ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 134 ภาพบาดตาไม่น่ามอง
สือมูเฉินหยิบโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะต่อสายโทรศัพท์หาหลานเสี่ยวถางหนึ่งครั้ง
เพียงแต่ สายโทรศัพท์ต่อสายถึงได้และดังขึ้นครั้งเดียว หลังจากนั้นก็ถูกตัดสายไปเสียแล้ว โทรอีกครั้ง ครั้งนี้ถึงกับปิดเครื่องไปแล้ว
หัวใจของเขาบีบรัดกันแน่น ก่อนจะสาวเท้ายาวก้าวยาวไปทางนอกไปพลาง และถือโทรศัพท์มือถือต่อสายหาหลานเล่อซินไปพลาง
เพียงแต่ ถึงแม้ว่าสายโทรศัพท์ของหลานเล่อซินจะโทรติด แต่ทว่ากลับไม่มีคนรับสาย
สือมูเฉินคิดขึ้นมาได้ ในตอนนั้นที่หลานเล่อซินวิ่งออกไป แทบจะไม่ได้นำอะไรติดตัวไปด้วยเลยนี่!
หัวใจของเขาอดไม่ได้ที่จะร้อนรนกระวนกระวาย เมื่อวิ่งลงมาถึงชั้นล่างแล้ว เห็นว่าสือเพ่ยหลินยังอยู่ด้วย ก็ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นใด ก่อนจะเอ่ยปากขึ้นมาว่า “เพ่ยหลิน ไปตามหาคนกับฉัน!”
“หรือว่าจะเป็นเสี่ยวถางหรือครับ?” สีหน้าของสือเพ่ยหลินแปรเปลี่ยนไปหลายส่วน
“ค่อยคุยกันระหว่างทาง!” สือมูเฉินสาวเท้าออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว สือเพ่ยหลินจึงกุลีกุจอตามไปติด ๆ
ด้านหลัง โจวเหวินซิ่วก็ตามมาอย่างร้อนรนด้วยเช่นกัน “เล่อซินเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วหรือเปล่า?”
สือมูเฉินไม่ได้ตอบกลับไป แต่ทว่ากลับสาวเท้ายาวก้าวไปทางด้านหน้า การเคลื่อนไหวของโจวเหวินซิ่วช้าลงเล็กน้อย แต่ทว่า ก็ยังคงฝืนที่จะตามไปติด ๆ อยู่ไกล ๆ
สือมูเฉินเดินไปถึงลานจอดรถ ติดเครื่องยนต์ ก่อนจะพาสือเพ่ยหลินกับโจวเหวินซิ่วไปด้วย หลังจากนั้นก็ออกจากคฤหาสน์ไป
แต่ทว่า ถึงจะไปได้ไม่ไกลนัก ทางด้านหน้าก็มีทางแยกอยู่หนึ่งทาง เขาสบตามองที่ทางแยก ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย
ควรที่จะต้องเลือกทางไหนกันแน่นะ?
สือมูเฉินปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตลงสองเม็ดด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะหันไปเอ่ยกับสือเพ่ยหลิน “เพ่ยหลิน นายลงจากรถไป ไปทางถนนด้านซ้ายเพื่อตามหาเสี่ยวถาง ถ้าหากว่าเธออยู่ ก็ให้รีบโทรศัพท์มาหาฉันทันที”
เดิมสือเพ่ยหลินไม่อยากลงจากรถ แต่ทว่าเมื่อกลับมาครุ่นคิดดูแล้ว ถ้าหากว่าเขาประจวบเหมาะกับที่หาหลานเสี่ยวถางเจอเข้าพอดี อีกทั้งยังเป็นในตอนที่เธอกำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่ด้วยแล้วนั้น ถ้าอย่างนั้น……
มุมปากของเขากระตุกยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะลงจากรถอย่างรวดเร็ว “ครับ ผมหาเธอเจอแล้วจะโทรศัพท์หาอาครับ!”
แต่ทว่าภายในหัวใจกลับบอกว่า ผีน่ะสิถึงจะโทรศัพท์กลับไปหาน่ะ!
สือมูเฉินไม่กล้าขับรถเร็วมากนัก กลัวว่าจะพลาดแล้วมองข้ามคนไป ทำได้เพียงแค่ขับรถไปพลางและค้นหาว่ามีร่องรอยที่ทั้งสองคนทิ้งเอาไว้หรือเปล่าอย่างไม่หยุดหย่อน
ถึงแม้ว่าในตอนนั้นร่างทั้งร่างของหลานเล่อซินจะพึ่งขึ้นจากน้ำ แต่ทว่า ลมในตอนกลางคืนนั้นแห้งมาก ผ่านไปได้ไม่นานนัก หยดน้ำบนพื้นก็ไม่มีเหลือแล้ว หัวใจของสือมูเฉินก็ยิ่งดำดิ่งมากขึ้นไปอีก
จนกระทั่ง ได้ยินเสียงร้องแหลมของผู้หญิงดังมาจากที่ไกล ๆ สือมูเฉินกำพวงมาลัยรถในมือแน่นขึ้นอย่างรวดเร็ว!
“เป็นเสียงของเล่อซิน!” โจวเหวินซิ่วเอ่ยขึ้นอย่างกระวนกระวาย “เกิดอะไรขึ้นกับยายหนูคนนั้น?”
เดิมเท้าของสือมูเฉินที่ต้องการจะเหยียบคันเร่งขึ้นกลับหดกลับไปอย่างรวดเร็ว เขาตั้งใจฟังอย่างละเอียด ได้ยินเพียงแค่เสียงของหลานเล่อซินเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นแล้ว……
ภายในสมอง ความคิดร้อยพันประดังประเดเข้ามา นัยน์ตาของสือมูเฉินหดเกร็งตัวลงแน่น ราวกับว่ามีอะไรติดอยู่ก็ไม่ปาน หลังจากนั้นจึงเหยียบเบรกอย่างรวดเร็ว
“มูเฉิน ลูกทำอะไรน่ะ?!” โจวเหวินซิ่วเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน
“ผมจะไปดูสักหน่อยครับ!” สือมูเฉินพูดไป ก่อนจะหยิบค้อนอันเล็กจากรถไปเพื่อป้องกันตัวด้วย หลังจากนั้นจึงเปิดประตูรถแล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของโจวเหวินซิ่วแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ก่อนจะตามไปด้วยเช่นกัน แต่ทว่าเป็นเพราะว่าสือมูเฉินวิ่ง เธอจึงถูกสลัดออกไปและทำได้เพียงแค่วิ่งตามหลังอยู่ทางด้านท้ายไกล ๆ ด้วยหัวใจร้อนรนดั่งเปลวเพลิง
ในตอนนั้นเอง ภายในรถยนต์ไมบัคคันสีดำ มีชายหนุ่มในชุดสูทคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับแคะฉากกั้นครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็แหวกม่านออก “คุณผู้หญิง มีคนมาครับ เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง”
เมื่อครู่นี้หลานเสี่ยวถางเห็นสายโทรศัพท์เข้ามาของสือมูเฉิน แต่ทว่า เมื่อตอนที่เธอจะรับสายนั้นเอง โทรศัพท์กลับแบตหมดแล้ว แล้วปิดเครื่องไปเองโดยอัตโนมัติ ดังนั้นแล้ว ในตอนที่ได้ยินน้ำเสียงของชายหนุ่มนั้น ร่างทั้งร่างของเธอนั่งตัวตรงในทันที “ฉันขอดูหน่อยได้ไหมคะ?”
เธอพูดจบ ก่อนจะสัมผัสถึงอะไรได้บางอย่าง หลังจากนั้นจึงรีบเอ่ยสมทบขึ้นมาทันทีว่า “พี่สาวคะ คุณวางใจได้ค่ะ ฉันเพียงแค่อยากมองไปด้านนอกเท่านั้น รับประกันได้เลยค่ะว่าไม่เห็นรูปร่างของพี่แน่นอนค่ะ!”
ผู้หญิงทางด้านข้าวหัวเราะออกมาเบา ๆ “ยังเรียกฉันว่าพี่อีกหรือ……ปากของเธอนี่หวานแบบนี้ตลอดเลยหรือไง?” พูดไป เธอก็กดเปิดรถแล้ว ทันใดนั้นเอง กระจกรถก็แปรเปลี่ยน หลานเสี่ยวถางจึงมองเห็นบรรยากาศภายนอกได้อย่างชัดเจนแล้ว
“เขาเป็นสามีของฉันค่ะ เขามาช่วยฉันแล้ว!” หลานเสี่ยวถางเอ่ยขึ้นด้วยความปีติ สายตาของเธอสบตามองไปยังสือมูเฉินที่กำลังตามหาอย่างร้อนรนไปรอบ ๆ อยู่ตลอด และไม่ได้มองใบหน้าของหญิงคนนั้นตามกฎ
ผู้หญิงคนนั้นมองตามสายตาของเธอ ก่อนจะเอ่ยอีกหัวข้อหนึ่งขึ้นมาว่า “เขาดีต่อเธอหรือเปล่า?”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า “เขาดีมากค่ะ ดีต่อฉันมากเลย!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” หญิงคนนั้นพูดไป ก่อนจะกดปลดล็อกประตูรถให้เปิดออก “เธอสามารถลงจากรถไปได้แล้วล่ะ จำเอาไว้นะจ๊ะ เก็บนามบัตรที่ฉันให้เอาไว้ให้ดี!”
“ค่ะ!” หลานเสี่ยวถางพยักหน้า สายตายังคงตอบรับคำโดยที่ไม่มองหน้าผู้หญิงคนนั้น “ขอบคุณพวกคุณนะคะ!”
พูดไป เธอก็เปิดประตูรถอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวิ่งไปหาสือมูเฉิน
ในตอนที่หลานเสี่ยวถางลงจากรถนั้นเอง สือมูเฉินก็มองเห็นเธอแล้ว เขาเห็นว่าคอเสื้อเชิ้ตบนร่างของเธอเปิดออกเล็กน้อย นัยน์ตาจึงอดไม่ได้ที่จะหดตัวลง
“มูเฉินคะ!” หลานเสี่ยวถางพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของสือมูเฉิน ร่างทั้งร่างยังคงมีความหวาดกลัวตามหลังมาจึงทำให้สั่นเทาเบา ๆ
“เสี่ยวถางครับ ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?” สือมูเฉินคว้าจับเข้าที่หัวไหล่ของหลานเสี่ยวถางเอาไว้ ก่อนจะดึงเธอไปสำรวจอย่างละเอียดด้วยความร้อนรน
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ ฉันถูกคนช่วยเหลือเอาไว้แล้ว……” หลานเสี่ยวถางพูดไป ก่อนจะสบตามองไปยังพื้นที่สาธารณะ
ในนั้น หลานเล่อซินถูกเปลี่ยนท่วงท่าอีกครั้งหนึ่งแล้ว บนพื้นราบเรียบ ชายหนุ่มบนร่างยังคงกระแทกเข้ามาไม่หยุด
“อา——”หลานเสี่ยวถางเห็นสถานการณ์นั้นแล้ว ด้วยสัญชาตญาณจึงหันใบหน้าของตนเองไปซุกเข้ากับแผ่นอกของสือมูเฉินไปแล้ว ถ้าหากว่าไม่ถูกคนเมื่อสักครู่นี้ช่วยเหลือเอาไว้ ตอนนี้ คนที่นอนอยู่บนพื้นก็อาจจะเป็นเธอ!
ภาพนั่น มันร้อนแรงมากว่าเสียงที่ถูกเปล่งออกมาอีก
สือมูเฉินในตอนนี้ถึงหันไปมอง เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพูดกับหลานเสี่ยวถางในอ้อมกอด “เสี่ยวถางครับ ประเดี๋ยวเจอคุณแม่ของผม คุณรับผิดชอบแค่ร้องไห้ อย่างอื่นไม่ต้องเอ่ยปากพูดออกมานะครับ”
“ทำไมละคะ?” หลานเสี่ยวถางช้อนสายตา
“เชื่อผมสิ” สือมูเฉินพูดไป ก่อนจะดึงหลานเสี่ยวถางขึ้นมาอุ้มตรง ๆ หลังจากนั้นก็สาวเท้ายาวไปทางหลานเล่อซิน
ในตอนที่เขาเดินเข้าไปแล้ว ก็ดึงให้เสื้อเชิ้ตของหลานเสี่ยวถางฉีกออกจากกัน ตามมาด้วย ถอดเสื้อเชิ้ตของตนเองไปคลุมหลานเสี่ยวถางเอาไว้ หลังจากนั้นจึงก้มศีรษะลงไปเอ่ยกับเธอว่า “เด็กดี เรียนร้องไห้เอาไว้สักหน่อยเถอะ……ถ้าหากว่าไม่ร้อง ผมจะตีก้นคุณแล้วนะครับ”
หลานเสี่ยวถางถูกสือมูเฉินหยอกล้อ หัวใจร้อนรนกระวนกระวายไปหลายวินาที แต่ทว่า กลับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศในตอนนี้ หลังจากนั้นจึงทำได้เพียงแค่ต้องตบขาตนเองฉากใหญ่ ก่อนจะรีบบีบน้ำตาออกมา หลังจากนั้น ก็ร้องไห้ออกมาเบา ๆ
“แกเป็นใคร อย่ามาเกะกะพวกเรา!” ชายที่กำลังอยู่บนร่างของหลานเล่อซินเห็นสือมูเฉินเดินเข้ามาหา ก่อนจะอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
แต่ทว่า ในตอนที่เขาเห็นหลานเสี่ยวถางที่อยู่ในอ้อมกอดของสือมูเฉินแล้วนั้นเอง ร่างทั้งร่างจึงชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะอดที่จะหันไปมองรถไมบัคไม่ได้
ในตอนนั้นเอง รถไมบัคสาดไปส่องเข้ามาสองครั้ง ตามมาด้วย ตัวรถเริ่มขยับแล้ว ก่อนจะเลี้ยวหัวแล้วจากไป
ชายคนนั้นเข้าใจได้ในทันที เป็นผู้ชายวิปริตลามกบนรถไมบัค ถึงแม้ว่ายังไม่เสร็จสมอารมณ์หมาย แต่ทว่าก็ทำได้เพียงแค่ถอยออกมาจากร่างกายของหลานเล่อซินอย่างรวดเร็วเท่านั้น หลังจากนั้นก็ดึงกางเกงขึ้นมา
“ขอ ขอ ขอร้องพวกคุณล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะนะ……” ตอนนี้ ดวงตาของหลานเล่อซินร้องไห้จนบวมเป่งแล้ว เดิมก็มองอะไรไม่ชัดนัด ร่างทั้งร่างเจ็บปวดจนแทบจะชา ดังนั้นแล้ว มีผู้ชายมาปรากฏตัวแล้ว เธอก็ยังคงไม่รู้ อีกทั้งยังคงร้องวิงวอนต่อไม่หยุด
ในตอนที่โจวเหวินซิ่วมาถึง ประจวบเหมาะกับเห็นชายหนุ่มดึงกางเกงขึ้นพอดี หลังจากนั้นก็พยุงชายผมทองที่เลือดไหลขึ้นมา แล้ววิ่งหนีหายไปเสียแล้ว
เธอวิ่งเข้ามาหาอย่างร้อนรน ก่อนจะหายใจเข้าออกยกใหญ่
แต่ทว่า ในตอนที่เธอมองเห็นภาพบนพื้นนั้นเอง ร่างทั้งร่างราวกับว่าถูกกลายเป็นท่อนไม้ไปเลยก็ไม่ปาน
เห็นเพียงแค่หลานเล่อซินที่ไม่รู้สึกตัว ขาทั้งสองข้างแยกออกจากกันอยู่บนพื้น ดวงตาทั้งสองข้างของเธอทั้งแดงทั้งบวม ใบหน้าซีดขาว และเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
อีกทั้งร่างกายของเธอ เต็มไปด้วยของเหลวมากมาย ตั้งแต่ต้นขาจนถึงพื้น เต็มไปด้วยคาบแห้ง
เธอแทบจะไม่รู้สึกเลยว่าชายคนนั้นจากไปแล้ว ยังรู้สึกถึงอันตรายอยู่ และยังคงส่งเสียงแหบแห้งและส่ายหน้า “เจ็บ ไม่เอาแล้ว ปล่อยฉัน……”
ถึงแม้ว่าในตอนแรกหลานเสี่ยวถางถูกขายออกไปแล้ว จะเกลียดหลานเล่อซินมาก แต่ทว่า ในตอนที่ศีรษะของเธอยื่นออกมาจากอ้อมกอดของสือมูเฉินนั้นเอง มองเห็นภาพเหล่านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแย่เล็กน้อย
“เล่อซิน!” โจวเหวินซิ่วได้สติกลับคืนมาแล้ว ก่อนจะย่อตัวลงไปดึงหลานเล่อซินขึ้นมา
แต่ทว่า เมื่อครู่นี้เธอพึ่งจะแตะได้เพียงแค่มือของหลานเล่อซินเท่านั้น ก็ถูกสัญชาตญาณของเธอตบเข้าให้ครั้งหนึ่ง
หลานเล่อซินฟาดมืออย่างแรง หลังมือของโจวเหวินซิ่วถูกตบจนเป็นรอยแดงเล็กน้อย มันให้ความรู้สึกเจ็บแสบในทันที
เธออดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ ก่อนจะยืนตัวตรง แล้วเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึม “เสี่ยวถาง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!”
ใบหน้าของหลานเสี่ยวถางเอ่อนองไปด้วยน้ำตา เธอถูกสือมูเฉินอุ้มเอาไว้อยู่ ร่างทั้งร่างขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของสือมูเฉิน ก่อนจะส่ายศีรษะไปมา “ฉันไม่ทราบค่ะ ฉันถูกคนจับเอาไว้ พวกเขากดฉันเอาไว้ บอกว่าจะจัดการกับพี่สาวของฉันก่อน หลังจากนั้นค่อย……”
ในตอนนั้นเอง โจวเหวินซิ่วเห็นว่ากระดุมเสื้อเชิ้ตของหลานเสี่ยวถางถูกดึงขาดไปสองสามเม็ด อีกทั้งเสื้อเชิ้ตก็ขาดเล็กน้อยด้วย
เธอขมวดคิ้วติดกันแน่น “เธอไม่เป็นอะไรเลยหรือ?!”
หลานเสี่ยวถางส่ายหน้า “พวกเขากำลังจะ……มูเฉินก็เข้ามาช่วยฉันเอาไว้……”
แผ่นอกของโจวเหวินซิ่วกระเพื่อมขึ้นเล็กน้อย แทบจะไม่ปิดบังอะไรมากเลย “ฮ่า ๆ ในตอนที่พวกเรามา ก็ทำเรื่องเลวทรามกับเล่อซินคนเดียวอย่างนั้นหรือ? ทำไมคนอื่น ๆ อีกสองสามคนถึงไม่ทำล่ะ ปล่อยให้เธอรอเอาไว้อยู่ทางด้านข้าง ไม่ได้แตะต้องเธออย่างนั้นหรือ?”
หัวใจของหลานเสี่ยวถางตกตะลึงในทันที ทันใดนั้นเอง ก็รู้สึกว่าคำถามนี้นั้นไร้หนทางที่จะอธิบาย
ในตอนนั้นเอง สือมูเฉินกลับเอ่ยปากขึ้นมาว่า “แม่ครับ หรือว่าแม่หวังว่าคนที่ถูกทำเรื่องต่ำช้านั่นจะเป็นภรรยาของลูกชายของคุณแม่ล่ะครับ? ผมเป็นลูกชายของคุณแม่ ถ้าหากว่าภรรยาของลูกชายแท้ ๆ ของคุณแม่ถูกคนรังแกให้อับอาย แม่ก็ไม่แคร์งั้นหรือครับ?”
เมื่อโจวเหวินซิ่วได้ยินดังนั้นแล้ว สีหน้าก็แข็งเกร็งขึ้นเล็กน้อย
“อีกอย่าง ไม่ได้เอ่ยถึงปัญหาของความรู้สึกเลย ถ้าหากว่าเสี่ยวถางเกิดเรื่องขึ้น เรื่องวันนี้ก็ถูกคนตลบพลิกกลับเข้าพอดี ถ้าอย่างนั้นแล้ว บางทีก็อาจจะมีข่าวที่ว่า——ภริยาของท่านประธานผู้บริหาร Times Group ถูกคนข่มขืนกลางถนน สภาพดูไม่ได้” สือมูเฉินสบตามองนัยน์ตาของโจวเหวินซิ่ว “แม่ครับ หรือว่าแม่ต้องการให้มันเป็นแบบนี้?”
โจวเหวินซิ่วไม่เอ่ยพูดแล้ว นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะทิ้งสายตาบนร่างของหลานเล่อซินในเวลาต่อมา น้ำเสียงกระวนกระวาย “มูเฉิน เล่อซินแบบเจ็บแบบนี้แล้ว ลูกยังไม่รีบพาเธอไปส่งโรงพยาบาลอีก!”
สือมูเฉินหยักหน้าขึ้นลง ก่อนจะมองหลานเสี่ยวถางในอ้อมกอด “เสี่ยวถางครับ เดินเองได้ไหม?”
โจวเหวินซิ่วอดทนไม่ได้แล้วเล็กน้อย “เธอไม่ได้บอกว่าเธอไม่เป็นอะไรไม่ใช่หรือไง? ทำไมตัวเองถึงจะเดินไม่ได้ขึ้นมาแล้วล่ะ?!”
หลานเสี่ยวถางหยักหน้าหงึกหงัก “มูเฉินคะ ฉันไม่เป็นไร พวกเรารีบช่วยพี่ก่อน”
“ครับ” สือมูเฉินวางหลานเสี่ยวถางลง สือเพ่ยหลินก็วิ่งเข้ามาหาแล้ว
ก่อนหน้านี้เขามีความคิดความคิดหนึ่ง กลัวว่าสือมูเฉินเจอหลานเสี่ยวถางแล้วจะไม่แจ้งแก่เขา ดังนั้นแล้ว เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ก็โทรศัพท์หาสือมูเฉินมาแล้ว
แต่ทว่า สือมูเฉินไม่ได้รับสาย นั่นก็แสดงว่า สือมูเฉินจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ ดังนั้นแล้ว สือเพ่ยหลินจึงปรับเปลี่ยนเส้นทางแล้ววิ่งตามมาทันที
เมื่อเห็นสือเพ่ยหลินมาแล้ว มุมปากของสือมูเฉินยกยิ้มขึ้นเบา ๆ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเขาว่า “เพ่ยหลิน รีบเข้ามาช่วยเร็ว”
ในตอนที่สือเพ่ยหลินจะรับรู้ถึงคำว่าช่วยเหลือของสือมูเฉินนั้นเอง ก็เกือบจะบันดาลโทสะจนจะอ้วกออกมาแล้ว มีความรู้สึกราวกับว่าเป็นไก่ที่ไม่ได้กินข้าว
แต่ทว่า โจวเหวินซิ่วที่อยู่ทางด้านข้างก็เร่งเร้าไม่หยุด ดังนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจอีกครั้งก็ตามที แต่ทว่าก็ยังเดินเข้าไปหา ก่อนจะอุ้มหลานเล่อซินที่สลบไปแล้วขึ้นมา
ในตอนที่อุ้มขึ้นมา สือเพ่ยหลินรู้สึกว่าที่ด้านหลังเปียกเหนียวเล็กน้อย เมื่อยกมือขึ้น ถึงจะค้นพบว่าเป็นเลือกสด ๆ! ทางหลังของหลานเล่อซิน ก็มีเม็ดทรายจำนวนหนึ่งเข้าไปในบาดแผลด้วย!