ปฏิบัติการ ตามล่า อำนาจ ของ ฮาร์วีย์ ยอร์ก - บทที่ 1096
ปฏิบัติการ ตามล่า อำนาจ ของ ฮาร์วีย์ ยอร์ก บทที่ 1096
คุณย่าเยตส์ส่ายหัว “ไม่ได้ ฉันได้ยินมาว่าเจ้าพ่อแห่งพวกนักเลงท้องถนนในเซาท์ไลท์คนใหม่คือไทสัน วูดส์ซึ่งเป็นลูกน้องของเจ้าชายยอร์ก”
“การใช้ประโยชน์จากพวกนักเลงอันธพาลท้องถนนเพื่อช่วยพวกเราในเรื่องนี้นั้น มันก็เท่ากับว่าเป็นการฆ่าตัวตายตั้งแต่เริ่มแล้ว”
ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหัวมุม เจ้าชายจากตระกูลคลาวด์ เอริค คลาวด์ก็ได้เดินออกมาและขัดจังหวะของพวกเขาด้วยเสียงที่สุขุมนุ่มลึกว่า “ท่านผู้อาวุโสทั้งสาม ผมมีเรื่องที่จะพูดหน่อยครับ”
ผู้เฒ่าทั้งสามมองมาที่เขาอย่างพร้อมเพรียงกัน หลังจากนั้นไม่นาน คาร์สันก็ตอบกลับว่า “เจ้าชายคุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือ?”
เอริคเอามือไขว้หลังขณะที่เขาพูดด้วยท่าทางที่จริงจังว่า “เนื่องจากว่าพวกเราไม่สามารถใช้เหล่านักเลงอันธพาลท้องถนนได้ เราจึงจำเป็นต้องใช้วิธีอื่น แล้วถ้าเป็นการเชิญเหล่าผู้คนจากนอกเมืองเซาท์ไลท์เข้ามาล่ะครับ?”
“ผมได้ยินมาว่ามีคนรับจ้างจำนวนมากที่ชายแดนโอไฮโอซึ่งพวกเขานั้นรู้ทางหนีทีไล่เป็นอย่างดี ตราบใดที่เราให้เงินแก่พวกเขา พวกเขาก็เต็มใจและพร้อมที่จะทำทุกอย่าง เราทั้งสามตระกูลควรร่วมมือกันและจ้างพวกคนเหล่านั้น พวกเขาจะสามารถกำจัดฮาร์วีย์ได้โดยไม่มีใครรู้เบาะแสหรือสาวความมาถึงพวกเราได้อย่างแน่นอน”
คัลลัมและคุณย่าเยตส์มองหน้ากัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี
คัลลัมถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “ท่านอาวุโสคลาวด์ เจ้าชายของตระกูลคุณเนี่ยช่างมีความสามารถจริง ๆ เชียว!”
“ลำพังไอเดียของพวกเรามันคงยังไม่กว้างขวางมากพอ เราไม่ได้คิดถึงเคล็ดลับนี้เลย!”
คาร์สันลูบเคราของเขาพร้อมด้วยท่าทางพึงพอใจ
เอริคเป็นเจ้าชายที่คาร์สันเลือกเองกับมือ ความสามารถในการเสนอความคิดเห็นที่เหนือความคาดหมายของเขา และยิ่งในโอกาสเยี่ยงนี้มันช่างทำให้คาร์สันรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขามากเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง คุณย่าเยตส์ก็ค่อย ๆ พูดขึ้นมาว่า “ในเมื่อเจ้าชายคลาวด์เป็นคนเสนอความคิดเห็นนี้แล้ว ฉันคิดว่าเราควรปล่อยให้เขาจัดการเรื่องนี้เลยจะเป็นการดีกว่า”
“ถ้าแผนการครั้งนี้สำเร็จ พวกเราตระกูลเยตส์ก็คงจะเป็นหนี้พวกคุณอยู่มากโข!”
“พวกเราตระกูลร็อบบินส์ก็จะเป็นหนี้บุญคุณตระกูลของคุณด้วยเช่นกัน!” คัลลัมได้กล่าวเสริม “ถ้าคุณสามารถเชิญคนเหล่านี้มาได้ พวกเราตระกูลร็อบบินส์จะเป็นผู้ที่รับผิดชอบจัดหาเรื่องที่พักของพวกเขาเอง มันถูกซ่อนไว้ในความลับและบุคคลภายนอกไม่มีทางจะค้นพบมันง่าย ๆ อย่างแน่นอน”
คาร์สันลุกขึ้นยืน “เอาล่ะ เอริคจะเป็นคนรับผิดชอบในการเชิญพวกเขาเหล่านั้นมา เมื่อทั้งหมดนี้เสร็จสิ้นแล้ว พวกเราทั้งสามตระกูลก็จะได้เป็นอิสระจากข้อจำกัดของตระกูลยอร์กอย่างสมบูรณ์เสียที ใครเล่าจะหยุดเราไม่ให้ลุกขึ้นมาผงาดได้อีกในอนาคต”
ผู้นำทั้งสามตระกูลมองหน้ากันแล้วระเบิดหัวเราะออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ดวงตาของพวกเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังและมองการณ์ไกลไปถึงอนาคตอันสดใสที่รอพวกเขาอยู่
เอริคยิ้มแต่ดวงตาของเขานั้นมันเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
แม้ว่าเขาจะเป็นถึงเจ้าชายของตระกูลคลาวด์ แต่ทว่าเขาก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสที่จะทำการเคลื่อนไหวหรือแสดงผลงานใด ๆ เลย
ถ้าเขาประสบความสำเร็จในความพยายามครั้งนี้ เขาจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นในตระกูลคลาวด์ได้อย่างแน่นอน
เขารอโอกาสเช่นนี้มานานมากจนเกินไปแล้ว
…
ในวันถัดมา
ฮาร์วีย์และแมนดี้กำลังจะไปส่งฮาลซีย์ไปที่สนามบิน เนื่องจากเธอเป็นผู้จัดการทั่วไปของสกาย คอร์ปอเรชั่นสาขาซานฟรานซิสโก เธอจึงไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานมากนัก
ทั้งสามคนขับรถผ่านไปยังบริเวณชานเมือง ทันใดนั้นก็มีรถตู้สองสามคันตัดหน้าเข้ามาจอดอยู่ที่ด้านหน้ารถของพวกเขา ฮาร์วีย์จึงต้องหยุดรถอย่างกะทันหัน
ภายในรถตู้มีผู้คนจำนวณนับสิบคน พวกเขาสวมชุดลายพรางและหน้ากากปิดบังใบหน้า พวกเขาทั้งหมดเดินลงมาจากรถและเข้ารุมล้อมรถของฮาร์วีย์ไว้อย่างรวดเร็ว
คนที่ดูท่าว่าน่าจะเป็นผู้นำของพวกเขาถือปืนแกว่งไปมาอย่างอุกอาจ เขาชี้ตรงมาที่รถของฮาร์วีย์
เมื่อมาถึงจุดนี้ ทั้งแมนดี้และฮาลซีย์ซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังของรถต่างก็หน้าซีดและเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
พวกเธอทั้งสองไม่เคยเผชิญหน้ากับสถาณการณ์เช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต
อย่างไรก็ตาม ผิดกับฮาร์วีย์ซึ่งกำลังนั่งอยู่ในที่นั่งคนขับของรถอยู่เขาไม่มีท่าทีแยแสใด ๆ ทั้งสิ้น เขาลดกระจกรถลงและตะโกนถามอย่างเย็นชา “มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า พี่ชาย?”
“แกคือฮาร์วีย์ใช่ไหม?” ชายคนนั้นเอ่ยถามและถ่มน้ำลายลงพื้นพร้อมด้วยท่าทางสุดนักเลง จากนั้นเขาก็จ่อปืนไปที่หน้าผากของฮาร์วีย์
ฮาร์วีย์พยักหน้า “ใช่ ฉันชื่อฮาร์วีย์ มีอะไรหรือเปล่า?”
“ดี เป็นแกก็ดีแล้ว ตามพวกเรามาซะดี ๆ อย่าให้พวกเราต้องใช้ความรุนแรงเลย!”
เมื่อชายคนนั้นพูด น้ำเสียงและสำเนียงของเขาบ่งบอกว่าเป็นชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และน้ำเสียงนั้นยังฟังดูราวกับว่าเป็นเสียงของหญิงสาวอีกด้วย