ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 13 เมื่อช่วงเช้าเรายังเป็นญาติกันอยู่เลย
หลานเสี่ยวถางเดินอย่างแข็งทื่อมาอยู่ตรงหน้าเขา เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อย“มันไม่สวยใช่ไหมคะ……หรือว่าฉันควรเปลี่ยนชุดใหม่ดีคะ?”
สือมูเฉินไม่ตอบ แต่จับมือเธอเดินไปที่หน้ากระจก แล้วยิ้มเบาๆ “คุณยังไม่ได้ส่องกระจกใช่ไหม”
ใช่จริงๆ ด้วยเธอยังไม่ได้ส่องกระจก
หลานเสี่ยวถางเงยหน้าขึ้นมองดูตัวเองในกระจก เธอมีอาการเขินเล็กน้อย
ไม่รู้นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้เห็นตัวเองในสภาพแบบนี้?
ตอนที่เธอเรียนมหาวิทยาลัยแม้ว่าพ่อแม้บุญธรรมจะปฏิบัติต่อเธอแบบปกติทั่วไป แต่คุณหญิงหลานก็รักเธอมาก
เธอเคยสวมใส่ชุดที่สวยงามและได้รับคำชมมากมาย
อย่างไรก็ตามช่วงเวลาสองปีแห่งการทำงานหนัก ทำให้รูปร่างหน้าตาของเธอเปลี่ยนไปไม่เหมือนตอนแรก ตอนนี้เธอหวนคิดถึงอดีต รู้สึกเหมือนอยู่คนละโลก
“สวยมาก เอาตัวนี้แหละ” สือมูเฉินเดินไปชำระเงิน“เดี๋ยวผมไปชำระเงิน”
“คุณอา” หลานเสี่ยวถางรีบคว้ามือเขาไว้ “เอ่อ เดี๋ยวฉันจ่ายเงินเองค่ะ…”
สือมูเฉินไม่สนใจเธอ เขาเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์คิดเงิน
หลังจากชำระเงินเสร็จเรียบร้อย สือมูเฉินก็พาหลานเสี่ยวถางไปที่ร้านรองเท้าที่ชั้นหนึ่ง
“คุณอา ฉันมีรองเท้าอยู่แล้ว ไม่ต้องซื้อหรอก……” คำพูดของเธอกลายเป็นอากาศสำหรับสือมูเฉิน
ตลอดช่วงบ่ายสือมูเฉินพาเธอไปซื้อตั้งแต่กระโปรงไปจนถึงรองเท้าและกระเป๋า และสุดท้ายก็พาไปที่ร้านเสริมสวยเพื่อจัดแต่งทรงผม
เมื่อเธอเห็นตัวเองในกระจก หลานเสี่ยวถางแทบจะจำตัวเองไม่ได้
อันที่จริงผิวพรรณและโครงหน้าของเธอก็สวยอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะเมื่อก่อนโดนแดดบ่อยผิวเลยจะออกเหลืองๆ นิดหน่อย ตอนนี้เธอแต่งหน้าอ่อนๆ ผิวพรรณเลยดูดีขึ้นมามาก ดูไม่เหมือนเธอในก่อนหน้าไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว
เมื่อออกมาจากร้านเสริมสวย สือมูเฉินมองดูนาฬิกาของเขา “ยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนจะถึงเวลาจัดงานเลี้ยงฉลองการหย่าร้าง เดี๋ยวสักพักคุณออกไปเรียกแท็กซี่นะ”
“คุณอา วันนี้ใช้เงินไปสามพันแปดร้อยหยวน ตอนนี้ฉันมีเงินสดไม่มาก ถือว่าคุณอาให้ฉันยืม ฉัน……” หลานเสี่ยวถางพูดตะกุกตะกัก “รอให้ฉันหางานทำให้ได้ก่อน……”
“ทำอาหารให้ผมครั้งละร้อยหยวน ทำความสะอาดบ้านครั้งละห้าสิบหยวน” สือมูเฉินพูดทิ้งท้าย“หลังจากทานอาหารเสร็จอย่าเพิ่งไปไหน ให้รอผมก่อน”
หลานเสี่ยวถางรู้สึกประหลาดใจ “คุณอาก็ไปอวิ๋นไห่ฮวาเฉิงเหมือนกันหรือคะ?”
“เธอลืมไปแล้วหรือ เมื่อช่วงเช้าเรายังเป็นญาติกันอยู่เลย?” สือมูเฉินกล่าวพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น “แล้วเจอกัน!”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา หลานเสี่ยวถางสวมใส่รองเท้าส้นสูงเดินไปที่หน้าประตูห้องวีไอพีของอวิ๋นไห่ฮวาเฉิง
ก่อนที่จะเข้าไป เธอได้ยินคำบ่นของเฉินจื่อโร่ว”สามีคะ ทำไมหลานเสี่ยวถางยังไม่มาอีกคะ?
“โร่วโร่ว วางใจเถอะ วันพรุ่งนี้มีการประมูลเธอคงไม่พลาดที่จะมาหรอก” เสียงของสือเพ่ยหลินอ่อนโยนเป็นพิเศษ“พ่อแม่ของผมมาวันนี้พอดี ผมจะแนะนำให้คุณรู้จักกับพวกเขาอย่างเป็นทางการ ”
“ขอบคุณนะคะสามี ฉันรักคุณที่สุดเลย!” เฉินจื่อโร่วพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง
หลานเสี่ยวถางทำเป็นไม่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องวีไอพี
คนสองคนในห้องวีไอพีต่างก็ตกตะลึงโดยเฉพาะเฉินจื่อโร่ว เมื่อพวกเขาเห็นหลานเสี่ยวถางมาในชุดสีแดงคอวี สีหน้าประหลาดใจในตอนแรก จากนั้นก็เป็นสีหน้าแห่งความแค้นที่มีความกังวลแฝงอยู่?
เมื่อเธอเห็นว่าสือเพ่ยหลินยังคงมองดูหลานเสี่ยวถาง เธออดไม่ได้ที่จะพูดอย่างฉะฉาน“สามีคะ คุณคิดว่าเสื้อผ้าของเธอเป็นผู้ชายอื่นซื้อให้เธอหรือเปล่าคะ?”
ประโยคเดียวสามารถเปลี่ยนสือเพ่ยหลินจากการจ้องมองหลานเสี่ยวถางด้วยความประหลาดใจเป็นความรังเกียจได้สำเร็จ เขาขมวดคิ้วแน่น“ต่อให้เธอแต่งตัวดีแค่ไหนก็ยังต้องแพ้ให้คุณอยู่ดี!”
เมื่อเฉินจื่อโร่วได้ยินสิ่งนี้เธอก็ยิ้มแก้มปริ เธออาศัยในขณะที่สือเพ่ยหลินไม่สนใจ จงใจเลิกคิ้วขึ้นยั่วยุหลานเสี่ยวถาง
เธอไม่สนใจพวกเขา เธอเลือกที่นั่งใกล้ประตูแล้วก้มหน้าเล่นโทรศัพท์
ราวกับว่าสิ่งที่ยั่วยุนั้นไม่มีคุณค่าสำหรับเธอ สือเพ่ยหลินรู้สึกไม่สบายใจ แต่เขาไม่มีที่ระบาย ดังนั้นเขาจึงจิบชาอย่างเบื่อหน่าย
ในเวลานี้ก็มีเสียงฝีเท้าข้างนอกดังขึ้น และประตูห้องวีไอพีก็เปิดออกอีกครั้ง
หลานเสี่ยวถางเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเป็นพ่อแม่ของสือเพ่ยหลิน และตามมาด้วยพ่อแม่บุญธรรมของเธอ
เธออดไม่ได้ที่จะยืนขึ้นเรียกพ่อแม่บุญธรรมของเธอ แล้วก็ทักทายพ่อแม่ของสือเพ่ยหลิน “คุณลุงคุณป้าสวัสดีค่ะ”
ทั้งสองรู้ว่าหลานเสี่ยวถางและสือเพ่ยหลินหย่าร้างกันแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงพยักหน้าเบาๆ แต่พ่อแม่บุญธรรมของเธอรู้สึกประหลาดใจมาก “เสี่ยวถาง เรียกพ่อแม่สามีว่าอะไรนะ?”
“เรื่องนี้ค่อยคุยกันนะครับ เชิญนั่งก่อนครับ!” สือเพ่ยหลินลุกขึ้นแล้วสั่งพนักงานเสิร์ฟ“เสิร์ฟอาหารได้!”
เมื่ออาหารมาเสิร์ฟหมดแล้ว สือเพ่ยหลินก็ยืนขึ้นแล้วพูดกับทุกคนว่า“รับประทานอาหารร่วมกันในวันนี้ล้วนแต่เป็นคนในครอบครัวกันเองทั้งนั้น ผมมีสิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องประกาศให้ทุกคนได้ทราบกัน”
เมื่อเขาพูดจบ เขาก็หยิบใบสำคัญการหย่าออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้ววางไว้ต่อหน้าทุกคน “เสี่ยวถางกับผมได้หย่ากันอย่างเป็นทางการแล้ว”
“อะไรนะ!” หลานไห่ฮว๋าพ่อบุญธรรมของหลานเสี่ยวถางมองไปที่หลานเสี่ยวถางทันที “เสี่ยวถางทำไมถึงหย่ากับสือเพ่ยหลิน?!”
“เพราะ” ก่อนที่หลานเสี่ยวถางจะพูด สือเพ่ยหลินได้พูดแทรกขึ้นมาก่อน“เพราะเสี่ยวถางไม่สามารถมีลูกได้ ดังนั้นพวกเราจึงมีทางเลือกไม่มากนัก”