ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 163 ในอดีตที่เคยการนอกใจ
แสงแดดจากภายนอกสาดส่องเข้ามา และฟู้เจียนปอที่กำลังจะจูบเฉียวโยวโยวนั้น ก็รู้สึกว่าแสงด้านข้างของตัวเองนั้นถูกบังอย่างกะทันหัน และมีเงาหนึ่งซ้อนขึ้นมา แม้แต่อุณหภูมิโดยรอบก็ดูเหมือนจะลดลงเล็กน้อย
เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แล้วขยับออกห่างเฉียวโยวโยว หันหน้ามองไปทางหน้าต่าง
เขาเห็นฟู่สีเกอเอนตัวพิงอยู่ที่ขอบหน้าต่าง แรงถ่วงของร่างกายเขาอยู่ที่หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน และขาข้างหนึ่งยกขึ้นอังผนังไว้ ราวกับว่าเขาสังเกตเห็นการจ้องมองของฟู้เจียนปอ เขายักคิ้วให้: “พวกคุณทำต่อไปเลยครับ”
ฟู้เจียนปอรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่ฟู่สีเกอก็ไม่ได้พูดอะไรเลย และปล่อยให้เขาทำมันต่อ เขาพูดหน้าตาเฉยราวกับว่าเขาไม่ได้อะไรผิด
ดังนั้นเขาจึงเอนตัวไปหาเฉียวโยวโยวอีกครั้งโดยตั้งใจ และจะทำต่อจากเมื่อกี้
จากนั้นก็มีเสียงเพลงดังขึ้นมาจากด้านข้างขัดจังหวะเขาพอดี
ในขณะนี้ฟู่สีเกอกำลังถือโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือราวกับว่าเขากำลังเล่นเกมอยู่ เหมือนเขาตั้งอกใจตั้งเล่นมันอย่างมาก และไม่ได้สนใจเลยว่าจะดังรบกวนใครไหม แต่เสียงเพลงยังคงดังออกมาจากโทรศัพท์ไม่หยุด
แม้ว่าเสียงเพลงนั้นไม่ค่อยแสบแก้วหูสักเท่าไหร่ และระดับเดซิเบลของเสียงก็ไม่เสียงดังเกินไป แต่เป็นเสียงเพลงของเกมการแข่งขันที่ก่อกวนบรรยากาศโรแมนติกเมื่อกี้นี้มากที่สุด
ในความเป็นจริงแล้วนั้นฟู้เจียนปออยากจะจูบเธอมาก แต่กลับพบว่าเขาไม่สามารถจูบเธอต่อไปได้
เขาพูดกับฟู่สีเกออย่างหงุดหงิด: “คุณฟู่ครับ รบกวนคุณช่วยเบาเสียงเพลงลงหน่อยได้ไหมครับ? โยวโยวยังคงนอนหลับอยู่ คุณกำลังรบกวนเธอพักผ่อนอยู่นะครับ”
ฟู่สีเกอรีบปิดเพลงทันที ดูเหมือนว่าเขาคิดอะไรบางได้ จึงพูดเสริมอย่างช้าๆ ว่า:“อย่างไรก็ตามในเมือคุณพูดว่าเธอต้องการพักผ่อน เมื่อกี้คุณเพิ่งล่วงเกินเธอไปเองนะครับ แบบนี้ก็ไม่ถือว่ารบกวนหรอกเหรอ?”
คิ้วของฟู้เจียนปอขมวดขึ้นทันที ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเดือดดาล: “คุณฟู้ โยวโยวค่อนข้างไร้เดียงสา เธอไม่เหมาะกับคุณหรอกนะครับ โปรดอย่าคิดยุ่งกับเธอ!”
“คุณไม่มั่นใจในตัวเองเหรอ?” ฟู่สีเกอโน้มตัวเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของฟู้เจียนปอ: “ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจเธอมากนัก แต่เมื่อเห็นท่าทางของคุณเมื่อกี้นี้ จู่ ๆผมก็รู้สึกอยากแข่งกับคุณขึ้นมาทันที เพราะผมอยากรู้จริง ๆ ว่าถ้าคุณถูกเฉียวโยวโยวทอดทิ้ง แล้วเธอมาคบกับผม คุณจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อ……”
“คุณ—” ดวงตาของฟู้เจียนปอลุกวาวด้วยความโกรธเกรี้ยว ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ในห้องพักฟื้นคนไข้ และมีเฉียวโยวโยวที่นอนพักผ่อนอยู่ล่ะก็ เขาคิดว่าเขาคงได้มีเรื่องกับชายที่ไม่ถูกชะตาที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคนนี้เป็นแน่
ฟู้เจียนปอพยายามระงับความโกรธของตัวเอง และไม่สนใจฟู่สีเกออีกต่อไป แต่มุ่งไปดูแลเฉียวโยวโยวแทน
เธอนอนหลับอย่างสบาย และทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ อดีตนั้นเวลาที่เธอหลับเธอมักจะพิงที่หน้าอกของเขา
เพราะความทรงจำที่สวยงามเหล่านั้น ความหงุดหงิดในใจของเขาก็เริ่มหายไปมาก ฟู้เจียนปอเห็นว่าท้องฟ้าด้านนอกค่อย ๆ มืดลงแล้ว ดังนั้นเขาจึงยืนขึ้นเพื่อไปเอาโทรศัพท์มือถือ และเปิดเข้าแอปเดลิเวอรี่เพื่อจะสั่งอะไรทาน
ทันทีที่เขาเดินไปที่โซนโซฟา หลานเสี่ยวถางก็พูดว่า: “เจียนปอเรามาสั่งอาหารเดลิเวอรี่ทานกันเถอะ!วันนี้โยวโยวสามารถทานได้แค่อาหารเหลวเท่านั้น ฉันคิดว่าที่นี้มีห้องครัว เดี๋ยวเราสั่งโจ๊กให้เธอก่อน แล้วรอเธอจะตื่นเราค่อยอุ่นให้เธอใหม่”
“ดีเลย ผมก็กำลังจะสั่งเดลิเวอรี่อยู่เหมือนกัน” ฟู้เจียนปอมองไปทางสือมูเฉิน: “คุณสือครับ คุณอยากทานอะไรครับ?มีอะไรที่คุณทานไม่ได้ไหม?”
เมื่อสือมูเฉินกำลังจะตอบ หลานเสี่ยวถางก็พูดขึ้นว่า:“ มูเฉินคุณควรไปทำงานของคุณก่อนเถอะ ยังไงอาการของโยวโยวก็ปลอดภัยแล้ว ฉันอยู่ดูแลที่นี่คนเดียวก็พอแล้ว ยากมากเลยนะคะที่ทีม DR ของคุณจะมีโอกาสมาเที่ยวแบบนี้ คุณควรไปดูแลพวกเขามากกว่านะคะ”
สือมูเฉินคิดอยู่ครู่หนึ่งพร้อมพยักหน้า: “โอเค งั้นผมไปก่อนนะ” ในขณะที่พูดอยู่นั้นเขาก็ลุกขึ้น จากนั้นก็พูดกับฟู่สีเกอว่า: “สีเกอ เราไปกันเถอะ”
“อืม” ฟู่สีเกอพยักหน้า แล้วก็เดินตามหลังสือมูเฉินออกไป
เมื่อเห็นฟู่สีเกอกลับไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ ฟู้เจียนปอก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาอดคิดไม่ได้ว่าบางทีเขาอาจจะสงสัยมากเกินไปหรือเปล่า ท่าทางของฟู่สีเกอเมื่อวานนี้ ดูเหมือนฟู่สีเกอก็ไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยเฉียวโยวโยวมากนัก เขาไม่จำเป็นต้องหึงหวงขนาดนี้ก็ได้
จากนั้นฟู้เจียนปอจึงสั่งกับข้าวสองชุด และสั่งโจ๊กฟักทองที่เฉียวโยวโยวโปรดปราน แล้วเขาก็นั่งลงข้าง ๆ หลานเสี่ยวถาง และถาม เรื่องราวเกี่ยวกับเฉียวโยวโยวในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้
“เสี่ยวถาง ผมรู้สึกว่าดูเหมือนช่วงนี้โยวโยวไม่ค่อยชอบพูดคุยกับผมเลย” ฟู้เจียนปอกล่าวว่า:“หน้าที่การงานของเธอเป็นไปด้วยดีหรือไม่ ผมรู้สึกว่าเวลาเธอพูดนั้นน้ำเสียงของเธอค่อนข้างเคร่งครึมมากกว่าเมื่อก่อน พวกคุณเคยได้คุยกันบ้างหรือเปล่า?”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า: “อืม การทำงานไม่ได้เป็นอิสระเหมือนกับตอนสมัยเรียนหรอก ดังนั้นจึงถูกต้องแล้วที่โยวโยวจะยังปรับตัวไม่ค่อยได้ แล้วถ้าหากพบเจอกับเจ้านายที่พูดไม่ค่อยรู้เรื่องมันก็ยิ่งลำบาก”
ฟู้เจียนปอเห็นด้วยพร้อมพูดว่า: “ก็จริงนะ ความสัมพันธ์กับเจ้านายและเพื่อนร่วมงานนั้นมันก็สำคัญมากเช่นกัน”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง: “ผมกลับมาคราวนี้ และผมตั้งใจว่าจะทำงานก่อนสองปีแล้วจึงจะเริ่มทำธุรกิจด้วยตัวเอง ในอนาคตถ้าหากผมเปิดบริษัทผมจะให้โยวโยวเป็นเถ้าแก่เนี้ย และจะไม่มีใครกล้าทำให้เธอรู้สึกลำบากใจอีก แบบนี้มันก็คงจะดีไม่น้อย”
เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ยินในสิ่งที่เขาพูด ในใจของเธอก็รู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย เธอยิ้มแล้วพูดว่า: “อืม การเป็นเจ้านายดีกว่าหลายเท่าจริง ๆแหละ”
ในขณะที่เธอพูดอยู่นั้น เธอก็เปลี่ยนหัวข้อใหม่ทันที:“แต่อย่างไรก็ตาม คนจำนวนไม่น้อยเมื่อมีเงินก็เปลี่ยนไปทันที เจียนปอคุณจะเป็นแบบนั้นไหมคะ?”
ฟู้เจียนปอสบสายตากับหลานเสี่ยวถางและพูดอย่างจริงจังว่า: “ผมจะไม่เป็นแบบนั้นอย่างแน่นอน ผมจะไม่มีวันทรยศโยวโยวอย่างแน่นอน!”
หลานเสี่ยวถางไม่รู้ว่าฟู้เจียนปอเอาความมั่นใจนั้นมาจากไหน เธอยังคงทดสอบและถามว่า :“อืม ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่ได้โชคดีอย่างนั้น เธอ ……”
ฟู้เจียนปอฟังคำถามนั้นแล้วถามว่า: “แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเธอล่ะ?”
หลานเสี่ยวถางเริ่มเล่าเรื่อง: “เธอมีแฟนอยู่คนหนึ่ง แฟนปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี และพวกเขาทั้งสองตกลงกันว่า รอให้หน้าที่การงานมั่นคงกว่านี้ก็จะแต่งงานกัน แต่ว่าแฟนของเธออยู่กันคนละที่ มีอยู่ครั้งหนึ่ง เธอไปหาแฟนของเธอคนนั้นที่ทำงาน และบังเอิญไปเจอแฟนของตัวเองนั้นอยู่กับผู้หญิงอื่น ”
จู่ ๆสีหน้าของฟู้เจียนปอก็เริ่มเคร่งขรึมเล็กน้อย
หลานเสี่ยวถางกล่าวต่อว่า:“ในตอนนั้นเพื่อนของฉันรู้สึกสับสนอย่างมาก ไม่รู้ว่าควรจะเลือกให้อภัยหรือควรทำอย่างไรดี อย่างไรก็ตาม เธอกับแฟนของเธอคบกันมาก็หลายปีแล้ว”
“แล้วตอนนี้ล่ะ?” ฟู้เจียนปอรู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นเรื่องของคนอื่น แต่เขาก็ยังรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย: “สุดท้ายแล้วพวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันหรือไม่?”
หลานเสี่ยวถางส่ายหัว: “ก่อนจะแต่งงานเพื่อนของฉันก็ตัดสินใจได้แล้ว เธอรู้สึกว่าเธอไม่สามารถยอมรับการนอกใจแบบนี้ได้ ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะเลิกรา ตอนนี้พวกเขาแยกจากกันโดยสิ้นเชิง และไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย”
ในห้องพักฟื้นคนไข้เกิดความเงียบขึ้นทันที
ฟู้เจียนปอนั่งอยู่ที่เดิม เห็นการแสดงออกที่รู้สึกเสียดายของหลานเสี่ยวถางแล้ว ก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย และเขาก็ค่อย ๆสูดลมหายใจทีละน้อยด้วยความกังวล
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงฉากที่ได้พบกับหญิงสาวคนนั้น
ในเวลานั้นเฉียวโยวโยวได้กลับมายังประเทศจีนแล้ว และเขายังต้องรออีกประมาณสองสามเดือนกว่าจะสอบวิทยานิพนธ์เสร็จ
สมัยนั้นในมหาวิทยาลัยนั้นมีคนจีนไม่ค่อยเยอะ แต่มีผู้หญิงที่ชอบเขานั้นก็ไม่น้อยเช่นกัน
ตอนนั้นจำได้ว่าอยู่ในบาร์ และผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ข้าง ๆเขา เธอดื่มไปหลายแก้วและสารภาพรักกับเขา
หลังจากที่เขาฟังเขาก็ปฏิเสธทันที และหญิงสาวนั้นก็ไม่ได้ตอแยอะไรอีก แต่ภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์เธอผล็อยหลับไปที่บาร์
เดิมทีเขาคิดจะกลับ แต่เมื่อเขาเห็นผู้ชายหลายคนหรี่ตามองหญิงสาวคนนั้น เขาคิดว่าผู้หญิงคนนั้นก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของเขาด้วย เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายก็พาเธอกลับไปด้วย
อย่างไรก็ตามเขาได้โทรหาเพื่อนร่วมชั้นที่เรียนคณะเดียวกับเธอแต่ไม่มีคนรับสาย ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพาเธอไปที่บ้านเช่าของเขา
วันนั้น เธอนอนบนเตียง และเขาก็ปูผ้าห่มบนพื้นและนอนบนพื้นตลอดทั้งคืน
ดูเหมือนว่าในกลางดึกผู้หญิงคนนั้นตื่นขึ้นมา และกำลังจะเข้าห้องน้ำเธอเหยียบโดนเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ในเวลานั้นเขากำลังฝันอยู่ และกำลังฝันถึงเฉียวโยวโยว ดังนั้นในสภาพที่งุนงงอยู่นั้น เขาคิดว่าเธอเป็นเฉียวโยวโยวและดึงเธอลงมาและกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา
ต่อมาทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี จนกระทั่งเขากำลังจะดันมันเข้าไป เขาก็ตระหนักได้ว่าผิดคน
ในเวลานั้น เขาก็สะดุ้งตื่นทันที
ด้วยแสงไฟสลัวจากด้านนอกทำให้มองเห็นใบหน้าของหญิงสาวได้อย่างชัดเจน เขากำลังจะหยุดการกระทำนั้น
แต่หญิงสาวกลับเอามือโอบคอของเขาและจูบปากเขาอย่างเร้าร้อน
ตอนนั้นระยะห่างระหว่างพวกเขานั้นเป็นศูนย์ เมื่อหญิงสาวเกี่ยวขาไว้ที่เอวของเขานั้น ก็ได้กระตุ้นอารมณ์ความต้องการของเขาออกมามากขึ้น
ในขณะนั้นเขาพยายามบังคับตัวเองอยู่นาน แต่อารมณ์ความต้องการของเขากรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง หัวใจของเขาเต้นแรงถี่ขึ้นเรื่อย ๆ และเขาต้องการมากขึ้นโดยสัญชาตญาณ
ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้อีกจึงสอดมันเข้าไปทันที
คืนนั้นเขาทำกับเธอหลายครั้งมาก จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อเขาตื่นขึ้นและพบว่าเธอนอนอยู่ข้าง ๆเขา เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
ในขณะนั้น พระอาทิตย์ขึ้นสูงแล้ว และแสงแดดอันอบอุ่นก็ส่องมาที่บนตัวเขา แต่เขากลับรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว
เมื่อคืนนี้เขาได้ทำเรื่องที่ผิดอย่างมาก แม้ว่าเฉียวโยวโยวจะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น แต่เขากลับรู้สึกไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้
ในเวลานี้ ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆตื่นขึ้นมา และเมื่อเห็นเขาเธอก็ยิ้มให้พร้อมพูดว่า: “Leo เมื่อคืนฉันมีความสุขมาก ๆเลยค่ะ!”
เขามองเธออย่างเฉยเมย: “เมื่อคืนนี้มันเป็นความผิดพลาด ต่อไปนี้คุณอย่ามาหาผมอีก”
เธอดูเหมือนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด จนกระทั่งเธอรู้ว่าเขาจริงจังมาก เธอจึงร้องไห้ออกมาพร้อมพูดว่า: “ทำไม”
เขาเม้มริมฝีปาก: “เพราะผมมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”
เธอวิ่งหนีโดยที่ยังใส่เสื้อผ้าไม่เสร็จ เขามองตามหลังเธอไป แล้วตะโกนตามหลังเธอว่า: “อย่าลืมกินยาคุมกำเนิดด้วย”
หลังจากนั้น เขาก็ไม่เห็นหน้าเธอเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และในสัปดาห์นั้นตัวเขาเองก็ไม่มีความสุขเลยสักนิด
เขารู้สึกเสียใจอย่างมากและได้แต่โทษตัวเอง ในขณะที่เรียนอยู่นั้น ใจของเขาไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว ตอนเดินข้ามถนนก็เกือบถูกรถชนอีกต่างหาก
และเมื่อเขาเจอผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง ก็เป็นตอนที่เขาเมาไม่ได้สติอยู่ในบาร์แห่งนั้น
เขาดื่มมากเกินไปจนมีเรื่องชกต่อยกับพวกอันธพาล และถูกทำร้ายไปกองอยู่กับพื้น
หญิงสาวช่วยพยุงเขาขึ้น และได้เรียกพนักงานคนหนึ่งส่งเขากลับห้อง แม้ว่าตอนนั้นเขาจะเมามากแล้ว แต่สติของเขาก็ยังชัดเจนอยู่
เขามองไปที่หญิงสาวและพูดซ้ำ ๆว่า: “คุณทำลายชีวิตผม……”
เธอร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเขา เขาทุบตีตัวเองด้วยความเจ็บปวด แต่เธอกลับบอกว่า งั้นเราก็ทำลายชีวิตไปด้วยกันเถอะ
ต่อมา เธอได้อาศัยอยู่ในบ้านของเขา
เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำนั้นคิดจะทำอะไรอยู่ เขามักจะโทษตัวเองและไม่สบายใจอยู่เสมอ แต่เขาก็กลับทำเรื่องแบบนั้นกับผู้หญิงคนนั้นจนดึกดื่นทุกคืน
เขารู้ดีว่าในใจของเขามีเฉียวโยวโยวเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ความคิดที่อยากจะย้อนเวลากลับนั้น เขากลับอยู่บนเรือนร่างของผู้หญิงอีกคน
เขาบอกเธอว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาจะจบลงอย่างสมบูรณ์หลังจากที่เขาจบการศึกษา หญิงสาวพยักหน้าและบอกว่าเธอเข้าใจ ในอนาคตหากพวกเขาพบกันอีก พวกเขาจะเป็นแค่คนแปลกหน้า
เขารู้สึกละอายใจมาก;เธอรู้สึกเสียใจ เธอรู้สึกเหงา ดังนั้นคนโรคจิตทั้งสองคนที่อยู่ต่างประเทศ จึงได้มอบความอบอุ่นทางร่างกายให้แก่กันและกัน และกลับใช้ชีวิตเหลวไหลเช่นนี้ ๆไปวัน ๆ
จนกระทั่งในที่สุดการสอบวิทยานิพันธ์ก็สิ้นสุดลง เขาได้ซื้อตั๋วเครื่องบินกลับประเทศทันที เขาลบข้อมูลการติดต่อของหญิงสาวคนนั้นออกจากโทรศัพท์ และบอกกับเธอที่กำลังจะเดินทางไปส่งเขาที่สนามบินว่า: “หลังจากนี้จะไม่ได้พบกันอีกแล้ว”
เมื่อเครื่องบินพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เขาได้ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นในห้องน้ำ และบอกกับตัวเองว่าประสบการณ์ในชีวิตที่แสนมืดมนได้ผ่านไปแล้ว ในที่สุดมันก็จบลง