเสียงเรียงนามมากที่สุดในปักกิ่ง
หนิงซิ่งกล่าว “ซ่าวจื่อ วันหลังหากข้าไม่อยู่เมืองหลวง แล้วท่านมีเรื่องด่วนอันใด สามารถไปพบเจิ้งต้าให้เพื่อขอความช่วยเหลือได้โดยตรง”
หลินหลันกล่าวขอบคุณอีกยกใหญ่ แล้วจึงขอตัวลา