ปฏิบัติการ ตามล่า อำนาจ ของ ฮาร์วีย์ ยอร์ก - บทที่ 705
ปฏิบัติการ ตามล่า อำนาจ ของ ฮาร์วีย์ ยอร์ก บทที่ 705
โจเอล ฟลินน์ถือกล่องของขวัญด้วยมือทั้งสองข้างและเดินไปที่ด้านข้างของอีธาน ฮันต์ด้วยใบหน้าที่เกร็ง ๆ พร้อม ๆ กับเสียงโห่เชียร์ของฝูงชนในงาน
โยนาธาน ยอร์กจึงได้เริ่มแนะนำของขวัญชิ้นนี้
“นี่คือของขวัญสำหรับพันโทอีธาน เป็นนาฬิกาทรงสปอร์ตโบราณปาเต็ก ฟิลีปป์รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น”
“นาฬิกาเรือนนี้มีประวัติยาวนานอายุกว่าร้อยปี และนาฬิกาเรือนนี้ก็ยังมีเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัว ช่างล้ำค่าเสียจริง ๆ !”
“สำหรับยอร์ก พวกเรารู้สึกว่าสิ่งนี้เท่านั้นที่จะเหมาะสมคู่ควรกับสถานะของพันโทอีธาน!”
“โปรดอย่าเข้าใจเราผิดไปนะครับ พันโทอีธาน!”
“ทุกคนที่ให้เกียรติเข้าร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ต่างก็จะได้รับของขวัญราคาแพงด้วยเช่นกัน!”
“นี่คือกฎของเซาท์ไลท์และยังเป็นกฎของพวกเราตระกูลยอร์กอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น มันคือเป้าหมายหลักของงานเลี้ยงวันเกิดในวันนี้ด้วย!”
“เรื่องนี้ไม่มีอะไรแอบแฝงแน่นอน”
“มั่นใจได้เลยว่าผู้คนจะไม่กระจายข่าวเกี่ยวกับการที่ท่านรับของขวัญชิ้นนี้เอาไว้ แค่ถือว่ามันเป็นของที่ระลึกเล็ก ๆ น้อย ๆ ในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้ก็พอครับ”
อันที่จริงแล้ว ตระกูลยอร์กกำลังแสดงความเคารพต่ออีธาน ฮันต์อย่างเต็มที่
โยนาธาน ยอร์กได้กล่าวไว้ว่า ไม่ว่าการมอบของขวัญครั้งนี้อาจจะไม่ได้รับการเผยแพร่ออกไปถึงความมั่งคั่งของตระกูลของเขาเนื่องจากกฎระเบียบที่มากมายของทหาร แต่ทว่าเขาจะยังคงได้รับผลประโยชน์จากของขวัญชิ้นนี้อย่างแน่นอน
แม้ว่าอีธาน ฮันต์จะรับของขวัญชิ้นนี้ไว้ แต่ก็คงไม่มีใครกล้าที่จะปริปากพูดเรื่องนี้อย่างแน่นอน
“เปิดเลย!”
ตามคำสั่งของโยนาธาน ยอร์ก โจเอล ฟลินน์จึงเปิดกล่องนั้นออกต่อหน้าของฝูงชนในงาน นาฬิกาสุดล้ำค่าได้ถูกเปิดเผยต่อหน้าสายตาผู้คนมากมายภายในงานเลี้ยง
นาฬิกาดูธรรมดา อีกทั้งมันดูค่อนข้างเก่า แต่อย่างไรก็ตาม พื้นผิวแบบเก่าเป็นเครื่องพิสูจน์เพิ่มเติมว่านาฬิกาเรือนนี้มีค่าอย่างยิ่ง
สำหรับนาฬิกาโบราณ คุณค่าของนาฬิกาไม่ได้ขึ้นอยู่กับความวิจิตรงดงามของตัวเรือนนาฬิกา แม้แต่ทองและเพชรที่ถูกฝังในตัวเรือนอาจจะไม่มีค่ามากนัก
ในทางตรงกันข้าม นาฬิกาที่มีค่ามากกลับกลายเป็นนาฬิกาที่หายาก
ปาเต็ก ฟิลีปป์มีลักษณะเฉพาะตัวและยังเป็นนาฬิกาสะสมที่มีชื่อเสียงอย่างมากในแวดวงนักสะสม
โจเอล ฟลินน์ถึงกับตัวสั่นเมื่อเขายื่นกล่องนั้นให้กับอีธาน ฮันต์
นี่มันถือว่าเป็นจุดสูงสุดในชีวิตของเขาอย่างแท้จริงเลยก็ว่าได้!
อีธาน ฮันต์ไม่ได้ปฏิเสธของขวัญชิ้นนี้ และเอื้อมมือไปรับมัน
“นี่…”
ฝูงชนต่างก็ตกตะลึงกับภาพที่เห็น
นี่หมายความว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อีธาน ฮันต์ได้ทำการผูกมิตรกับตระกูลยอร์กแล้ว!
ขณะนี้ตระกูลยอร์กได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของพวกเขาในการเป็นตระกูลระดับแนวหน้าอันดับต้น ๆ ของเซาท์ไลท์
เหล่าตระกูลที่เคยคิดที่จะโค่นล้มตระกูลยอร์กก็คงจะต้องยอมพ่ายแพ้เมื่อทุกอย่างได้มาถึงจุดนี้
“พันโทอีธาน ท่านอยากจะพูดอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ กับแขกทุกในงานวันนี้ไหมครับ?”
โยนาธาน ยอร์กพูดพร้อมกับรอยยิ้ม
อีธาน ฮันต์ยิ้มอย่างมีเลศนัยและกล่าวว่า “ฉันได้ยินมาเสมอว่าตระกูลยอร์กมีสี่นายใหญ่แห่งตระกูลยอร์ก ฉันสงสัยว่าพวกเขาทั้งหมดอยู่ที่นี่ตอนนี้ด้วยหรือเปล่า?”
โยนาธาน ยอร์กหัวเราะและเริ่มแนะนำพวกเขาให้กับอีธานได้รู้จัก
“นี่คือควินตัน ยอร์ก เขาเข้ามารับผิดชอบดูแลเรื่องขั้นตอนการดำเนินงานต่าง ๆ ทั้งหมดของตระกูลยอร์กเป็นการชั่วคราว ส่วนนี่คือสตีเฟ่น ยอร์ก เขาควบคุมธุรกิจต่าง ๆ ของตระกูล”
“นี่คือควินนี่ ยอร์ก เธอรับผิดชอบด้านความสัมพันธ์ของเรากับกองทัพ พันโทอีธาน คุณสามารถติดต่อใกล้ชิดกับเธอมากขึ้นได้ในอนาคตถ้าคุณต้องการ…”
เจตนาของโยนาธาน ยอร์กนั้นค่อนข้างชัดเจน อีธาน ฮันต์ เขายังไม่ได้แต่งงาน ถ้าเขาต้องการทำความสนิทสนมกับควินนี่ ยอร์กให้มากขึ้น หรือหากเขาประสงค์ที่จะแต่งงานกับเธอก็ย่อมเป็นไปได้ด้วยเช่นกัน…
ฝูงชนในงานต่างก็อ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็นและได้ยิน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตระกูลยอร์กจะกลายมาเป็นตระกูลชั้นนำระดับแนวหน้าในเซาท์ไลท์!
โยนาธาน ยอร์ก เขานั้นเปรียบเสมือนกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์แต่ก็ไม่ได้เป็นจ่าฝูง แต่อย่างไรก็ตาม คนที่มีประสบการณ์มากมายโชกโชนอย่างเขามักจะทำสิ่งต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพและไร้ความปราณีเสมอ คนธรรมดาทั่ว ๆ ไปไม่สามารถเข้าใจถึงสิ่งที่เขากำลังคิดได้
ชายนักฉวยโอกาสอย่างเขามักจะคว้าทุก ๆ โอกาสที่ผ่านเข้ามา และมันช่างเป็นทักษะที่ยากสำหรับคนทั่ว ๆ ไปจะสามารถทำได้เฉกเช่นกับเขา
อีธาน ฮันต์ยิ้ม เขาไม่ได้ยอมรับข้อเสนอ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธมันด้วยเช่นกัน
จากนั้นเขาก็ถามอย่างใจเย็นว่า “แล้วอีกคนล่ะ? ฉันได้ยินมาว่าเวย์น ยอร์กหัวหน้าสี่ผู้ลือชื่อของยอร์กเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงและไม่มีใครเทียบเทียมกับเขาได้ ทำไมฉันยังไม่เห็นเขาเลย?”
สีหน้าของโยนาธาน ยอร์กเปลี่ยนไปทันทีหลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น แม้แต่ใบหน้าของควินตัน ยอร์กเองก็ยังมืดมิดลงราวกับกลางคืนอันมืดมิด