ปลดผนึกหัวใจหวนรัก Love and Redemption - ตอนที่ 3 ไคหมิง (2)
หลิ่วอี้ฮวนเป็นพวกเป็ดไม่ต้องน้ำ[1] ตกลงน้ำก็ไม่เคลื่อนไหวแล้ว พอเห็นบางสิ่งที่มหึมาพุ่งเข้ามาอย่างแรงก็ตกใจจนหน้าเขียวคล้ำ กระชับแขนเสื้ออู๋จือฉีไว้แน่น แทบอยากจะกระโดดเกาะเขาไว้ทั้งตัว
“มาแล้วๆ!” เขาตะโกนมั่วซั่วไปหมด อู๋จือฉีแทบอยากจะฟาดเขาสลบด้วยฝ่ามือเดียว แต่สถานการณ์ตอนนี้วิกฤต เขาได้แต่แบกหลิ่วอี้ฮวนไว้บนหลัง มือซ้ายเกี่ยวจิ้งจอกม่วงไว้ มือขวาแหวกว่ายน้ำเต็มที่ ราวกับปลาที่ว่ายไปข้างหน้า เสวียนจีกับอวี่ซือเฟิ่งตามอยู่ด้านหลัง มองเห็นประตูมังกรสูงเหนือหัว แต่น้ำในแม่น้ำอยู่ๆ กลับไหลทวนกลับ พวกเขาติดอยู่ตรงกลาง อย่างไรก็ข้ามไปไม่ได้
เสวียนจีเห็นคลื่นสีขาวสูงไล่มาด้านหลัง แผ่นเกล็ดวาวนั่นเหมือนเป็นสัตว์ขนาดใหญ่มาก บนหลังมีครีบราวหยกขนาดราวจั้งกว่า ถึงกับเป็นปลาตัวใหญ่มาก อู๋จือฉีร้องดังขึ้นว่า “เป็นไม้เท้านายท่าน! มันข้ามจะประตูมังกรแล้ว!”
ขณะที่กล่าว ปลาใหญ่ตัวนั้นก็ว่ายมาด้านหน้าเหลือที่แค่ราวจั้งกว่า ครีบแหวกน้ำในแม่น้ำจนฟองคลื่นขาวแตกกระจายราวกับเหนือศีรษะมีอ่างน้ำใบโต ในนั้นมีจุดสีแดงส้มขนาดใหญ่ พริบตามันก็พุ่งมาด้านหน้า หางปลาสะบัดมุดลงน้ำไป ทุกคนกลัวว่ามันจะลงมาชนเอา ปลาตัวใหญ่ขนาดนี้ ยังเป็นปลาเซียน ถูกชนเข้าย่อมเสียเปรียบ จึงได้แต่แหวกว่ายเข้าฝั่งไปตามๆ กัน ปีนป่ายผาหินริมฝั่ง ก่อนจะปีนขึ้นไป เปียกปอนไปหมด
เสวียนจีเพิ่งขึ้นฝั่งได้ก็ได้ยินเสียงน้ำในแม่น้ำเดือดพล่านดังก้อง ปลานั่นพลังมหึมาดังคาด จากท้องน้ำกระโดดขึ้นไป ลำตัวสีส้มแดงอ่อนๆ ทุกเกล็ดใหญ่ยิ่งกว่ากะละมัง มันสะบัดหางกลางท้องฟ้าทีหนึ่ง น้ำในแม่น้ำก็กระเซ็นราวกับสายฝนกระหน่ำ ดูท่ามันไม่ได้โจมตีพวกเขา แปลกจริง
ประตูมังกรอยู่สูงขึ้นไป แรงกระโดดปลาตัวนั้นแม้ว่ารุนแรง แต่ยังขาดอีกนิดถึงจะข้ามประตูมังกรได้ เพิ่งแตะโดนขอบประตูมังกร ก็มองพลันเกือบร่วง ท่านอูหลี่ว์ด้านหลังสบถด่าว่า “ไอ้ตัวไม่ได้เรื่อง! พันปียังข้ามประตูมังกรเองได้ไม่ได้!” กล่าวจบเท้าขวาก็กระทืบน้ำ น้ำในแม่น้ำอยู่ๆ พลันพุ่งขึ้น คลื่นน้ำสีขาวสายหนึ่งราวกับลูกธนูพุ่งตรงออกไปแตะเข้าที่หางปลาเบาๆ มันอาศัยกำลังนี้กระโดดอีกครั้ง ในที่สุดก็โดดข้ามประตูมังกรสูงไปได้ เสียงตูมดังลงสู่แม่น้ำ
จิ้งจอกม่วงเห็นมันร่วงลงน้ำแล้วเงียบไป อดกล่าวอย่างแปลกใจไม่ได้ว่า “มัน…ข้ามประตูมังกรแล้ว มันจะกลายเป็นมังกรหรือ”
อู๋จือฉีพยักหน้า “ที่แท้วันนี้ท่านอูหลี่ว์นำปลาไนที่เลี้ยงไว้มากระโดดข้ามประตูมังกร[2] มิน่าจึงได้มาที่นี่ แต่ปลานั่นอย่างไรก็ไม่ได้ใช้ความสามารถตนเองนี่ อาศัยพลังภายนอกช่วย เกรงว่าไม่อาจกลายเป็นมังกรได้ อูหลี่ว์ร้อนใจต้องการให้มันกลายเป็นมังกร ต้องกะให้มันมารับมือพวกเราแน่”
มังกรน้อยตัวเล็กๆ ที่เพิ่งกลายร่างมาจากปลาไน แน่นอนเขาย่อมไม่เห็นมันอยู่ในสายตา น่าเสียดายแค่บำเพ็ญมาตั้งพันปี เพิ่งจะกลายเป็นมังกร ตัดใจทำมันไม่ลงจริงๆ
ขณะกำลังคิดอยู่นั้น ก็เห็นผืนน้ำมีเงามืดขนาดใหญ่ลอยมา ปลาน้อยที่เพิ่งกลายเป็นมังกรว่ายนำมาในแม่น้ำ อยู่ๆ โผล่ศีรษะขึ้นมา แสงสีทองวิบวับ หนวดยาวออกมาหมดแล้ว งดงามมาก ที่แท้มันกลายเป็นมังกรทองตัวน้อย มังกรทองว่ายอยู่ในน้ำได้ครู่หนึ่ง ก็ขึ้นบินวนรอบประตูมังกร บินกลับไปหาอูหลี่ว์ บินวนรอบเขาอย่างรักใคร่ ชนหน้าชนตัวถูไถไปมาอย่างสนิทสนมยิ่ง
อู๋จือฉีอาศัยจังหวะที่ท่านอูหลี่ว์ไม่ได้กล่าวอันใด หันหลังวิ่งหนีทันที พลางร้องดังขึ้นว่า “ไปๆ! หนึ่งตาแก่ หนึ่งมังกรน้อย แพร่ออกไปยังหาว่าข้ารังแกเขา! ไม่สู้กับพวกเขาหรอก!”
วิ่งมาได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงอูหลี่ว์ด้านหลังกล่าวว่า “เจ้าวานร จิตใจดี ไม่คิดจะทำร้ายข้า”
อู๋จือฉีขี้เกียจจะสนใจเขา เอาแต่ก้มหน้าก้มตาวิ่ง อูหลี่ว์กล่าวอีกว่า “ขอเพียงเจ้าไม่มาก่อเรื่อง ข้าก็ไม่ขวางเจ้า เจ้าไปเขาคุนหลุนทำอะไรกันแน่”
อู๋จือฉีตะโกนดังขึ้นว่า “ไม่ได้บอกไปแล้วหรือ! ไปขอชาราชันสวรรค์ดื่ม!”
กล่าวจบด้านหลังก็เงียบไปนาน หันกลับไปมอง ดังคาด อูหลี่ว์ปล่อยมังกรทองเล็กตัวนั้นออกมา ท่าทางดุร้ายกางเล็บกำลังทะยานมา อู๋จือฉีหัวเราะเหอๆ กล่าวว่า “ของกระจอกเท่านั้น! ไสหัวกลับไปกินนมนายเจ้า!” เขาพลิกข้อมือ ขอสมุทรเช่อไห่ก็ออกจากใต้วงแขนทางซ้ายของเขา ค่อยๆ วาดไป ผืนน้ำอยู่ๆ พลันพลิกเป็นกำแพงน้ำคลื่นขาวสูงราวจั้งกว่า ฟาดมังกรทองน้อยกลับไปเต็มแรง
“อู๋จือฉี!” เสียงตะโกนท่านอูหลี่ว์ตะโกนดังมาข้างหลัง ไม่พอใจอย่างที่สุด เขาหัวเราะดังลั่น เก็บขอสมุทรเช่อไห่กลับคืน มองไปยังประตูมังกรที่อยู่เบื้องหน้า ผาหินบนฝั่งเองก็ปิดทางไว้ หากจะข้ามไป ก็ต้องโดดลงไปในแม่น้ำ มีประตูมังกรเป็นเส้นเขตแดน น้ำในแม่น้ำแบ่งเป็นตามน้ำและทวนน้ำ ด้านล่างมีรอยยุบเล็กน้อย ราวกับเป็นช่องขนาดใหญ่ น้ำในแม่น้ำจากต้นน้ำมาถึงประตูมังกรที่นี่ กระแสน้ำก็ยิ่งไหลทวน น่าแปลกที่สุดก็คือทวนขึ้น
อู๋จือฉีไม่ลังเลแม้แต่น้อย กระโดดขึ้นด้วยมือและเท้า แหวกว่ายผ่านช่องว่างนั้นไป ผ่านประตูมังกรไปได้ เขาคว้าเขาชะแง่งหินไว้ได้ หันกลับไปกวักมือเรียก “เร็ว มาเร็ว! ข้าดึงพวกเจ้า!”
คนอื่นยังดี มีแต่พวกเป็นดังเป็ดบนพื้นดินอย่างหลิ่วอี้ฮวนที่ทรมานที่สุด พอตกน้ำก็ไม่รู้ควรทำเช่นไร สุดท้ายยังคงเป็นอวี่ซือเฟิ่งแบกเขาขึ้นหลังก่อนโยนขึ้นไปเต็มแรง ข้ามประตูมังกรไปได้ นายท่านอูหลี่ว์เองก็ไม่อาจทำอะไรพวกเขาได้แล้ว ยิ่งใกล้เขาคุนหลุน เทพเซียนพวกนี้ก็ยิ่งไม่กล้าเอะอะ กลัวหาเรื่องใส่ตัว ได้แต่มองพวกเขาจากไปอย่างแค้นใจ
“ไปละนะ! นายท่านต้องดูแลตัวเองให้ดี อย่าโมโหไปทั่ว ระวังตายเร็ว!” อู๋จือฉีโบกมือไหวๆ ให้อูหลี่ว์อย่างมีความสุข นอนแผ่บนผิวน้ำมองท้องฟ้า ปล่อยให้กระแสทวนน้ำพาเขาลอยขึ้นไป
ทุกคนเห็นเขาจงใจยั่วโมโหอูหลี่ว์นั่นก็อดรู้สึกขำไม่ได้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ใกล้เขาคุนหลุนเข้าไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว ผ่านประตูมังกรไปก็ไม่เห็นเขาหินสีแดงเลือดอีกแล้ว สองฝั่งเรียบเงา แม้แต่ต้นไม้สักต้นก็ไม่มี ทุกคนว่ายจนเหนื่อยแล้วก็เลียนแบบอู๋จือฉีนอนลอยตัวบนผิวน้ำ ปล่อยให้น้ำพัดพาตนเองไปข้างหน้า ก็ไม่รู้ผ่านไปนานท่าไร พื้นที่รอบๆ ก็เริ่มกลายเป็นภูเขาสูงเขียวขจีทับซ้อนกันทอดยาวงดงาม คิดว่าเป็นที่อยู่จอมเวทแล้ว
ตอนพวกเสวียนจีลอยล่องมาตามแม่น้ำชื่อสุ่ย มังกรเขียวกับหงส์แดงจูเชวี่ยกำลังนำมกรวิ่งขึ้นตำหนักเขาคุนหลุน ตรวจสอบทุกประตูรอบหนึ่ง มกรตื่นมาก็สลบไปด้วยกลิ่นเน่าอีก สลบแล้วก็ยังถูกรมจนตื่นขึ้นมาอีก สลบฟื้นสลับไปมาได้ราวสิบแปดรอบ ในที่สุดเขาก็ทนทรมานไม่ไหว ยื่นนิ้วมือสั่นเทาออกมา น้ำเสียงราวคนใกล้สิ้นลมหายใจกล่าวว่า “อย่า…อย่าปิดหน้า ข้า…ไม่ร้องแล้วก็ได้”
มังกรเขียวหัวเราะสองที เลิกแขนเสื้อออกจากใบหน้าเขา มกรสูดลมหายใจเข้าลึก อยู่ๆ พบว่าอากาศเน่าเหม็นใดสูดแล้วก็มีความสุข ขอแค่ไม่ใช่กลิ่นนาง! เขาถอนใจกล่าวว่า “เจ้า…อย่างไรก็เป็นผู้หญิง ทำไมไม่ดูแลตนเองให้สะอาดสักหน่อย สกปรกเลอะเทอะเช่นนี้ ผู้ใดกล้าเข้าใกล้เจ้า”
มังกรเขียวส่งสายตาที่ทำให้คนต้องขนลุกชันหวาดกลัวให้เขา เขาถึงกับต้องหลับตาลง ไม่อยากมองผิวหน้านางที่ไม่รู้สีอะไร และไม่อยากมองปลายตานางที่กองเต็มไปด้วยขี้ตา ยังนึกรังเกียจผมนางที่จับตัวเป็นก้อนแป้ง เขาไม่คิดมองอีกแล้วจริงๆ เกรงว่าสุราที่ดื่มลงไปก่อนหน้าจะออกมาหมด
“ข้าเสียสละความเป็นสตรีทั้งหมดก็เพื่อความเป็นเทพแท้จริง” น้ำเสียงนางเดิมทีก็ไม่ได้ไพเราะอะไร พอแผดเสียงดังก็แสบแก้วหูราวกับฆ้องปากแตก
มกรยิ้มเฝื่อนกล่าวว่า “ขอร้อง…เจ้าว่าแดนสวรรค์มีเทพองค์ไหนที่เหมือนเจ้าเช่นนี้…นี่ไม่ใช่คำถามหญิงหรือชาย…”
มังกรเขียวกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ก็เพราะเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่มีคนกล้ามาหาเรื่องข้าตามอำเภอใจ ไม่ใช่หรือ”
มกรไร้วาจาจะกล่าว เห็นชัดว่าพวกเขาสองคนมีความสามารถในการเข้าใจต่างกัน อย่างไรเขาก็ฟังไม่เข้าใจว่านางกำลังพูดถึงอะไร
“นี่” มังกรเขียวเหมือนเริ่มสนุกที่จะสนทนากับมกร ถึงกับถามอีกว่า “เช่นนั้นเจ้าว่า หากข้าทำตัวสะอาดอีกนิด จะสวยมากไหม”
หน้าตาเจ้าไร้วาสนากับคำว่าสวย! มกรสบถด่าในใจ ไม่กล้ากล่าวออกมา กลัวนางจะใช้แขนเสื้อเน่าๆ ทรมานตนเองอีก ได้แต่กล่าวปัดๆ ไปว่า “อืม…อันนี้ก็…เจ้าต้องจัดการตนเองให้สะอาด ให้พวกเราดูก่อน…จึงจะสรุปได้…”
มังกรเขียวหันไปถามหงส์แดงจูเชวี่ยอีก “หากข้าทำตัวสะอาด จะสวยมากไหม”
หงส์แดงจูเชวี่ยเป็นคนตรงๆ ยามนี้มองนางด้วยสายตาตกใจยิ่ง สุดท้ายฝืนกล่าวว่า “อันนี้คือ…มังกรเขียว พวกเราเป็นสัตว์เทพ ไม่สนใจหน้าตางามหรืออัปลักษณ์…”
“อัปลักษณ์?” น้ำเสียงนางอยู่ๆ ก็สูงขึ้นราวกับฆ้องปากแตก เหมือนแขนเสื้อมันแผลบจะยกขึ้นอีก
หงส์แดงจูเชวี่ยกับมกรรีบชิงกล่าวว่า “สวย! สวยมาก!”
มังกรเขียวยิ้มหวานเผยฟันดำเมี่ยม น้ำเสียงหวานหยดถามว่า “เช่นนั้นพวกเจ้าว่า พอข้าสวยแล้ว มังกรอิงหลงจะต้องตาข้าไหม”
มกรสำลักน้ำลายไออย่างรุนแรงทันที ไม่รู้ทำไม อยู่ๆ เขาก็นึกเห็นใจมังกรอิงหลงที่นิสัยไม่น่าคบนั่นขึ้นมา หงส์แดงจูเชวี่ยถลึงตาโตอ้าปากค้าง เป็นนานจึงได้สติคืนมา เขาเป็นคนซื่อ ไม่อยากมัวแต่พัวพันกับคำถามพวกนี้ต่อ จึงกล่าวเพียงว่า “เก้าประตูดูหมดแล้ว คนเหล่านั้นไม่ได้มา ตอนนี้พวกเราไปไหนต่อ”
ในที่สุดมังกรเขียวก็หยุดพฤติกรรมผิดปกติ ยิ้มชั่วร้ายกล่าวว่า “พวกเรามีใต้เท้ามกรอยู่ที่นี่ เจ้ายังกังวลว่าพวกเขาไม่มาหาหรือ ไปหาที่ทิวทัศน์งามสักแห่งนั่งรอแล้วกัน ขอเพียงพวกเขามีความสามารถผ่านประตูมาได้ ย่อมต้องมา ไม่ต้องเปลืองแรงพวกเรา”
ต่ำช้า! มกรแค้นนางจนคันปากไปหมด แต่เขาไม่เป็นห่วงพวกเสวียนจี แค่หงส์แดงจูเชวี่ยกับมังกรเขียว ทำร้ายนางกับอู๋จือฉีไม่ได้แม้เส้นขน เกรงแต่ว่าในใจราชันสวรรค์มีความคิดอะไรอื่นกันแน่ ผู้ใดก็ไม่อาจรู้ได้ เขาปล่อยปละอู๋จือฉีอย่างที่สุด แต่กลับใช้วิธีการเฉียบขาดกับเสวียนจีและถิงหนูอย่างคาดไม่ถึง แท้จริงแล้วต้องการอะไรกันแน่
คิดไม่ตก คิดไม่ตกจริงๆ
หงส์แดงจูเชวี่ยเป็นคนไม่มีความคิด มกรเหมือนถูกจับเป็นเชลยไม่มีสิทธิ์กล่าวอันใด ดังนั้นตลอดทางล้วนเป็นมังกรเขียวสั่งการ นางหาทะเลสาบใหญ่แห่งหนึ่ง ที่นั่นทิวทัศน์งดงามมาก น้ำใสเขาสวย ราวกับภาพฝัน ราวกับภาพวาด
ทิวทัศน์งดงามเช่นนี้ เหมาะกับคนงามแย้มยิ้มเล็กน้อย แย้มยิ้มหวาน มีสาวงาม มีทิวทัศน์งาม จึงจะเรียกว่าเสพสุข
มกรกับหงส์แดงจูเชวี่ยเสหันหน้าไปทางอื่น คิ้วขมวดราวกับทำท่าคิด ผู้ใดก็ไม่อยากมองมังกรเขียวที่ทำท่าอรชรอ้อนแอ้นอยู่บนผืนทะเลสาบ นางกำลังระเริงเล่นน้ำส่งเสียงหัวเราะราวกับ ‘ระฆังเงิน’ แต่เป็นระฆังเงินที่แตกร้าว มกรเชื่ออย่างมั่นใจว่า น้ำในทะเลสาบทั้งหมดนี้ก็คงอาบนางให้สะอาดได้สักหน่อย น่าจะพออาบเสร็จ ที่นี่ก็คงกลายเป็นท่อน้ำเน่าไปเลย ราชันสวรรค์มาเห็นเข้าก็คงกริ้วหนักราวสายฟ้าฟาดเป็นแน่…
กำลังคิดอย่างสะใจอยู่นั่นเอง พลันได้ยินมังกรเขียวเสียงหวานหยดย้อยถามว่า “ทุกครั้งมังกรอิงหลงเห็นข้าล้วนเบือนหน้าหนี ใช่เขินอายหรือไม่นะ”
อยู่ๆ มกรก็รู้สึกอยากถูกแขนเสื้อนางรมสลบดีกว่าตื่นอยู่เช่นนี้ น่าจะสบายกว่าหน่อย
[1] เป็ดที่ถูกเลี้ยงอยู่บนพื้นดิน อุปมาถึงคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น
[2] ปลาไนหรือปลาหลีฮื้อของจีน เป็นปลาในตระกูลปลาคราฟ ในวัฒนธรรมจีนถือเป็นสัญลักษณ์ของความเพียรพยายาม ที่ว่ายทวนน้ำ กระโดดผ่านประตูมังกรได้สำเร็จ ก็จะกลายเป็นมังกรทะยานขึ้นฟากฟ้า