ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 133 ความยาวความลึกที่ทำให้คนสนุกสนานไปกับมันเป็นอย่างมาก
เป็นเพราะว่าเธออิงแอบแนบชิดและซบอยู่ในอ้อมกอดของหญิงคนนั้น ดังนั้น หยาดน้ำตาของเธอที่ไหลออกมาจึงตกกระทบลงบนแขนของผู้หญิงคนนั้นเข้าอย่างจัง
ร่างทั้งร่างของหญิงคนนั้นแข็งค้างในทันที ราวกับว่าค้นพบอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง หลังจากนั้นจึงยกมือขึ้นแล้วสัมผัสเข้าไปที่ซีกแก้มของหลานเสี่ยวถาง
เป็นไปตามคาด สัมผัสได้ถึงหยาดน้ำตาที่นองหน้าแล้ว
“ทำไมถึงร้องไห้ได้ล่ะ?” น้ำเสียงของหญิงคนนั้นเปลี่ยนไปเป็นตื่นตระหนก “มีตรงไหนที่ไม่สบายหรือเปล่าจ๊ะ? ให้ฉันส่งเธอเข้าโรงพยาบาลไหม?”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้ไม่สบายตรงไหนเลย……” หลานเสี่ยวถางกัดริมฝีปากเอาไว้ ไม่ต้องการให้เสียงร้องไห้ของตนเองดังสะอื้นออกไป
เธอเพียงแค่ คิดถึงแม่ขึ้นมาก็เท่านั้นเอง……
เธอจะกล้าบอกเหตุผลนี้ออกไปได้อย่างไรกันล่ะ? อีกทั้งยังต่อหน้าของผู้หญิงที่เดิมก็ไม่รู้สถานะกันอีกด้วย
เสียงของผู้หญิงที่ดังขึ้นจากทางด้านข้างดูเด็กมาก เกรงว่า คงจะอายุราว ๆ สามสิบกว่าปีแน่ ๆ เธอจะกล้าพูดออกไปได้อย่างไร ความรู้สึกที่เธอมีต่อเธอ ราวกับว่าหาแม่ที่ไม่เคยมีมาเจอแล้วน่ะ?
“ถ้าอย่างนั้นแล้วหรือว่าจะกลัว?” หญิงคนนั้นเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นแล้วฉันส่งเธอกลับบ้านดีไหมจ๊ะ? บ้านของเธออยู่ที่ไหน ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว เธอโทรศัพท์หาคนที่บ้านของเธอให้รีบมารับเธอดีไหมจ๊ะ?”
“ไม่ละค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเพียงแค่อยากร้องไห้นิดหน่อยเท่านั้นเองค่ะ……” หลานเสี่ยวถางได้ยินคำพูดที่เป็นห่วงเป็นใยของเธอ รู้สึกเพียงแค่ว่าความรู้สึกเจ็บจี๊ดภายในหัวใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ของคุณนะคะ……ขอโทษนะด้วยนะคะ ฉันร้องไหนจนทำคุณเลอะเทอะไปหมดแล้วหรือเปล่าคะเนี่ย?”
“ไม่จ้ะ” น้ำเสียงของหญิงคนนั้นแฝงไปด้วยความเวทนา “ถ้าหากว่าอยากจะร้องไห้ งั้นก็ร้องออกเลยได้เลย! ไม่ต้องกังวลนะ สำหรับเธอฉันไม่รังเกียจเลยจ้ะ”
หลานเสี่ยวถางในตอนนี้จมอยู่กับความรู้สึกดำดิ่งของตนเองเป็นที่เรียบร้อยไปทั้งหมดแล้ว จึงไม่ได้รับรู้และสัมผัสถึงคำพูดของหญิงคนนั้นเมื่อครู่นี้เลย
เพียงแต่ รู้สึกเพียงแค่ว่าทางด้านหลังมีมือของหญิงสาวคนนั้นตบอยู่เบา ๆ นั่นจึงทำให้หัวใจของเธอราวกับได้รับการเยียวยา เธออดไม่ได้ที่จะเข้าไปใกล้หญิงคนนั้นมากขึ้น สูดดมกลิ่นบนร่างของเธอ ก่อนจะก้มหน้าส่งเสียงร้องออกมา
ตั้งแต่ที่เธอจำความได้ ชีวิตทั้งหมดก็อยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ามาโดยตลอด
ตอนนั้น นอกจากความริษยาลูกของท่านผู้อำนวยการแล้ว ช่วงเวลาอื่น อันที่จริงก็นับว่ามีความสุขดี
เพราะหากไม่มีการเปรียบเทียบก็จะไม่มีการได้รับบาดเจ็บ ข้างกายของเด็กที่ไม่มีบิดามารดาอยู่เคียงข้าง นั่นก็นับได้ว่าเป็นความพิการตั้งแต่กำเนิดแล้วล่ะ เธอมีมือมีเท้าครบ นั่นก็นับว่าเป็นความเมตตาของสวรรค์แล้ว
หลังจากนั้น หลังจากที่เข้าสู่ตระกูลหลานแล้ว เธอจึงค่อย ๆ เริ่มริษยาเด็กที่มีบิดามารดาอยู่กันครบ
เป็นเพราะว่าตอนนั้นมีท่านผู้หญิงหลานอยู่ ดังนั้นแล้วทุกคนในบ้านก็เลยมองเธอกับหลานเล่อซินที่นับว่ายังเมตตาอยู่ในระดับเดียวกันอยู่
เพียงแต่ อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีความแตกต่างอยู่เล็กน้อยอยู่ดี
ยกตัวอย่างเช่น เธอหกล้มได้รับบาดเจ็บ หลานไห่ฮว๋าก็ทำเพียงแค่ชี้นิ้วไปยังกล่องปฐมพยาบาล ให้เธอไปจัดการบาดแผลด้วยตนเอง แต่ทว่าถ้าหากเป็นหลานเล่อซินได้รับบาดเจ็บแล้วละก็ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่บาดแผลเล็กน้อย หูซิ่วจูก็จะตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก และจะวิ่งเข้ามาประคบประหงมเธอ
เธอชอบเปียโน แต่ทว่า ไม่มีโอกาสได้ร่ำเรียน ทำได้เพียงแค่ยืนอยู่ทางด้านข้างของหลานเล่อซิน ในตอนที่คุณครูกำลังสอนหลานเล่อซินอยู่ เธอก็แอบเรียนมาได้อยู่เล็กน้อย
รอบละเอียดมากมาย ในการเปรียบเทียบเช่นนั้นเอง เธอก็ยิ่งอยากที่จะพบกับบิดามารดาแท้ ๆ ของตนเองบ้าง แต่ทว่าน่าเสียดาย จนมาถึงตอนนี้ ก็ยังคงหาไม่พบ
แต่ทว่าผู้หญิงที่อยู่ทางด้านข้างนี้ หลับให้ความรู้สึกใกล้ชิดที่ยากจะบรรยายขึ้นมากับเธอบางอย่าง ทำให้ความปรารถนาที่อยู่ภายใต้ก้นบึ้งของหัวใจของเธอ กลับพรั่งพรูขึ้นมาแบบนี้เลยทีเดียว
หลานเสี่ยวถางซบอยู่ในอ้อมอกของหญิงคนนั้น หลั่งหยาดน้ำตาไม่ขาดสาย
จนกระทั่งผ่านไปเนิ่นนาน เมื่อเธอได้ระบายความเจ็บปวดภายในหัวใจออกมาแล้ว กระนั้นถึงค่อย ๆ เริ่มหยุดร้อง ดวงตาแดงก่ำ ก่อนจะหันไปเอ่ยขอโทษขอโพยหญิงคนนั้นว่า “ขอโทษด้วยนะคะ ฉัน……”
“ไม่เป็นไรจ้ะ” ฝ่ามืออบอุ่นของหญิงคนนั้นวางทับลงไปบนซีกแก้มของหลานเสี่ยวถาง ก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าของเธอออกไปอย่างอ่อนโยน “หลังจากนี้ในฟลอริดา จะไม่มีคนกล้าทำต่อเธอเหมือนเมื่อครู่นี้อีกแล้วนะ”
“คะ?” หลานเสี่ยวถางตกตะลึงเล็กน้อย
“ฉันจะให้นามบัตรใบหนึ่งแก่เธอเอาไว้นะ” หญิงคนนั้นพูดไป ก่อนจะยัดนามบัตรใบหนึ่งเอาไว้ในมือของหลานเสี่ยวถางหนึ่งใบ “หลังจากนี้ถ้าหากว่าพบเจออันตรายเข้า ก็โทรมาที่เบอร์นี้นะจ๊ะ”
“ได้ค่ะ” หลานเสี่ยวถางรับมา ท้ายที่สุดแล้วจึงอดที่จะเอ่ยถามออกไปไม่ได้ว่า “พี่สาวคะ ทำไมคุณถึงดีกับฉันมากขนาดนี้ละคะ?”
“เธอเรียกฉันว่าพี่สาวหรือ?” หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ “ฉันยังดูสาวมากขนาดนั้นเลยหรือ?”
หลานเสี่ยวถางรู้สึกเก้อเขิน “ฉันมองเห็นรูปร่างของคุณไม่ชัดนัก แต่ทว่าฟังจากเสียงของคุณ รู้สึกว่ายังวัยรุ่นอยู่เลย คงจะอายุมากกว่าฉันสองสามปีแน่ ๆ”
“หลังจากนี้ เธอจะสามารถเห็นฉันได้อย่างชัดเจน” หญิงคนนั้นเอ่ยขึ้นด้วยความอบอุ่น “ช่างพูดช่างเจรจาจริง ๆ เลยนะเนี่ย มีผู้หญิงที่ไหนกันล่ะที่ไม่ชอบให้โดนชมว่ายังสาวอยู่?”
พูดไป เธอก็กลับตัวเข้ามาใกล้หลานเสี่ยวถางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะประทับริมฝีปากจูบที่ข้างแก้มของเธอครั้งหนึ่ง
“หา?” หลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นไปสัมผัสเข้าที่ข้างแก้ม
นี่เธอถูกจุ๊บแล้วหรือเนี่ย? ถูกผู้หญิงจุ๊บเนี่ยนะ?
ใบหน้าของเธอเริ่มเห่อร้อนขึ้นมาเล็กน้อย ทันใดนั้นเอง ก็รู้สึกเก้อเขินขึ้นมาเล็กน้อยเสียแล้ว แต่ทว่ากลับรู้สึกดีเล็ก ๆ อีกด้วย
เธอไม่ทราบเลยว่าความรู้สึกแบบนี้ของตนเองมาจากไหน แต่ทว่า ความรู้สึกหนักอึ้งภายในหัวใจก่อนหน้านี้กลับถูกชะล้างจนสะอาดไปจนหมดแล้ว
เธอกลับไม่กลัวผู้หญิงคนนี้แล้ว ดังนั้นก็เลยเอ่ยถามขึ้นอย่างผ่อนคลายว่า “ที่ด้านนอกนั่น……พี่สาวต่างแม่ของฉัน เธอ……”
หญิงคนนั้นได้ยินดังนั้นแล้ว มุมปากก็ยกยิ้มเย็น ๆ ขึ้นมาครั้งหนึ่ง “เธอคงจะสนุกไปกันมันน่าดูเชียวล่ะ”
แต่ทั้งคำพูดของเธอก็ไม่ผิดด้วย หลานเล่อซินในตอนนี้สนุกไปกับมันจริง ๆ
ตอนแรกเริ่ม เป็นเพราะว่าเธอตื่นเต้น ร่างกายยังไม่เปิดรับ ก็ไม่ค่อยรู้ว่าควรจะรับมือกับคนต่างชาติอย่างไร ดังนั้นความรู้สึกก็เลยทั้งเจ็บทั้งหวาดกลัว แต่ทว่า ในตอนที่ร่างกายถูกเปิดออก ในแรงเสียดทานแบบนั้น สถานที่ที่ร่างกายถูกสัมผัสเข้า จึงมีความรู้สึกที่ยากจะอธิบายบางอย่างตีขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
อีกทั้งภายใต้สถานที่สาธารณะเช่นนี้ กลางแจ้ง ภายใต้แสงอาทิตย์ บรรยากาศและสายตาที่จู่โจมเข้ามาเช่นนี้ หลังจากที่ทำให้เธอตื่นตระหนกแล้ว อีกทั้งยังสร้างความตื่นเต้นต่อเธอเป็นอย่างมากอีกด้วย
บวกเข้ากับสถานการณ์ที่เป็นแบบนี้แล้ว ทั้งหมดมันเริ่มขึ้นแล้ว เธอนอกจากสนุกไปกับกระบวนการนั้นแล้ว ก็ไม่มีทางเลือกอื่นเลยจริง ๆ
ดังนั้น หลังจากที่ตื่นตระหนกแล้ว ทุกครั้งที่ชายคนนั้นเข้ามาสัมผัส เธอจะรู้สึกถึงความสุขมากที่สุดตลอด จนกระทั่งถึงตอนหลัง กลับมีสายตาเชิญชวนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ได้ยินหลานเล่อซินส่งเสียงร้องออกมาไม่หยุด ชายหนุ่มก็ยิ่งตื่นเต้นดีใจ ทั้งยังพุ่งเข้าใส่คนด้านข้างอย่างบ้าคลั่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “ผู้หญิงคนนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรก แต่ทว่ากลับแน่นมาก ทั้งนุ่มนิ่มทั้งได้ใจกว่าร่างกายของผู้หญิงฝั่งตะวันตกอีก!”
“ถ้าอย่างนั้นแล้วนายก็เร็วหน่อยสิ!” คนอีกสองสามคนเอ่ยขึ้นอย่างเร่งรีบ “เมื่อครู่นี้ไอ้บ้านั่นพาผู้หญิงขึ้นรถไปตั้งนานแล้ว รอให้เขาทำอะไร ๆ เสร็จ ต้องไม่แบ่งให้พวกเราได้ทำกันต่อแน่ ๆ! พวกเรายังไม่ได้ลองลิ้มรสเลยนะเว้ย!”
“แม่งเอ๊ย พวกนายสองสามคนเมื่อกี้นี้ใครบอกว่าอ่อนลงแล้ว ตอนนี้แข็งกันขึ้นมาอีกแล้วหรือไง?” ชายคนนั้นส่งเสียงก่นด่าเบา ๆ นัยน์ตากลับเป็นประกายแวววับโดยทั้งหมด
เขาถอดถอนออกมา ก่อนจะแปรเปลี่ยนท่วงท่าสองสามหน หลังจากนั้น ก็เคลื่อนไว้อย่างบ้าคลั่ง
สุดท้าย หลานเล่อซินรู้สึกเพียงแค่ว่ามีน้ำเหนียวปลดปล่อยเข้ามาในร่างกายแล้ว ร่างทั้งร่างของเธอกระตุกเกร็งตามมาติด ๆ หัวใจแทบจะหยุดเต้น
“แตกหมดแล้วใช่ไหม ยังไม่รีบเปลี่ยนให้พวกเขาขึ้นอีกหรือ?” ผู้ชายอีกคนหนึ่งรีบเข้ามาเบียดในทันที ก่อนจะดึงชายหนุ่มเมื่อครู่นี้ออกไป หลังจากนั้น ก็คว้าจับขาของหลานเล่อซินเอาไว้อีกครั้ง
หลานเสี่ยวถางที่พึ่งขึ้นไปถึงจุดสุดยอดเมื่อครู่นี้พึ่งจะได้สติกลับคืนมา รู้สึกเพียงแค่ว่าร่างกายถูกเติมเต็มเข้ามาในทันที สัญชาตญาณของเธอทำให้บีบรัดแน่น เรียวนิ้วคว้าจับและออกแรงเข้าที่แขนของชายคนนั้น
จะไม่พูดก็ไม่ได้ ความลึกความยาวของคนยุโรปอเมริกานั้นลึกมา เธอถูกกระแทกกระทั้นไม่หยุดจนร่างทั้งร่างแข็งเกร็งอีกครั้ง หัวใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย สมองเลือนราง ร่างทั้งร่างราวกับว่าแทบจะไม่สามารถควบคุมเอาไว้ได้เลย
เธอหายใจเข้าปอดลึก ๆ ครั้งหนึ่ง ร่างกายที่แต่เดิมขาวผ่องกลับขึ้นสีแดงระรื่น
เพียงแต่ เธอกลับรู้สึกทรมานขึ้นอย่างอย่างช้า ๆ เสียแล้ว
ตามด้วยแรงกระแทก ที่ด้านล่างคล้ายกลับจะยิ่งแน่นขึ้น บางทีอาจจะไม่ใช่แน่นขึ้น แต่ทว่าเป็นเพราะว่าแรงกระแทกนั่นมากจนเกินไป เธอจึงเริ่มที่จะบวมขึ้นมาแล้ว ดังนั้น ทุกการกระทำของชายคนนั้น มักมีความเจ็บปวดเล็ก ๆ แฝงอยู่ด้วยเสมอ
ตอนแรกเริ่ม ความเจ็บปวดเช่นนี้ยังไม่ชัดเจนมากนัก มันมีความรู้สึกที่ต้องการมากขึ้นอีกอยู่มากกว่า แต่ทว่ามาจนถึงตอนหลังแล้ว ความเจ็บปวดค่อย ๆ ชัดเจนมากขึ้น ในทุก ๆ ครั้ง เธอรู้สึกราวกับว่ามีตะขอแหลม ๆ กำลังทิ่มแทงเข้ามาในร่างกายส่วนลึกของเธอ
เธออดที่จะแข็งเกร็งขึ้นมาไม่ได้ ก่อนจะเริ่มร้องวิงวอน
แต่ทว่า ยิ่งเธอร้องขอ ชายหนุ่มก็ยิ่งตื่นเต้น การเคลื่อนไหวก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น ในทุก ๆ แรงกระแทกแปรเปลี่ยนเป็นทั้งลึกทั้งรุนแรง หากไม่ได้เป็นเพราะเขาคว้าจับเข้าที่ช่วงเอวของเธอเอาไว้ เธอก็แทบจะโดนกระแทกจนตัวลอยไปแล้ว
เป็นเพราะว่าเธอยังอยู่บนพื้น ร่างกายก็ไม่ได้มีอะไรรองรับเอาไว้ ดังนั้นแล้ว หลานเล่อซินค้นพบว่า ไม่เพียงแค่ส่วนลึกของร่างกายเท่านั้น อีกทั้งที่แผ่นหลังยังเริ่มที่จะเจ็บปวดขึ้นมาเสียแล้ว
ความรู้สึกเจ็บแสบบริเวณแผ่นหลังตีตื้นขึ้นมา เธอรู้สึกว่าผิวของตนเองแทบจะฉีกขาดอยู่แล้ว แม้กระทั่ง ยังรับรู้สึกได้ถึงเลือดที่ไหลออกมาด้วย
ความรู้สึกนี้ทำให้เธอเริ่มตื่นตระหนกขึ้นมามากขึ้น สีหน้าถอดสีซีดเผือดในทันที นอกจากความเจ็บ ตอนนี้เธอไม่รับรู้สึกความรู้สึกอื่นใดแล้ว เพียงแต่ในทุกลมหายใจเข้าออกนั้น ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน
“ขอร้องพวกนายล่ะ……รีบปล่อยฉันไปเถอะนะ……” เธอคว้ามือสะเปะสะปะไปบนร่างกายของชายคนนั้น “ฉันจะตายอยู่แล้วนะ ขอร้องนายล่ะ รีบปล่อยฉันเถอะนะ จะตายอยู่แล้ว……”
ชายคนนั้นรู้สึกไม่ดีเล็กน้อย “เมื่อครู่นี้ใครกันที่ร้องอย่างเป็นสุขมากขนาดนั้น ในเมื่อเป็นโสเภณีแล้ว กลับมาแสร้งแกล้งถูกรังแกอะไรอีก?!”
พูดไป การเคลื่อนไหวของเขาก็ยิ่งแรงมากขึ้น แทบจะไม่สนใจที่จะมองหยาดน้ำตาที่นองบนใบหน้าของหลานเล่อซินเลย เขายกมือใหญ่ขึ้นไปสัมผัส ก่อนที่นัยน์ตาจะเต็มไปด้วยความร้ายกาจ “ถ้ายังจะร้องอีกฉันจะเอาเธอให้ตายแน่!”
“พี่สอง อย่าสิ ยังไม่วนมาถึงพวกเราเลยนะครับ!” ผู้ชายรูปร่างเตี้ยคนหนึ่งรีบเอ่ยขึ้นมาอย่างร้อนรนทันที “พี่อ่อนโยนหน่อยสิ อย่างทำให้ตายจริง ๆ สิ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วจะน่าเสียดายนะครับ!”
“เออ เออ เออ แม่งเอ๊ย หุบปากไปได้แล้ว!” ชายคนนั้นยกมือไล่อย่าไม่อดทน ก่อนจะเห็นท่าทางที่ไม่ไหวแล้วจริง ๆ ของหลานเล่อซิน เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว ทันใดนั้นเองก็พลิกร่างของหลานเล่อซินทันที หลังจากนั้น ก็เข้าไปจากทางด้านหลังของเธออย่างรวดเร็ว
“อ๊า!” ทางด้านหลังของหลานเล่อซินไม่เคยถูกผู้ชายคนไหนรุกล้ำมาก่อน ทันใดนั้นเอง เธอก็เจ็บปวดจวนจะตายอยู่แล้ว
ร่างทั้งร่างของเธอแข็งเกร็ง รู้สึกว่าตอนนี้ตนเองราวกับว่าเป็นตุ๊กตาผ้าขาด ๆ ไร้ชีวิตตัวหนึ่ง ในทุก ๆ วินาที แทบจะจะเธอฉีกขาดและประกอบขึ้นมาให้ใหม่ตลอด
“เจ็บ เจ็บนะ ขอร้องพวกนายล่ะ……” ลำคอของเธอแหบแห้งเล็กน้อยแล้ว ร่างทั้งร่างสั่นจนแทบจะไม่ใช่อย่างเคย แต่ทว่า ชายหนุ่มบนร่างกลับไม่ได้มีหลักฐานและท่าทีว่าจะเสร็จเลยแม้แต่นิดเดียว
นัยน์ตาของเธอราวกับมีแสงของดวงดาวกำลังเต้นระบำอยู่ ความรู้สึกแบบนี้ราวกับมาช้าไปแล้วก็ไม่ปาน ทำให้คนรู้สึกสิ้นหวังอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด
“ครึ่งชั่วโมงแล้วนะเว้ย พี่รอง ควรที่จะให้พวกเราขึ้นได้แล้ว!” ทั้งสองคนที่อยู่ทางด้านหลังเร่งเร้าแล้ว
“แม่ง ชอบขัดอารมณ์จริง ๆ เลยเว้ย!” ชายคนนั้นทั้งก่นด่า อีกทั้งยังเร่งการเคลื่อนไหวให้เร็วมากขึ้น จนท้ายที่สุดก็จบลงแล้ว
เขาออกมาแล้ว ก่อนที่ของเหลวจำนวนมากจะไหลออกมาจากร่างกายของหลานเล่อซิน มันเหนียวข้น อีกทั้งยังเปรอะเต็มขาของเธอหมดแล้ว
อีกทั้งในคฤหาสน์ทิงไห่ สือเพ่ยหลินออกมาจากห้องพักของตนเอง มาที่ด้านนอก ก่อนจะเห็นโจวเหวินซิ่วกำลังนั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้ เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วจึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า “คุณย่าครับ ทำไปคุณย่าถึงมาอยู่คนเดียวที่นี่ละครับ คุณอากับเสี่ยวถางละครับ?”
“อาของเธออาบน้ำอยู่ เสี่ยวถาง……” โจวเหวินซิ่วกำลังจะพูด แต่ทว่ากลับคิดอะไรขึ้นมาได้ หลังจากนั้นก็ก้มศีรษะลงไปมองนาฬิกาบนโทรศัพท์มือถือ
“เล่อซินออกไปตั้งนานแล้วนะ ทำไมเสี่ยวถางยังไม่ไปตามเธอกลับมาอีก?” พูดไป เธอก็ลุกขึ้นยืนในทันที อีกทั้งก็ยังไม่สนใจความสงสัยของสือเพ่ยหลินอีกด้วย ก่อนจะก้าวเท้ายาวออกจากคฤหาสน์ไป
เธอเดินไปถึงห้องน้ำ ก่อนจะค้นพบว่าตอนนี้สือมูเฉินไม่อยู่แล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็ไปที่ห้องนอนอีกครั้ง ก่อนจะหันไปพูดกับสือมูเฉินว่า “มูเฉิน เล่อซินออกไปแล้ว เสี่ยวถางไปตามเธอ ทั้งสองคนไปกันทั้งนานแล้วก็ยังไม่กลับมาเลย”
“เสี่ยวถางออกไปตามเล่อซินหรือครับ?” สือมูเฉินรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว “ไปนานเท่าไหร่แล้วครับ?”
“จะครึ่งชั่วโมงแล้วล่ะ……” โจวเหวินซิ่วเองก็ร้อนรนเล็กน้อย “คงจะไม่เกิดอะไรขึ้นหรอกใช่ไหม?”
“ผมจะไปตามหาเดี๋ยวนี้ครับ!” สือมูเฉินพูดไป ก่อนจะติดกระดุมเสื้อเชิ้ต หลังจากนั้นก็สาวเท้ายาวออกไปแล้ว