ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 139 ที่ผ่านมาสี่ปีก่อน
หลานเสี่ยวถางได้ยินคำพูดของสือมูเฉินแล้ว ทันใดนั้นใบหน้าก็ซีดเผือดในทันที
มือของเธออดไม่ได้ที่จะไปคว้าจับเข้ากับเตียง ก่อนจะออกแรงจิก
ผ่านไปนานราวกับครึ่งวัน เธอถึงจัดแจงปรับอารมณ์ของตนเองได้ หลังจากนั้นจึงหัวเราะออกมา “พวกคุณนี่รักกันดีมากกันจริง ๆ เลยนะคะเนี่ย!”
สือมูเฉินพยักหน้าขึ้นลง “คุณตื่นแล้วก็ทานมื้อเย็นเถอะครับ ผมจะให้พยาบาลไปช่วยอุ่นให้คุณ หลังจากนั้นผมก็จะพาเสี่ยวถางไปพักผ่อนแล้ว”
จนกระทั่งทั้งสองคนหายออกไปจากสายตา สีหน้าของหลานเล่อซินจึงค่อย ๆ แปรเปลี่ยนไปเป็นหยิกงอ
นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความริษยา ไม่ปกปิดอารมณ์โกรธเลยสักนิดเดียว
เมื่อครู่คำพูดที่มีต่อหลานเสี่ยวถางพวกนั้น อีกทั้งยังมีการแสดงที่แสดงต่อหน้าทุกคนเมื่อก่อนนี้อีกด้วย เธอนึกว่าตอนนี้เธอจนชัดเจนมาก ๆ แล้วและไม่มีพิรุธใด ๆ เลย อีกทั้งท่าทางของหลานเสี่ยวถางในตอนนั้นก็เกือบจะหลงเชื่ออยู่แล้วด้วย
แต่ทว่า ที่ทำให้เธอนึกไม่ถึงเลยนั่นก็คือ ช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมงที่พวกเขาทั้งสองคนลงไปที่ชั้นล่างกัน สือมูเฉินกับปลอบประโลมหลานเสี่ยวถางเอาไว้ได้เสียแล้ว!
หลานเล่อซินบีบโทรศัพท์ สบตามองการบันทึกเสียงที่พึ่งจะบันทึกไปเมื่อครู่นี้ ร่างทั้งร่างสั่นเทาเล็กน้อย นัยน์ตาค่อย ๆ เข้มขึ้นมา
บอกตามตรง เธอชอบสือมูเฉินจริง ๆ
สือมูเฉินหน้าตาดี รูปร่างสูงใหญ่ เป็นเพราะว่าชื่นชอบการออกกำลังกายและกีฬากลางแจ้ง ผิวพรรณจึงเข้มนิดหน่อย เข้มกว่าพวกชายหนุ่มผิวน้ำนมเล็กน้อย แต่ทว่าเมื่อมองดูรอบตัวสามร้อยหกสิบองศาแล้วกลับตรงสเปคเธอทุกอย่างเลย
ในตอนที่ยังหนุ่ม สือมูเฉินกับบิดาเคยไปที่ตระกูลหลานอยู่หลายครั้ง เธอในตอนนั้นก็แอบสนใจเขาอยู่ ดังนั้นแล้ว หลังจากที่ตนเองได้ทราบว่าจะต้องหมั้นกับสือมูเฉิน ในตอนนั้น หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นทุกวัน
เพียงแต่ เขากลับไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไรต่อเธอมากนัก ในทุก ๆ ครั้งราวกับว่าทำภารกิจเสร็จแล้วก็ไม่ปาน พูดคุยด้วยน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจและเรียบเฉยสองสามประโยค แล้วก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว
ในตอนนั้น เธอกำลังแสดงละครเป็นหญิงสาวที่เรียบร้อยอยู่ในตระกูลหลาน ย่อมต้องไม่อาจเป็นฝ่ายจู่โจมขึ้นมาก่อนอย่างแน่นอนอยู่แล้ว
หลังจากนั้น สือมูเฉินไปเรียบต่อต่างประเทศ เธอเรียนอยู่ในประเทศ นอกจากหลายเดือนถึงโทรศัพท์ติดต่อกันสักทีแล้ว เดิมทีทั้งสองคนก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกันนัก
หลังจากนั้นต่อมาอีก เขากลับประเทศมาแล้ว เข้าร่วมทำงานกับ Times Group เธอเคยเป็นฝ่ายไปหาเขาที่บริษัทก่อนสองสามครั้ง แต่ทว่า ในทุกครั้งเขาก็ดูไม่แยแส ดูแล้วเหมือนจะอบอุ่นมีมารยาท แต่แท้จริงแล้ว กลับสร้างกำแพงเอาไว้สูงเสียดฟ้า
เธอถูกทำร้ายอยู่หลายครั้ง แม้กระทั่งยังทำใจที่จะเป็นฝ่ายถอนหมั้นกับเขาเอาไว้เรียบร้อยแล้วด้วย
แต่ทว่า เขากลับไม่ดำเนินการอะไรเลย แม้กระทั่ง ในตอนที่ทั้งสองตระกูลนำเรื่องแต่งงานขึ้นมาวางเอาไว้บนโต๊ะอย่างเป็นทางการ เขาถึงจะตกปากรับคำตรงนั้น!
ในตอนนั้น หัวใจของเธอปีติ คิดในใจว่า บางทีเขาก็อาจจะชอบเธอ
เพื่อที่จะต้องการทดสอบ เธอฟังคำแนะนำจากเพื่อนนักเรียนคนหนึ่ง ในวันที่ฟ้ามีฝนตกวันหนึ่ง นัดเขาออกไป บอกว่าขอร้องให้เขาช่วยอะไรสักหน่อย
วันนั้น ผู้อาวุโสของตระกูลหลานไม่อยู่ มีเพียงแค่เธอกับหลานเสี่ยวถางเท่านั้นที่อยู่บ้านกัน
ประตูเป็นหลานเสี่ยวถางที่เป็นคนไปเปิดออก แต่ทว่าหลานเสี่ยวถางเมื่อเห็นสือมูเฉินแล้วมักจะเขินอายอยู่ตลอดเวลา เปิดประตูให้เสร็จก็วิ่งหนีไปเสียแล้ว
สือมูเฉินเดินไปถึงประตูห้องของหลานเล่อซิน เธอสวมใส่ชุดนอนแล้วเปิดประตูให้กับเขา
เขาชะงักไปเล็กน้อย ถามเธอว่ากำลังนอนหลับอยู่หรือเปล่า เธอบอกว่า เมื่อครู่นี้ในตอนที่รอเขาจู่ ๆ ก็ง่วงแล้วหลับไป
เธอเห็นว่าเขาแทบจะจากไปเสียแล้ว เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วจึงเรียกเขาให้หยุดเอาไว้ก่อน ให้เขาช่วยทำคอมพิวเตอร์ให้กับเธอหน่อย
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เขากำลังช่วยซ่อมคอมพิวเตอร์อยู่ในห้องของเธอ เธอสบตามองท่าทางจริงหลังจากด้านหลังของเขา อีกทั้งยังก้มหน้าสบตามองชุดนอนของตนเอง และเริ่มสงสัยถึงเสน่ห์ของตนเองเข้าให้แล้ว
หลังจากนั้น เขาก็ยังไม่เคลื่อนไหวอะไรเลยสักก้าว เธอรู้สึกถึงความพ่ายแพ้อย่างราบคาบเล็กน้อย ส่วนมากเป็นความไม่ยอมแพ้มากกว่า เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จึงบอกว่าเมื่อครู่นี้ที่หลับไปแล้วเหงื่อออก จะไปอาบน้ำเสียหน่อย
หลังจากที่เธออาบน้ำเสร็จแล้วออกมาแล้ว สือมูเฉินก็ซ่อมคอมพิวเตอร์เสร็จแล้ว
เธอจำได้อย่างชัดเจน ในตอนนั้นเส้นผมของเธอยังมีหยดน้ำอยู่ ในตอนที่เดินเข้าไปในห้องนอน สือมูเฉินก็หมุนกายมาหาพอดี
เขาสบตามองเธอ นัยน์ตาแทบจะตกตะลึงไปครู่หนึ่งเลย
เธอแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จงใจเข้าไปหา ก่อนจะไปยืนอยู่ที่ข้างกายของเขา หลังจากนั้นก็ย่อตัวลงไปทดสอบคอมพิวเตอร์
กระดุมชุดนอนของเธอต่ำ ความกว้างของเขาจึงทำให้เห็นเนินหน้าอกเข้าพอดี ดังนั้นแล้ว เมื่อย่อตัวไปขนาดนั้นแล้ว แทบจะเปลือยทั้งหมดเลยทีเดียว
เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลย บรรยากาศของห้องที่แปรเปลี่ยนไป
เป็นไปตามคาด ในตอนที่สือมูเฉินหันศีรษะกลับมา เธอเห็นว่านัยน์ตาของเขาแทบจะเป็นประกายไฟ
เพียงแต่ ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของสือมูเฉินดังขึ้นมา เขาหยิบมันมารับสาย หลังจากนั้นก็วางสายไปอย่างรวดเร็ว แล้วบอกกับเธอว่าเขามีธุระจะต้องไปแล้ว ประจวบเหมาะกับที่คอมพิวเตอร์ซ่อมเสร็จแล้วพอดีเลย ดังนั้นจึงต้องขอตัวก่อน
ในตอนนั้น เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าราวกับว่ามีน้ำเย็น ๆ สาดเข้ามาที่ศีรษะก็ไม่ปาน ทันใดนั้นเองหัวใจก็เย็นเฉียบ
และในตอนที่เธอตามออกไปเพื่อที่จะไปส่งสือมูเฉินนั้นเอง เธอมองเห็นว่าหลานเสี่ยวถางกำลังออกจากห้องนอนมาพอดี เป็นเพราะว่าไม่ได้รับรู้และนึกเลยว่าสือมูเฉินกำลังเดินผ่านมา ดังนั้นแล้ว หลานเสี่ยวถางถูกสือมูเฉินสะดุดชนเข้าให้ครั้งหนึ่ง และล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้นไปแล้ว
ในตอนนั้นเอง สือมูเฉินรีบลุกขึ้นยืน ก่อนจะช่วยพยุงหลานเสี่ยวถางขึ้นมา ในตอนที่มองเห็นว่าหัวเข่าของเธอนั้นบวมเขียว อีกทั้งยังถามเธออีกว่าเธอจะไปที่ไหน เธอบอกว่าเธอจะลงไปดื่มน้ำ เขาจึงย่อตัวลงแล้วอุ้มหลานเสี่ยวถางลงมาที่ชั้นล่าง อีกทั้งยังนำน้ำเต็มแก้วส่งให้ถึงมือของเธออีกด้วย
ในตอนนั้น หลานเล่อซินยืนอยู่ที่ประตูห้องของตนเอง มองเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนั่น ไฟโทสะภายในหัวใจคลุกกรุ่นอยู่ทั้งวัน
ถึงแม้ว่าเธอจะทราบว่าที่สือมูเฉินทำไปก็เป็นเพราะว่าช่วยเหลือหลานเสี่ยวถางเท่านั้น แต่ทว่า เธอก็ควบคุมความริษยาและโทสะเอาไว้ไม่อยู่เช่นกัน
ดังนั้นแล้ว วันนั้น ประจวบเหมาะกับว่าได้รับข้อความจากผู้ชายที่กำลังตามจีบเธอเข้ามาพอดี เธอเปลี่ยนความคิด ก่อนจะออกไปแล้ว
หลังจากนั้น……
เมื่อหวนกลับไปนึกถึงคืนนั้น สีหน้าบนใบหน้าของหลานเล่อซินราวกับว่าถูกปรับเปลี่ยนไปเลยก็ไม่ปาน อีกทั้งยังมีสีหน้าคาดฝันไม่เหมือนกันบางอย่างด้วย
ในตอนนั้นคิดว่า จะเสียใจในภายหลังไหมนะ?
คำตอบในตอนนั้นคือไม่
เป็นเพราะว่าสือมูเฉินไม่ได้มีความสนใจต่อเธอเลยแม้แต่นิดเดียว อีกนิดเดียวเธอก็แทบจะเปลือยเปล่าต่อหน้าของเขาอยู่แล้ว แต่เขากลับเป็นเพราะว่าเรื่องงาน ไม่มีท่าทางจะเคลื่อนไหวเลยแม้แต่ก้าวเดียว ทำให้หัวใจที่หยิ่งทะนงในตนเองมาโดยตลอดของเธอถูกโจมตีเข้าให้แล้ว!
ดังนั้นแล้ว เธอก็กำลังมองหาความรู้สึกของการถูกยอมรับจากบนร่างกายของผู้ชายคนอื่นเช่นกัน ในทุกครั้งที่ได้ทำกับผู้ชายคนอื่น ๆ เธอมักจะหลับตามาโดยตลอด วาดฝันว่าเป็นสือมูเฉิน แม้กระทั่งในการร่วมรักอยู่ครั้งหนึ่ง ก็เกือบเรียกชื่อของสือมูเฉินออกมาเสียแล้ว
ในทั้งหมดที่มีทั้งหมดนั้น สือมูเฉินไม่ทราบเลย จนกระทั่ง พวกเขาจะแต่งงานกัน
ในตอนนั้นเอง เธอตัดสินใจแล้วว่าจะตัดขาดกับคนคนนั้น ในเมื่อ ขอเพียงแค่หลังแต่งงานกันไปแล้ว สือมูเฉินก็จะเป็นของเธอแล้ว เธอไม่เชื่อว่าสือมูเฉินจะยังคงไม่ทำอะไรต่อเธอ นอกจากว่าเขาจะเป็นเกย์
และในตอนที่เธอต้องการที่จะตัดขาดกับผู้ชายคนนั้นแล้ว กลับเกิดเรื่องเรื่องหนึ่งขึ้น หลังจากนั้นมา เธอจึงจำเป็นที่จะต้องจากประเทศจีนไป เป็นระยะเวลาทั้งหมดสี่ปี
ประจวบเหมาะกับในวันนั้นสือมูชิงกระทำการดำเนินการโจมตีหุ้นของสือมูเฉิน ยินยอมที่จะให้ตนเองเสียหายมหาศาล เพื่อที่จะทำให้สือมูเฉินไม่มีอะไรเลย
ในตอนที่สือมูเฉินโทรศัพท์ไปบอกเรื่องนี้แก่เธอนั้น เธอก็ดำเนินการดำวีซ่าออกนอกประเทศเรียบร้อยแล้ว
เธอรู้ รู้ว่านี่คือโอกาสที่ง่ายที่สุดที่จะก้าวเข้าไปในหัวใจของเขา แต่ทว่า เธอเองก็กลับไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
กลับมาตอนนี้ คนคนนั้นไม่ใช่สิ่งของของตนเองอีกต่อไปแล้ว ที่ข้างกายของเขา กลับมีหลานเสี่ยวถางเพิ่มมาคนหนึ่ง!
อีกทั้งดูท่าแล้วสือมูเฉินก็ยังมีท่าทางใส่ใจหลานเสี่ยวถางอยู่มากเลยเสียด้วย ทำให้เธอหวนนึกถึงเมื่อสี่ปีก่อน ๆ เป็นภาพที่สือมูเฉินอุ้มหลานเสี่ยวถางลงมาที่ชั้นล่าง!
มือของหลานเล่อซินกำเตียงทางด้านข้างเตียงแน่นมากขึ้น เธอหายใจเข้าออกไม่หยุด คิดอยากที่จะกดความรู้สึกของตนเองในตอนนี้ลงไป
เสียใจภายหลังไหม?
เสียใจมาตั้งนานแล้วล่ะ
เธอไม่ควรที่จะถูกผู้ชายคนอื่นทำให้มัวหมองเลย แบบนี้ ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่ต้องห่างจากสือมูเฉินที่ตนเองชมชอบมาโดยตลอดหรอก อีกทั้งเมื่อสี่ปีก่อน ในตอนที่เธอจากไป เธอแทบจะรู้ได้เลย ถึงแม้ว่าเธอจะกลับมา ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรใด ๆ ได้แล้ว
เป็นเพราะทุกคนต่างก็พูดกันหมดแล้ว ว่าเธอเห็นสือมูเฉินไม่มีอะไรเลย ดังนั้นก็เลยหนีไปกับผู้ชายคนอื่น
อีกทั้งสือมูเฉินก็เป็นคนที่หยิ่งทะนงคนหนึ่งด้วย จะสามารถอดทนยอมรับการทรยศเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?!
เดิมเธอก็ไม่เคยที่จะตัดใจเลย แต่ทว่า ในต่างประเทศต่างบ้านต่างแดนกว่าสองพันกว่าคืนวันนั้น เธอมักจะฝันถึงเขาอยู่เสมอ
เธอจะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ เธอคิดถึงเขาจนแทบบ้า อยากที่จะเป็นคนที่ได้ร่วมเคียงหมอนข้างกายของเขา
ความคิดเช่นนี้ ราวกับว่าเป็นหญ้าป่าก็ไม่ปาน เติบโตขึ้นอยู่ภายในหัวใจอย่างบ้าคลั่ง ไม่ยอมหยุด
อีกทั้งความผิดหวังทั้งหมด กลับหยุดลงตอนที่ได้พบเข้ากับโจวเหวินซิ่ว และนั่นจึงมีจุดเปลี่ยน
ในตอนนั้น หลานเล่อซินรับรู้ ว่าโชคของเธอมาถึงแล้ว บางที เธอก็ยังมีโอกาสพลิกไพ่ได้อีก!
ในตอนนั้นเอง พยาบาลนำอาหารที่อุ่นร้อนเสร็จเข้ามาแล้ว ก่อนจะยกมาให้หลานเล่อซิน ขัดจังหวะการหวนคืนวันวานของเธอ
หลานเล่อซินเห็นเธอ ก่อนจะเอ่ยว่า “สวัสดีค่ะ ฉันอยากที่จะไปห้องน้ำ คุณช่วยพยุงฉันหน่อยได้ไหมคะ?”
พยาบาลพยักหน้า ก่อนจะพยุงหลานเล่อซินเข้าห้องน้ำไป
ในตอนที่อยู่ในห้องน้ำนั้นเอง ที่ด้านล่างถึงแม้ว่าจะใส่ยาแล้ว แต่ทว่ายังคงรู้สึกเจ็บแสบอยู่ดี นัยน์ตาของหลานเล่อซินมองไปยังอีกห้องหนึ่ง ในนั้น ตอนนี้ปิดไฟแล้ว เกรงว่าสือมูเฉินกับหลานเสี่ยวถางคงจะหลับกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลับนอนเคียงข้างกัน!
เธอคิดถึงภาพเหตุการณ์เช่นนั้น ภายในหัวใจราวกับว่าแตกสลายก็ไม่ปาน โทสะและความริษยาปะทุอย่างรุนแรง
เธอไม่ทนแล้ว เธออยากที่จะรู้ ที่สือมูเฉินปฏิบัติต่อหลานเสี่ยวถางนั้น มันออกมาจากความรักจริง ๆ หรือเปล่า!
ถือดีอะไร ในตอนแรกเธอกับสือมูเฉินจะต้องหมั้นหมายกัน สือมูเฉินไม่ได้ชอบเธอสักหน่อย หลานเสี่ยวถางพึ่งจะหย่าจากสือเพ่ยหลินได้ไม่กี่วันเอง หลับได้รับความสนใจจากสือมูเฉินแล้วเสีย?!
เธอไม่กล้าที่จะเชื่อ!
อยู่ต่างประเทศมาสี่ปี เธอนำเรื่องราวเมื่อก่อนหวนกลับมาคิดอยู่หลายรอบ ในที่สุดก็ค้นพบแล้ว สือมูเฉินไม่ได้เกลียดเธอ อีกทั้งเขาก็ไม่ได้มีความสนใจต่อผู้หญิงคนอื่น ๆ ด้วย
เขาดูคล้ายกับว่าจะผิดปกติวิสัย ดูแล้วเหมือนจะโหดร้ายและดิบเถื่อน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในทุก ๆ ครั้งที่เขาก้าวเดิน นั่นเป็นเหตุเป็นผลมาจากการคิดวิเคราะห์โดยละเอียดทั้งหมด
อีกอย่างในตอนแรกเริ่มเขาไม่มีอะไรเลย ตอนนี้เมื่อหวนกลับมานึกขึ้นได้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะรู้ถึงผลลัพธ์นี้มาตั้งนานแล้วก็ได้ อีกทั้งยังจงใจที่จะเดินเข้าไป ทำให้สือมูชิงการ์ดตก!
ผู้ชายแบบนี้ จะสามารถตกหลุมรักหลานเสี่ยวถางได้อย่างไรกัน?
หลานเล่อซินยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องของหลานเสี่ยวถาง หยุดอยู่ครู่หนึ่ง ถึงจะยอมถอยออกมาแล้วกลับไปยังห้องพักผู้ป่วยของตนเอง ภายใต้การทำงานของตัวยา ก็ค่อย ๆ หลับลงไปแล้ว
วันที่สองตอนเช้า แบรนด์ออเนอร์หลักเริ่มทำรายได้สูงสุดอีกวันหนึ่งแล้ว ทำได้เรื่อย ๆ ไม่หยุดหย่อน เงินทองมากมายไหลมาจากทุกสายมารวมตัวกันอยู่ที่นี้ ก็จะแบ่งไปยังพื้นที่ทุกหนทุกแห่งทั่วโลก
ที่ชั้นแปดของตัวตึก มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ ประตูก็ถูกคนเคาะเข้ามาแล้ว
“เชิญเข้ามา” เธอเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ
มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา ถือกล่องพัสดุกล่องหนึ่งมาด้วย “คุณผู้หญิงครับ ของของคุณครับผม”
ในตอนที่สบตามองกล่องพัสดุ นัยน์ตาของหญิงคนนั้นหดตัวลงเล็กน้อย สายตาของเธอหยุดอยู่ที่บนกล่องนั่นอยู่หลายวินาที ถึงจะเบนออกไป ก่อนจะชี้ไปที่ทางด้านข้างของโต๊ะ “วางไว้ตรงนั้นเลย คุณออกไปเถอะ”
“ครับผม คุณผู้หญิง” หลังจากที่ชายคนนั้นวางเสร็จแล้ว ก็รีบจากไปทันที
หญิงคนนั้นหยิบกล่องพัสดุขึ้นมา มองกล่องพัสดุอย่างละเอียดครู่หนึ่ง หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีปัญหาใด ๆ แล้วจึงหยิบมีดเล็กขึ้นมา เปิดกล่องพัสดุออก
ที่ด้านบนมีโลโก้ติดเอาไว้อยู่ตรงกลาง
หญิงคนนั้นหยิบกระดาษเอสี่จากในกลางออกมา หายใจเข้าออกอยู่หลายครั้ง หลังจากนั้นจึงมองไปยังตัวอักษรที่อยู่ด้านบน
ในตอนที่อ่านข้อความนั้นเอง เธอก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็อ่านตัวอักษรภาษาอังกฤษซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบ หลุบตาลงต่ำ ราวกับว่าไร้ประกายแสงไปแล้ว
“จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?!”