ปลดผนึกหัวใจหวนรัก Love and Redemption - ตอนที่ 35 ห่วงฟ้าขอสมุทร (9)
พอวาจากล่าวออกไป ทุกคนต่างตกใจ หยวนหลางก็คือชื่อบรรพชน รองเจ้าตำหนักทำไมชื่อนี้ได้ สองมืออวี่ซือเฟิ่งสั่นเทา มองไปยังร่างสีทองของรองเจ้าตำหนักกลางอากาศอย่างไม่คาดคิด ทำไมเขาเป็นหยวนหลางได้ เห็นชัดว่าเขาเป็นน้องชายอาจารย์! น้องชายแท้ๆ!
รองเจ้าตำหนักค่อยๆ ยกมือดึงหน้ากากอสุราออก เป็นครั้งแรกที่ใบหน้าเขาเผยต่อหน้าคนอื่น ไม่เหมือนปีศาจปกติทั่วไป ใบหน้าหล่อเหลาสง่างาม แม้รูปร่างเขาบอบบาง แต่ก็มีความเป็นชายชาตรีอยู่มาก สายตาเขาลุกโชนมองอู๋จือฉี ยิ้มเยียบเย็นกล่าวว่า “เจ้าวานร! สุดท้ายห่วงฟ้าเทียนจวินก็ยังเป็นของข้า! เจ้าอย่าฝันว่าจะขโมยไปอีก!”
อู๋จือฉีสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่งก่อนจะกล่าวอย่างแปลกใจว่า “ประหลาดจริง หน้าตาเจ้าไม่ใช่หยวนหลาง! เจ้าคือผู้ใดกันแน่”
รองเจ้าตำหนักหัวเราะเบาๆ ขึ้นเสียงหนึ่ง กล่าวเบาๆ ว่า “เจ้าโง่! เจ้ายังคงโง่เหมือนเดิม อู๋จือฉี!”
อู๋จือฉีลูบศีรษะ คิดไม่ออกจริงๆ อวี่ซือเฟิ่งพึมพำกล่าวว่า “หรือว่า…เหมือนกับเสวียนจี? กลับชาติมาเกิด?!” เขาเริ่มคิดเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าไปมา ค่อยๆ เชื่อว่าคนผู้นี้ก็คือหยวนหลางกลับชาติมาเกิด อย่างนั้นทำไมเขาถึงเปิดโปงเรื่องส่วนตัวเจ้าตำหนักใหญ่ออกมา ไยต้องไล่ตนออกจากตำหนักหลีเจ๋อ เดิมพวกเขายังคิดว่ารองเจ้าตำหนักคิดครองอำนาจตำหนักหลีเจ๋อ แต่พวกเขาผิดแล้ว ตำหนักหลีเจ๋อแม้จะใหญ่โต แต่ก็แค่สำนักบำเพ็ญเซียนในโลกมนุษย์ นับประสาอันใดกับการสร้างตำหนักหลีเจ๋อก็เพื่อเรื่องส่วนตัวของหยวนหลาง เขาคิดทวงคืนห่วงฟ้าเทียนจวินเพื่อรับพลังปีศาจที่แข็งแกร่ง
เขาแอบวางแผนดำเนินการพวกนั้น น่าจะเพื่อให้คนอื่นคิดว่าเป้าหมายเขาเพื่อชิงอำนาจ ผู้ใดจะคิดว่าเขาคือหยวนหลาง เขายังรู้นิสัยอู๋จือฉี ปากแข็งใจอ่อน ดังนั้นก่อนหน้านี้จึงได้สนทนาได้อย่างนิ่งสงบ ที่แท้วาจาที่เขากล่าวเตือนเสวียนจีพวกนั้น วาจาที่ทำเจ้าตำหนักใหญ่โมโหกระอักเลือด วาจาหลอกล่อให้เขาไปแดนปรภพเอาห่วงฟ้าเทียนจวิน วาจาหลอกล่อให้เขาให้คำสาบานรุนแรงนั่น ทั้งหมดก็วางแผนไว้แล้ว! เขารู้ก่อนแล้วว่าแม้ขออู๋จือฉีไม่ให้ แต่เขาก็ย่อมเห็นแก่เสวียนจี มอบห่วงฟ้าเทียนจวินให้ตน!
การปรากฏตัวของหงส์แดงจูเชวี่ยน่าจะทำลายแผนการที่เขาวางไว้ก่อนหน้า ดังนั้นเขาแสร้งถามดุดัน จุดประสงค์ก็เพื่อทำให้เทพซื่อสัตย์ต้องวุ่นวายใจ ด้วยความเข้าใจของเขาที่มีต่ออู๋จือฉี รู้ว่าเขาต้องไม่ทำให้หงส์แดงลำบากใจต่อ ห่วงฟ้าเทียนจวินย่อมคืนแดนสวรรค์ จะแย่งชิงห่วงฟ้าเทียนจวินก็ต้องวินาทีพริบตานี้!
การก้าวแต่ละก้าวเช่นนี้ทำให้เขาตกใจมาก รู้สึกว่าคนผู้นี้ยากแท้หยั่งถึง ก่อนหน้ารู้สึกเพียงรองเจ้าตำหนักนิสัยแปลกประหลาด ทำอะไรมักคาดเดาไม่ถูก ราวกับครู่หนึ่งดี ครู่หนึ่งเลว ที่แท้โฉมหน้าแท้จริงเป็นเช่นนี้! ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว!
อวี่ซือเฟิ่งก้าวขึ้นมาด้านหน้า กล่าวน้ำเสียงดุดันว่า “เจ้าทำอะไรอาจารย์ข้า!”
มาเอาห่วงฟ้าเทียนจวินเป็นเรื่องใหญ่เพียงใด! เจ้าตำหนักใหญ่ไยไม่อาจมาเอง เขาไม่มา เหตุผลเดียวก็คือถูกหยวนหลางลอบทำร้าย อาจถึงตายแล้ว
หยวนหลางเผยรอยยิ้มบางมองเขา ชื่นชมกล่าวว่า “เผ่าครุฑถึงกับมีคนฉลาดเช่นเจ้านี้ด้วย! ไม่ให้เจ้าอยู่ต่อเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามคาด ท่านพ่อเจ้ายังไม่ตาย อย่างไรชาตินี้ก็เป็นพี่น้องข้า วันนี้ข้าอารมณ์ดี จะเล่าให้เจ้าฟัง จะได้ให้เจ้ารู้ว่ายาถอนคำสาปคู่รักที่เจ้าปรุงขึ้นมา ไม่เพียงทำลายความทรงจำพวกนั้น น่าจะแม้แต่พลังปีศาจก็หายไปด้วย เจ้าอย่ามามัวโอ้เอ้อยู่นี่เลย รีบกลับไปดูเถอะ ไม่เช่นนั้นท่านพ่อเจ้าคงได้แช่น้ำเน่าในคุกนานเกินไป อาจเกิดเรื่องได้ ข้าไม่รับประกัน”
อวี่ซือเฟิ่งหันหลังจะวิ่งออกไปทันทีด้วยความโกรธแค้น กลับถูกหมอกโลหิตขวางไว้ ร้อนใจสีหน้าซีดเผือด จิ้งจอกม่วงรีบดึงเขาไว้ ปลอบว่า “ซือเฟิ่ง เจ้าใจเย็น! เสวียนจี! เจ้ารีบมาปลอบเขาสิ! เสวียนจี?” นางหันกลับไปเห็นเสวียนจีเอาแต่จ้องห่วงฟ้าเทียนจวินในข้อมือหยวนหลาง ไม่ใส่ใจอะไรรอบตัวแม้แต่น้อย ราวกับถูกมารครอบงำ จิ้งจอกม่วงร้อนใจร้องดังขึ้นว่า “นี่มันอะไรกัน! อู๋จือฉี! เจ้าอย่าเอาแต่เล่นฝีปาก! รีบลงมือสิ!”
อู๋จือฉียิ้มกล่าวว่า “ได้เลย จิ้งจอกน้อยบอกให้ข้าลงมือ ข้าก็จะลงมือแล้ว หยวนหลาง อย่าคิดว่ามีห่วงนั่นแล้วข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้! ชาติก่อนเจ้ามันก็ไอ้พวกไม่ได้เรื่องเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอก ชาตินี้เจ้าก็ยังเป็นไอ้พวกไม่ได้เรื่องเหมือนเดิม! ข้าถึงกับนับคนเช่นเจ้าเป็นพี่น้อง น่าขายหน้าจริง!”
วาจากล่าวจบ ร่างเขาพลันสะอึกเข้าไปสะบัดแขนออก มีแสงสีเงินวาบพุ่งออกมาสายหนึ่ง เหมือนกับแสงที่จิ้งจอกม่วงเห็นในแดนนรก มือเขามีตะขอเงินยาวความสูงราวคนกว่าๆ รูปร่างประหลาดมาก ถึงกับเป็นท่อนๆ เป็นขอเกี่ยวที่เหมือนกับทำขึ้นจากเอากระดูกคนมามัดรวมกัน แสงเงินนั่น ก็คือแสงจากขอสมุทรเช่อไห่
ได้ยินเพียงเสียง ครืน ดังสนั่น ทั้งโรงเตี๊ยมก็เริ่มสะเทือนรุนแรง ฝุ่นตลบไปทั่ว พวกแขกที่หมอบอยู่กับพื้นกับพวกบรรดาคนงานก็ตกใจแผดเสียงร้องไห้ดัง ไม่มีทางหนี ตามมาด้วยแสงวาบเหนือศีรษะ ที่แท้โรงเตี๊ยมครึ่งท่อนบนถูกขอสมุทรเช่อไห่เกี่ยวหายไปแล้ว จมลึกลงไปในหมอกโลหิตหนา หายไปในพริบตา หมอกโลหิตนั้นกดทับลงมาทันที ห่างจากศีรษะเพียงแค่สองสามฉื่อ ยามนี้ทุกคนร้องไห้ไม่ออก ได้แต่มองตาค้าง ไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง
หยวนหลางพุ่งขึ้นไป พอแตะเข้ากับหมอกโลหิตนั่น เห็นชัดว่าระวังอยู่ ได้แต่โดดลงพื้น ยิ้มเยียบเย็นกล่าวว่า “เจ้าฟันไปทางไหนกัน?!”
อู๋จือฉีแบกขอสมุทรเช่อไห่ขึ้นไหล่ ยิ้มกล่าวว่า “ทำไม ข้าฟันไม่โดนใช่ไหม”
สีหน้าหยวนหลางอยู่ๆ แปรเปลี่ยน พลันก้มหน้า เห็นแขนที่มีห่วงฟ้าเทียนจวินถึงกับถูกตัดขาดทั้งแขน! ขอสมุทรเช่อไห่ไวจริง สำหรับเขาแทบไม่รู้สึกเจ็บปวดแม้สักนิด แม้แต่เลือดก็ยังไม่ทันได้พุ่งออกมา เขาร้องโหยหวนดังกุมแขนที่ขาดไว้แน่น หาแขนอีกข้างที่ขาดตกพื้นอย่างบ้าคลั่ง
อู๋จือฉียกแขนที่ขาดขึ้น ยิ้มถาม “หยวนหลาง เจ้าหาไอ้นี่หรือ” ห่วงฟ้าเทียนจวินสีทองส่องประกายสวมอยู่บนแขนที่ขาดร่องแร่งข้างนั้น หยวนหลางเสียงแหบพร่ากล่าวว่า “คืนให้ข้า!” พุ่งตรงเข้ามาแย่งอย่างไม่คิดชีวิต อู๋จือฉีถอยฉากก้าวหนึ่ง กระชากห่วงฟ้าเทียนจวินออก โยนแขนข้างนั้นใส่หน้าเขา ยิ้มกล่าวว่า “คืนเจ้าสิ!”
หยวนหลางปัดแขนนั่นทิ้ง คำรามเสียงแหบพร่าว่า “อู๋จือฉี! เจ้าคนชั่วหน้าไม่อาย! ตนเองมีขอสมุทรเช่อไห่ ยังแย่งเอาห่วงฟ้าเทียนจวินจากข้านับครั้งไม่ถ้วน! ใต้เท้าขุนพลเทพ? เหตุใดพวกท่านไม่จับเขา จับเขาสิ! ลงโทษให้หนัก! ของก็เขาขโมย! เกี่ยวอะไรกับข้า!”
อู๋จือฉีมองอาการบ้าคลั่งของเขาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ไม่กล่าวอันใด หงส์แดงจูเชวี่ยเข้าจับแขน หยวนหลางจากด้านหลัง จับตัวเขาไว้น้ำเสียงดุดันกล่าวว่า “เงียบ! เจ้ากล้ามาก! รู้ความผิดมหันต์ตนเองไหม?!” เขาถามน้ำเสียงทรงคุณธรรมเช่นนี้ ให้อารมณ์เหมือนเล่นงิ้วมาก ทำเอาอู๋จือฉีมุมปากกระดก
“คิดแย่งชิงเทพศาสตราคือความผิดมหันต์ จงใจให้ปีศาจทำร้ายมนุษย์ก็เป็นความผิดมหันต์! แต่…ความผิดมหันต์ที่สุดของเจ้าก็คือแอบหนีมาเกิดเอง! หยวนหลาง! ข้าเห็นแก่เจ้า! ครุฑตัวนั้นที่ไปขอเอาใจแดนสวรรค์ตอนนั้น! หากข้าจำไม่ผิด สมุดความเป็นความตายของผู้พิพากษาในนรก หยวนหลางยังไม่ถึงวันมาเวียนว่ายกระมัง!”
อู๋จือฉีกล่าวอย่างแปลกใจว่า “ทำไม? ความหมายเจ้าคือเขายังไม่ได้โอกาสมาเวียนว่ายเกิดใหม่ ก็มาเอง…มารดามันสิ มาเกิดเอง?”
หงส์แดงจูเชวี่ยพยักหน้ากล่าวว่า “ใช่! ฟ้าดินเวียนว่ายมีระเบียบ แอบหนีมาเวียนว่ายเองมีความผิดมหันต์! หยวนหลาง ข้าจะจับเจ้ากลับแดนสวรรค์ให้ไป๋ตี้ไต่สวน!”
หยวนหลางถูกเขาจับไว้ ยังสูญสิ้นห่วงฟ้าเทียนจวิน พลังปีศาจอยู่ๆ พลันหายไปสิ้น ขยับตัวไม่ได้แม้แต่น้อย กอปรกับเสียใจที่ต้องเสียแขนไป เขาอดกล่าวน้ำเสียงสลดลงไม่ได้ว่า “สวรรค์ไม่ยุติธรรม! คนทำผิดไม่ใช่ข้า! ทำไมต้องเอาความผิดอู๋จือฉีหลายต่อหลายครั้งมาลงหัวข้า?! พวกเจ้ารับปากจะมอบตำแหน่งให้ข้า อยู่ไหนกัน?! ท่าทางตีสนิทสนมล่อลวงให้ข้าทรยศอยู่ที่ใด?! ที่แท้แดนสวรรค์ก็เล่นอุบายเสแสร้งแกล้งลวงเช่นนี้! หากรู้เช่นนี้ ข้า…”
“หากรู้เช่นนี้ เจ้าก็คงไม่ทรยศข้า ใช่ไหม” อู๋จือฉีแคะขี้มูกกล่าวอย่างไม่ยี่หระ สุดท้ายแคะขี้มูกออกมา ยิ้มร่าดีดใส่หน้าเขา กล่าวว่า “เจ้าฝันไปเหอะ เห็นข้าเป็นเด็กโง่หรือ อืม เดิมข้าคิดสังหารเจ้าด้วยตัวเอง จบสิ้นความแค้นพันปี แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนความคิดแล้ว ทำไมให้เจ้าตายสบาย มีชีวิตรับทุกข์ไปดีกว่า! ข้าบอกเจ้านะ นรกสนุกมาก เจ้าไปอยู่ดูนะ รับรองว่าไม่นึกเสียใจภายหลังแน่”
หงส์แดงจูเชวี่ยกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “หยวนหลาง! ต้องการขึ้นสวรรค์สำเร็จผลเป็นเซียนก็ต้องมีวาสนาเซียน! ชาติก่อนเจ้าไม่ได้เป็นเซียนมาก่อน ดังนั้นจึงสั่งการให้ผู้พิพากษามารอเกี่ยววิญญาณเจ้าเพื่อรอส่งไปเวียนว่าย หากเจ้าอดทนรอ เดินไปตามเส้นทางเวียนว่ายปกติ ชาตินี้อาจสำเร็จผลเป็นเซียน! ผู้ใดจะรู้ว่าเจ้ามองการณ์สั้นราวสายตาหนู ไร้วาสนากับแดนสวรรค์จริงๆ”
สีหน้าหยวนหลางราวกับคนตาย อึ้งมองเขา ริมฝีปากสั่นเทา ยามนี้เขาพูดไม่ออกแม้สักคำ ผู้ใดกล่าวว่า ภัยจากธรรมชาติอาจเลี่ยงพ้น แต่หากก่อกรรมเอง ย่อมไม่อาจรอดพ้น เขาก่อกรรมเองไม่ใช่หรือ
หงส์แดงจูเชวี่ยยื่นมือไปทางอู๋จือฉี “เอามา!”
อู๋จือฉีแกล้งโง่ ลูบศีรษะยิ้มถาม “เอาอะไรมา”
“ห่วงฟ้าเทียนจวิน!” หงส์แดงจูเชวี่ยถลึงตาใส่ โมโหฮึดฮัดกล่าวว่า “เจ้าวานรอย่าคิดเล่นลูกไม้! เจ้าแอบหนีออกจากคุกมาเอง ช้าเร็วต้องมาคิดบัญชีกับเจ้า! เจ้าอยากมีโทษอีกกระทงหรือ?!”
อู๋จือฉีคิดไปคิดมาก็หยิบห่วงฟ้าเทียนจวินออกมา โบกต่อหน้าหยวนหลาง กล่าวอ่อนโยนว่า “เด็กโง่ เพื่อสิ่งนี้ เจ้าถึงกับกลายเป็นคนเสียสติ เมื่อก่อนที่เราสองเคยสนทนากันใต้แสงเทียน ร่ำสุราสนทนาเฮฮากัน ลืมไปหมดแล้วจริงหรือ”
หยวนหลางริมฝีปากยังสั่นเทา ยังคงพูดไม่ออก
อู๋จือฉีกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “เจ้าและข้าเคยเป็นพี่น้องกันมา ข้าช่วยส่งเจ้าเดินทางสักหน่อย!” กล่าวจบสองมือเขาจับห่วงฟ้าเทียนจวินแน่น ใช้แรงบิด เสียงดัง เป๊าะ ดังขึ้น เทพศาสตราชื่อเสียงก้องหล้าถึงกับแหลกเป็นเสี่ยงๆ คามือเขาไปเสียอย่างนั้น!
ทุกคนพากันตกใจส่งเสียงร้องดัง อู๋จือฉียิ้มเล็กน้อย สาดเศษนั่นไปกลางท้องฟ้า กล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “ไม่มีแล้ว! ชาติหน้า…หากเจ้ายังมีชาติหน้า หวังว่าเจ้าอย่าได้ไล่ตามหาของลวงหลอกพวกนี้อีกเลย!”
“อู๋จือฉี!” หงส์แดงจูเชวี่ยตกใจจนผมตั้ง นิ้วมือสั่นเทาชี้หน้าเขา คิดไม่ถึงว่าเขาถึงกับกล้าทำเรื่องเช่นนี้ ถึงกับทำลายห่วงฟ้าเทียนจวินต่อหน้าตน! เขากำลังจะระเบิดอารมณ์ พลันได้ยินจิ้งจอกม่วงร้องดังขึ้นว่า “เสวียนจี! เสวียนจี เจ้าเป็นอะไรไป?!”
อวี่ซือเฟิ่งตกใจยิ่ง รีบหันกลับไปเห็นเสวียนจีสีหน้าซีดเผือดหลับตาแน่น สลบลงในอ้อมกอดจิ้งจอกม่วง