ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 102 ปกป้องคุณ เป็นความรับผิดชอบของผมครับ
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงดังสนั่นจากทางด้านบนดังขึ้น ทันใดนั้นเอง ผืนแผ่นดินทั่วทั้งแผ่นดินต่างก็สั่นสะเทือน
ร่างทั้งร่างที่จมอยู่ใต้น้ำว่ายน้ำขึ้นมาจนถึงผิวน้ำ ด้วยเรี่ยวแรงที่แข็งเกร็ง ราวกับพละกำลังที่มากมายมหาศาลก็ไม่ปาน
เป็นเพราะว่าสือมูเฉินกอดหลานเสี่ยวถางเอาไว้อยู่ จึงถูกกระแสน้ำพัดจมลงไปในทะเลสาบลึก
ในตอนนั้นเอง หากจะเอ่ยถึงความสูงของเขาแล้ว ก็ไม่ถึงพื้นไปนานแล้ว ในน้ำ เดิมก็ไม่สามารถช่วยหลานเสี่ยวถางผายปอดได้เลย
เขาไม่ทราบเลยว่าตอนนี้เธอสำลักน้ำหรือเปล่า แต่ทว่า อีกด้านหนึ่งภายในน้ำก็กอดเธอเอาไว้ อีกทั้งยังต้องป้องกันไม่ให้ทั้งสองคนถูกคลื่นซัดจมลงไปในน้ำอีก ดังนั้นแล้ว การช่วยเหลือจึงเป็นไปได้ยากมาก
เธอดันร่างของหลานเสี่ยวถางให้ยกสูงขึ้น หลังจากนั้น ก่อนจะออกแรงกดลงไปบนจุดเหนือกระจับปากด้านบนของเธอ
แบบนี้ แทบจะกลายเป็นเพียงวิธีเดียวที่จะสามารถเรียกเธอให้ตื่นขึ้นมาได้
เขากดหยิกลงไปตรงจุดร่องเหนือริมฝีปากของเธอไปพลาง ก่อนจะร้องเรียกชื่อของเธอไปพลาง
ในตอนนั้นเอง คลื่นก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น เขาจึงทำได้เพียงแค่คว้าเธอเอาไว้แน่ ๆ อีกครั้ง ก่อนจะใช้มืออีกข้างหนึ่ง ว่ายน้ำเข้าไปใกล้ฝั่ง
หลานเสี่ยวถางรู้สึกเพียงแค่ว่าตนเองราวกับกำลังอยู่ในโลกอีกใบหนึ่ง ในนั้นรู้สึกอบอุ่นอยู่บ้างเล็กน้อย ทำให้ร่างที่แข็งชาของเธอตั้งแต่แรกนั้น ค่อย ๆ มีความรู้สึกกลับมาทีละเล็กทีละน้อย
อีกทั้งจุดบริเวณเหนือริมฝีปากก็มีความรู้สึกขึ้นมาแล้ว อยู่ ๆ ก็ชัดเจนมากขึ้น ความตื่นตัวพาดผ่านมาในสมอง เธอที่กลั้นหายใจมาโดยตลอดทันใดนั้นเองก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เธอส่งเสียงไอโขลกออกมาครั้งหนึ่ง ก่อนจะกลืนน้ำที่ค้างอยู่ที่ลมหายใจไปหนึ่งอึก
ลำคอเจ็บปวดราวกับมีไฟเผาผลาญอยู่ หลานเสี่ยวถางไอโขลกติดต่อกันอีกหลายครั้ง ถึงจะลืมตาขึ้นมา
ด้านหน้าเต็มไปด้วยพื้นน้ำ มืดสนิทจนแทบมองไม่เห็นฝั่ง เหนือศีรษะ ก็มีเม็ดฝนตกลงมาไม่หยุด ทำเอาขนคิ้วขนตาเปียกชื้นไปหมด ดวงตารู้สึกปวดร้าว
ร่างทั้งร่างของเธอแข็งเย็น แต่ทว่ากลับรู้สึกได้ ว่ามีมือมือหนึ่งที่มีพละกำลัง กำลังกอดคล้องของที่เอวของเธอ ในความเลือนรางนั้นเอง ความรู้สึกอบอุ่นนั่น มันส่งออกมาจากที่นั่น
“เสี่ยวถางครับ” ข้างใบหู มีน้ำเสียงแหบแห้งคุ้นเคยดังขึ้นมา หลานเสี่ยวถางหันคอที่เกร็งแข็งของตนเอง ก่อนจะหันไปมองใบหน้าเลือนรางใบหน้าหนึ่ง
“ฉันอยู่ที่ —” น้ำเสียงของเธอแหบพร่าในตอนที่กำลังจะเอ่ยพูด ก็ส่งเสียงไอโขลกติดต่อกันหลายครั้ง
“ไม่เป็นไรแล้วนะ” สือมูเฉินกกกอดเธอแน่น “ผมมาช่วยคุณแล้ว ไม่เป็นไรแล้วนะครับ”
เธอได้ยินคำพูดของเขา จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าดวงตาร้อนผ่าว หยาดน้ำตาไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่แล้ว
ในตอนที่เธอแทบจะถอดใจอยู่แล้วนั้นเอง เขามาแล้ว ในตอนที่เธอนึกว่าตนเองจะต้องตายแล้วแน่ ๆ เขาบอก ไม่เป็นไรแล้ว
ถึงแม้ พวกเขายังคงอยู่ในน้ำ การไหลของน้ำเร็วขึ้น เดิมเธอก็ยังมองไม่เห็นฝั่ง แต่ทว่า เขาบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว เธอจึงเชื่อเขา
เวลาผ่านมานานมากขนาดนี้ ผ่านอะไรมาก็ตั้งมากมาย ไม่มีครั้งไหนเลย ที่เขาเคยทำให้เธอผิดหวังมาก่อน!
“มู เฉิน——” หลานเสี่ยวถางเอ่ยเสียงแหบแห้งขึ้นอย่างอยากลำบาก ยื่นมือที่แข็งเย็นออกไป ก่อนจะโอบล้อมรอบสือมูเฉินเอาไว้อย่างสั่นเทา
“พวกเราจะต้องปลอดภัยแน่” สือมูเฉินเอ่ย “ขอโทษนะครับ เป็นผมที่ทำให้คุณพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
เขาพยุงเธอเอาไว้ ก่อนจะว่ายน้ำตามกระแสน้ำต่อไป ภายในการพละกำลังของธรรมชาตินี้ ถ้าหากว่าทวนกระแสน้ำ อาจมีโอกาสที่เขาจะต้องใช้เรี่ยวแรงจนถึงขีดสุด กลับกันกลับจะต้องโดนพัดจมลงไปในน้ำพร้อมกับเธอ
เป็นเพราะว่าค่อย ๆ รู้สึกได้ถึงความร้อน ดังนั้นแล้ว เดิมร่างทั้งร่างของหลานเสี่ยวถางที่แข็งเย็นนั้น มีความรู้สึกขึ้นมาแล้ว ก่อนจะเริ่มสั่นเทาอีกครั้ง
สือมูเฉินรู้สึกถึงความเย็นของเธอ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จึงดึงเธอเอามากดเอาไว้ในอ้อมกอดเล็กน้อย เอ่ยว่า “อดทนอีกหน่อยนะครับ อีกประเดี๋ยวเราก็จะขึ้นฝั่งกันแล้ว!”
พูดไป เขาก็พาหลานเสี่ยวถางว่ายน้ำต่อไป ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดแล้ว ในที่สุดก็มาถึงพื้นดินราบเรียบเสียที หลังจากนั้น สือมูเฉินก็กอดหลานเสี่ยวถางเอาไว้แล้วว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง
เดิมก็หนาวมากอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะมีสือมูเฉินกอดเอาไว้อยู่ แต่ทว่า ตอนนี้หลานเสี่ยวถางก็เย็นยะเยือกจนแข็งชาไปหมดแล้ว
ในตอนที่ขึ้นฝั่ง เดิมเธอก็ไร้หนทางที่จะเคลื่อนไหว แม้กระทั่งยืนตัวตรงยังยากลำบากเลย
สือมูเฉินอุ้มเธอให้ตั้งตรง ก่อนจะว่ายน้ำข้ามหินขึ้นฝั่ง แล้วเดินตรงขึ้นไป
เขาสัมผัสเข้าที่กระเป๋าตนเองด้วยความเคยชิน อยากที่จะหาโทรศัพท์มาส่องแสงสว่าง แต่ทว่า เมื่อสัมผัสเข้าไปแล้วถึงค้นพบว่า ในกระเป๋ากางเกงไม่เพียงแต่ไม่มีโทรศัพท์มือถือแล้ว อีกทั้งกุญแจรถก็ไม่มีอีกด้วย
เกรงว่า คงจะถูกน้ำพัดไปตั้งนานแล้ว!
หัวใจของเขาอดไม่ได้ที่จะแข็งเกร็ง เมื่อคิดถึงสถานการณ์ของหลานเสี่ยวถาง ก็รีบอุ้มเธอขึ้นไปบนเขาทันที คิดอยากที่จะหาสถานที่ที่สามารถหลบฝน
ดี ดีที่วันนี้มีฟ้าผ่าหลายครั้ง เขาเดินไปได้ไม่ไหลนัก ก็สามารถยืมแสงจากสายฟ้า เพื่อกัดฟันมองสถานการณ์ตรงหน้าให้ชัดเจน
ในท้ายที่สุด สือมูเฉินเห็นว่าดูเหมือนว่าทางด้านหน้าจะมีกระท่อมอยู่หลังหนึ่ง ด้านในไม่มีโคมไฟ อาจจะเป็นเพราะว่าถูกคนทอดทิ้งให้รกร้างหรือไม่ก็เป็นกระท่อมที่คนบนเขาสร้างเอาไว้เพื่อพักเท้าชั่วคราวเท่านั้น
เขาอุ้มหลานเสี่ยวถางเข้าไปด้านใน ถึงค้นพบว่า อันที่จริงแล้วกระท่อมนั่นดูค่อนข้างลวก ๆ ไม่เรียบร้อย เกรงว่าจะถูกทอดทิ้งเอาไว้นานแล้ว มีสถานที่จำนวนไม่น้อยเลย ที่มีรอยน้ำรั่ว
แต่ทว่า โชคยังดีที่มีจุดหนึ่งไม่มีน้ำรั่ว เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว สือมูเฉินจึงนำเศษหญ้าปูรองไว้ที่พื้น ก่อนจะอุ้มหลานเสี่ยวถางไปวางไว้ แล้วร้องเสียงชื่อของเธอ “เสี่ยวถางครับ?”
หลานเสี่ยวถางที่เดิมสลบไปแล้ว หลังจากที่ได้ยินเขาร้องเรียกอยู่หลายครั้ง ก็ฝืนลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
ความรู้สึกของร่างกายค่อย ๆ กลับคืนมา ร่างทั้งร่างของเธอยังคงสั่นระริกไม่หยุด “หนาว”
สือมูเฉินมองไปรอบบริเวณครั้งหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจต่อสภาพอากาศแบบนี้ คงจะไม่มีคนมาแน่ ๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “ผมจะช่วยคุณถอดเสื้อผ้าที่เปียกชื้นออก อีกประเดี๋ยวก็ไม่ค่อยหนาวขนาดนั้นแล้วครับ”
พูดไป เขาก็พยุงหลานเสี่ยวถางขึ้นมา ให้พิงเข้ากับร่างของตนเองเอาไว้ ก่อนจะถอดเสื้อผ้าที่เปียกชื้นของเธอออกไปทั้งหมด และถอดของตนเองด้วย หลังจากนั้น ก็ยื่นมือไปดึงหลานเสี่ยวถางเข้ามากอดเอาไว้ในอ้อมกอด
ร่างกายของเขาแช่อยู่ในน้ำนาน ก็เย็นมากเช่นกัน แต่ทว่า ร่างของเธอนั้นเย็นกว่า
สือมูเฉินรู้สึกว่าเธอยังคงสั่นอยู่ อีกอย่าง ดูท่าแล้วทำแบบนี้ต่อไปไม่โอเคแน่ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เขาวางเธอลง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่าให้รอก่อน
พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืนในกระท่อม แล้วเริ่มออกตัววิ่งไปรอบ ๆ อยู่กับที่
หลังจากที่ออกกำลังกายอยู่สองสามนาทีแล้ว ร่างกายของเขาเริ่มมีความอบอุ่นกลับคืนมา อีกทั้งบวกเข้ากับเดิมตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิในภูเขาก็มีประมาณสิบห้าสิบหกองศา ดังนั้นแล้ว เขาจึงกลับมามีความอบอุ่นขึ้นอย่างรวดเร็ว
สือมูเฉินหาหญ้าแห้งขึ้นมาปูใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้นก็นั่งลงไป ก่อนจะดึงหลานเสี่ยวถางเข้ามากอดเอาไว้ในอ้อมอก
“เสี่ยวถางครับ ดีขึ้นหน่อยไหม?” เขายื่นมือขึ้นไปม้วนเส้นผมของเธอ
“อืม” หลานเสี่ยวถางตัวสั่นเล็ก ๆ อยู่ในอ้อมกอดอุ่น รู้สึกได้ว่าร่างของตนเองแทบจะทำให้อุณหภูมิของสือมูเฉินเย็นขึ้นแล้ว
เธอขบกรามแน่นก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างสั่นเทาว่า “ฉันทำให้คุณหนาวหรือเปล่าคะ?”
เขายิ้ม “ผมเป็นผู้ชายนะครับ หนาวเล็กน้อยแค่นี้ ไม่เป็นไรหรอกครับ”
เธอซุกเข้าไปในอ้อมกอดของเขาแน่นขึ้นเล็กน้อย ใบหูแนบเข้ากับแผ่นอกของเขา เมื่อได้ยินแล้วก็ทำให้การเต้นของหัวใจเธอสงบลง ก่อนจะขบกรามที่กระทบกันเบา ๆ แล้วเอ่ยถามเขาว่า “มูเฉินคะ ฉันทำให้คุณเปิดเผยสถานะหรือเปล่าคะ?”
สือมูเฉินหลุบตา “คุณฟังคนคนนั้นพูดมาหรือ?”
“ค่ะ” หลานเสี่ยวถางพยักหน้า “แต่ทว่า เขาไม่ได้พูดรายละเอียดค่ะ คุณมาช่วยฉัน ถูกเปิดเผยแล้วใช่ไหมคะ……”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” สือมูเฉินเอ่ย “เปิดเผยแล้วก็เปิดเผยไปสิ!”
หลานเสี่ยวถางพลันชะงักนิ่งไป ถึงแม้ว่าจะมืดจนแทบจะมองอะไรไม่เห็นเลยก็ตาม แต่ทว่าเธอก็ยังคงออกแรงเงยหน้าขึ้นมองเขา “ฉันสร้างความวุ่นวายให้คุณแล้วหรือเปล่า?”
“เป็นผมที่ทำให้คุณเดือดร้อนเอง” สือมูเฉินก้มศีรษะลงไปประทับริมฝีปากเธอครั้งหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “ขอโทษนะครับ”
“ก่อนหน้านี้ฉัน ไม่รู้จริง ๆ ค่ะว่าคุณจะมาหรือไม่มา……” หลานเสี่ยวถางนึกขึ้นได้ถึงความกระวนกระวายใจในตอนนั้น “แม้กระทั่ง ก็ยังหวังว่าคุณจะไม่ต้องมา”
“เด็กโง่ ผมไม่มา คุณก็จมน้ำตายไปแล้วครับ” สือมูเฉินเอ่ยอย่างหมดความอดทน
“แต่ว่าคุณมาแล้ว หลังจากนี้ก็ต้องวุ่นวายแน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ?” ผู้ชายคนนั้นทราบสถานะอีกด้านหนึ่งของสือมูเฉินแล้ว ย่อมต้องลงมือทำอะไรสักอย่างแน่
“แน่นอนอยู่แล้วครับว่าต้องยุ่งยาก” สือมูเฉินเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่จู่ ๆ ก็แปรเปลี่ยนไปเป็นจริงจัง “แต่ทว่า สิ่งที่ความวุ่นวายจะตามมา ก็เป็นเพียงแค่ความเสียหายของทรัพย์สมบัติกับสิ่งของเท่านั้น ของเหล่านี้ ไม่มีแล้วก็ยังสามารถเก็บเงินนำกลับมาได้อีกครั้ง แต่ทว่าคุณ ภรรยาของผม ผมในฐานะของผู้ชายคนหนึ่ง มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบคุณ ดังนั้นแล้ว หัวข้อที่จะต้องเลือกนี้เดิมแทบไม่ต้องไตร่ตรองเลย”
หลานเสี่ยวถางถูกคำพูดของเขาทำให้ประทับใจเข้าแล้ว รู้สึกเพียงแค่ว่าความอบอุ่นในก้นบึ้งของหัวใจพรั่งพรูออกมา แม้กระทั่งร่างกายก็ไม่หนาวเย็นมากขนาดนั้นแล้ว
ริมฝีปากของเธอคลี่ออกเล็กน้อย อยากที่จะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่ทว่ากลับค้นพบได้อย่างรวดเร็ว ว่าลำคอของตนเองสำลักออกมาเล็กน้อยแล้ว
ที่ผ่านมา เธอก็เป็นคนที่ถูกทิ้งคนนั้นมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าบิดาและมารดาบุญธรรมของตนเอง ขอเพียงแค่มีผลประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ พวกเขาก็ย่อมยอมที่จะเสียเธอไปอยู่แล้ว
แต่ทว่า สือมูเฉินกลับเอ่ยว่า เดิมนี่ก็เป็นหัวข้อที่ไม่ต้องคิดหรือไตร่ตรองเลย
เขาเลือกเธอ ละทิ้งทรัพย์สมบัติ
“เสี่ยวถางครับ” จู่ ๆ สือมูเฉินก็เอ่ยปากขึ้นมา “คุณไม่สนใจตัวตนอีกด้านหนึ่งของผมหรือ?”
ภายในหัวใจของหลานเสี่ยวถางตอนนี้มีคำอธิบายแล้ว “อันที่จริงแล้วในตอนที่คุณมีเส้นสายมีเครือข่ายมากมายในตอนนั้น ฉันก็สามารถคาดเดาได้แล้วล่ะค่ะว่าคุณไม่ได้เป็นเพียงแค่รองประธานบริษัทของ Times Group ธรรมดา ๆ แน่ ๆ เพียงแต่ว่า ในเมื่อคุณไม่พูด ฉันก็ไม่ถาม รอให้คุณอยากพูดแล้ว นั่นย่อมบอกกล่าวกับฉันเองอยู่แล้ว”
จู่ ๆ เขาก็กกกอดเธอแน่นขึ้นหลายส่วน “รอให้ถึงตอนนั้น ผมจะบอกคุณทั้งหมดเลยครับ”
“ได้ค่ะ” ริมฝีปากของหลานเสี่ยวถางยกยิ้มขึ้น
“เสี่ยวถาง อุ่นขึ้นมาหน่อยแล้วหรือยังครับ?” สือมูเฉินเอ่ย “โทรศัพท์มือถือของผมหายไปแล้ว ดังนั้นพรุ่งนี้เช้าก่อนฟ้าสาง เกรงว่าพวกเราจะต้องรออยู่ที่นี่แต่เพียงเท่านั้นแล้วล่ะครับ คุณยังต้องอดทนรออีกประมาณแปดเก้าชั่วโมงนะ”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ” หลานเสี่ยวถางสบตามองท้องฟ้าภายนอกที่ยังคงมีสายฟ้าฟาดลงมาอยู่ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “คุณกอดฉันเอาไว้ แล้วว่ายน้ำมานานมากเลยใช่ไหมคะ?”
นานจนกระทั่ง เธอก็ทนไม่ไหวแล้ว จึงสลบไป
“ครับ ตอนนั้นพวกเราว่ายน้ำต่อไป” สือมูเฉินเอ่ย “เป็นเพราะว่าบนเส้นทางนั้นมืดมาก อันที่จริงแล้ว แม้กระทั่งผมเองก็ไม่รู้ตำแหน่งของพวกเราเลยครับ”
“มูเฉินคะ เทคนิคการว่ายน้ำของคุณยอดเยี่ยมมากจริง ๆ ค่ะ” หลานเสี่ยวถางกอดแขนของสือมูเฉินเอาไว้ ถ้าหากว่าไม่ใช่เขา เธอในวันนี้ แม้กระทั่งหากไม่ได้ถูกมัดเอาไว้ ตกลงไปในน้ำแบบนั้น ก็ไม่สามารถมีชีวิตรอดได้อย่างแน่นอน
“ในตอนที่ผมยังเป็นเด็กอยู่ เคยเกือบจมน้ำตายครับ” จู่ ๆ นัยน์ตาของสือมูเฉินก็เข้มลึกขึ้นมาเล็กน้อย “หลังจากผ่านครั้งนั้นมา ผมก็พยายามต่อสู้กับอาการกลัวน้ำ แล้วก็อดทนเรียนว่ายน้ำมาโดยตลอด”
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะทราบว่าสือมูเฉินกินดีอยู่ดีมาก ๆ ในตอนนั้นย่อมผ่านไปอย่างยากลำบากแน่ ๆ แต่ทว่า หลานเสี่ยวถางกลับนึกถึงความทรงจำในวันนี้ที่เกือบจะหายใจไม่ออกขึ้นมา อีกทั้งเธอจึงลองถามหยั่งเชิงขึ้นมาอีกด้วยว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?”
“เป็นพี่ใหญ่ของผมที่เป็นคนผลักผมลงไปเองกับมือน่ะครับ” คิ้วของสือมูเฉินขมวดเข้าหากันแน่นขึ้น ระหว่างคิ้วเป็นไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน “เขาผลักผมลงน้ำ เห็นผมร้องขอให้ช่วย แต่ทว่าหลับหมุนตัวแล้วเดินจากไปแล้ว หลังจากนั้น ผมก็ถูกคนที่ผ่านมาคนหนึ่งช่วยเอาไว้ครับ”
“ห๋า?!” หลานเสี่ยวถางตกตะลึงเป็นอย่างมาก “พ่อของสือเพ่ยหลินเป็นคนผลักคุณตกน้ำเองกับมือหรือคะ?! ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ?”
“ตอนนั้น พ่อของผมพึ่งจะจากไปได้ไม่นานเท่าไหร่นักครับ พี่ใหญ่ของผมเห็นมรดกของผมอันนั้น ก็เลยรู้สึกไม่วางใจเป็นอย่างมาก บวกกับตอนนั้นผมยังเล็กมาก อันที่จริงแล้วก็ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย ฟังทนายความเอ่ยว่าหากผมโตแล้วก็จะถือหุ้นใหญ่ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก” สือมูเฉินเอ่ย “ดังนั้นแล้ว เมื่อออกไปเที่ยว พี่ใหญ่ก็พาผมไปเดินผ่านแม่น้ำสายเล็กเส้นหนึ่ง หลังจากนั้น แสร้งทำเป็นไม่ระวัง ก็ผลักผมลงไปจากทางด้านหลังครับ”