ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 119 ในสายตาของคนที่แคร์คุณ คุณไม่ใช่ส่วนเกิน
ไม่นานนัก อาหารก็เสร็จแล้ว หลานเล่อซินกับหลานเสี่ยวถางนำอาหารขึ้นโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
หลานเล่อซินกับโจวเหวินซิ่วนั่งอยู่ทางฝั่งเดียวกัน สือมูเฉินกับหลานเสี่ยวถางนั่งทางฝั่งเดียวกัน
ถึงแม้ว่าโจวเหวินซิ่วกับสือมูเฉินจะเป็นแม่ลูกกันแท้ ๆ ก็ตามที แต่ทว่า ในเมื่อเป็นเพราะว่ายี่สิบปีไม่ได้พบหน้ากัน ความสัมพันธ์จึงไม่ลึกซึ้งเท่ากันโจวเหวินซิ่วและหลานเล่อซิน
โจวเหวินซิ่วในตอนนี้ชี้นิ้วไปยังอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับสือมูเฉิน “มูเฉิน ดูสินี่เป็นอาหารที่แม่หนูเล่อซินทำทั้งหมดเลยนะ เมื่อถึงตอนช่วงบ่ายสามก็อดใจไว้ไม่อยู่เสียแล้ว ออกไปซื้อผัก อีกทั้งยังตั้งใจเลือกอาหารที่ลูกชอบทานที่สุดด้วยนะจ๊ะ ลูกลองชิมดูหน่อยสิว่าถูกปากหรือเปล่า?”
สือมูเฉินคีบเนื้อวัวขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ทำออกมาได้ดีมากครับ ขอบคุณนะครับ”
“ล้วนแล้วแต่เป็นคนในครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น เกรงใจอะไรกันขนาดนี้ล่ะ?” โจวเหวินซิ่วหัวเราะก่อนจะเอ่ยว่า “เมื่อก่อนตอนที่อยู่ต่างประเทศ เล่อซินก็เคยทำอาหารให้ลูกทานนี่ ฉันชอบมากเลยล่ะ ตอนนั้นฉันกำลังคิดอยู่ว่า ถ้าหากว่าฉันได้ลูกสะใภ้แบบนี้ละก็ ถ้าอย่างนั้นแล้วก็คงจะยอดเยี่ยมมากเลยล่ะ!”
ความหมายของประโยคนี้มีมากมายนัก นัยน์ตาของสือมูเฉินระคนไปด้วยความสงสัยเล็กน้อย เอ่ยว่า “แม่ครับ ตอนนี้คุณแม่ก็มีลูกสะใภ้แบบนี้แล้วนะครับ เสี่ยวถางทำอาหารก็อร่อยเหมือนกันครับ ครั้งต่อไปให้เสี่ยวถางทำอาหารที่แม่ชอบทานเสียหน่อยดีกว่า”
“อ๋อ งั้นหรือ?” รอยยิ้มของโจวเหวินซิ่วดูฝืนอยู่เล็กน้อย “เสี่ยวถางจ๊ะ เมื่อครู่นี้ฉันปากไว้ไปหน่อย เลยลืมเธอไปชั่วขณะหนึ่งเลยน่ะว่าเธอก็อยู่ด้วย!”
หลานเสี่ยวถางไม่สะดวกที่จะเอ่ยอะไร ทำได้เพียงแค่หัวเราะ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณแม่คะ ประเดี๋ยวหลังจากนี้คุณแม่อยากทานอะไร สามารถบอกฉันได้ตลอดเวลาเลยนะคะ”
เมื่อรับประทานอาหารกันเสร็จแล้ว หลานเล่อซินจะไปล้างจาน หลานเสี่ยวถางขวางเธอเอาไว้
เพียงแต่ หลังจากที่รอให้หลานเสี่ยวถางทำงานเสร็จแล้วเดินออกมานั้นเอง ก็เห็นหลานเล่อซินกับโจวเหวินซิ่วกำลังพูดคุยและหัวเราะกันอยู่ในห้องรับแขก เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ามีท่าทางของแม่กับลูกสาวคู่หนึ่งออกมาเลย
เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนิดหน่อย รู้สึกว่าในตอนนี้ตนเองกลายเป็นคนนอกไปเสียแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็ไม่ได้ไปที่ห้องนั่งเล่นอีก แต่กลับห้องพักของตนเองแทน
เมื่อผ่านห้องหนังสือ หลานเสี่ยวถางเห็นสือมูเฉินกำลังทำงานอยู่ เขาก้มหน้า และกำลังอ่านเอกสารด้วยท่าทางจริงจัง
เมื่อคิดได้ถึงเรื่องที่สองสามีภรรยาหลานไห่ฮว๋ามาหาเธอ หลานเสี่ยวถางจังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง อีกทั้งยังตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เข้าไปรบกวนสือมูเฉิน
ในเมื่อ ถ้าหากว่าหาสือมูเฉินพบเข้าแล้วจริง ๆ ครั้งหนึ่งละก็ บางที หลานไห่ฮว๋าพวกเขาก็อาจจะมาหาอีกเป็นครั้งที่สองก็ได้ เธอแต่งงานกับสือมูเฉิน ก็ส่งผลกระทบถึงเขาอยู่บ่อยครั้งเรียบร้อยแล้ว หากว่าให้เขาเพิ่มหลุมที่ไม่มีวันสิ้นสุดนี้ของหลานไห่ฮว๋าลงไปแล้วละก็ ตัวเธอเองก็คงจะเสียใจน่าดู
แต่ทว่า สิบล้านก็เป็นจำนวนที่ไม่ใช่น้อย ๆ เลย เธอในตอนกลางวัน ก็คิดหาวิธีมากมาย แต่ทว่า ในท้ายที่สุดแล้วก็คิดวิธีไหนไม่ออกเลยสักวิธีเดียว หากให้เงินกับพวกเขาทั้งสองคน หลังจากนี้ก็จะสามารถป้องกันไม่ให้พวกเขาทั้งสองคนมาตามหาเธอได้อีก
หัวใจมีความหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย หลานเสี่ยวถางเดินเข้าไปในห้องพักของตนเอง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเลื่อนดูโมเมนต์วีแชท
ด้านบน มีทั้งรูปของคนที่ไปท่องเที่ยว มีทั้งรูปของคู่รัก อีกทั้งยังมีบางคนที่สนุกนานอยู่เล็กน้อย
หลานเสี่ยวถางนึกถึงท่าทีที่โจวเหวินซิ่วมีต่อเธอ ความรู้สึกภายในหัวใจก็ยิ่งดิ่งลงต่ำ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จึงโพสต์ข้อความข้อความหนึ่งว่า มีบางครั้ง ค้นพบว่าไม่ทันไร กลับกลายเป็นคนส่วนเกินในสายตาของคนอื่นไปได้เสียนี่
หลังจากที่เธอโพสต์เสร็จ เดิมคิดอยากที่จะกีดกันสือมูเฉิน หลังจากนั้นก็คิดขึ้นมาได้อีกว่า เขากำลังยุ่งอยู่นี่นา ไม่เห็นโมเมนต์วีแชทหรอก ดังนั้นแล้ว ก็ได้แต่ช่างมัน
เธอหยิบคอมพิวเตอร์ออกมา ก่อนจะเปิดหน้าต่างการพูดคุย คิดถึงเพื่อนสมัยก่อนที่เคยรู้จักกันว่ายังอยู่หรือไม่อยู่
ในตอนนั้นเอง มีข้อความข้อความหนึ่งเด้งขึ้นมา หลานเสี่ยวถางเอ่ยดูอยู่ครู่หนึ่ง เป็นข้อความที่หร่วนฉีจากบริษัทซอฟต์แวร์คนนั้นส่งมาหา
หร่วนฉี “เสี่ยวถางจ๊ะ ช่วงนี้มีจ๊อบไพรเวทงานหนึ่งที่ทำเงินได้มากเลย เธอสามารถรับได้ไหม?”
หลานเสี่ยวถาง “จ๊อบไพรเวทอะไรหรือจ๊ะ?”
หร่วนฉี “ช่วยบริษัทบริษัทหนึ่งสร้างระบบหนึ่งขึ้นมาน่ะ ค่าตอบแทนสูงมาก แต่ทว่าความต้องการค่อนข้างยากนิดหนึ่งน่ะ เพราะว่าจำเป็นที่จะต้องทำให้เสร็จภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น”
ความสนใจของหลานเสี่ยวถางก่อตัวขึ้น ก่อนถามไปว่า “ระบบอะไรหรือ? ถ้าหากว่าฉันเข้าร่วมแล้ว มันจะแบ่งได้เท่าไหร่?”
หร่วนฉี “สร้างระบบจำลองแบบโต้ตอบระบบหนึ่งน่ะ เป็นเพราะว่าไม่ค่อยมีคนสามารถทำได้มากนัก ดังนั้นแล้วราคาในตลาดจึงค่อนข้างสูง เห็นว่าบริษัทประจำทำเงินได้ตั้งประมาณแปดแสนว่า ถ้าหากว่าพวกเรารับงานมา ตัดต้นทุนไปก็จะเหลือประมาณเจ็ดแสนกว่า หลังจากนั้น ถ้าหากพวกเราทำกันสองคนล่ะก็ แบ่งกันห้าสิบห้าสิบ เสี่ยวถางจ๊ะ เธอลองดูก่อนนะว่าสามารถทำได้ไหม? เผอิญฉันมีเพื่อน DR อยู่คนหนึ่งพอดีเลย เขาสามารถช่วยฉันได้ แต่ทว่าเวลาของเขาก็มีน้อยมาก ๆ ดังนั้นแล้วฉันก็เลยมาหาเธอแทน”
หลานเสี่ยวถาง “ส่งรายละเอียดของความต้องการมาให้ฉันหน่อยสิ”
ไม่นานนัก หร่วนฉีก็ส่งรายละเอียดความต้องการมาแล้ว หลานเสี่ยวถางลองอ่านดู จำนวนตัวเลขอ้างอิงสถิติเยอะมาก ถ้าหากว่าจะให้เสร็จภายในหนึ่งสัปดาห์ เกรงว่าอาจจะยากเย็นไปเสียหน่อย แต่ทว่า ถ้าหากว่าให้เอ่ยถึงว่าที่ทั้งสองคนก็เป็นคนที่อดหลับอดนอนแล้วละก็ มันก็ยังคงมีความหวังอยู่
ถึงแม้ว่าค่าตอบแทนของโครงการนี้จะสูงมาก เป็นเพราะว่ามันยาก แต่ถึงกระนั้น ด้านหลังของเธอก็ยังมีคุณแจ็คอยู่ ได้ความช่วยเหลือจากเขา เธอก็ถือว่ายังคงสามารถทำได้อยู่
เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ค่าตอบแทนที่เมื่อก่อนเธอได้ช่วยตระกูลฮั่วสร้างระบบเอาไว้ บวกเข้ากับเงินเดือนจากบริษัทนี้ ถ้าหากว่าเธอแบ่งรับจ๊อบไพรเวทแล้วละก็ ก็บวกขึ้นมาแล้วประมาณสี่แสน ก็จะสามารถส่งเงินให้กับสองสามีภรรยาหลานไห่ฮว๋าไปก่อนได้
ถึงแม้ว่าจะไม่พอสำหรับสิบล้าน แต่ทว่าตอนนี้ทั้งสองคนก็รับเงินไปจำนวนหนึ่งแล้ว ก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องก่อความวุ่นวายแล้ว ดังนั้น จำนวนเงินที่เหลือ เธอก็จะสามารถพูดคุยกับพวกเขา ว่าเธอจะค่อย ๆ คิดหาช่องทางและจังหวะเอาใหม่อีกครั้ง
หลานเสี่ยวถางตอบข้อความหร่วนฉีกลับอย่างรวดเร็ว อีกทั้งหร่วนฉียังบอกด้วยอีกว่า พรุ่งนี้เช้าฝั่งตรงข้ามจะส่งรายงานแผนการและรายละเอียดมาให้ หลังจากนั้น พวกเธอก็จะสามารถเริ่มทำงานได้แล้ว
ตอนค่ำ หลานเสี่ยวถางอาบน้ำ เปิดโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะเห็นว่าในวีแชทมีความคิดเห็นจำนวนไม่น้อยเลย
ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนนักเรียนที่ถามว่าเธอเป็นอะไร อีกทั้งยังมีบางคนที่ยั่วเย้าเธอ ว่าเป็นคุณนายของตระกูลร่ำรวยแล้ว ยังมีอะไรไม่พอใจอยู่อีก หรือว่าตบแต่งเข้าตระกูลร่ำรวยไปแล้วจะยังลำบากอยู่อีก?
เพียงแต่ ทันใดนั้นเอง ก็มีความคิดเห็นหนึ่งเตะตาเธอ
เป็นข้อความจากคุณ Javis ที่ส่งเข้ามา เขาเพียงแค่พิมพ์ประโยคเรียบง่ายประโยคหนึ่งเท่านั้น แต่ทว่าทันใดนั้นเองดวงตาของหลานเสี่ยวถางก็เริ่มแดงขึ้นเล็กน้อยเสียแล้ว
เขาบอกว่า ในสายตาของคนที่แคร์คุณเหล่านั้น คุณจะไม่มีทางเป็นส่วนเกินตลอดไปอย่างแน่นอน แต่ทว่าในสายตาของคนที่ไม่แคร์คุณนั้นเอง วิธีการมองของพวกเขาคุณจำเป็นที่จะต้องใส่ใจอย่างนั้นหรือ?
หลานเสี่ยวถางอ่านความคิดเห็นนี้อยู่หลายครั้ง ความรู้สึกก็ค่อย ๆ มีคำอธิบายมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
เธอตอบกลับเขาไปหนึ่งประโยคว่า คุณพูดถูก ทำให้ฉันนึกถึงประโยคหนึ่งเลยค่ะ เป็นมนุษย์ไม่ควรที่จะอ่อนไหวมากเกินไป ราวกับว่าพวกคำพูดบ้าบอเหล่านั้น มีเพียงแค่คนฟังเท่านั้นที่จดจำ ส่วนคนพูดนั้นลืมไปตั้งนานแล้ว
เป็นเพราะว่ารับงานสร้างระบบจำลองแบบตอบโต้มา ดังนั้นสองสามวันมานี้ หลานเสี่ยวถางแปรเปลี่ยนเป็นยุ่งมากกว่าเดิมแล้ว ในช่วงเช้า แทบจะยุ่ง ๆ อยู่ในร้านกาแฟหรือไม่ก็สวนสาธารณะอยู่ตลอดเวลาเลย จนกระทั่งถึงเวลาที่สือมูเฉินเลิกงาน เธอถึงกลับมา อีกทั้งช่วงเวลาทั้งคืน ก็แทบจะยุ่งอยู่ตลอดเวลา
หลังสัปดาห์ผ่านไป หลานเสี่ยวถางรับค่าตอบแทนมาอย่างง่ายดาย อีกทั้งก็ยังได้รับสายโทรศัพท์จากสองสามีหลานไห่ฮว๋าด้วย
ตอนบ่ายช่วงเวลาหกโมง ทั้งสามคนนัดกันเอาไว้ว่าจะพบหน้ากันที่ร้านกาแฟ
หลานเสี่ยวถางดันบัตรเครดิตออกไป “ในนี้มีอยู่สี่แสนค่ะ เงินที่เหลือ ฉันจะคิดหาวิธีใหม่อีกครั้งค่ะ”
เมื่อหลานไห่ฮว๋าได้ยิน สีหน้าก็แปรเปลี่ยนไปแล้ว “เสี่ยวถาง เธอหมายความว่าอย่างไร ไหนตอนแรกพูดเอาไว้เรียบร้อยแล้วนี่ แม้กระทั่งครึ่งหนึ่งตอนนี้เธอยังไม่มีเลย!”
“เรื่องของพวกคุณ ตอนนี้ฉันบอกกับสือมูเฉินแล้วค่ะ ตอนแรกเริ่มเขาให้มาเพียงแค่สองแสนเท่านั้นเอง ฉันร้องขอเขาอยู่ตั้งนาน เขาถึงให้มาได้มากมายขนาดนี้นะคะ” หลานเสี่ยวถางเอ่ย “พวกคุณก็รู้ เมื่อก่อนฉันเคยแต่งกับสือเพ่ยหลิน เขาแต่งกับฉันก็เพื่อที่จะโจมตีสือเพ่ยหลินเท่านั้น ดังนั้นแล้วเขาจะให้ฉันมากมายได้อย่างไรกันคะ! เงินจำนวนมากขนาดนี้ ก็ยากมากพอแล้วนะคะ!”
หลานไห่ฮว๋าได้ฟังแล้ว อดไม่ได้ที่จะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง อีกทั้งยังเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “อย่างไรก็แล้วแต่ยังขาดอีกหกแสน พวกเราจะให้เวลาเธออีกหนึ่งเดือนก็แล้วกัน รีบหาช่องทางหาจังหวะเสีย!”
หูซิ่วจูที่อยู่ทางด้านข้างก็ช่วยเอ่ยขึ้นมาว่า “นั่นน่ะสิ เสี่ยวถาง เธอต้องจำเอาไว้ด้วยนะ ตอนแรกการแต่งงานนี้เดิมทีเป็นของพี่สาวของเธอด้วยซ้ำนะ! เธอแย่งสามีของพี่สาวเธอไปแล้วพวกเราก็ไม่ได้ว่าอะไรเธอเลยนะ เป็นคนเธอก็ควรที่จะรู้จักบุญคุณหน่อยสิ!”
หลานเสี่ยวถางไม่อยากที่จะฟังอีกต่อไปแล้ว เธอลุกขึ้นยืนก่อนจะเอ่ยว่า “ได้ค่ะ ที่พวกคุณพูดฉันเข้าใจหมดแล้ว ฉันไปก่อนนะคะ รอให้ถึงเดือนหนึ่งก่อน แล้วพวกคุณค่อยติดต่อฉันมาอีกครั้งแล้วกันค่ะ!”
ออกจากร้านกาแฟมา เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าภายในหัวใจเหนื่อยล้าเต็มทน
ช่วงเวลาสองสามวันมานี้ อันที่จริงแล้วในทุก ๆ เที่ยงคืนนั้น เธอก็มักจะแอบย่องลุกขึ้นจากเตียง เพราะกลัวว่าจะทำให้สือมูเฉินตื่น ดังนั้นจึงหอบเอาคอมพิวเตอร์ไปทำงานในห้องน้ำ
สามแสนห้าหมื่นนั่นคือความช่วยเหลือในยามยากลำบากจริง ๆ ถึงแม้ว่าหากดูแล้วภายในหนึ่งสัปดาห์จะหาเงินมาได้มากมายขนาดนั้น แต่ทว่า เดิมนี่ก็เป็นของที่ยากมาก มีจุดไม่น้อยเลย ที่เธอจำเป็นที่จะต้องเชิญคุณแจ็คมาชี้แนะ คนธรรมดา ทำออกมาไม่ได้จริง ๆ
แต่ทว่า พ่อแม่บุญธรรมของเธอกลับ……
หลานเสี่ยวถางออกจากร้านกาแฟมา พึ่งจะถึงหน้าประตูเขตเล็กได้ครู่หนึ่งเท่านั้น ก็เห็นรถของสือมูเฉินขับเข้ามาแล้ว
เขาเห็นเธอ รถหยุดลงแล้ว หลานเสี่ยวถางช้อนสายตาขึ้น ถึงจะมองเห็น ว่าหลานเล่อซินนั่งอยู่ที่เบาะด้านข้างคนขับอยู่!
อาศัยโอกาสที่รถจอดลงแล้ว หลานเล่อซินลงมาจากรถ เมื่อเห็นใบหน้าเกร็งแข็งเล็ก ๆ ของหลานเสี่ยวถางแล้ว ก็รีบเอ่ยอธิบายขึ้นมาว่า “เสี่ยวถาง เธออย่าพึ่งเข้าใจผิดนะ ในตอนที่ฉันเลิกงานแล้ว ประจวบเหมาะกับที่สือมูเฉินขับรถผ่านมาพอดี ดังนั้นก็เลยติดสอยห้อยตามมาด้วยน่ะ……”
หลานเสี่ยวถางฝืนยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่เป็นไรค่ะ”
เพียงแต่ เมื่อเอ่ยมาถึงขนาดนี้แล้ว หลานเสี่ยงถามถึงนึกอะไรขึ้นมาได้ในทันที ในตอนช่วงเช้าของสองสามวันมานี้ โจวเหวินซิ่วเรียกสือมูเฉินให้หยุดลง บอกว่าเขากับหลานเล่อซินทำงานอยู่ใน Times Group ด้วยกัน อีกทั้งหลานเล่อซินก็ไม่มีรถด้วย ออกไปนั่งโดยสารรถไฟใต้ดินสาธารณะก็ยุ่งยากมาก ดังนั้น ก็เลยให้สือมูเฉินพาเธอไปทำงานด้วยเสียเลย
เป็นเพราะว่าช่วงนี้หลานเสี่ยวถางมัวแต่ยุ่งอยู่กับระบบนั่น แทบจะคิดอยู่อย่างเดียวเลยว่าจะทำอย่างไรให้สร้างโครงสร้างได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นแล้ว ทุกวันในช่วงเช้าได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็ไม่ได้รู้สึกถึงอะไรเลย
จนกระทั่งถึงตอนนี้ เห็นหลานเล่อซินลงมาจากรถของสือมูเฉิน เธอถึงคิดขึ้นมาได้ รู้สึกเพียงแค่ว่าร่างทั้งร่างเย็นเฉียบ
โจวเหวินซิ่วหมายความว่าอะไร ทำไมเธอจะไม่ทราบกันเล่า!
เธอคาดหวังมาโดยตลอดว่าอยากให้สือมูเฉินกับหลานเล่อซินได้อยู่ด้วยกัน ภายในหัวใจของเธอ หลานเล่อซินถึงจะเป็นลูกสะใภ้ของเธอ!
ภายในหัวใจของหลานเสี่ยวถางหนักอึ้งขึ้นเล็กน้อย ในตอนที่เข้าไปในตัวลิฟต์ ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรเลย
หลานเล่อซินอยู่ที่ทางด้านข้างของเธอ ก่อนจะรีบเอ่ยขึ้นมาว่า “เสี่ยวถาง ฉันกับสือมูเฉินไม่ได้มีอะไรกันจริง ๆ นะ ถ้าหากว่าเธอใส่ใจแล้วละก็ หลังจากนี้เวลาที่ฉันออกจากบ้าน ก็จะโดยสารรถไฟใต้ดินก็พอแล้วล่ะ ขอโทษด้วยจริง ๆ นะ!”
ประจวบเหมาะกับในตอนนั้นเอง สือมูเฉินเดินเข้ามาหลังจากที่จอดรถเสร็จแล้ว ก่อนจะกดประตูลิฟต์ของทั้งสองคนเอาไว้
เดิมตัวลิฟต์ก็ไม่ได้เก็บเสียงอยู่แล้ว หลานเสี่ยวถางรู้ เกรงว่าคำพูดของหลานเล่อซินเมื่อครู่นี้ สือมูเฉินคงจะได้ยินหมดแล้ว
เขาจะรู้สึกว่าเธอแล้งน้ำใจ แล้วถือสาเอาความไหมนะ?
ในตอนที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั่นเอง สือมูเฉินดึงเธอเข้าไปหา มือของเขาวางอยู่บนหัวไหล่ของเธอ กลับหันไปเอ่ยกับหลานเล่อซินว่า “เล่อซิน ไม่ต้องยุ่งยากมากขนาดนั้นหรอก ในเมื่อเป็นทางผ่านผมพอดี ก็สามารถลากคุณไปด้วยได้ คุณเป็นพี่สาวของเสี่ยวถาง ผมถือเสียว่าทำไปเพื่อเป็นในนามของเสี่ยวถาง พาคุณไปทำงานด้วยก็ไม่ได้หนักหนาอะไร ภายในใจของผมก็ไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิดเดียว คุณใส่ใจมากไปแล้ว กลับกันกลับแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่าคุณคิดอะไรเยอะแยะมากไปแล้ว คุณว่าไงละครับ?”
สีหน้าของหลานเล่อซินเริ่มไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว แต่ทว่าภายในระยะเวลาอันรวดเร็วต่อมาเธอกลับหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ใช่สินะ คุณพูดถูก ฉันก็เพียงแค่กังวลว่าเสี่ยวถางจะใส่ใจมากไปก็เท่านั้นเองค่ะ อันที่จริงแล้ว นับขึ้นมาแล้วพวกเราก็เป็นญาติกันทั้งหมดแล้วนี่เนอะ ฉันจะไม่คิดอะไรให้วุ่นวายค่ะ”
“เอาล่ะ เสี่ยวถางครับ ไม่อนุญาตให้คิดไปเองแล้วนะครับ นะ?” สือมูเฉินพูดไป ก่อนจะหลุบตามองหลานเสี่ยวถางด้วยสายตาลึกซึ้ง เมื่อเห็นเธอยิ้มออกมาครั้งหนึ่งแล้ว เขาจึงก้มศีรษะลงไปประกบริมฝีปากกับเธอ “ยิ้มขึ้นมาแล้วถึงจะดูดีนี่ไง!”
กระจกของตัวลิฟต์ มีเงาของคนสะท้อนอยู่ หลานเล่อซินเห็นสือมูเฉินก้มหน้าลงไปจูบหลานเสี่ยวถาง นัยน์ตาของเธอหดเกร็งเล็กน้อย ก่อนจะเบนสายตาหนีไปแล้ว