ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 136 ทำไมยังไม่ยอมรับอีกว่าเราเคยทำอย่างนั้น
เดิมทีภาพที่ดูปลุกเร้าอารมณ์ให้สงสาร ตกอยู่ในสายตาของสือมูเฉิน แต่มันก็ไม่ได้ผลอะไร
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นทางการ : “โอเค เล่อซิน ถ้าคุณต้องการจะไปต่างประเทศ อย่าลืมแจ้งฝ่ายบุคคลล่วงหน้าหนึ่งเดือน เพื่อจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง”
หลานเล่อซินที่พิงไหล่ของโจวเหวินซิ่วอยู่ ได้ยินประโยคคำพูดนี้ ก็สั่นไปทั้งตัว
น้ำเสียงของเธอแหบพร่า : “โอเค ฉันรู้แล้ว จะไม่ทำให้พวกคุณต้องลำบากใจ”
“เล่อซินเป็นอย่างนี้ คุณยังขับไล่เธอไปอีกเหรอ?!” โจวเหวินซิ่วโกรธจัด : “มูเฉิน ฉันก็บอกกับคุณตั้งแต่เด็กๆแล้ว ว่าอย่าเย็นชาจนเกินไป ต้องเห็นใจคนอื่นบ้าง จิตใจดีมีเมตตาจึงจะได้สิ่งดีๆตอบแทน! ทำไมคุณ……”
เธอพูดอย่างเจ็บปวดใจ : “เดิมทีฉันกับเล่อซินก็ปรึกษากันแล้ว ว่าจะไม่บอกเหตุผลว่าทำไมเธอจึงไปจากคุณ ตอนนี้ดูเหมือนว่า เราจะคิดผิด!”
พูดจบเธอก็ประคองหลานเล่อซินให้นอนลง จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นแล้วพูดว่า : “เรื่องนี้ ฉันคิดว่าคุณจำเป็นที่จะต้องรู้! เล่อซินจะบอกกับคุณเอง! เสี่ยวถาง เพ่ยหลิน เราออกไปกันก่อน!”
หลานเสี่ยวถางไม่ได้เคลื่อนไหว แต่โจวเหวินซิ่วก็เดินเข้าไปดึงเธอด้วยตนเอง เธอรู้สึกไม่พอใจ แต่โจวเหวินซิ่วจับไว้แน่นมาก เธอกลัวว่าต่อสู้ดิ้นรนไปแล้ว จะทำให้โจวเหวินซิ่วบาดเจ็บ ก็เลยได้แต่ตามออกไปเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ในห้องผู้ป่วย จึงเหลือแค่สือมูเฉินกับหลานเล่อซิน
สือมูเฉินยืนอยู่หน้าเตียงผู้ป่วย มองจากด้านบนลงมาแล้วพูดว่า : ฉันไม่ได้มาฟังนิทานที่ร้อยเรียงมาอย่างดีหรอกนะ ที่ฉันอยู่เพราะคิดว่า ฉันก็รู้สึกว่าถ้าเรามีอะไรจะพูดก็ควรคุยกันต่อหน้าให้มันชัดเจน”
“มูเฉิน——” หลานเล่อซินเงยหน้าขึ้นมองเขา แววตามีความทุกข์ระทมใจ : “ขอเวลาคุณหน่อยได้ไหม ฟังฉันพูดให้จบก่อน?”
“ได้สิ คุณพูดมาเถอะ” สือมูเฉินพยักหน้า
“มูเฉิน เมื่อสี่ปีก่อน ที่เรากำลังจะแต่งงานกัน พี่ใหญ่ของคุณก็มาหาฉัน” หลานเล่อซินพูดต่อว่า : “ในตอนนั้นเขาบอกกับฉันว่า แม่ของคุณมีหุ้นส่วนหนึ่งในหุ้นของ Times Group แต่ถ้าฉันแต่งงานกับคุณ ตามข้อกำหนดเดิมแล้วหุ้นก็จะต้องกลับไปที่คุณ”
สือมูเฉินขมวดคิ้ว เรื่องหุ้นส่วนนี้ เขาก็เพิ่งจะรู้เมื่อไม่กี่วันก่อนว่ามีเรื่องนี้จริงๆ และเมื่อทนายความคนนั้นรู้ว่าเขาแต่งงานแล้ว ก็โอนหุ้น 5% ให้กับเขาจริงๆ
หลานเล่อซินเห็นการแสดงออกของสือมูเฉิน ก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาก ด้วยเหตุนี้จึงพูดต่อว่า : “ฉันได้ยินก็รู้สึกดีใจอย่างมาก แต่ต่อจากนั้นพี่ใหญ่ของคุณก็ให้ฉันไปจากคุณ”
ดูเหมือนว่าเธอจะนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ทุกข์ทรมาน สีหน้าจึงมีความเศร้าสลดเล็กน้อย : “เป็นธรรมดาที่ฉันจะไม่ยินยอม แต่ Blue Sky Group ของเราจะไปต่อสู้กับเขาได้ที่ไหนกัน? อีกอย่างเขาบอกว่าถ้าฉันไม่ไป เขาจะทำร้ายคุณ ดังนั้นฉันจึงไม่มีทางเลือก ได้แต่จากไปอย่างเงียบๆ จนทำให้คุณเกลียดชังมานานแสนนานขนาดนี้……”
สือมูเฉินหลุบตาลงมองหลานเล่อซิน ไม่ได้แสดงอารมณ์บนใบหน้ามากนัก
เงียบไปสักพัก เขาก็พูดขึ้นว่า : “คุณพูดจบแล้วใช่ไหม?”
เมื่อเผชิญกับความเฉยเมยและเย็นชาของเขา หลานเล่อซินก็น้ำตาร่วงอีกครั้ง : “นั่นคือสาเหตุในตอนนั้น……มูเฉิน ถ้าฉันไม่ไป เขาก็จะทำร้ายคุณ……ฉันรู้ว่าเวลานั้นคุณไม่สามารถไปต่อสู้กับเขาได้ ฉะนั้นจึงไม่มีทางเลือก……”
เธอรีบยื่นมือออกมา ต้องการจะไปจับเสื้อของสือมูเฉิน : “มูเฉิน คุณบอกฉันมาสิ ถ้าหากว่าฉันไม่จากไปในตอนนั้น เราจะแต่งงานกันใช่ไหม?”
สือมูเฉินไม่ได้เข้าไปใกล้ สายตาของเขามองออกไปนอกหน้าต่าง : “ผ่านไปสี่ปีแล้ว และบนโลกนี้ก็ไม่มีคำว่าถ้าหากว่าด้วย”
“คุณตอบฉันหน่อยได้ไหม……คิดว่าฉันขอร้องแล้วกัน! จะปลอบใจก็ได้ หรืออะไรก็ได้……” หลานเล่อซินมองเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำต้อยไร้ค่า : “คิดเสียว่าเวทนาฉันในตอนนี้ก็ได้ บอกกับฉันได้ไหม?”
เธอทวนคำถามอีกรอบอย่างจริงจัง : “มูเฉิน ถ้าหากว่าฉันไม่จากไปในตอนนั้น คุณจะแต่งงานกับฉันใช่ไหม?”
สือมูเฉินหันไปมองเธอ : “ใช่”
พูดจบเขาก็พูดต่อว่า : “ไม่ใช่เพราะรักหรอกนะ แต่เป็นเพราะหน้าที่ความรับผิดชอบ เพื่อความสัมพันของสองตระกูลในตอนนั้น อีกอย่างพ่อฉันยังติดหนี้บุญคุณตระกูลของคุณ จุดจุดนี้ คุณก็น่าจะรู้”
“ฉันรู้ทั้งหมด……” หลานเล่อซินพูดอย่างอ่อนแรง : “ฉันรู้ว่าแต่ไหนแต่ไรคุณก็เป็นคนมีความรับผิดชอบมาก ดังนั้นถ้าคุณแต่งงานกับฉัน แล้วได้พบกับเสี่ยวถาง คุณยังจะไปพัวพันกับเธอไหม?”
สือมูเฉินตอบว่า : “ไม่”
เขานึกถึงหลานเสี่ยวถาง มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นมา : “ฉันจะจงรักภักดีต่อการแต่งงานของฉัน”
พูดจบก็มองไปทางหลานเล่อซิน : “ฉะนั้นฉันหวังว่ากลอุบายทั้งหมดของคุณ จะหยุดอยู่แค่ตรงนี้ ส่วนเหตุผลที่คุณกล่าวถึงเมื่อสี่ปีที่แล้ว ฉันจะไปตรวจสอบ ถ้ามันเป็นอย่างที่คุณพูดจริง ฉันจะชดเชยให้คุณ”
“มูเฉิน คุณรู้หรือไม่ว่าค่าชดเชยที่ฉันต้องการมากที่สุดคืออะไร?” หลานเล่อซินมองเขา แล้วก็พูดว่า : “ถึงแม้ฉันจะรู้ว่าคุณไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉัน แต่ว่ากับคุณ……” น้ำตาเธอไหลนอง : “ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ ฉันก็แค่อยากแต่งงานกับคุณเท่านั้น……”
“ขอโทษด้วยนะ ค่าชดเชยอันนี้มันเป็นไปไม่ได้” สือมูเฉินหันหลังกลับ : “ยังมีอะไรที่ต้องการจะพูดอีกไหม? ถ้าไม่มี ฉันจะออกไปแล้ว”
“คุณอยู่กับฉันสักพักได้ไหม?” หลานเล่อซินพูดอยู่ข้างหลังเขา : “ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ชอบฉัน แล้วก็ยังรู้สึกว่าการปรากฏตัวของฉันไปรบกวนพวกคุณ แต่ที่ฉันกลับมาครั้งนี้ ไม่มีอะไรมาก ก็แค่อยากเจอคุณอีกครั้ง การจมน้ำในวันนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นฉันเป็นตะคริวจริงๆ คุณช่วยชีวิตฉันขึ้นมา จู่ๆฉันก็นึกถึงความรู้สึกของฉันที่ถูกคุณจูบในตอนนั้น ฉันแค่แกล้งทำเป็นหมดสติไป ขอโทษนะ ฉันมันไม่ดีเอง! คุณเห็นไหม ฉันได้รับผลกรรมตามสนองแล้ว……”
สือมูเฉินได้ฟังคำพูดของเธอ ก็หยุดฝีเท้าในทันที แล้วหันกลับไป : “หลานเล่อซิน ฉันเคยจูบคุณตอนไหน?”
ในดวงตาของหลานเล่อซินเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ: “มูเฉิน ตอนนี้มีแค่พวกเราสองคน คุณก็ยังจะไม่ยอมรับว่าในตอนนั้นพวกเราเคยทำเรื่องเหล่านั้นอีกเหรอ?”
สือมูเฉินหรี่ตา จ้องเขม็งมองหลานเล่อซิน: “ฝีมือการแสดงของคุณมันช่างสมจริงอย่างมากจริงๆ โชคดีที่ฉันรู้ว่าตัวฉันเองไม่เคยทำ ถ้าไม่อย่างนั้น แม้แต่ตัวฉันเองก็คงจะเชื่อไปแล้ว”
“มูเฉิน ชัดเจนว่าพวกเรา…..” หลานเล่อซินตัวสั่นเล็กน้อย สีหน้าขาวซีด ในดวงตาแตกสลายและสิ้นหวัง: “ที่แท้ เรื่องเหล่านั้นก็มีเพียงฉันคนเดียวที่จำได้ใช่ไหม? แบบนี้ก็ดี…….”
เธอพูดพลาง ไม่มองสือมูเฉินอีก แต่ดึงสายตาที่ว่างเปล่ามองไปยังนอกหน้าต่าง ด้วยท่าทีที่ไม่มีความสุข
ภายในห้องเงียบสงบลงมา สือมูเฉินมองไปยังหลังมือของหลานเล่อซิน: “ฉันจะไปเรียกหมอมาให้น้ำเกลือคุณใหม่”
เธอไม่ได้ตอบกลับ สีหน้ายิ่งว่างเปล่า เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความโศกเศร้า เหมือนกับฟองอากาศที่สามารถแตกได้ทุกเมื่อ
เขาหันเดินจากไปโดยไม่สนใจ
อย่างรวดเร็ว พยาบาลก็เข้ามาให้น้ำเกลือ ทายาให้หลานเล่อซินใหม่อีกครั้ง
ในขั้นตอนทั้งหมด หลานเล่อซินไม่ได้เคลื่อนไหว อารมณ์บนใบหน้าก็ไม่แสดงออกแม้แต่น้อย ราวกับว่าไม่รับรู้ถึงอะไรทั้งสิ้น
โจวเหวินซิ่วเห็นเช่นนี้ ก็มองไปยังสือมูเฉิน: “มูเฉิน คุณพูดอะไรกับเล่อซิน ทำไมเธอถึงได้กลายเป็นแบบนี้?”
สือมูเฉินส่ายหน้า: “เธออาจจะเหนื่อย นอนหลับสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว” เขาพูดพลาง มองไปยังนอกหน้าต่าง: แม่ ท้องฟ้ามืดลงแล้ว ฉันไปส่งคุณที่คฤหาสน์นะ อยู่โรงพยาบาลตลอดจะไม่สบายเอาได้”
โจวเหวินซิ่วส่ายหน้าอย่างไม่สบายใจ: “ไม่ได้ ฉันต้องคอยดูเล่อซินยายหนูคนนี้ เผื่อว่าเธอจะทำเรื่องอะไรโดยขาดสติ…….”
“แม่ คุณอายุมากไป ไม่เหมาะที่จะอยู่ในโรงพยาบาล ถ้าหากคุณป่วยขึ้นมาจะทำอย่างไร?” สือมูเฉินครุ่นคิดเล็กน้อย: “ที่นี่มีฉันกับเสี่ยวถางก็พอแล้ว ฉันจะให้เพ่ยหลินส่งคุณกลับไป”
เขาพูดพลาง ลุกขึ้นยืน นำกุญแจรถส่งให้: “เพ่ยหลิน คุณไปส่งคุณย่าของคุณกลับบ้าน”
สือเพ่ยหลินไม่เต็มใจเล็กน้อย แต่ยังคงลุกขึ้นยืน แล้วกล่าวกับโจวเหวินซิ่วว่า: “คุณย่า พวกเรากลับกันเถอะ ที่นี่มีคุณอาอยู่ก็พอแล้ว อีกอย่าง คุณหลานน่าจะอยากเห็นแค่คุณอา!”
พอเขาพูดแบบนี้ โจวเหวินซิ่วก็เห็นด้วยทันที แล้วตามสือเพ่ยหลินออกไป
ตอนบ่าย ไม่ได้ทานอาหาร สือมูเฉินจึงหยิบมือถือขึ้นมาสั่งเดลิเวอรี่ อย่างรวดเร็ว เดลิเวอรี่ก็มาถึงหน้าทางเข้าโรงพยาบาล เขาให้หลานเสี่ยวถางรอก่อน เขาจะลงไปเอาของ
หลานเสี่ยวถางไปหาพยาบาลเพื่อขอยืมที่ชาร์จแบตมือถือของตนเอง พอเปิดมือถือ จู่ๆหลานเล่อซินที่อยู่ข้างๆก็เอ่ยปากว่า: “เสี่ยวถาง ตอนนี้ไม่มีคนอื่นแล้ว คุณก็ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว”
หลานเสี่ยวถางวางมือถือลง แสดงออกอย่างเย็นชาขึ้นมา: “พี่ คำนี้ฉันน่าจะบอกกับคุณมากกว่านะ?”
หลานเล่อซินกล่าวว่า: “วันนี้ตอนที่คุณอยู่บนรถ ผู้ชายคนนั้นปรนนิบัติคุณเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลานเสี่ยวถางไม่ได้รับคำพูดของเธอ แต่กล่าวว่า: “ดูท่าพี่ยังคงติดใจอยู่ใช่ไหม? บทเรียนในวันนี้ยังไม่พอเหรอ?”
“ใช่ ฉันยังติดใจอยู่” หลานเล่อซินกล่าว: “เพียงแต่พอฉันเปรียบเทียบแล้ว ก็รู้สึกว่ามูเฉินจะดีกว่า”
หลานเสี่ยวถางหรี่ตามอง
“ถึงแม้ในตอนนั้นจะเป็นครั้งแรก มูเฉินก็อ่อนโยนกับฉันอย่างมาก” หลานเล่อซินแสดงออกด้วยความเขินอาย ในสายตาแสดงถึงการหวนรำลึกถึงความทรงจำและดีใจ: “เวลานั้นพวกเราดีมากจริงๆ ถ้าไม่จากกันเมื่อสี่ปีก่อน อันที่จริง…….”
หลานเสี่ยวถางยิ้มเยาะ: “พี่ ตอนนั้นเกรงว่าคุณอยู่กับผู้ชายคนไหนก็ไม่รู้ใช่ไหม? ถึงได้มาใส่ร้ายป้ายสี……”
“ฉันใส่ร้ายหรือเปล่า ตัวคุณเองก็น่าจะรู้ดี” ในสายตาของหลานเล่อซินเป็นประกาย เปลี่ยนเป็นคนละคนกับท่าทีที่ว่างเปล่าเมื่อกี้นี้: “ครั้งนั้น คุณไปเปิดประตูให้ฉัน ในบ้านไม่มีคนอื่น เขาอยู่ที่ห้องของฉัน ชายหนุ่มหญิงสาว คุณคิดว่าเขาคือหลิวเซี่ยฮุ่ย (พูดถึงชายที่มีคุณธรรมและจิตใจแน่วแน่มั่นคง) เหรอ?”
หลานเสี่ยวถางหายใจติดขัด ในมุมที่หลานเล่อซินมองไม่เห็น นิ้วมือของเธอกำแน่นจนกลายเป็นหมัด แต่บนใบหน้ากลับไม่ได้แสดงออกถึงอารมณ์ใดๆ เธอกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า: “ฉันเชื่อเขา”
หลานเล่อซินยิ้ม: “เสี่ยวถาง พวกคุณเพิ่งแต่งงานกันได้ครึ่งปี ความต้องการของเขามากแค่ไหน คุณก็น่าจะรู้ คุณแน่ใจขนาดนั้น เมื่อก่อนเขาไม่เคยอยู่ด้วยกันกับฉันหรือไง? คุณน่าจะรู้ดีว่า เวลานั้น พวกเราเป็นคู่หมั้นกัน!”
“พี่ ตกลงคุณอยากจะพูดอะไร?” หลานเสี่ยวถางมองหลานเล่อซิน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดุดันว่า: “ไม่ว่าก่อนหน้านี้พวกคุณจะเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้คุณก็เป็นเพียงอดีตของเขา!”
“เหอะๆ เสี่ยวถาง คุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว! รู้ไหมว่าทำไมสือเพ่ยหลินถึงได้หย่าร้างกับคุณ? ก็เพราะว่าคุณไม่เข้าใจผู้ชายไงล่ะ ไม่เคยเข้าใจเลย!” หลานเล่อซินพูดพลาง หยิบมือถือของตนเองขึ้นมา: “คุณลองฟังบันทึกเสียงนี้ดูสิ! ลองดูว่าสามีที่คุณเชื่อ เมื่อกี้พูดอะไรกับฉัน!”
ด้วยเหตุนี้ เสียงการสนทนาในมือถือจึงดังขึ้นมา——
หลานเล่อซิน: “มูเฉิน ถ้าในตอนนั้นฉันไม่จากไป คุณจะแต่งงานกับฉันใช่ไหม?”
สือมูเฉิน: “ใช่”
หลานเล่อซิน: “ถ้าคุณแต่งงานกับฉัน แล้วได้พบกับเสี่ยวถาง จะยังไปพัวพันกับเธอไหม?”
สือมูเฉิน: “ไม่”
หลานเล่อซินกดปิดบันทึกเสียง แล้วเงยหน้ามองไปยังหลานเสี่ยวถาง มุมปากเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน: “เสี่ยวถาง ตอนนี้คุณเข้าใจแล้วใช่ไหม ที่มูเฉินอยู่ด้วยกันกับคุณ ก็เพียงแค่พอถูไถไปก็เท่านั้น!”