ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่ 97 ไร้ยางอาย
“มีน้ำใจให้ต้องตอบแทนมากมายขนาดนั้นเสียที่ไหนกัน แค่เรารับไว้พวกเขาก็มีความสุขกันแล้ว” ฮานชิวเยว่ยิ้มอย่างหน้าตาเฉย
ในเมื่อเป็นเช่นนี้หลินหลันก็ไม่มีความจำเป็นต้องอ้อมค้อมกับนางแล้วเช่นกัน แม้แสดงออกอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน แต่นางก็ไม่ยอมก้มหัวให้ใครง่ายๆ ยิ่งในกรณีที่คู่กรณีหน้าไม่อาย การพูดตรงไปตรงมาเข้าไว้คงเป็นการดีกว่า
“ก็จริงอย่างที่ท่านแม่ว่าเจ้าค่ะ ช่วงที่ลูกกับหมิงอวินไม่อยู่บ้าน ช่างเป็นการเพิ่มภาระให้ท่านพ่อและท่านแม่ไม่น้อยเลยทีเดียว ในเมื่อตอนนี้ลูกกลับมาแล้ว ดังนั้นเรื่องเหล่านี้จึงไม่ขอรบกวนท่านแม่แล้วเจ้าค่ะ อีกประเดี๋ยวลูกจะให้คนมาขนย้ายของขวัญกลับไปแล้วจัดการให้เข้าที่เข้าทางนะเจ้าคะ” หลินหลันเอ่ยพลางฉีกยิ้มเล็กน้อย
แม่เถียนซึ่งอยู่ด้านข้างแสยะยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “เอ้อร์เส้าหน่ายนายคงไม่วางใจที่จะฝากของไว้ที่ฮูหยินสินะเจ้าคะ”
หลินหลันยิ้มอย่างไม่แยแส “เรื่องนี้เกี่ยวกับแม่เถียนด้วยหรือ”
เดิมทีแม่เถียนอยากกระตุกหนวดนายหญิงสะใภ้รองของบ้านสักหน่อย แต่คาดไม่ถึงว่านายหญิงน้อยจะตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี้ จึงตกตะลึงไปชั่วขณะ อย่างไรก็ตาม ไม่ทันใดนางก็สวนกลับขึ้นมาบ้าง “เอ้อร์เส้าหน่ายนายเพิ่งเข้ามาอาศัยในจวนหลี่ อาจมีกฎระเบียบของจวนหลี่บางอย่างที่เอ้อร์เส้าหน่ายนายไม่ทราบ รายรับทั้งหมดของตระกูลหลี่ล้วนต้องเก็บเข้าห้องคลังทรัพย์สิน ดังนั้นการจะนำออกก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากฮูหยินเสียก่อนเจ้าค่ะ เอ้อร์เส้าหน่ายนายยังเยาว์วัยนัก ไม่เข้าใจการจัดการเรื่องในบ้าน อีกอย่างตอนนี้ก็ยังไม่ได้แยกเรือนออกไป จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ฮูหยินจะช่วยดูแลไว้ให้ก่อนเจ้าค่ะ”
โอ้! นี่มันต้องการแย่งกันไปชัดๆ!
หลินหลันแสร้งแสดงทีท่าประหลาดใจ “ที่แท้ในจวนก็มีกฎระเบียบเช่นนี้เองหรือ!”
ฮานชิวเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ “ใบรายการของขวัญก็อยู่ที่เจ้านี่ ได้รับอะไรมาบ้างเจ้าเองคงรู้ดีอยู่แล้ว ไว้อนาคตข้างหน้าพวกเจ้ามีความจำเป็นเร่งด่วนต้องใช้มัน ค่อยมาบอกข้าก็ย่อมได้ และหากเมื่อใดแยกเรือนออกไป แน่นอนว่าพวกเจ้าจะได้รับของเหล่านี้กลับคืนไปอย่างครบถ้วน”
หลินหลันเอ่ยถามภายใต้สีหน้าอาการถ่อมตน “ท่านแม่หมายความว่า หากพวกเราต้องการเบิกอะไร ท่านแม่จะเป็นผู้ตระเตรียมให้ใช่ไหมเจ้าคะ”
ฮานชิวเยว่พยักหน้าเล็กน้อย “แน่นอนจ้ะ”
หลินหลันถอนหายใจเฮือกยาวราวกับโล่งอกก่อนจะกล่าวออกไปด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็เยี่ยมไปเลยเจ้าค่ะ ว่าตามจริงแล้ว ลูกยังคงไม่ค่อยเข้าใจการจัดการเรื่องในบ้านเท่าไหร่นัก แค่คิดก็เป็นอันปวดหัวแล้วเจ้าค่ะ ในเมื่อมีท่านแม่ช่วยดูแลรักษาให้ เช่นนั้นก็เป็นการดีที่สุดแล้วเจ้าค่ะ” หลินหลันเปลี่ยนหัวข้อสนทนาหลังจากชะงักไปชั่วครู่ “อย่างไรก็ตาม ช่วงก่อนหน้านี้หมดค่าใช้จ่ายไปกับการบำรุงร่างกายให้หมิงอวินไม่น้อยทีเดียว ลูกถังแตกมาพักใหญ่ ทุกครั้งที่มองดูกระเป๋าเงินเป็นอันต้องอึดอัดใจไม่น้อย และเมื่อวานนี้หมิงอวินเอ่ยว่างานเลี้ยงฉลองครบหนึ่งเดือน ณ จวนจิ้งปั๋วโหว์ จำเป็นต้องมอบของขวัญชั้นดีให้พวกเขาสักอย่าง ไหนจะสหายของเขาอีกหนึ่งท่านซึ่งอยู่ในราชวังและได้เลื่อนขั้นซึ่งต้องมอบของขวัญให้ด้วยเช่นกัน แล้วยังมีองค์ชายสี่และองค์รัชทายาท ใต้เท้าไท่ฟู่เผย ท่านอาจารย์กิตติมศักดิ์ใต้เท้าเฉิน…ทั้งหมดนั้นล้วนต้องส่งของขวัญไปให้เจ้าค่ะ” หลินหลันทำทีท่านับมือนับไม้ สิบนิ้วก็แล้วยังไม่เพียงพอสำหรับการนับ ก่อนจะสังเกตเห็นสีหน้าของแม่มดชราที่ค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้นอย่างฉับพลัน
หลินหลันแอบอมยิ้ม ก่อนจะกล่าวขึ้นอีกระรอก “ของขวัญเหล่านี้ราคาถูกเกินไปก็มิได้เสียด้วย ลูกกำลังปวดหัวอยู่พอดีเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าควรตระเตรียมของขวัญจากแห่งหนใด ในเมื่อท่านแม่เอ่ยว่าจะช่วยพวกเราจัดการเรื่องเงินๆ ทองๆ ให้ออกมาอย่างคุ้มค่า เช่นนั้นจึงเป็นการดีเลยเจ้าค่ะ ลูกได้ร่างรายการของขวัญตามความประสงค์ของหมิงอวินไว้แล้ว ด้วยลูกเองไม่รู้ว่าในจวนมีสิ่งของอะไรบ้าง จึงทำได้เพียงร่างขึ้นมาตามรายการของขวัญที่ผู้คนส่งมาให้น่ะเจ้าค่ะ ยังไงก็ฝากท่านแม่ช่วยจัดการให้ด้วยนะเจ้าคะ”
หลินหลันหยิบรายการของขวัญยาวเหยียดออกมาขณะเอ่ย แล้วให้หรูอี้ส่งมันให้แม่มดชรา ด้วยนางคาดการณ์ไว้แต่แรกว่าแม่มดชราคงไม่มีทางส่งมอบสิ่งของให้แต่โดยดี นางจึงเตรียมแผนการที่สองไว้รับมือ ในเมื่อไม่ยอมแต่แรก เช่นนั้นก็จะทำให้เจ้ากระอักเลือด ทำให้เจ้าเจ็บปวดรวดร้าวหัวใจ ทำให้เจ้าหมดตัวไปเสียเลย
ฮานชิวเยว่มองดูรายการของขวัญทีละหน้า มันเกือบส่งผลให้นางหยุดหายใจก็ว่าได้ นี่หลินหลันกำลังเอาคืนนางชัดๆ ทว่าข้าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นเรื่องที่พึ่งกระทำ อีกทั้งนางยังพูดไว้เสียดิบดีเมื่อตอนต้นแล้วด้วย ใครจะรู้ว่าหลินหลันละโมบโลภมากได้ถึงเพียงนี้
“หากครั้งนี้หมิงอวินสอบเตี้ยนซื่อผ่านไปอย่างราบรื่น ได้เข้ารับราชการเต็มตัว เกรงว่าในอนาคตข้างหน้าจะต้องส่งของตอบแทนมากขึ้นเรื่อยๆ เฮ้อ…ช่างน่ากลัดกลุ้มเหมือนกันนะเจ้าคะ” หลินหลันแสร้งถอดถอนหายใจอย่างหดหู่
ฮานชิวเยว่ได้ฟังถึงกับเหงื่อตก หลินหลันหมายความว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่การเรียกน้ำย่อยโดยที่ของจริงยังไม่เริ่มขึ้นเช่นนั้นหรือ
ต่อให้นางพยายามสงบนิ่งเข้าไว้ ทว่าตอนนี้มันเกินกว่าจะอดรนทนได้ไหวเสียแล้ว เดิมทีนางอยากยึดของขวัญเอาไว้ หากพวกเขาไม่เอ่ยถึงคงเป็นการดีที่สุด เมื่อเอ่ยถึงก็จะถ่วงเวลาไว้เสียก่อน ถึงตอนนั้นค่อยไปแอบย้อมแมวแล้วเอามาสับเปลี่ยน… คาดไม่ถึงว่าหลินหลันไม่หยิบยกเรื่องนำของขวัญกลับไป แต่ยังเออออตามที่นางว่าแล้วสร้างปัญญาใหญ่ให้นางขึ้นมาเสียนี่
แม่เถียนซึ่งอยู่ด้านข้างถึงกับริมฝีปากกระตุก ขณะเดียวกันก็มองไปยังนายหญิงของตนด้วยความเป็นกังวล เกรงว่าครานี้ฮูหยินจะขาดทุนย่อยยับเสียแล้ว
ฮานชิวเยว่แอบควมคุมสติอารมณ์ ทำให้ตนเองสงบนิ่งและใจเย็นจนได้ เหตุอันใดนางจะยอมให้หลินหลันจูงจมูก
“เรื่องการส่งมอบสิ่งของเพื่อเชื่อมมิตรไมตรีถือเป็นเรื่องจำเป็นยิ่ง ทว่าของขวัญในจวนเราที่ส่งออกไปล้วนเป็นการสั่งทำขึ้นมาทั้งนั้น รายการของขวัญของเจ้าเหล่านี้ดูไม่ค่อยเหมาะสมไปหรือไม่ หากส่งของขวัญตามที่เจ้าร่างไว้ ต่อให้ตระกูลเรามีเงินทองกองเท่าภูเขาก็ไม่เพียงพอหรอก เอาเป็นว่าให้ข้าช่วยจัดการแทนพวกเจ้าแล้วกัน!” ฮานชิวเยว่กล่าวแล้วตามด้วยรอยยิ้มจางๆ
หลินหลันแสร้งกล่าวอย่างลำบากใจ “ทว่ารายการของขวัญนี้หมิงอวินเห็นมันแล้ว และเอ่ยด้วยว่าดีมาก เพราะถึงอย่างไรก็มีคนส่งสิ่งของมาให้มากมายเสียขนาดนี้ ถือว่าเป็นการนำกลับคืนสู่เจ้าของเดิมไปในตัวน่ะเจ้าค่ะ”
ฮานชิวเยว่กล่าวภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้ม “ก็ข้าบอกแล้วไงว่าพวกเจ้าคู่สามีภรรยาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้พวกเจ้าอย่าได้กังวลใจไปเลย เดี๋ยวข้าช่วยจัดการให้พวกเจ้าเอง”
หลินหลันกรนด่าในใจ นังแม่มดชรานี่ช่างเจ้าเล่ห์เสียเหลือเกิน เห็นทีว่าเรื่องนี้ยังต้องเปลืองแรงอีกไม่น้อย
“ลูกยังไงก็ได้แหละเจ้าค่ะ เกรงก็แต่ว่าหมิงอวินจะไม่พอใจเอาได้” หลินหลันเอ่ยไว้แต่เพียงเท่านี้ ถึงตอนนั้นหากหลี่หมิงอวินไม่พอใจขึ้นมาแล้วเกิดอะไรขึ้น จะถือว่าไม่ใช่ความผิดของนางแต่อย่างใด
ฮานชิวเยว่เกิดความรู้สึกเกรงกลัวอยู่เล็กน้อยเกี่ยวกับหลี่หมิงอวิน ตอนนี้เขาเป็นตัวการณ์สำคัญเสียยิ่งกว่าผู้ใด เกรงว่าเขาจะไม่เห็นนางแม่เลี้ยงผู้นี้อยู่ในสายตาอีกต่อไป
หลังออกมาจากโถงหนิงเฮ๋อ สีหน้าของหลินหลันเปลี่ยนไปเคร่งขรึมในทันใด การต่อกรกับแม่มดชรานี่มันช่างยากเย็นเกินไปแล้ว
แม่เหยาภายใต้สีหน้าเป็นมิตร มาพร้อมกับสาวใช้อีกสองคน เมื่อเห็นหลินหลันแม่เหยาจึงรีบย่อเข่าและโน้มตัวลงให้การคาราวะ “บ่าวคาราวะเอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าค่ะ”
หลินหลันไม่คุ้นหน้าแม่เหยาผู้นี้เท่าไหร่ หรูอี้จึงกระซิบซาบข้างหูนางเพื่อเป็นการบอกกล่าว “นี่คือแม่เหยาเจ้าค่ะ”
หลินหลันเผยรอยยิ้มขณะพยักหน้า แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล “แม่เหยาอย่ามากพิธีเลย”
หลังจากแนะนำตัวอย่างคร่าวๆ กันเป็นที่เรียบร้อย แม่เหยาก็เดินจากไป
“แม่เหยาท่านนี้ได้รับความนับถือจากฮูหยินเป็นอย่างมากเจ้าค่ะ ข้ารับใช้ในจวนล้วนล่ำลือกันว่า แม่เหยาอาจมาแทนที่แม่เถียนน่ะเจ้าค่ะ” หรูอี้กล่าว
หลินหลันอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองอีกครั้ง
เมื่อกลับมาถึงเรือนหลั้วเซี๋ยจาย หลี่หมิงอวินยังไม่กลับมา อวี้หลงเมื่อเห็นสีหน้าของนายหญิงน้อยก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นไปอย่างไม่ราบรื่น แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถามอะไรออกไป ทำเพียงให้ทุกคนคอยปรนนิบัติอย่างเงียบๆ
หลินหลันครุ่นคิดภายใต้อากับกิริยาประครองแก้มไว้ด้วยมือหนึ่งข้างขณะที่อีกมือหนึ่งเขี่ยฝาน้ำชาวนเล่น สิ่งที่นางครุ่นคิดคือต้องทำอย่างไรดี จะนำคนไปแย่งชิงคืนมาก็ไม่ได้ หากรู้แต่แรก นางคงอยู่ที่บ้านคอยรับของขวัญยังดีเสียกว่า รับของขวัญมาแล้วนำไปเก็บไว้ที่เรือนหลั้วเซี๋ยจายเป็นอันสิ้นเรื่อง ดูสิว่าแม่มดชรายังมีหน้ามาขนของขวัญพวกนี้ไปอีกไหม อย่างไรก็ตาม นิสัยใจคอแม่มดชรามันทำได้ทุกอย่าง หนังหน้าหนาเสียยิ่งกว่าพนังกำแพง มีอะไรบ้างที่นางจะทำไม่ได้
“หรูอี้ สินสอดของต้าเส้าหน่ายนาย เป็นต้าเส้าหน่ายนายดูแลเองหรือว่าฮูหยินดูแลหรือ” หลินหลันเอ่ยถามขึ้นมากะทันหัน
หรูอวี้ชะงักไปชั่วขณะ “ได้ยินว่า เหมือนจะเป็นฮูหยินดูแลเช่นกันนะเจ้าคะ”
หลินหลันกลับสู่ห้วงแห่งการครุ่นคิดอีกระรอก น่าเสียที่นางไม่ได้เห็นของล้ำค่าพวกนั้น มิเช่นนั้น นางจะนำรูปวาดเสมือนไปหาคนทำเลียนแบบขึ้นมา ไม่ว่าแม่มดชรามีความคิดที่จะแอบทำของปลอมขึ้นมาหรือไม่ เรื่องสกปรกๆ นี้ก็จะโยนให้นางรับกรรมไปเสีย ทำให้นางหมดหนทางแก้ตัว
เอ๋? ไม่เคยเห็นของล้ำค่านั่นก็ช่างประไร ไม่มีโอกาสก็ทำโอกาสขึ้นมาเสียเลย! หลินหลันคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ฉับพลัน นางเผยรอยยิ้มอย่างมีเล่ห์สะนัย
หรูอี้กับหยินหลิ่วมองหน้ากันเลิกลั่ก เอ้อร์เส้าหน่ายนายคิดอะไรอยู่ถึงได้กระหยิ่มยิ้มย่องเสียขนาดนั้น
จนกระทั่งช่วงหัวค่ำ ในที่สุดหลี่หมิงอวินก็กลับมาเสียที
ป๋ายฮุ่ยชงชาร้อนๆ มาให้ หลังจากนั้นหลินหลันก็ให้ทุกคนออกไปก่อนแล้วถึงได้เอ่ยปากถาม “เจ้าไปไหนมาหรือ เหตุใดถึงเพิ่งกลับมาปานนี้”
หลี่หมิงอวินจิบชาอย่างอ้อยอิ่ง “ไปพบท่านอาจารย์มาน่ะ วันมะรืนต้องเข้าร่วมการสอบเตี้ยนซื่อเลยไปข้อคำชี้แนะในคำถามบางส่วน คุยไปคุยมาก็มืดค่ำเสียแล้ว”
หลินหลันเขยิบเก้าอี้ตัวเล็กมานั่งข้างๆ เขา แล้วนำเรื่องที่ต่อปากต่อคำกับแม่มดชราในวันนี้รายงานแก่หลี่หมิงอวิน ขณะนั้นเองสีหน้าของหลี่หมิงอวินก็เคร่งขรึมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตามด้วยเสียงสบถฮึอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยขึ้น “ข้าว่านางคงกลัวอดอยากจนติดเป็นนิสัยเสียแล้ว”
ทันทีที่หลินหลันได้ยินประโยคถึงกับหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่านางก็ชื่นชอบในเงินทองไม่แพ้กัน ก็จริงอย่างที่ว่า เมื่อลองได้ยากจนแล้วถึงได้เข้าใจว่าเงินทองมีมันความสำคัญมากเพียงใด อย่างไรก็ตามนางคงต้องขอตอบโต้เพื่อปกป้องตนเองเสียหน่อย ถึงนางจะชื่นชอบในทรัพย์สมบัติแต่ก็รู้อะไรดีไม่ดี อะไรควรไม่ควร ต่างจากแม่มดชราที่ละโมบโลภมากจะหุบสมบัติไว้แต่เพียงผู้เดียว
หลินหลันยิ้มกรุ่มกริ่มแล้วเอ่ยขึ้น “ข้ามีแผนการที่เรียกว่า นังแม่มดกินไม่หมดก็เอากลับบ้าน”
หลี่หมิงอวินชายตามองนาง “ไหนลองเอ่ยให้ข้าฟังสิ”
หลินหลันเขยิบเข้าไปกระซิบกระซาบข้างใบหูเขาอยู่สักพัก ขณะนั้นเองมุมปากของหลี่หมิงอวินก็ค่อยๆ ยกยิ้มขึ้น แล้วชายตามองไปที่นางอีกครั้ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันเหนือจินตนาการ หากพูดถึงเรื่องพิเรนๆ ใครก็คงสู้นางไม่ได้จริงๆ
“เจ้าคิดว่าอย่างไร” หลินหลันกล่าวอย่างภูมิใจ
หลี่หมิงอวินอมยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “พรุ่งนี้ข้าจะให้คนไปจัดการทันที”
วันรุ่งขึ้น มีคนมาส่งมอบของขวัญอีกเช่นเคย ซึ่งขณะนั้นหลี่หมิงอวินไม่อยู่บ้าน ดังนั้นใบรายการของขวัญจึงตกมาอยู่ในมือหลินหลันอีกครั้ง ส่วนสิ่งของน่ะหรือ คงไม่ต้องเอ่ยถึง แน่นอนว่าแม่มดชราเก็บเข้ากรุสมบัติล้ำค่าแห่งตระกูลหลี่ไปหน้าตาเฉยเรียบร้อยแล้ว
หลินหลันเข้าไปทักทายยามเช้าตามธรรมเนียม โดยไม่เอ่ยถึงเรื่องของขวัญขึ้นมาอีก
ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาฮานชิวเยว่ยังคงคิดไม่ตก ด้วยเกรงว่าหลี่หมิงอวินจะไม่พอใจพาลโวยวายจนเกิดเรื่องขึ้นมาอีก ทว่าเมื่อเห็นทีท่าของหลินหลัน ราวกับว่าเรื่องนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว นางจึงค่อยๆ วางใจลง ก็จริงอยู่ ถึงนางจะทำเช่นนี้หาใช่เรื่องผิดแปลกไม่ หลี่หมิงอวินต่อให้ไม่ชอบใจ ก็ไม่มีทางมาบีบคอโวยวายใส่เพื่อทวงสิ่งของพวกนั้นไปจากนางหรอก
และแล้ววันแห่งการสอบเตี้ยนซื่อก็มาถึง หลี่หมิงอวินอาบน้ำจนสดชื่นตั้งแต่เช้าตรู่ ผมสลวยของเขาเปลี่ยนไปอยู่ในทรงเกล้ามวยสูง ทั้งยังมีปิ่นหยกขาวเสียบประดับ เขาสวมใส่ชุดจิ่นผาวสีขาวนวลผ้าเงาวาว ช่วงเอวคาดด้วยเข็มขัดสีไพลินที่ประดับด้วยริบบิ้นไหมสีน้ำเงินและหยกปี้อวี้เพ้ย ให้ความรู้สึกสวยงามอย่างเรียบง่าย เขาดูเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ช่างแสนสง่างามและสุขุมยิ่งนัก
หลี่หมิงอวินไปเข้าร่วมการสอบด้วยสีหน้าท่าทีสงบนิ่ง ทว่าหลินหลันซึ่งอยู่ที่บ้านภายใต้ความรู้สึกความประหม่าเล็กน้อย เตี้ยนซื่อเป็นการสอบที่ฮ่องเต้ทรงควบคุมด้วยพระองค์เอง เป็นการสอบระดับสูงสุด และเป็นสถานีสุดท้ายในการตัดสินเกียติรยศในหน้าที่การงานและโชคชะตาชีวิต หลินหลันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหมิงอวินจะเป็นที่หนึ่ง เพราะเขามีความสามารถนี้อย่างแท้จริง
การสอบเตี้ยนซื่อใช้เวลาหนึ่งวัน ซึ่งตลอดทั้งวันทำให้หลินหลันถึงกับนั่งไม่ติด
คนทั้งเรือนหลั้วเซี๋ยจายต่างก็ไม่เป็นอันทำใจให้สงบสุขได้เช่นกัน
จนกระทั่งช่วงเวลาพระอาทิตย์ตก มีข้ารับใช้แห่งจวนหลี่วิ่งหน้าตั้งเข้ามา “เหล่าเหยียได้รับข่าวคราวมาว่า เอ้อร์เส้าเหยียถูกฮ่องเต้ทรงคัดเลือกให้เป็นจอหงวน [1] คนใหม่ขอรับ…”
ทั้งเรือนหลั้วเซี๋ยจายพากันส่งเสียงคึกคักเจี๊ยวจ๊าว กระโดดโล้ดเต้นพลางบอกกล่าวกันไปต่อๆ นายน้อยของพวกเขาได้เป็นจอหงวนแล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดีครั้งยิ่งใหญ่
“เอ้อร์เส้าหน่ายนาย ท่านได้ยินไหมเจ้าคะ เอ้อร์เส้าเหยียนได้เป็นจอหงวนแล้วเจ้าค่ะ” ป๋ายฮุ่ยดีอกดีใจจนน้ำตาไหลริน
หลินหลันตกตะลึง แม้ว่านางคาดหวังผลลัพธ์เช่นนี้ไว้เช่นกันก็ตาม เพียงแต่พอเอาเข้าจริงเมื่อทุกอย่างสำเร็จดั่งหวัง นางกลับอดรู้สึกเหลือเชื่อไม่ได้ ราวกับกำลังฝันอยู่อย่างไงอย่างนั้น
“เอ้อร์เส้าหน่ายนายดีใจจนอึ้งไปแล้ว” หยินหลิ่วหยอกล้อ ขณะเดียวกันนัยน์ตาของนางก็กำลังเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำสีใส และร้องไห้ออกมาในที่สุด “เอ้อร์เส้าเหยียได้เป็นจอหงวนแล้วจริงๆ …”
แม่โจวคุกเข่าลงใจกลางลานบ้าน ใบหน้าอาบไปด้วยหยาดน้ำตา นางก้มลงไหว้สามครั้งในทิศใต้ “เหล่าฟูเหริน เหล่าไท่เหยีย ซานเสี่ยวเจี่ยะ พวกท่านได้ยินหรือไม่เจ้าคะ หมิงอวินเส้าเหยียได้เป็นจอหงวนแล้วนะเจ้าคะ…”
ในเรือนเวยอวี่เก๋อ หลี่หมิงเจ๋อที่กำลังอ่านหนังสือเมื่อได้ยินข่าวดี เขาเอาแต่นิ่งเงียบไปเนิ่นนานพอตัว หลังจากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อไปดั่งเดิม
ติงหลั้วเหยียนรู้สึกยินดีปรีดาด้วยในทีแรก ทว่าเมื่อเห็นหลี่หมิงเจ๋อเหม่อลอย รอยยิ้มที่เคยปรากฏบนใบหน้าจึงค่อยๆ เลือนหายไป
ฮานชิวเยว่ซึ่งอยู่ในโถงหนิงเฮ๋อ เมื่อได้ยินข่าวคราวก็ตกอยู่ในอาการตะลึงและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน พลางเอ่ยพึมพำ “เขาได้เป็นจอหงวนจนได้…”
——
[1] จอหงวน เป็นตำแหน่งราชบัณฑิตซึ่งได้คะแนนอันดับหนึ่งในการสอบขุนนางของประเทศจีนสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์