ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 123 อย่าไปเซอร์ไพรส์ใครง่ายๆแบบนี้อีกนะ
ซองเอกสารใหม่มาก แต่เอกสารในซองนั้นค่อนข้างเก่า
ผู้หญิงคนนั้นหยิบเอกสารฉบับแรกออกมา เป็นรายชื่อผู้ลงทะเบียนและบันทึกรายงานของเด็กกำพร้าที่มูลนิธิเด็กกำพร้าหลีซาน เมื่อ 25 ปีที่แล้ว
เธอดูข้อความบนนั้นทีละบรรทัดอย่างละเอียด จากนั้นจึงดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่อไป
เห็นข้อความบนนั้นเขียนไว้ว่า เป็นเพราะเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ทำให้เด็กทารกทั้งสามคนที่อยู่ในห้องนั้นขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิต มีเด็กชาย 2 คน และเด็กหญิง 1 คน ดังนั้นเด็กที่อยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้อายุน้อยสุด มีอายุเพียงแค่ 2 ขวบ 3 เดือนเท่านั้น
เมื่อเธอเปิดดูแฟ้มนั้น มือของเธอก็เริ่มสั่นเทา
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่ทุกครั้งที่เธอเห็น ภาพความทรงจำเหล่านั้นก็ค่อยๆปรากฏขึ้นอย่างเลือนลาง
จากนั้นเธอก็ดูเอกสารชุดถัดไป
เอกสารระบุว่ามูลนิธิเด็กกำพร้าเสากวางจวงได้รับบันทึกเกี่ยวกับการรับเลี้ยงทารกและเด็กเล็กในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
เธอดูเปิดดูแฟ้มเอกสารอย่างระเอียดอีกครั้ง เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด และแน่นอนว่าเธอพบชื่อของหลานเสี่ยวถางในแฟ้มเอกสาร
ในเอกสารเขียนไว้ว่า หลานเสี่ยวถางเข้ามาอยู่ในมูลนิธิเด็กกำพร้าเสากวางจวงตั้งแต่อายุเพียง 1 ขวบ และออกจากมูลนิธินี้ไปเมื่อตอนอายุ 11 ขวบ จากนั้นก็ไม่เคยติดต่อกับใครอีกเลย
เมื่อเธอเปรียบเทียบเอกสารทั้งสองฉบับดูแล้ว คิ้วของเธอก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย
ผ่านไปสักพัก เธอก็พึมพำกับตัวเองว่า :“ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าเช่นนั้นปีนั้นเธอหายไปอยู่ที่ไหน ?หรือพูดอีกอย่างก็คือ เด็กคนหนึ่งที่ประกาศออกมาว่าได้เสียชีวิตไปแล้ว แท้จริงแล้วเหลืออีกหนึ่งคนที่ยังไม่ตายจริงๆ?”
เธอเอานิ้วลูบไปที่รูปเก่าที่เหลือเพียงรูปเดียว เพราะคุณภาพของรูปนั้นต่ำเกินไป อีกทั้งยังมีเด็กหลายคน ดังนั้นจึงมองเห็นใบหน้าของเด็กเหล่านั้นแบบเลือนลาง
แต่แค่มองแวบแรกเธอก็จำเด็กสาวที่ถูกบังคับให้ยืนอยู่หน้าประตูมูลนิธิเด็กกำพร้าได้อย่างรวดเร็ว
“เป็นลูกจริงๆ เหรอ?” เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ:“ลูกสาวของฉัน…”
ในเวลานี้ เมื่อหลานเสี่ยวถางกับสือมูเฉิน และหยานชิงเจ๋อมาถึงเกาะใกล้เคียง โทรศัพท์มือถือของสือมูเฉินก็ดังขึ้น
เขากดรับสาย :“เพ่ยหลิน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“คุณอาครับ ทางแบรนด์ honor ได้ติดต่อมาและแจ้งว่าให้พวกเราทั้งสามคนไปที่นั่นในสัปดาห์หน้า” สือเพ่ยหลินกล่าวว่า:“พวกเขายินดีจะคุยเรื่องกระบวนการผลิตยา!”
สือมูเฉินจ้องเขม็ง:“พวกเขาแจ้งเหตุผลหรือไม่?”
สือเพ่ยหลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า: “พวกเขาไม่ได้พูดอะไรเลย พูดแค่ประโยคเดิมให้พวกเราทั้งสามคนไปที่นั่นในสัปดาห์หน้า”
“โอเค อาเข้าใจแล้ว อาจะพาเสี่ยวถางไปด้วย” สือมูเฉินวางสายแล้วเดินตรงไปข้างๆของหลานเสี่ยวถาง: “เสี่ยวถาง บางทีข้อมูลประวัติชีวิตของคุณอาจถูกเปิดเผย”
หลานเสี่ยวถางรู้สึกตกใจทันที: “อะไรนะ?”
“ทางแบรนด์ honor ได้เปลี่ยนใจแล้ว” สือมูเฉินกล่าว:“ผมเดาว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกับคุณยายหลัวซือ วันนั้นเธอมองมาที่คุณสองสามรอบ”
หัวใจของหลานเสี่ยวถางเต้นไม่เป็นจังหวะ: “มูเฉิน คุณคิดว่าฉันจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขาจริงๆไหม?”
ใครก็ตามที่รู้ว่าตัวเองนั้นจู่ๆก็มีความเกี่ยวข้องกับอำนาจมืดจากต่างประเทศ ต้องรู้สึกสับสนและกังวลใจอย่างมากแน่นอนเลยล่ะ ?
“มันยากที่จะคาดเดา” ซือมู่เฉินกล่าว :“แต่ในโลกนี้ไม่มีใครที่เหมือนกันมากโดยไม่มีเหตุผล แต่ว่า……เสี่ยวถาง ไม่เป็นไรนะผมจะอยู่เคียงข้างคุณเอง”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา หลานเสี่ยวถางรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา: “แล้วเราจะเดินทางกลับไปที่หนิงเฉิงกันเมื่อไหร่คะ?”
“น่าจะเป็นพรุ่งนี้ วันนี้พักผ่อนอีกหน่อย ดาดว่าอีกไม่นานสีเกอก็จะมาถึงในไม่ช้านี้” สือมูเฉินมองไปยังหาดทรายสีขาวข้างหน้า: “ไปกันเถอะ เราไปถ่ายรูปกัน”
หลานเสี่ยวถางมองดูกางเกงขาสั้นและแขนสั้นเรียบง่ายที่ตัวเองสวมใส่อยู่นั้น : “ฉันใส่ชุดแบบนี้ถ่ายรูปมันจะดูน่าเกียจไปไหมคะ?”
“ไม่เป็นไร พี่สะใภ้ พี่เฉินไม่ได้บอกพี่หรือ ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตกแต่งภาพเชียวนะ พี่แค่เป็นแบบในการถ่ายรูปก็พอ เดี๋ยวกลับไปผมจะแต่งรูปให้เป็นชุดแต่งงานเลย!” ในขณะที่พูดอยู่นั้น หยานชิงเจ๋อก็ถือกล้องอยู่ในมือและกำลังมองหาสถานที่เพื่อถ่ายรูป
เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ฟังคำพูดของเขา เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า :“ช่างมันเถอะ เอาสีสันแบบธรรมชาติอ่ะดีแล้ว ! ชายหาดที่นี่สวยงามมาก มันไม่จำเป็นต้องแต่งรูปก็น่าจะสวยงามมากอยู่แล้วล่ะ!”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยได้ถ่ายรูปคู่กับสือมูเฉินสักเท่าไหร่เลย
ดังนั้น ส่งผลให้ทั้งสามคนมีช่วงเวลาดี ๆ กับการถ่ายภาพบนชายหาด หยานชิงเจ๋อยังใช้บลูทูธเพื่อส่งภาพถ่ายที่ดีไปยังโทรศัพท์มือถือของทั้งสองคนอีกด้วย จากนั้นหลานเสี่ยวถางจึงเลือกฉากที่เป็นภาพธรรมชาติตั้งเป็นพื้นหลังของโทรศัพท์ อีกรูปหนึ่งเป็นรูปที่ตัวเองอยู่บนชายหาดตั้งค่าเป็นรูปโปรไฟล์บน WeChat
ทันทีที่หลานเสี่ยวถางเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ โทรศัพท์ของเธอก็สั่นถี่ๆ เธอเปิดดู มันเป็นข้อความจากเฉียวโยวโยว: “สาวน้อย พอดีเลยวันนี้ฉันไม่ค่อยยุ่ง ฉันเพิ่งเห็นตั๋วและราคาไม่แพง ดังนั้นฉันเลยจะไปเจียนปอที่ประเทศอังกฤษ และเมื่อไปถึงลอนดอนแล้ว จะเที่ยวสองสามวันค่อยกลับมา อย่าคิดถึงฉันให้มากนักล่ะ!”
หลานเสี่ยวถางยิ้มและพูดว่า:“ทำไมไม่รอไปช่วงวันหยุดยาววันชาติล่ะ?”
“ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้นนั่นแหล่ะ โดยเฉพาะเป็นวันหยุดยาวกว่าหน่อย แต่เมื่อดูราคาตั๋วมันแพงเกินไปแล้ว ดังนั้นจึงเดินทางก่อนล่วงหน้า” เฉียวโยวโยวกล่าว :“เธอห้ามบอกเจียนปอล่ะว่าฉันจะเดินทางไปหาเขา ฉันถามเขาแล้ว ช่วงนี้เขาบอกว่ากำลังเป็นช่วงสอบ พอคืนนี้เขาสอบเสร็จ เมื่อฉันเดินทางไปถึงก็เป็นโอกาสดีที่จะไปเซอร์ไพรส์เขาพอดี!”
“โอเค อย่าลืมอัพเดตรูปเมื่อเดินทางไปถึงด้วยล่ะ!” หลานเสี่ยวถางกล่าว
“ไม่มีปัญหา แค่นี้แหละ กระเป๋าที่โหลดใต้ท้องเครื่องของฉันมาถึงแล้ว ฉันจะนั่งแท็กซี่ไปหาเขาทันที!” หลานเสี่ยวถางสามารถสัมผัสความตื่นเต้นของเฉียวโยวโยวได้ผ่านทางโทรศัพท์เลยล่ะ
หลายปีที่ผ่านมานี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเฉียวโยวโยวและเจียนปอดีแค่ไหนนั้น หลานเสี่ยวถางก็รู้มาโดยตลอด
ว่ากันว่าใครคนหนึ่งจะรักหรือไม่รักอีกคนหนึ่งนั้น แค่มองเธอก็สามารถดูออกแล้ว
เฉียวโยวโยวเป็นผู้หญิงที่อารมณ์ดี แม้แต่ทุกฤดูกาลของพายุใต้ฝุ่นเธอยังคงจำได้และต้องเตือนเจียนปอให้ปิดหน้าต่างตลอด
เธอรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยสำหรับเขาที่จะต้องอาศัยอยู่ต่างประเทศคนเดียว ขอเพียงเธอมีเวลาว่างให้ส่งของได้ เธอก็จะส่งของไปให้เขาอยู่เสมอ
เขาแก่กว่าเฉียวโยวโยวสองปี ดังนั้นก่อนที่เฉียวโยวโยวจะเรียนปริญญาโทนั้น ฟู้เจียนปอก็อาศัยอยู่ที่นั่นสองปีแล้ว
หลังจากนั้นเฉียวโยวโยวสมัครเรียนระดับปริญญาโท และฟู้เจียนปอก็สมัครเรียนต่อระดับปริญญาเอก ปีนี้เฉียวโยวโยวเรียนจบการศึกษา และวิทยานิพนธ์ของฟู้เจียนปอก็เขียนใกล้เสร็จแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็น่าจะกลับมาแล้ว และเมื่อถึงเวลานั้นก็สามารถหางานที่ดีทำในหนิงเฉิงได้ จากนั้นก็พร้อมที่จะซื้อบ้านและพร้อมแต่งงานด้วยกันแล้วแน่ๆ
ในเวลานี้ เฉียวโยวโยวกำลังลากกระเป๋าเดินทางหนักๆ โดยมีเสื้อผ้าของเธออยู่เพียงไม่กี่ชิ้น และส่วนที่เหลือทั้งหมดเป็นสิ่งของที่นำมาให้กับฟู้เจียนปอ
แม้ว่าฟู้เจียนปอกำลังจะสำเร็จการศึกษาในไม่ช้านี้ แต่เธอมักจะกลัวว่าเขาขาดสิ่งของ และถ้าเป็นไปได้เธอคงจะแบกของมาให้เขาทั้งบ้านแล้วล่ะ
เธอนั่งแท็กซี่จนถึงลานเล็กๆ ที่ฟู้เจียนปอได้เช่าเอาไว้
เจ้าของบ้านเป็นผู้หญิงอายุ 50 ปี เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู และเมื่อเธอเห็นเฉียวโยวโยว เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า:“คุณผู้หญิงคะ คุณกำลังมองหาใครอยู่คะ?”
“ขอโทษนะคะ คุณ Leo อาศัยอยู่ที่นี่หรือไม่คะ? ฉันเป็นเพื่อนของเขาค่ะ” เฉียวโยวโยวกล่าว
ภรรยาเจ้าของบ้านพูดว่า :“ใช่ เขาอาศัยอยู่ที่นี่ แต่เขายังไม่กลับจากมหาลัย แต่แฟนสาวของเขาอยู่ในบ้าน”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เจ้าของบ้านพูด เฉียวโยวโยวกระพริบตาราวกับว่าเธอได้ยินไม่ค่อยชัด: “คุณผู้หญิงคะ คุณพูดว่าใครอยู่ที่บ้านคะ?”
“แฟนของคุณ Leo ไง เฮ้ เธอกำลังเดินลงมาข้างล่างแล้ว” ภรรยาเจ้าของบ้านชี้ไปที่สาวสวยเอเชียที่เพิ่งเดินลงมา
เฉียวโยวโยวมองไปที่หญิงสาวที่กำลังเดินมา และทันใดนั้น จิตใจของเธอก็ว่างเปล่าทันที
เธอยืนอยู่กับที่ เธอนั้นยังคงจับที่จับกระเป๋าเดินทางไว้ในมือแน่น และร่างกายของเธอกลับสั่นสะท้านไปทั้งตัว
ไม่ ถ้าเกิดเธอมาผิดที่ล่ะ? อาจจะไม่ใช่คุณ Leo คนเดียวกันก็เป็นได้ ?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ในที่สุดเฉียวโยวโยวจึงหาข้ออ้างให้กับตัวเอง เมื่อเห็นหญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ เธอยิ้มให้เธอพร้อมถามว่า: “ขอโทษนะคะ คุณรู้จักฟู้เจียนปอไหมคะ?”
หญิงสาวพยักหน้าและพูดเป็นภาษาจีนกลางว่า:“รู้จักสิ ก็ฉันเป็นแฟนของเขา แล้วคุณคือ?”
ชั่วขณะหนึ่ง เฉียวโยวโยวรู้สึกเหมือนโดนตบหน้ากลางสี่แยกจนแทบจะยืนไม่ไหว อย่างไรก็ตาม ทั้งๆที่เธอเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง แต่ในเวลานี้ ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นฝ่ายผิดยังไงยังงั้นแหละ!
“ฉันก็เป็น……” เฉียวโยวโยวบีบที่จับของรถเข็นแน่น และในขณะที่เธอพูดอยู่นั้นเธอกลับควบคุมสติได้ดี :“ฉันเป็นเพื่อนบ้านของคุณยายของเขา ฉันมาติดต่อธุรกิจที่นี่ และคุณยายของเขาขอให้ฉันนำของมาฝากเขาค่ะ ”
“โอ้ จริงเหรอคะ ขอบคุณคุณมากนะคะ! คุณทำงานแล้วเหรอคะ จากที่ฉันดูคุณยังเด็กมากอยู่เลย!” หญิงสาวยิ้มและพูดว่า “เชิญเข้ามาก่อนสิคะ อีกสักครู่เขาก็จะกลับมาแล้ว คุณเข้ามานั่งก่อนเถอะคะ!”
เมื่อพูดจบ หญิงสาวก็เดินไปที่ชั้นสองพร้อมกับเฉียวโยวโยว และเมื่อเธอเดินขึ้นไปชั้นบน หญิงสาวคนนั้นก็ช่วยเธอถือสัมภาระที่เธอแทบจะถือคนเดียวไม่ไหวอยู่แล้ว
เมื่อถึงชั้นสอง หญิงสาวเปิดห้อง เฉียวโยวโยวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจเดินเข้าไป
ตรงหน้าเธอนั้น เป็นเตียงเดี่ยว มีผ้านวมที่ใช้ห่มสำหรับคนสองคนอยู่บนเตียง และยังมีชุดชั้นในของหญิงสาว
ดูเหมือนว่าจะไม่มีของผู้ชายอยู่ในนี้เลย?
เฉียวโยวโยวเริ่มหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองอีกครั้ง เธอถามว่า:“นี่คือห้องของคุณหรือ?แล้วคุณLeo พักอาศัยอยู่ที่ไหนล่ะคะ เดี๋ยวฉันจะได้เอาของไปไว้ให้เขา”
“เขาอาศัยอยู่ที่นี่ไง” ในขณะที่หญิงสาวพูดอยู่นั้น เธอเดินไปที่โต๊ะตรงหน้าต่างแล้วพูดด้วยน้ำเสียง “โอ้” และพูดอย่างช่วยไม่ได้: “ตอนเช้าเขารีบร้อนออกไป จนลืมพกหนังสือเล่มนี้ไปด้วยเลย เมื่อวานเขายังบอกว่าเขาจะเอาไปทบทวนในห้องเรียนด้วย!”
เฉียวโยวโยวปล่อยมือจับสัมภาระโดยไม่รู้ตัวแล้วเดินตรงไปที่หน้าต่าง
แสงแดดสาดส่องเข้ามาจากด้านนอก เธอหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา และเห็นลายมือที่เธอคุ้นเคยมาก
นิ้วของเธอสั่น สายตาของเธอค่อยๆมองสำรวจเล็กน้อย และเธอเห็นเสื้อผ้าแขวนผสมกันระหว่างของผู้ชายและผู้หญิงในตู้เสื้อผ้าที่บานเลื่อนตู้เสื้อผ้านั้นเปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง
ในตู้เสื้อผ้านั้น มีเสื้อโค้ทกันฝนของผู้ชายอยู่ตัวหนึ่งที่สะดุดตาเธอ
เสื้อตัวนั้นเป็นเสื้อที่พวกเขาไปซื้อด้วยกัน จำได้ว่าสมัยที่พวกเขาเรียนอยู่ที่ลอนดอนด้วยกันนั้น แม้ว่าจะไม่ใช่โรงเรียนแห่งเดียวกัน แต่ว่าพวกเขาจะนัดพบกันทุกสุดสัปดาห์
ในวันนั้น อากาศค่อนข้างเย็น และเธอสวมเสื้อน้อยมาก เขาก็เช่นกัน
ดังนั้นพวกเขาจึงไปที่ร้านและซื้อเสื้อกันฝนด้วยเงินที่เหลืออยู่ในบัตรไม่ค่อยมาก และได้เสื้อกันฝนตัวนั้นมา
ตอนนั้นเขาบอกว่าเขาจะซื้อให้เธอ แต่เธอบอกว่าเขาควรซื้อให้กับตัวเอง ในเวลาที่เดินด้วยกันอยู่นั้น เขาสามารถอ้าแขนและสวมกอดเธอให้อยู่ในเสื้อกันฝนตัวนี้ได้
เมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองเสื้อกันฝนตัวนั้นของเฉียวโยวโยวแล้ว หญิงสาวก็มองตามเฉียวโยวโยวและพูดว่า :“คุณ Leo ชอบชุดนั้นมาก และฉันคิดว่าเมื่อเขาใส่แล้วเขาดูดีมาก มีอยู่ครั้งหนึ่งเราออกไปเที่ยวด้วยกันแล้วเจอฝน เขายังใช้มันกันฝนให้กับฉันด้วยล่ะ ……”
ในมุมที่แสงแดดสาดส่องไม่ถึง ทันใดนั้น มือของเฉียวโยวโยวก็บีบโต๊ะที่อยู่ข้างหน้านั้นอย่างแรง เป็นเพราะเธอใช้แรงมาก เล็บของเธอก็เกือบจะหักเพราะไม้เนื้อแข็งของโต๊ะนั้นอีกด้วย
เธอยังคงใช้แรงต่อเนื่อง เพื่อพยายามฝืนให้สีหน้าของเธอดูปกติที่สุด
ดังนั้น เสื้อผ้าที่เขาจะใช้คลุมกันลมกันฝนให้กับเธอนั้น ในตอนนี้ ถูกใช้กับผู้หญิงคนอื่นแล้ว?
เฉียวโยวโยวรู้สึกว่าเธอไม่สามารถอยู่ในห้องนี้ได้อีกต่อไป เธอหันหลังกลับและเดินไปที่สัมภาระ จากนั้นนั่งยอง ๆ แล้วเปิดซิป และหยิบทุกสิ่งที่เธอเตรียมไว้ให้เขาออกมา: “คุณเอาของพวกนี้ให้กับเขาเถอะ!อีกสักพักฉันยังมีการประชุม ไว้เจอกันทีหลัง ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“พี่สาวคะ คืนนี้มาทานข้าวด้วยกันดีไหมคะ อีกไม่นานคุณ Leo ก็จะกลับมาแล้วล่ะคะ!” หญิงสาวเห็นว่าเธอนั้นส่งของมามากมาย รู้สึกเกรงใจอย่างมาก เธอเหลือบมองดูผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ยังไม่ได้เปิดใช้บนโต๊ะนั้น และยื่นให้กับเฉียวโยวโยว: “พี่สาวคะ ครีมทามือนี้ใช้ดีมากเลยนะคะ พี่ลองเอาไปใช้ดูนะคะ!”
“ขอบคุณนะ แต่ฉันยังมีงานสำคัญรออยู่ ดังนั้นฉันต้องไปก่อนแล้ว ” เฉียวโยวโยวแม้แต่ความคิดที่จะปฏิเสธก็ไม่มีแล้ว เธอรีบลากสัมภาระและยืนขึ้น: “ลาก่อน”