ปฏิบัติการ ตามล่า อำนาจ ของ ฮาร์วีย์ ยอร์ก - บทที่ 290
ปฏิบัติการ ตามล่า อำนาจ ของ ฮาร์วีย์ ยอร์ก บทที่ 290
ณ คฤหาสน์ซิมเมอร์
ฮาร์วีย์ไปที่ธนาคารเพื่อกดเงินสดแปดแสนดอลลาร์
เมื่อเขาโยนถุงพลาสติกพร้อมเงินสดลงบนโต๊ะกาแฟ ดวงตาของ ลิเลียนก็แดงก่ำ
เธอรีบเปิดดูดูธนบัตรสีน้ำเงินในนั้นทันที หลังจากที่เธอมั่นใจว่าธนบัตรเป็นของจริงเธอก็ยิ้มออกมาได้
“แล้วไหนสัญญาของนายล่ะ? นายไม่ได้พูดเหรอว่านายจะรับผิดชอบหนี้สินทั้งหมดด้วยตัวเอง?” ลิเลียนเงยหน้าขึ้นและพูดกับเขา
ฮาร์วีย์หยิบเอกสารที่เตรียมไว้ออกมา เขาไม่เพียงเซ็นเอกสาร แต่ยังมีลายเซ็นของทนายความด้วย สรุปได้ว่าเงิน 1.6 ล้านดอลลาร์เป็นหนี้สินของฮาร์วีย์ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแมนดี้
ลิเลียนมองเอกสารนั้น จากนั้นเธอก็โทรไปสอบถามจากผู้เชี่ยวชาญ เธอก็เก็บสัญญานั้นไว้อย่างมีความสุข
สัญญาดังกล่าวเธอสามารถวางใจได้และมีความสุขกับการใช้จ่ายเงิน เธอสามารถมีชีวิตที่หรูหราฟุ่มเฟือยได้ วิธีการที่เขาจะจ่ายหนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับเธอ จากนั้นเธอก็แค่รอจนกว่าแมนดี้จะคิดได้เอง และไล่ฮาร์วีย์ออกจากครอบครัว
“คุณคิดว่าฉันค่อนข้างโหดร้ายที่ทำเรื่องแบบนี้เหรอ?” แมนดี้พูดขณะที่เธอมองไปที่ฮาร์วีย์ แมนดี้ยังไม่ได้เหลือบมองไปที่เงินตรงหน้าด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้เธอเสียใจเล็กน้อยหลังจากที่เธอสัญญากับลิเลียนว่าจะทำแบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นหนี้บุญคุณของฮาร์วีย์ ในเวลาเดียวกันเธอรู้สึกว่าเธอไม่ควรสงสัยในตัวฮาร์วีย์ เขาได้เสียสละมากมายเพื่อซิมเมอร์ของเธอ นอกจากนี้เขาไม่ได้บ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ
ที่เขาไปพบกับเอลล่าบางทีเขาอาจมีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการ
เมื่อได้ยินสิ่งที่แมนดี้พูดฮาร์วีย์ยิ้มและพูดว่า “ผมมีความสุขมากที่เห็นคุณถามแบบนี้ หมายความว่าคุณยังคงเป็นห่วงผม”
“อย่าได้ใจไป จนกว่าคุณจะให้คำอธิบายที่ชัดเจนกับฉัน ฉันจะไม่ให้อภัยคุณ ฉันจะไม่ยอมให้คุณกลับไปนอนที่ห้อง” แมนดี้พูดอย่างเย็นชา
สีหน้ามีความสุขของฮาร์วีย์หายไปทันที เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องรอนานแค่ไหนเพื่อที่เขาจะได้ให้คำอธิบายที่ชัดเจนแก่เธอ
ในขณะนั้นลิเลียนได้นำเงินไปเก็บไว้ในตู้เซฟ เธอดูเหมือนคนรวย แต่ขี้เหนียว
“ฮาร์วีย์ อย่าคิดว่าตอนนี้นายมีความสามารถพอที่จะหาหยิบยืมเงินเพียงเล็กน้อยนี้ได้! ฉันบอกอะไรให้นะ เป็นไปไม่ได้ที่เราจะให้อภัยในสิ่งที่นายได้ทำลงไป นายควรเข้าใจเรื่องนี้ให้ดี ถ้าฉันไปรายงานเรื่องนี้กับผู้อาวุโสซิมเมอร์ นายก็เตรียมเก็บข้าวของและออกไปได้เลย!”
ลิเลียนลืมไปว่าฮาร์วีย์เป็นคนเอาเงินมาให้ที่บ้าน ในตอนนี้เธอวางมือไว้ที่เอวของเธอแล้วพูดอย่างวางอำนาจ
ฮาร์วีย์ไม่พูดอะไร เขาคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น ถ้าเขาโกรธลิเลียน เขาคงเลิกกับยุ่งกับพวกเขาไปนานแล้ว เขาไม่ต้องรอจนถึงตอนนี้
“คุณแม่ อย่าโทษผมว่าไม่เตือน จริง ๆ แล้วเงินแปดแสนดอลลาร์ก็คงจะถูกใช้หมดอย่างรวดเร็ว…. ผมรู้ว่าคุณแม่ชอบกระเป๋า Hermes มันเป็นแบรนด์ที่มีระดับ และพวกเขาคงมีกลยุทธิ์การตั้งราคา แค่ดูกระเป๋าที่คุณแม่ต้องการ คุณแม่คงจะต้องใช้เงินอีกประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นดอลลาร์ไปกับสินค้าอื่น ๆ ในร้านค้า คุณแม่ถึงจะสามารถซื้อได้…” ฮาร์วีย์พูดเตือนเธอ เขารู้จักลิเลียนดีพอในช่วงสามปีที่ผ่านมา เธออ่านนิตยสารแฟชั่นมาโดยตลอดและเธอก็โหยหากระเป๋า Hermes มาก อย่างไรก็ตามเธอไม่สามารถซื้อกระเป๋า Hermes เหล่านั้นได้
“กลยุทธิ์การตั้งราคา? หมายถึงอะไร?” เมื่อได้ยินสิ่งที่ฮา์วีย์พูด ลิเลียนก็ตะลึง “มันเป็นแค่กระเป๋าใบหนึ่งราคาประมาณหนึ่งหมื่นห้าพันดอลลาร์ ทำไมฉันต้องใช้เงินอีกประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นดอลลา์ไปกับอย่างอื่นอีก? นายหมายถึงอะไร?”
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ และพูดว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่คุณแม่จะซื้อกระเป๋า Hermes ใช่ไหมครับ? ที่เรียกว่ากลยุทธิ์การตั้งราคาหมายถึงรวมสินค้าหลายชิ้นไว้ด้วยกัน แล้วขายสินค้าเหล่านี้ในราคาเดียวกัน ด้วยราคาที่ถูกกว่าการซื้อแยก ตัวอย่างเช่นคุณแม่ต้องการซื้อกระเป๋าซึ่งมีราคาประมาณหนึ่งหมื่นห้าพันดอลลาร์ อย่างไรก็ตามกระเป๋าใบนั้นค่อนข้างเป็นที่นิยมและผู้คนจำนวนมากต้องการมัน จากนั้นในเวลาเดียวกันพวกเขาจะเสนอขายสินค้าอื่น ๆ อีกมากมาย จากนั้นพวกเขาก็จะขายกระเป๋าให้คุณแม่ ผมได้ยินมาว่าคุณแม่ต้องใช้เงินประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นดอลลาร์กับสินค้าอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อซื้อกระเป๋ารุ่นคลาสสิกใบนั้น”
ลิเลียนมึนงง “พวกเขาทำแบบนี้ได้อย่างไร? มันเหมือนกับการปล้นเงินของคนอื่นเลยไม่ใช่หรือ?”
“กระเป๋ารุ่นคลาสสิกได้รับความนิยมมาก Hermes เป็นสินค้ายอดนิยมของลูกค้าเสมอมา หากคุณแม่ไม่ซื้อก็จะมีคนจำนวนมากที่ต้องการซื้อ ราคาของพวกนี้เพิ่มขึ้นทุกปี บางทีถ้าคุณแม่รอจนถึงปีหน้า คุณแม่อาจจะไม่สามารถซื้อกระเป๋าด้วยเงินแปดแสนดอลลาร์ได้เลย”
ลิเลียนตะลึง ที่ผ่านมาเธอไม่กล้าที่จะก้าวเข้าไปในร้าน Hermes เธอคิดเพียงว่าเธอจะสามารถซื้อกระเป๋าเหล่านั้นได้ในราคาที่ขอไว้ แต่ไม่คิดว่าจะมีกฏอะไรมากมายเพื่อให้ได้มาซึ่งกระเป๋าใบนั่น
“Hermes เป็นแบรนด์ระดับไฮเอนด์ที่มีสินค้าหรูหรามากที่สุด ในอดีตพวกเขาออกแบบผลิตภัณฑ์สำหรับราชวงศ์ของฝรั่งเศส คนที่ไม่ได้มีสถานะสูงส่งไม่มีคุณสมบัติพอที่จะซื้อกระเป๋านั้นได้ ผมคิดว่าเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นนั้นไม่มากเกินไปกับรายการอื่น ๆ” ฮาร์วีย์พูดด้วยเหตุผล “นอกจากนี้ผมได้ยินมาว่าคุณแม่ต้องมีค่าบำรุงรักษากระเป๋าพวกนี้ คุณแม่ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากทุกปี…คุณแม่ ผมคิดว่าเงินแปดแสนดอลลาร์ของคุณแม่จะอยู่ได้ไม่นาน…”
“ยังมีค่าบำรุงรักษาอีกเหรอ…ปีละเท่าไหร่?” ลิเลียนตกใจ
“ก็ไม่มาก น่าจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งหมื่นห้าพันดอลลาร์…” ฮาร์วีย์ยิ้มและพูดว่า “แน่นอน คุณแม่สามารถซื้อบ้านธรรมดาได้ด้วยเงินแปดแสนดอลลาร์ถ้าคุณแม่ไม่ซื้อกระเป๋า Hermes นี้”
สีหน้าของลิเลียนมืดลง ในคืนก่อนหน้านี้เธอยังคุยกับเพื่อนสนิทของเธอว่าเธอซื้อกระเป๋า Hermes รุ่นคลาสสิกสองสามใบ ตอนนี้ถ้ามีใครถามเธอทำไมถึงไม่ซื้อ เธอจะต้องทนทุกข์ทรมานใจที่จะตอบอย่างมาก
เพื่อนสนิทของเธอบอกว่าพวกเขาต้องการมาที่บ้านของเธอและดูกระเป๋า ตอนนี้เธอควรทำอย่างไรดี?