ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 135 เดิมทีก็ไม่ใช่ครั้งแรกของเธอ!
เมื่อหลานเล่อซินตื่นขึ้นมา ก็รู้สึกว่าคอแห้งอย่างมาก ร่างกายราวกับว่าแตกสลาย โดยเฉพาะส่วนล่างกับบริเวณหลังปวดแสบปวดร้อนไปหมด ขยับเพียงเล็กน้อยก็รู้สึกเจ็บปวดจากการฉีกขาด
เธอค่อยๆลืมตาขึ้นมา หันมองไปรอบๆ ก็พบว่าตนเองอยู่ที่โรงพยาบาล หลานเสี่ยวถางและคนอื่นๆก็อยู่ที่ห้องผู้ป่วยด้วย
ภาพก่อนที่จะสลบไปทำให้เธอได้สติกลับมาทันที เธออดไม่ได้ที่จะหันไปมองสือมูเฉิน ในใจก็เหมือนถูกสาดด้วยน้ำเย็นๆ!
เช่นนั้นสือมูเฉินก็รู้ว่าเธอมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นแล้วใช่ไหม?
เพียงแต่เธอจำภาพที่ช่วยชีวิตในตอนนั้นไม่ได้ ดังนั้นความสงสัยในใจจึงถูกเก็บกดเอาไว้ชั่วคราว
ในใจวนเวียนกลับไปกลับมา แล้วเธอก็พูดเบาๆว่า : “น้ำ……”
เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ยินก็ลุกขึ้นยืน เทน้ำให้หลานเล่อซินหนึ่งแก้ว โจวเหวินซิ่วก็ลุกขึ้นตามมาทันที : “เล่อซิน ร่างกายยังเจ็บปวดอยู่ไหม?”
เวลานี้หลานเล่อซินนอนตะแคงข้างอยู่ เธอกำลังจะนอนราบลงไป แต่ก็ถูกโจวเหวินซิ่วห้ามไว้ : “เล่อซิน ด้านหลังของคุณมีแผลอยู่ ไม่สามารถนอนราบได้นะ”
พูดจบหลานเล่อซินก็หันไปมองสือมูเฉิน : “มูเฉิน มาช่วยหน่อยสิ”
สือมูเฉินเดินเข้าไป ในมือถือหลอดดูดน้ำหนึ่งอัน : “เล่อซินอยากดื่มน้ำ ก็นอนดื่มเถอะ จะได้ไม่ไปกระทบกระเทือนบาดแผล”
เหตุผลดูดีจนไม่สามารถโต้แย้งได้
โจวเหวินซิ่วยอมแพ้ หลานเล่อซินทำได้เพียงรับน้ำจากหลานเสี่ยวถางมา แล้วนำหลอดมาดูดน้ำจนหมดแก้ว
คอชุ่มชื้นขึ้นแล้ว ในที่สุดเธอก็พอที่จะฝืนพูดออกมาได้ : “เสี่ยวถาง คุณเป็นอย่างไรบ้าง? ผู้ชายคนนั้นพาคุณขึ้นรถไปนานขนาดนั้น เขาทำอะไรคุณหรือเปล่า……”
พูดจบสายตาของเธอก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ข้อมือของหลานเสี่ยวถาง
ตรงนั้นถึงแม้ว่าจะทายาแล้ว แต่ยังคงบวมอยู่เล็กน้อย มองดูก็รู้ว่าถูกคนใช้แรงอันมหาศาลบีบไว้
และคำพูดของหลานเล่อซิน ในชั่วพริบตาก็ทำให้นึกถึงสิ่งที่สุดที่จะทนได้
หลานเสี่ยวถางบาดเจ็บที่ข้อมือ ในตอนนั้นกระดุมก็ถูกฉีกขาด ยังถูกผู้ชายคนนั้นพาขึ้นรถไปอีก……
ดังนั้น——
โจวเหวินซิ่วสีหน้าเปลี่ยนไป มองไปทางสือมูเฉิน มุมปากยิ้มเยาะถากถาง แต่ไม่ได้พูดอะไร
หลานเสี่ยวถางส่ายหัว : “ฉันไม่เป็นไร เขาจับฉันขึ้นไป พอฉันขัดขืน เขาก็ไม่ได้ทำอะไรอีก”
เธอรู้ว่าเหตุผลของตนเองมันดูฝืนๆ แต่เมื่อนึกถึงผู้หญิงคนนั้นที่ไม่อยากปรากฏตัวแล้ว โดยสัญชาตญาณหลานเสี่ยวถางก็ไม่อยากจะไปเปิดเผยเธอ
“อย่างนั้นก็ดีเหลือเกิน! ฉันเห็นเขาต่อยไอ้อันธพาลคนนั้นจนสลบด้วยหมัดเดียว คิดว่าเขาคงไม่ปล่อยคุณไปง่ายๆหรอก ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นสุภาพบุรุษจริงๆเลย……” หลานเล่อซินดูเหมือนจะไม่คิดว่าหลานเสี่ยวถางพูดโกหกอยู่ เธอดีใจและพูดอย่างอ่อนแรงว่า : “ในตอนนั้นที่ฉันช่วยขัดขวางอันธพาลพวกนั้นให้คุณ ดูเหมือนว่าจะคุ้มค่าจริงๆ!”
หลานเสี่ยวถางมีสีหน้าเปลี่ยนไป
หลานเล่อซินกลายเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเธอไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่?! เรื่องอย่างนี้ เธอยังทำให้กลับตาลปัตรพูดคุยโวโอ้อวดออกมาได้อย่างไร้ยางอาย!
อีกทั้งความหมายโดยนัยในครึ่งประโยคแรกของเธอ คนรอบๆข้างจะไม่เข้าใจได้อย่างไร?
ต่อยอันธพาลสลบด้วยหมัดเดียว แต่เพราะการขัดขืนของหลานเสี่ยวถาง เขาก็กลับไม่ทำอะไรเลยเหรอ?!
ข้อมือของหลานเสี่ยวถางเขียวช้ำ ก็เหมือนเป็นหลักฐานว่าโดนทำอะไรไปแล้ว เกรงว่าตอนที่ทำ เธอถูกคนจับสองมือไว้ ดังนั้นที่อื่นไม่เป็นอะไร แต่บังเอิญว่าข้อมือนั้นกลับบวมแดง!
เวลานี้โจวเหวินซิ่วสีหน้ามืดมนอย่างมาก
เธอมองไปทางสือมูเฉิน : “หึหึ ภรรยาของคุณสวมเขาให้คุณหรือเปล่า เกรงว่าจะมีแต่เธอเท่านั้นที่รู้!”
พูดจบเธอก็ยื่นมือไปลูบหัวหลานเล่อซิน พูดด้วยน้ำเสียงสงสาร : “เล่อซิน ทำไมคุณโง่ขนาดนี้ คุณคนเดียวไปขัดขวางให้เสี่ยวถาง ไม่กลัวคนเหล่านั้น……”
พูดถึงประโยคสุดท้าย เธอก็แทบพูดไม่ออก
หัวใจของหลานเสี่ยวถางหม่นหมองลง เมื่อกี้เป็นเพราะโจวเหวินซิ่วอยู่ ฉะนั้นเธอจึงไม่ได้อธิบายเรื่องบนรถให้สือมูเฉินฟัง
ตอนนี้ถูกคนพูดแบบนี้ แม้แต่เธอเองก็รู้สึกว่าเหตุผลของตนเองนั้นเหลวไหลสิ้นดี เช่นนั้นสือมูเฉินจะไม่เชื่อเธอใช่ไหม?
เธอรู้สึกอึดอัดใจ จึงเอื้อมมือไปดึงๆมุมเสื้อของสือมูเฉิน แล้วเงยหน้ามองเขา
สือมูเฉินหันไปมอง ก็เห็นความน้อยใจในสายตาของหลานเสี่ยวถาง เขายื่นมือไปลูบหัวของเธอ : “อย่ากังวลใจไปเลย”
หลานเสี่ยวถางยังคงไม่สบายใจ
เพราะสือมูเฉินพูดว่า’อย่ากังวลใจ’ แต่ไม่ได้บอกว่า’ฉันเชื่อคุณ’
และเวลานี้หลานเล่อซินที่อยู่บนเตียงก็ขยับตัวเล็กน้อย เมื่อไปกระทบกระเทือนบาดแผล เธอจึงสูดลมหายใจเข้าด้วยความเจ็บปวด ดูเหมือนว่าเพิ่งจะมีการตอบสนองกลับมา จู่ๆน้ำตาก็ไหล
โจวเหวินซิ่วที่อยู่ข้างๆกล่าวอย่างกังวลว่า: “เล่อซิน เป็นอะไรไปเหรอ? ฉันจะไปเรียกหมอให้นะ!”
“คุณป้า ไม่ต้องค่ะ!” หลานเล่อซินรีบยื่นมือออกมาดึงโจวเหวินซิ่วเอาไว้: “คุณป้า ฉันเพียงแค่……..”
เธอพูดพลาง น้ำตาไหลลงมาไม่หยุด: “ต่อไปฉันจะทำยังไง ฉันไม่มีหน้าไปเจอใครแล้ว…..”
“เล่อซิน ยายเด็กโง่ นี่มันไม่ใช่ความผิดของคุณนะ คุณทำเพื่อช่วยชีวิตเสี่ยวถางจึงได้ถูกคนเหล่านั้นรังแก!” โจวเหวินซิ่วพูดพลาง ส่งสายตาที่คมกริบมองไปยังหลานเสี่ยวถาง: “เสี่ยวถาง พี่สาวของคุณเสียสละชีวิตนี้เพื่อคุณ คุณควรจะทำอะไรสักหน่อยไหม?!”
“แม่ คุณคิดว่า การเผชิญหน้ากับอันธพาลสองสามคนแบบนั้น ถึงแม้พี่จะอยากช่วยฉันจริงๆ จะสามารถช่วยได้เหรอ?” หลานเสี่ยวถางกล่าวด้วยสีหน้าสงบนิ่ง: “เมื่อกี้ตอนที่คุณเข้าไป ก็น่าจะได้เห็นภาพนั้นแล้วใช่ไหม? ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของพี่สาว!”
สายตาของโจวเหวินซิ่วเปลี่ยนไป เหมือนกับว่าคาดไม่ถึงว่าหลานเสี่ยวถางจะตอกกลับ เธอชักสีหน้า: “ไม่ใช่ครั้งแรกของหลานเล่อซินก็เป็นเรื่องปกติ เมื่อก่อนเธอก็เป็นคู่หมั้นของมูเฉิน ก่อนหน้านี้พวกเขาจะแต่งงานกันอยู่แล้ว จะไม่เคยทำอะไรกันเลยเหรอ?!”
พอโจวเหวินซิ่วพูดจบ สายตาทั้งหมด ต่างก็มองไปที่สือมูเฉิน
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ลุกขึ้น กล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ฉันไม่เคยแตะต้องเธอ”
เขาพูดจบ หลานเล่อซินที่อยู่บนเตียงก็แทบกลายเป็นบ้าในทันที: “มูเฉิน ทำไมคุณถึงไม่ยอมรับ? ก็ชัดเจนอยู่ว่าฉันมอบครั้งแรกให้คุณ ในตอนนั้น มีครั้งหนึ่งคุณไปบ้านฉัน พอดีเห็นฉันเพิ่งอาบน้ำออกมา…..จากนั้น คุณก็เข้ามาจูบฉัน แล้วจากนั้น…..ฉันบอกว่าฉันยังไม่พร้อม คุณก็บอกว่าพวกเราจะแต่งงานกันแล้ว เรื่องแบบนี้ไม่ใช่หลักการของฟ้าดินที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แล้วหลังจากนั้น……”
เธอโยกตัวไปมาอยู่บนเตียงด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้ว่าจะเกี่ยวข้องกับบาดแผล แต่เหมือนกับว่าเธอไม่ได้รู้สึกถึงมัน
เข็มที่หลังมือของเธอถูกดึงออกด้วยการเคลื่อนไหวที่รุนแรงของเธอ จึงมีเลือดไหลออกมาตามรูเข็ม
หลานเล่อซินเสียใจร้องห่มร้องไห้ราวกับเป็นบ้า: “มูเฉิน ทำไมคุณถึงไม่ยอมรับ? ชัดเจนว่าพวกเราไม่ใช่แค่ครั้งเดียว! เป็นเพราะเสี่ยวถางใช่ไหม? ฉันจำได้ตอนครั้งที่สองของพวกเรา เสี่ยวถางเป็นคนเปิดประตูให้คุณ แล้วคุณก็ไปที่ห้องฉัน เสี่ยวถางอยู่ห้องข้างๆ คุณยังบอกเลยว่า ไม่ให้ฉันส่งเสียงดังจนเกินไป เดี๋ยวเด็กผู้หญิงคนนั้นได้ยินเข้า จะเป็นการสอนสิ่งไม่ดีให้เธอ……”
พูดพลาง เธอพยายามลุกขึ้นดึงหลานเสี่ยวถาง: “เสี่ยวถาง คุณจำได้ไหม ครั้งหนึ่งที่มูเฉินมาหาฝนตกหนักพอดี คุณเป็นคนเปิดประตู ต่อมาเขาพักอยู่เป็นเวลานานกว่าจะไป ครั้งนั้นก็คือ ฉันกับเขา…….”
สีหน้าของหลานเสี่ยวถางแข็งทื่อไปเล็กน้อย
ครั้งนี้ที่หลานเล่อซินพูด เธอจำได้
เมื่อก่อนทุกครั้งที่สือมูเฉินไปตระกูลหลาน ก็เหมือนกับว่าไปแบบพอเป็นพิธี ในมือถือของฝากไปด้วย นั่งอยู่สักพัก หรือทานข้าวแล้วก็ไป
แต่ครั้งนั้นพ่อแม่บุญธรรมของเธอไม่อยู่ มีแค่เธอกับหลานเล่อซินที่อยู่บ้าน แต่ครั้งนั้นเหมือนกับว่าสือมูเฉินอยู่นานมากถึงจะออกไป
หัวใจของเธอจมดิ่งเล็กน้อย ถึงแม้รู้ว่าตัวเองควรที่จะเชื่อเขา หรือจะพูดว่า ถึงแม้สือมูเฉินจะเคยมีอะไรกับหลานเล่อซิน แต่ถึงอย่างไรเวลานั้นก็เป็นคู่รักกัน มันก็เป็นเรื่องปกติอย่างมาก
แต่เธอก็รู้สึกว่าก้นบึ้งของหัวใจคล้ายกับมีความรู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างไม่สามารถอธิบายได้ คล้ายกับฟองน้ำที่แช่น้ำ อุดกั้นอยู่ที่อก อัดแน่นจนทุกข์ทรมาน
“เรื่องเหล่านี้ที่คุณพูดมา ฉันไม่มีภาพความทรงจำใดๆเลย” สือมูเฉินแสดงออกอย่างนิ่งเฉย ราวกับไม่ได้รู้สึกว่าตนเองเป็นศูนย์กลางของระลอกคลื่นนี้แม้แต่น้อย
หลานเล่อซินได้ยินคำพูดของเขา ก็ยิ่งคลุ้มคลั่ง เธอประคองเตียงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ต้องการจะลงไปดึงสือมูเฉิน
เนื่องจากด้านหลังมีบาดแผล จึงไม่สามารถปิดเอาไว้ได้ ดังนั้น หลานเล่อซินจึงต้องสวมเสื้อกลับด้าน ด้านหลังเปิดออกไม่ได้ติดกระดุม โจวเหวินซิ่วเห็นว่า เพราะเธอเคลื่อนไหวรุนแรง บาดแผลด้านหลังจึงฉีกขาดอีกครั้ง และเลือดสีแดงสดก็ไหลออกมาอย่างน่าตกใจ
สีหน้าของโจวเหวินซิ่วเปลี่ยนไปอย่างมาก เข้าไปดึงหลานเล่อซินทันที
แต่หลานเล่อซินกำลังอยู่ในความตื่นเต้น พลังจึงค่อนข้างมาก ถึงอย่างไรโจวเหวินซิ่วก็อายุมากแล้ว การผลักแบบนั้น ทำให้โซซัดโซเซไปหลายก้าว แล้วก็ล้มหงายหลังไป
สือมูเฉินที่เดิมทียื่นอยู่นิ่งๆก็วิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว ประคองโจวเหวินซิ่ว แล้วกล่าวกับหลานเล่อซินว่า: “พอได้แล้ว!”
เสียงของเขาไม่ได้ดัง แต่น้ำเสียงเคร่งขรึมและเย็นชา แฝงไปด้วยกลิ่นอายของการบีบบังคับ ทำให้หลานเล่อซินที่คลุ้มคลั่งอยู่สงบลงชั่วขณะอย่างเกินความคาดหมาย
หลานเล่อซินมองสือมูเฉินอย่างใจลอย ไม่ต่อสู้ดิ้นรนอีก แต่กลับพูดไปร้องไห้ไป: “มูเฉิน ทำไมคุณถึงไม่ยอมรับ? ถึงแม้ฉันจะไม่เรียกร้องอะไรกับคุณ แล้วก็ไม่เคยคิดที่จะทำลายคุณและเสี่ยวถาง แต่การคบหาของพวกเรา ทำไมคุณถึงไม่ยอมรับ? นั่นคือครั้งแรกของฉัน ฉันจำได้ คุณก็บอกว่าเป็นครั้งแรกของคุณเหมือนกัน แล้วทำไมคุณถึงบอกว่าจำไม่ได้ล่ะ?”
สือเพ่ยหลินที่อยู่ข้างๆเห็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่นี้ ก็ยกมุมปากขึ้นอย่างยิ้มเยาะ
เขารู้สึกว่า ความกลัดกลุ้มกดดันภายในใจที่ถูกสือมูเฉินกดดันมาเป็นเวลานาน เวลานี้คล้ายกับว่าจะปลอดโปร่งขึ้นมา
เขาเดินเข้าไป พูดโน้มน้าวเธอว่า: “คุณหลาน คุณทำแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ เสี่ยวถางยังอยู่ ถ้าหากว่าคุณอยากจะคุยกันถึงเรื่องในอดีต ก็ต้องรอตอนที่คุณอยู่ลำพังกับคุณอาของฉันสิ คุณพูดแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะเคยทำจริงๆ แต่เมื่อภรรยาอยู่ข้างๆ ผู้ชายก็ต้องไม่ยอมรับอยู่แล้ว!”
เขาพูดพลาง หันหน้ากลับ ไปยังมุมที่ทุกคนมองไม่เห็น แล้วส่งสายตายั่วยุว่า’ในที่สุดคุณก็มีวันนี้’ให้สือมูเฉิน
“ใช่…..” หลานเล่อซินที่เพิ่งได้สติกลับมา เธอจึงรีบส่ายหน้าอย่างตื่นตระหนก: “มูเฉิน เสี่ยวถาง ขอโทษด้วยนะ ฉันคิดน้อยเกินไปแล้ว…..ขอโทษด้วย มันคือความผิดของฉันเอง ฉันจะพยายามลืมเรื่องในอดีต…..มูเฉิน คุณทำถูกแล้ว ฉันพูดผิดไปแล้ว พวกเราไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ…….”
เธอแสดงออกอย่างสับสน แววตาไร้ค่า ราวกับว่าตนเองเป็นฝุ่นละออง มองแล้วดูน่าสงสาร
โจวเหวินซิ่วที่อยู่ข้างๆยื่นมือเข้ามาตบเบาๆที่ไหล่ของเธอ: “ยายหนูเล่อซิน ไม่ต้องร้องไห้หรอก นี่ก็คือโชคชะตา ในตอนนั้นใครให้คุณแยกจากมูเฉินล่ะ ถึงแม้คุณจะทำเพราะ……. แต่การเสียสละของคุณมันไม่คุ้มค่าเลยนะ!”
หลานเล่อซินคล้ายกับถูกกระตุ้นเรื่องที่เสียใจ เธออดไม่ได้ที่จะฟุบลงที่ไหล่ของโจวเหวินซิ่ว ร้องไห้ออกมาด้วยความอึดอัดใจ: “คุณป้าค่ะ ฉันผิดเอง ฉันไม่ควรกลับมา รอให้ฉันหายดีแล้ว ฉันก็จะจากไป ต่อไปจะไม่มารบกวนมูเฉินกับเสี่ยวถางอีกแล้ว…….”