ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 118 ความต้องการที่ไม่บันยะบันยัง
พอหลานเสี่ยวถางได้ยินสิ่งที่หลานเล่อซินพูด ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจ
ถ้าเป็นในเมื่อก่อน ถ้าเกิดว่าเธอได้ยินคำพูดที่ปกป้องเธอแบบนี้ เธอก็คงขอบคุณ แต่ทว่าตอนนี้เธอได้ผ่านประสบการณ์มามายแล้ว ในใจก็อดไม่ได้ที่จะตีระฆังเพื่อเป็นการเตือนสติ
หลานเล่อซินดูเหมือนว่าจะช่วยเธอ แต่ความเป็นจริงใจแล้ว เธอกลับจะหมายความว่าที่สือมูเฉินแต่งงานกับเธอ ความเป็นจริงแล้วเป็นเพราะว่าหลานเล่อซินไม่อยู่ และในตอนนี้หลานเล่อวินกลับมาแล้วและหมายความทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอย่างนั้นหรอ ?
หลานเสี่ยวจ้องตาเขม็ง หรือเป็นเพราะว่าเธอคิดมากไปเอง ? ในความทรงจำนั้นที่มีพี่สาวที่แสนดีและอ่อนโยน เป็นไปได้ไหมว่าในใจจะเก็บซ่อนความชั่วร้ายที่ไม่รู้เอาไว้ ?
“ ฉันไม่สนหรอกนะมันจะเป็นเพราะอะไร ถึงทำให้มูเฉินแต่งงานกับเสี่ยวถาง ” ในขณะที่พูดหูซิ่วจูก็จับไหล่ของหลานเสี่ยวถางไว้ : “ เสี่ยวถาง ในเมื่อเธอแต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวยอย่างตระกูลสือแล้ว ถ้าอย่างนั้นความวิกฤตในตอนนี้ของพ่อกับแม่ เธอก็จำเป็นต้องหาทางออกให้กับพวกเรา !”
“ เสี่ยวถาง ” หลานไห่ฮว๋าก็พูดขัดขึ้นมา : “ เรื่องก่อนหน้านี้ของ Blue Sky Group เธอก็รู้ว่าพวกเรายังติดหนี้เจ้าหนี้เป็นจำนวนมาก หลายเดือนที่ผ่านมา พวกเราแทบจะไม่ได้นอนหลับสบายกัน ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ ! เธอเป็นลูกสาวของเรา ถึงแม้จะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่พวกเราเลี้ยงเธอมา 10 กว่าปี ตอนนี้เธอแต่งงานกับคนรวยแล้ว ไม่ควรที่จะไม่สนใจพวกเรา !”
หลานเสี่ยวถางนึกถึงประวัติการพนันชั่วร้ายของทั้งสอง ในใจก็รู้สึกต่อต้านและขมวดคิ้วขึ้นมา : “ พ่อกับแม่ต้องการอะไร ?”
“ พวกเราติดหนี้อยู่ 10 ล้าน เธอไปใช้คืนให้พวกเรา พวกเราก็จะได้ไม่ต้องใช้ชีวิตที่ต่ำต้อยแบบนี้อีก !” หูซิ่วจูคนโลภก็พูด : “ ถ้าให้พูดอีก 10 ล้านสำหรับสือมูเฉินแล้ว ขนหน้าแข้งก็คงไม่ร่วงหรอกนะ เอามาแสดงความเคารพต่อพ่อตาแม่ยายของเขา แบบนี้มันก็ถือเป็นเรื่องปกติ !”
“ พ่อแม่ ทำแบบนี้ได้ยังไงกัน !” หลานเสี่ยวถาง : “ ตอนนั้นกระเบื้องเคลือบลายครามสมบัติของคุณย่าพวกคุณก็เอามันไปขาย แล้วก็เอาไปแพ้ให้กับการพนันจนหมด แต่ทว่าตอนนี้ฉันแต่งงานกับสือมูเฉินแล้ว มันก็ไม่ได้หมายความว่าเงินของเขาจะเป็นเงินของฉัน ! และอีกอย่าง รายได้ของเขา มันก็ได้มาจากความพยายามในการทำงานหนักหลายปี ! ฉันจะไปของเงินเขาแล้วเอามาให้พวกคุณไปเล่นพนันได้ยังไง !”
“ พวกเราไม่ได้เอาไปเล่นพนัน ” หลานไห่ฮว๋ามองอย่างรักใคร่เอ็นดู : “ เสี่ยวถาง เธอสบายใจได้เลย ถ้าเธอช่วยพวกเราคืนเงินแล้ว หลังจากนั้นพวกเราก็จะไปตั้งใจทำธุรกิจดีและก็จะไม่เล่นการพนันอีกแล้ว !”
“ ใช่ จะว่าไป สือมูเฉินแต่งงานกับเธอ แม้แต่สินสอดก็ไม่ให้ นี่ก็ถือว่าเป็นค่าสินสอดแล้วกัน !” หูซิ่วจูที่อยู่ข้างๆก็พูดแทรกขึ้นมา
หลานเสี่ยวถางไม่รู้เลยว่าทั้งสองคนจะไปใช้หนี้คืนจริงๆหรือเปล่า แล้วก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะรับประกันว่าจะไม่เล่นการพนัน ไม่รู้ว่าจะรักษาคำพูดได้ไหม
แต่ทว่าภาพคุณย่าหลานที่จับมือของเธอเอาไว้และพูดกับเธอก่อนที่จะจากไปก็ได้ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าเธอ
เธอได้พูดว่า แม้ว่าลูกชายของเธอจะไร้ยางอายมาก แต่ถึงอย่างไรเธอก็เป็นคนให้กำเนิด ถ้าเกิดว่ามีวันที่เขาไม่ไหวแล้วจริงๆ ก็ขอให้หลานเสี่ยวถางช่วยเขา
หลานเสี่ยวถางที่อยู่บ้านตระกูลหลานมาทั้งชีวิต และเป็นหนี้มาที่สุดก็คือคุณย่าหลาน พอนึกถึงเรื่องนี้ เธอก็กัดฟันพูด : “ 10 ล้านมันเยอะเกินไป ฉันช่วยพวกคุณได้มากสุดคือ 1 ล้าน ถ้าเอาไปแล้วไปทำธุรกิจที่อื่นหรือว่าทำอะไรอย่างอื่น มันก็พอสำหรับในช่วงแรก ”
“ หนึ่งล้าน ? !”หูซิ่วจูหัวเราะ : “ เสี่ยวถาง นี่เธอกำลังให้ขอทานอย่างนั้นหรอ ? ! ใครไม่รู้บ้างว่าTimes Group มีเงินตั้งเท่าไหร่ เธอดู อสังหาริมทรัพย์ฝั่งนู้น ทั้งหมดนั้นล้วนแล้วเป็นของ Times Group ทั้งนั้น ! เธอเป็นภรรยาของผู้ถือหุ้นรายใหญ่แล้ว ขอให้เธอเอาเงินออกมา 10 ล้านแค่นี้เธอก็ไม่เต็มใจ เธอไม่ละอายใจต่อผู้มีพระคุณอย่างตระกุลของเราหรอที่เลี้ยงเธอมาหลายปีขนาดนี้ ? เธอลองคิดดูนะ ถ้าเกิดว่าไม่มีพวกเราที่ไปรับเธอจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามา เธอจะมีทางรู้จักสือมูเฉินไหม ? และจะมีโอกาสแต่งงานกับเขาไหม ? !”
“ แม่ หยุดพูดได้แล้ว !” หลานเล่อซินพูดโน้มน้าวอยู่ข้างๆ : “ เสี่ยวถางก็ต้องมีเรื่องที่ลำบากใจอยู่เหมือนกัน ! พ่อกับแม่ไม่ต้องรีบร้อน หนูจะค่อยๆทำงานแล้วเลี้ยงดูพ่อแม่เอง !”
“ ไปให้พ้น !” หูซิ่วจู : “ แกมันลูกสาวที่ไร้อนาคต ผู้ชายก็ถูกแย่งไป ยังมาเป็นห่วงเป็นใยน้องสาวแกอีก ! ถ้าในตอนนั้นไม่ใช่แกที่หนีไป พวกเราจะมาเป็นอย่างนี้ไหม ? !”
“พอได้แล้ว หยุดทะเลาะโวยวายได้แล้ว !” หลานไห่ฮว๋า : “ เสี่ยวถาง 10 ล้านก็คือ 10 ล้าน ! ถ้าเกิดว่าเธอไม่เอาออกมา พวกเราก็จะเอาเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมา กับเรื่องที่เคยแต่งงานกับสือเพ่ยหลิน ทั้งหมดนี้เราจะไปบอกกับสื่อมวลชนให้หมด ! ฉันจะคอยดูว่าสือมูเฉินจะขายหน้าไหม !”
สีหน้าของหลานเสี่ยวถางถึงกับแข็งทื่อ
“ ใช่แล้ว !” หูซิ่วจูยิ้มอย่างมีชัยบนใบหน้า : “ เสี่ยวถาง พวกเราให้เวลาเธอภายในหนึ่งอาทิตย์ เอาเงิน 10 ล้านโอนเข้ามาในบัญชีของฉัน ถ้าเกิดว่าฉันไม่เห็นละก็ เธอก็รอขึ้นพาดหัวข่าวได้เลย ! พอถึงตอนนั้น ฉันจะรอดูจุดจบของสือมูเฉินว่าจะเป็นยังไง !”
หลานเสี่ยวถางมองไปบนใบหน้าของทั้งสองคน รู้สึกแค่ว่าก้นบึ้งของหัวใจหายใจไม่ออกและรู้สึกไม่สบายใจ
คนที่เธอเรียกว่าญาติ คิดไม่ถึงเลยว่าเพื่อเงินจะไม่สนใจความผูกพันที่มีกันมาตลอดหลายปี !
ใครๆก็ต่างบอกว่า ต่อให้เลี้ยงหมาไว้หนึ่งตัว หรือว่าอุ้มก้อนหินเอาไว้หนึ่งก้อน พอนานไป ก็จะเต็มไปด้วยความรักและความรู้สึก
แต่พ่อแม่บุญธรรมที่อยู่ตรงหน้าของเธอ นอกจากเธอจะเป็นเครื่องมือแล้ว เธอยังไงก็ยังคงเป็นเครื่องมือ !
อีกทั้ง เธอที่ทำเพื่อชื่อเสียงของสือมูเฉิน ก็ยังต้องมาตอบรับเงื่อนไขอะไรพวกนี้อีก
เธอพยายามซ่อนความโศกเศร้าที่มีอยู่ในใจแล้วก็เอ่ยปากว่า : “ โอเค ฉันรับปากพวกคุณ แล้วก็จะจัดการเงิน 10 ล้านให้ครบ แต่ฉันจะบอกไว้ก่อนเลยนะว่า 10 ล้านนี้ ฉันจะหาวิธีให้รวบรวมให้มันได้ อีกทั่งมันจะเป็นแค่ครั้งนี้เท่านั้น ต่อมา ไม่ว่าพวกคุณต้องการจะให้ช่วยอะไร ฉันไม่มีทางที่จะช่วยพวกคุณอีก !”
“ ได้ๆๆ รู้แล้ว !” หูซิ่วจูทำท่ารำคาญแล้วก็รีบยัดบัตรใส่มือของหลานเสี่ยวถาง : “ อย่าลืม โอนเข้ามาในบัญชี หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ พวกเราจะเป็นติดต่อเธอไปเอง ”
เธอมิองไปทางหลานเล่อซิน : “ เล่อซิน สู้หน่อย คนอื่นแย่งผู้ชายของแกไปแล้ว ถ้าไม่รู้จักจะแย่งกลับคืนมา ก็ควรที่จะไปต้นไม้ที่มันใหญ่กว่านี้ อนาคตคนที่จะเลี่ยงพ่อกับแม่ในตอนแก่ ก็ยังคงต้องพึ่งพาแก !”
พอพูดจบ เธอก็ดึงหลานไห่ฮว๋า จากนั้นก็ดึงปีกหมวกลง แล้วก็จากไป
หลานเล่อซินที่ยืนอยู่ทางเข้าซอยก็มองไปที่บัตรในมือของหลานเสี่ยวถางด้วยใบหน้าที่ขอโทษ : “ เสี่ยวถาง ขอโทษนะ พ่อกับแม่ของฉันก็เป็นแบบนี้ คอยแต่สร้างปัญหาให้เธอ ! บัตรใบนี้เอามาให้ฉันแล้วกัน ฉันจะลองหาวิธีดูว่าพอจะมีทางรวบรวมได้ไหม หรือไม่ก็ให้แม่ของสือมูเฉินช่วย ฉันจะแอบไปบอกเธอ เธอน่าจะยืมให้ฉันได้สักหน่อย……”
“ พี่คะ ไม่เป็นไร ฉันจะหาวิธีเอง ” หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าเมื่อกี้หลานเล่อซินดูเหมือนเป็นการพูดเป็นนัยสำหรับเธอความสัมพันธ์ของเธอกับโจวเหวินซิ่วที่แตกต่างกัน เธอระงับความสงสัยและพูดว่า : “ ยังมีเวลาอีกหนึ่งอาทิตย์ ถ้าหากว่าไม่ได้ยังไง ฉันจะให้พี่ช่วยและกัน !”
“ โอเคได้ ” หลานเล่อซินพยักหน้า
ในคืนนั้น โจวเหวินซิ่วยังคงดึงหลานเล่อซินไปอยู่ด้วย เช้าวันรุ่งขึ้น หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าเวลาที่ที่บ้านมีคนทำงานไม่ค่อยสะดวก ดังนั้นก็เลยเอาคอม ไปที่สวนสาธารณะ
เธอกำลังเรียนอยู่กับแจ็คที่สวนสาธารณะในตอนเช้า ในช่วงบ่ายก็แทบจะเป็นเขียนโปรแกรม เมื่อเห็นว่าพอใกล้ได้เวลา หลานเสี่ยวถางก็ซื้อผักแล้วก็ถือกลับบ้าน
พอกลับมาถึงบ้าน ก็ได้ยินว่าที่ในบ้านนั้นครึกครื้นเป็นพิเศษ
ในห้องรับแขก โจวเหวินซิ่วกำลังดูทีวี พอหลานเสี่ยวถางเดินเข้าไป ก็ได้กลิ่นหอมของกับข้าว
เธอสงสัยเล็กน้อย ก็เลยเดินไปที่ห้องครัว ก็เห็นว่าหลานเล่อซินใส่ผ้ากันเปื้อนกำลังทำกับข้าวอยู่
เธอก็อดไม่ได้ที่จะรีบเดินเข้าไป : “ พี่คะ ทำไมพี่ถึงมาทำข้าว พี่เป็นแขกนะ เดี๋ยวฉันเป็นคนทำเอง !”
หลานเล่อซินหัวเราะ : “ ไม่เป็นไร ฉันกับคุณป้าอยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ เห็นว่าพวกเธองานยุ่ง ก็เลยทำนิดหน่อย !”
“ พี่คะ ก่อนหน้านี้พี่ทำกับข้าวไม่เป็นไม่ใช่หรอ ?” หลานเสี่ยวถางถาม
“ ไม่นะ แม้ว่าเมื่อก่อนจะมีคนทำกับข้าวอยู่ที่บ้าน แต่ทว่าทุกครั้งที่มูเฉินมา จริงๆแล้วพี่จะเป็นคนทำกับข้าว……” หลานเล่อซินพูดอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วจู่ๆก็นึกขึ้นได้ก็รีบเอาปิดปาก และรีบพูดว่า : “ เสี่ยวถาง เมื่อกี้ฉันปากไวไปหน่อย พูดผิดไปหน่อย เธออย่าถือสาเลยนะ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น……”
หลานเสี่ยวถางยิ้ม : “ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรู้อยู่แล้ว ”
หลานเล่อซินพูดอีกว่า : “ ฉันรู้ว่ามาอยู่นี่มันทำให้เธอกับมูเฉินรู้สึกอึดอัดและวางตัวไม่ถูก เพราะฉะนั้น ตอนนี้ฉันกำลังหางานทำแล้ว อีกไม่นานก็คงจะได้งานแล้ว แล้วถ้าหางานได้แล้วและมีรายได้แล้ว ฉันก็จะไปเช่าบ้านอยู่ อย่างไรเสียฉันอยู่ที่นี่มันก็ไม่ค่อยเหมาะสม !”
หลานเสี่ยวถางในตอนนั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าสิ่งที่หลานเล่อซินทำนั้นจริงหรือปลอมและเธอก็หัวเราะ : “ ไม่เป็นไรค่ะ เพราะยังไงพวกเราก็แค่เพิ่มแค่ตะเกียบหนึ่งคู่ พี่คะ ไม่รู้ว่าพี่อยากจะหางานแบไหน ? ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนมหาวิทยาลัยพี่เรียนบริหารธุรกิจ……”
ในขณะนั้น โจวเหวินซิ่วก็เดินมาตรงประตูและพูดว่า : “ เล่อซิน นี่เธอกำลังหางานอยู่หรอ ?”
หลานเล่อซินหัวเราะ : “ ใช่ค่ะ ถึงอย่างไรฉันอายุยังน้อยแต่จะให้ไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ได้ ! อีกทั่งก่อนหน้าที่อยู่ต่างประเทศ ฉันก็ทำงานเหมือนกัน !”
ใบหน้าของโจวเหวินซิ่วพรั่งพรูความมุ่งมั่น : “ ยังจะต้องหาอะไรอีก มันก็มีไว้อยู่แล้ว !”
ประจวบเหมาะกับที่สือมูเฉินกลับมาจากข้างนอก เพิ่งจะวางกระเป๋าลง ได้ยินเสียงมาจากห้องครัว ก็เลยเดินเข้าไป
โจวเหวินซิ่วก็หันกลับไปพูดกับเขา : “ มูเฉิน ตอนนี้ลูกเป็น CEO ของ Times Group แล้วตอนนี้เล่อซินไม่มีงานทำ คงจะไม่ใช่เรื่องยากใช่ไหมที่จะหาตำแหน่งให้เล่อซิน ?”
“ อืม ไม่ยากครับ ” สือมูเฉิน : “ ไม่ทราบว่าคุณหลานอยากจะทำงานในด้านไหนหรอครับ ? แล้ววางแผนจะทำอาชีพอะไร ?”
“ ทำไมยังต้องเรียกคุณหลาน ? แม่บอกกับลูกเมื่อวานแล้วไม่ใช่หรอว่าไม่ต้องทำเหมือนว่าเป็นนอก?” โจวเหวินซิ่ว : “ เล่อซินเรียนจบบริหารธุรกิจมา ที่สำนักงานใหญ่ลูกก็หางานในฝ่ายการตลาดหรือไม่ก็ฝ่ายปฏิบัติการแล้วกัน ! เล่อซินไม่ได้ผ่านประสบการณ์การทำงานมาเยอะ ลูกต้องต้องคอยช่วยเหลือเธอบ้างนะ !”
สือมูเฉินพยักหน้า : “ โอเครับแม่ ผมรู้แล้ว ”
หลานเสี่ยวถางเห็นว่าหลานเล่อซินยึดครองห้องครัวเอาไว้แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงออกมาจากห้องครัว แล้วก็กำลังจะกลับไปที่ห้องเพื่อเก็บของ
เพียงแต่ว่า พอเธอเดินเข้าไปในห้องนอน ก็กลับพบว่าผ้าปูเตียงและผ้านวมถูกเปลี่ยน เธอก็เลยอดถามสือมูเฉินไม่ได้ : “ มูเฉิน คุณเปลี่ยนชุดเครื่องนอนหรอ ?”
สือมูเฉินส่ายหัว
หลานเสี่ยวถางรู้สึกสงสัยก็เลยเปิดดูตู้เสื้อผ้า ก็เห็นว่าผ้าปูที่นอนที่เธอซักและใส่ไว้ในตู้เมื่อวันก่อนไม่อยู่และดูเหมือนว่ามันจะเป็นชุดเครื่องนอนที่อยู่บนเตียงตอนนี้
เธอพอจะเดามันได้ ทันทีที่เธอเงยหน้า ก็เห็นว่าหลานเล่อซินที่สวมถุงมือทำอาหารก็เดินมาและพูดกับเธอว่า : “ เสี่ยวถาง วันนี้พี่ทำความสะอาดห้อง ก็เลยถือโอกาสช่วยพวกเธอเปลี่ยนผ้าปูที่นอนกับผ้านวมให้ ของเดิมก็ตากอยู่ตรงระเบียง วันนี้ตอนบ่ายตากเอาไว้ทั้งบ่ายแล้ว เดาว่าก็น่าจะแห้งแล้ว !”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า ในใจรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงยิ้มและพูดว่า : “ ขอบคุณนะคะพี่ ”
ในขณะนั้นเอง สือมูเฉินก็เอ่ยปากขึ้นมา : “ เล่อซิน ”
“ ห๊ะ ?” หลานเล่อซินเงยหน้าขึ้นพร้อมกับสายตาที่เป็นประกายเล็กน้อย
สือมูเฉินพูดอย่างเย็นชา : “ คุณก็จัดการแค่ห้องของคุณกับของคุณแม่ผมก็ได้แล้ว ส่วนห้องนอนผมกับเสี่ยวถาง ไม่ต้องก็ได้ครับ ”
หลานเล่อซินพยักหน้าแล้วก็รีบตอบไปว่า : “ ขอโทษด้วยนะ ตอนเช้าฉันไม่มีอะไรทำ เพราะฉะนั้นก็เลยถือโอกาสซักให้ ขอโทษนะ ต่อไปฉันจะไม่เข้ามาในห้องนอนของพวกคุณอีก !”
สือมูเฉินพยักหน้า และล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก