ปลดผนึกหัวใจหวนรัก Love and Redemption - ตอนที่ 45 เหตุปะทุ (7)
วิหคเทพหงหล่วนบินมาเหนือเกาะฝูอวี้อย่างร้อนใจ ขณะทุกคนเพิ่งจะคลายกังวล บรรดาศิษย์เกาะฝูอวี้ยังแตกตื่นตกใจอยู่ พอเห็นลำแสงสีแดงบนขอบฟ้าก็ยังคิดว่าศัตรูกลับมาโจมตีอีก ตกใจส่งเสียงหวีดร้อง ยังร้องไม่ทันจบ ลำแสงสีแดงนั่นก็บินไปทางฉู่เหล่ย พริบตาก็มาหยุดบนแขนเขา เงยหน้าแผดเสียงร้องดัง
ฉู่เหล่ยเห็นมันกระพือปีกท่าทางร้อนใจมาก อดตกใจไม่ได้ รีบเข้าไปดึงเศษผ้าที่เท้ามันออกมา เหมือนเป็นเศษเสื้อของเหอตันผิงภรรยาตน บนเศษผ้ามีอักษรโลหิต อักษรโลหิตน่าตกใจอย่างที่สุดว่า เส้าหยางมีภัย อย่ากลับมา
เส้าหยางมีภัย?! หรือว่าอูถงนำคนไปโจมตีสำนักเส้าหยางอีกทาง ฉู่เหล่ยมือสั่น เศษผ้าร่วงลงพื้น เขาไม่อาจสนใจอื่นใดอีก รีบกล่าวกับตงฟางชิงฉีก่อนจะนำคนจะกลับไป ตงฟางชิงฉีแทบอยากจะไปพร้อมกับพวกเขา แต่ตอนนี้บนเกาะเละเทะไปหมด ไม่อาจขาดผู้นำ เจ้าหุบเขาหรงก็ยังไม่ฟื้น ฉู่เหล่ยพากันอำลา รีบกลับไปอย่างฝุ่นตลบ
ชั่วเวลาแค่ชงชา ทุกคนก็กลับมาถึงสำนักเส้าหยาง เห็นประตูหน้าไร้ผู้คน บันไดขาวมีรอยเลือดเปรอะเปื้อนหลายรอย ฉู่อิ่งหงร้อนใจมาก ตะโกนเรียกเสียงดังไม่ขาดแต่ก็ไม่มีคนตอบรับ เขาแรกอรุณมีเจ็ดยอดเขา ทุกคนไม่รู้มารปีศาจพวกนั้นโจมตีจุดไหน ได้แต่กลับยอดเขาเส้าหยางดูสถานการณ์ก่อน
ผู้ใดจะรู้ว่าพอเหยียบเข้าแท่นหยกมรกตบนยอดเขาเส้าหยางก็เห็นศพกองเกลื่อน เลือดสดนองไปทั่วพื้น ล้วนเป็นศิษย์สำนักเส้าหยาง ฉู่เหล่ยหวาดกลัวแทบใจสลาย เดินโงนเงนมองไปรอบทิศ นอกจากซากศพ ไม่มีคนสักคน ฉู่อิ่งหงตะโกนเรียกอีก น้ำเสียงสั่นดังก้องไม่หยุด พลันได้ยินไม่ไกลนักมีคนครางแผ่วเบา ทุกคนรีบก้าวเท้าไปถึง เหอหยางประคองตัวศิษย์ที่นองจมกองเลือดขึ้น เห็นเพียงครึ่งท่อนร่างเขามีแต่เลือดไหลซึม ริมฝีปากเผยอราวกับจะพูด
ฉู่เหล่ยรีบสกัดจุดเขา กล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “เกิดอะไรขึ้น”
ศิษย์ผู้นั้นกล่าวน้ำเสียงขาดห้วงว่า “เจ้าสำนัก…พวกมารปีศาจ…นำนกปีศาจพ่นไฟ…อาจารย์อาลวี่หยางกับ…อาจารย์ลุงเฟิงหยาง…ล้วนตายแล้ว…อาจารย์อาหวนหยางนำทุกคน…ไป…ไปแล้ว…”
พูดกันถึงตรงนี้ก็เหมือนหมดแรง เหลือกตาขาวสองทีก่อนจะสิ้นใจในอ้อมแขนเหอหยาง ไม่ว่าฉู่เหล่ยจะสกัดจุดอย่างไร ก็ไม่อาจทำให้ฟื้นได้อีก หลิงหลงกับจงหมิ่นเหยียนเห็นสภาพอนาถเช่นนี้ของศิษย์ร่วมสำนัก พลางมองไปยังซากศพรอบๆ ก็อดตาแดงไม่ได้
เหอหยางเห็นฉู่เหล่ยสีหน้าซีดขาว สองมือสั่นเทา อดกล่าวเสียงแผ่วเบาไม่ได้ว่า “เจ้าสำนัก ลงไปดูต่อเถอะ รวมตัวกับพวกหวนหยางสำคัญที่สุด”
ฉู่เหล่ยค่อยๆ พยักหน้า กำลังจะลุกขึ้น พลันได้ยินฉู่อิ่งหงร้องตกใจ “พวกท่านดูนั่น! นั่นคืออะไร?!” ทุกคนรีบหันกลับไปมอง เห็นช่วงกลางเขามีแสงสีเขียวกะพริบ สีประหลาดมาก ราวกับมีผืนแพรเขียวพลิ้วตามลมขนาดใหญ่ครอบอยู่ จงหมิ่นเหยียนเคยเห็นภาพนี้ที่เขาเกาซื่อซาน อดตกใจไม่ได้ “นกปี้ฟางขาเดียว! นั่นคือไฟ!”
วาจากล่าวจบ ไฟเขียวก็คลุมทั่วครึ่งเขาอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ ลามขึ้นด้านบน กลางเขากับหลังเขาเป็นที่พักบรรดาศิษย์และเป็นลานฝึกยุทธ์ ปกติเป็นที่ที่มีคนมากมาย ไฟประหลาดเผาไหม้ขึ้นนี้ เกรงว่าคงบาดเจ็บล้มตายกันมาก
จงหมิ่นเหยียนเห็นทุกคนกำลังจะลงไปตรวจสอบ ก็ร้อนใจกล่าวว่า “ไม่อาจไป! ไฟนั่นไม่ธรรมดา เป็นไฟบรรลัยกัลป์! แตะโดนไม่ว่าอะไรก็ล้วนมอดไหม้! อาจารย์ ข้าว่าพวกอาจารย์อาหวนหยางต้องไม่เหลือคนไว้ที่เส้าหยางแล้ว พวกเราควรไปยอดเขาอื่นดู”
เหอหยางพยักหน้ากล่าวว่า “หมิ่นเหยียนกล่าวได้ถูกต้อง ตามความเห็นข้า ตอนมารปีศาจมาโจมตีคนส่วนใหญ่ย่อมไม่ได้อยู่ในลานฝึกยุทธ์ น่าจะหลบในที่ที่พวกมารปีศาจหาไม่พบ พวกเราไปยอดเขาเสี่ยวหยางดูก่อน”
ฉู่เหล่ยสูดลมหายใจเข้าลึก ลมพัดพากลิ่นไหม้ผสมกลิ่นคาวเลือดลอยมา กลิ่นน่ากลัวเช่นนี้กลับทำให้เขาค่อยๆ นิ่งสงบลง เป็นนานเขาจึงได้กล่าวน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “พวกเราไป เหินกระบี่ไปยอดเขาเสี่ยวหยาง ระหว่างทางหากเจอกับพวกมารปีศาจร้ายกาจ ไม่อาจเข้าปะทะ ให้หนีทันที”
ทุกคนล้วนได้รู้จักความร้ายกาจแท้จริงของมารปีศาจที่เกาะฝูอวี้ รู้ว่ากำลังมนุษย์ธรรมดาไม่อาจต้านทานได้ บางทีมารปีศาจที่มาโจมตีครั้งนี้อาจไม่ได้ร้ายกาจเหมือนพวกตำหนักหลีเจ๋อเหล่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ศัตรูที่รับมือง่ายเหมือนพวกสำนักเซวียนหยวน กอปรกับจงหมิ่นเหยียนเล่าเรื่องที่ได้ปะทะกับพวกมารปีศาจตลอดทางจากเขาไห่หวั่นกับเขาเกาซื่อซานเหมือนโดนเล่นงานฝ่ายเดียว ศิษย์สำนักเส้าหยางไม่ใช่คู่ต่อสู้พวกเขา วันนั้นพวกจงหมิ่นเหยียนก็รวมกำลังคนหลายคนจึงได้ตัดคอมารปีศาจนั่นได้ ต่อมามารปีศาจที่เขาเกาซื่อซานยังร้ายกาจกว่าอีกขั้น พวกเขาเห็นสภาพที่เขาปู้โจวซาน มารปีศาจในนั้นหากออกจากรังมา รวมกับนกปี้ฟางขาเดียวแสนน่ากลัวที่พวกมันพามาด้วยแล้ว กล่าวว่าจะทำลายเส้าหยางราบคาบ ก็ไม่ใช่วาจาเกินเลย!
ยอดเขาเสี่ยวหยางเป็นยอดเขาที่เตี้ยและเล็กที่สุดในเจ็ดยอดเขา ทุกคนลงสู่พื้นได้มองต้นไม้ดอกไม้รอบๆ น้ำพุใส ไม่มีสภาพน่าอนาถดังเส้าหยางพลันได้สติ ฉู่อิ่งหงรีบวิ่งไปยังหออวี้หยางถัง ได้ยินเสียงดังจากในป่าไม่ไกล เข้าไปมองใกล้ๆ เป็นศิษย์หญิงสองคนของหออวี้หยางถังกำลังต่อสู้กับมารปีศาจชุดดำ เห็นชัดว่าพวกนางไม่ใช่คู่ต่อสู้มารปีศาจ ถูกบีบจนถอยหลังหลายก้าว เลือดสดหลั่งรดเสื้อผ้า หากสีหน้าไร้ความหวาดกลัว
ฉู่อิ่งหงอดตะโกนขึ้นไม่ได้ว่า “ตวนหรุ่ย! ตวนโหรว! พวกเจ้าถอย!” ศิษย์หญิงสองคนนั้นพอได้ยินเสียงอาจารย์ก็คลายความตึงเครียดในใจ ตะโกนรับพร้อมกัน “อาจารย์! มารปีศาจพวกนี้ชั่วร้ายมาก!” ฉู่อิ่งหงชักกระบี่เข้าไป เหอหยางกับฉู่เหล่ยทั้งสองคนด้านหลังก็ตามเข้าไปปะทะกับมารปีศาจสิบกว่าตนนั้น
สองฝ่ายประมือ ในใจทั้งสามตกใจ ดังคาดว่าไม่เหมือนพวกสำนักเซวียนหยวน! ไม่ว่ากำลังหรือความเร็ว ล้วนไม่เป็นรองระดับอาวุโส! มารปีศาจสิบกว่าตนนั้นเห็นคนมีฝีมือมา ก็ต่อสู้อีกสองสามกระบวนก่อนคิดจะล่าถอยไป ฉู่อิ่งหงเห็นพวกเขาแม้ว่าปิดหน้าด้วยผ้าดำ แต่ดวงตาเขียวไม่ก็แดง ต่างจากมนุษย์มาก อดไม่ได้ ร้อง “ถุย” ขึ้นเสียงหนึ่ง กล่าวน้ำเสียงนิ่งว่า “ปีศาจชั่ว! ทำไมไม่สู้แล้วล่ะ?!”
มารปีศาจรวมหัวคุยกันสองสามคำ หนึ่งในนั้นกล่าวว่า “ฉู่เหล่ยอยู่ที่นี่ใช่ไหม”
ทุกคนตะลึงงัน ฉู่เหล่ยกล่าวน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “ใช่ ข้าเอง พวกเจ้ามีวาจาสั่งเสียอันใด”
คนผู้นั้นหัวเราะเบาๆ กล่าวว่า “รองเจ้าสำนักมีคำสั่งให้พวกเรานำเจ้ากลับไปคนเดียว ดังนั้นข้าจะสังหารทุกคนในสำนักเส้าหยางให้หมดสิ้น ยกเว้นเพียงเจ้า จะให้เจ้าลิ้มรสชาติตายไม่สู้อยู่ เจ้าคือฉู่เหล่ย เช่นนั้นก็เยี่ยมเลย! ยังไม่รีบส่ายหางหนีไปอีก นั่งนิ่งๆ ดูสำนักเส้าหยางถูกกวาดล้างแล้วกัน!”
ฉู่เหล่ยโมโหจนหน้าเขียว ตวาดว่า “มารปีศาจชั่ว! ผู้ใดตาย ผู้ใดรอด ยังไม่แน่!” เขาสะบัดแขนเสื้อราวกับมีเปลวไฟ ในแขนเสื้อพลันปล่อยแสงสีขาวออกไปสิบกว่าลูกเข้าใส่มารปีศาจสิบกว่าตนนั้นติดๆ กัน ไม่เจ็บไม่คัน มารปีศาจพวกนั้นอดเยาะไม่ได้ว่า “แม้แต่อาวุธลับเจ้าสำนักฉู่ก็อ่อนแรงเช่นนี้หรือ ยังพูดจาใหญ่โต!”
ทันทีที่กล่าวจบ ก็เห็นเหนือศีรษะมืดลง ทุกคนเงยหน้ามอง เห็นยอดเขาเสี่ยวหยางไม่รู้มีเมฆดำฟ้าแลบผืนใหญ่ไปรวมตัวกันตอนไหน ก้อนเมฆดำผืนนั้นมีสายฟ้าราวงูขาวแลบลิ้นฉกนับไม่ถ้วน น่ากลัวมาก มารปีศาจสีหน้าแปรเปลี่ยน รีบก้มหน้าค้นหาจุดขาวที่เมื่อครู่ฉู่เหล่ยยิงใส่ตน กำลังจะเก็บขึ้นมา รอบทิศพลันเจิดจ้า แสบตาจนเจ็บปวดรวดร้าว ตามมาด้วยสายฟ้าฟาดนับหมื่นสาย สภาพการณ์อลังการราวกับม้านับหมื่นตัวทะยานมา สายฟ้าฟาดนี้แม้แต่ฟ้าดินก็ยังต้องสะเทือน
นี่ก็คือมหาห้าอสุนีบาตแท้จริง ต่างกับตอนนั้นที่อูถงนำมาใช้ในงานชุมนุมปักบุปผาอย่างสิ้นเชิง หลังสายฟ้าฟาด ในป่าพลันเงียบกริบ ควันค่อยๆ ฟุ้งกระจาย เผยรอยแผ่นดินแยก ที่พื้นมีมารปีศาจนอนล้มระเนระนาดสิบกว่าตนเหมือนว่าตายแล้ว
ฉู่อิ่งหงถอนหายใจเฮือก แม้ว่าพวกเขาสังหารมารปีศาจพวกนี้หมดแล้ว ในใจก็ไม่ได้ยินดี ผู้ใดก็ไม่รู้ว่าสำนักเส้าหยางบาดเจ็บเท่าไร แม้แต่ลวี่หยางกับเฟิงหยางก็ตายแล้ว เห็นชัดว่ามารปีศาจยิ่งร้ายกาจยังอยู่ในที่ลับ นางประคองศิษย์หญิงบาดเจ็บสองคนขึ้นมาตรวจดูบาดแผล ดีที่ไม่ได้มีบาดแผลถึงชีวิต
ตวนหรุ่ยร้องไห้กล่าวว่า “อาจารย์! พวกเรามาช้าไป! พี่น้องหออวี้หยางถังตายด้วยน้ำมือมารปีศาจแล้ว!”
แม้ในใจฉู่อิ่งหงจะเสียใจ แต่ก็ได้แต่ปลอบใจด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่เป็นไร พวกเจ้าพักอยู่ตรงนี้ก่อน ข้ากับเจ้าสำนักไปหาอาจารย์อาหวนหยางก่อน หนี้โลหิตนี้สำนักเส้าหยางต้องเอาคืนแน่!”
ตวนโหรวสุขุมกว่า กล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “โชคดีที่อาจารย์อาหวนหยางอยู่ ตอนนั้นพวกมารปีศาจอยู่ๆ ก็เข้าโจมตี ขึ้นสังหารเส้าหยางก่อน พวกอาวุโสกับฮูหยินเจ้าสำนักกำลังหารือว่าจะไปเกาะฝูอวี้ชมงานชุมนุมปักบุปผาดีไหม ตอนนั้นทุกคนยังตัดสินใจไม่ได้ อาจารย์อาลวี่หยางเข้าปะทะปีศาจคนแรก พลันถูกนกประหลาดพวกนั้นพ่นไฟเผาตาย! อาจารย์ลุงเฟิงหยางเห็นไฟพวกนั้นร้ายกาจมาก จึงได้คุ้มกันฮูหยินเจ้าสำนักกับศิษย์อายุน้อยคนอื่นๆ ไปก่อน ปรากฎไม่ทันระวังถูกไฟปีศาจเผา…ไฟนั่นแปลกมาก แค่โดนนิดเดียวก็ลามไปทั่วในพริบตา อาจารย์ลุงเฟิงหยางก็เช่นกัน…อาจารย์อาหวนหยางเห็นท่าไม่ได้การ จึงรีบส่งคนไปแจ้งหกยอดเขาที่เหลือ อาศัยจังหวะมารปีศาจยังไม่ทันได้โจมตียอดเขาที่เหลือทั้งหก ศิษย์ส่วนใหญ่จึงได้หนีไปหลบที่ถ้ำแสงฉานบนยอดเขาอรุณ อาจารย์อาหวนหยางนำพวกฮูหยินเจ้าสำนักไปตามทางลับแล้ว คิดว่าตอนนี้คงจะถึงถ้ำแสงฉานแล้ว…ข้า ข้ากับตวนหรุ่ยเป็นห่วงศิษย์พี่ศิษย์น้องหออวี้หยางถังที่ยังไม่ทันได้หนี กลับมาดูสักหน่อย ปรากฎ…”
พูดกันถึงตรงนี้ นางอดสะอื้นไห้ไม่ได้
ฉู่อิ่งหงทอดถอนใจลูบผมนาง กล่าวว่า “เด็กดี อย่าร้องไห้! พวกเจ้ารีบลวี่หยางใช้ทางลับหออวี้หยางถังไปกันก่อน อย่าอยู่ที่นี่ต่อ”
ทุกคนได้ยินว่าคนส่วนใหญ่ไปหลบในถ้ำแสงฉาน อย่างน้อยในใจก็รู้สึกวางใจขึ้นมาบ้าง ศิษย์หญิงทั้งสองไม่ยอมหลบออกไปทางช่องทางลับ ตัดสินใจจะอยู่ต่อกับพวกเขา ฉู่อิ่งหงไม่รู้ทำอย่างไร ได้แต่รับปาก กำลังจะออกไปจากตรงนี้ เห็นมารปีศาจที่พื้นขยับเหมือนยังไม่ตาย ฉู่เหล่ยอดตกใจไม่ได้
มหาห้าอสุนีบาตเขาใช้พลังเซียนเต็มสิบส่วน! หากยังสังหารพวกเขาไม่ตาย เช่นนี้ก็ย่อมไม่อาจต่อกรได้อีก ฉู่อิ่งหงเตรียมเข้าจัดการพวกเขาในจังหวะที่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้น ก็ถูกเหอหยางรั้งไว้ กล่าวเบาๆ ว่า “อย่าเข้าไป ใช้วิชาเซียน!”