ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 165 ความรู้สึกของการลักลอบคบชู้
เฉียวโยวโยวแผ่นอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง “ฉันยังใส่ได้ไม่ดีเลยนะคะ!”
“เอาล่ะครับ อย่าพูดพร่ำมากไปหน่อยเลยน่า!” ฟู่สีเกอพูดไป ก่อนจะยื่นมือไปกดชักโครก หลังจากนั้นก็ยังช่วยพยุงเฉียวโยวโยวให้ลุกขึ้นยืน ช่วยเธอดึงกางเกงขึ้นมา
“คุณ——” เฉียวโยวโยวหน้าแดงแก้มแดงขึ้นเล็กน้อย จะว่าไปแล้ว เรื่องราวเช่นนี้ เกิดขึ้นแค่ในวัยเด็กที่บิดามารดาของตนเองทำให้เท่านั้น
เมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนจองเฉียวโยวโยวแล้ว ดวงตาของฟู่สีเกอหรี่ลง เขายื่นมือออกไป ก่อนจะคว้าจับเอาไว้ตรงที่ช่วงเอวและแผ่นหลัง อีกทั้งยังขยับเข้าไปใกล้เธอด้วย แล้วหลังจากนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างหยอกล้อว่า “ทำไมครับที่ตรงนั้นผมก็ไม่ได้ไม่เคยสัมผัสมันเสียหน่อย……”
สมองของเฉียวโยวโยวระเบิดดังตูมทันที
อดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงภาพของคืนนั้นที่ลอยเข้ามาในสายตา
หัวใจเต้นระรัวขึ้น แม้กระทั่งการหายใจยังติดขัดขึ้นมาหลายส่วน เธอเอ่ยขึ้นอย่างไม่ยินดีว่า “ไม่ได้บอกว่าลืมไปแล้วไม่ใช่หรือไงคะ?”
“เฉียวโยวโยว คุณนี่ปอดแหกจริง ๆ เลยนะครับ” ฟู่สีเกอยังคงห่างออกไปจากเธอแค่นิดเดียวเท่านั้น อีกทั้งภายใต้สายตาเรียบเฉยนั่น ยังสามารถที่จะมองเห็นคิ้วเรียวของอีกฝั่งหนึ่งได้ ในทุก ๆ เส้น องค์ประกอบโดยรวมแล้วไม่เลวเลยทีเดียว
“ปอดแหกอย่างไรคะ?” เฉียวโยวโยวคิดอยากที่จะแยกระยะห่างระหว่างกันออก แต่ทว่า เดิมแรงที่จะใช้ผลักเขาเธอก็ยังไม่มี
“ท่าทางของคุณในวันนั้นที่ขู่จะฆ่าเขาจะเป็นจะตาย ผมนึกว่าคุณจะก่อความวุ่นวายให้เขาเท่านั้นเสียแล้ว คิดไม่ถึงเลยนะครับ ว่าจะกลับกลายเป็นรับได้แบบนี้!” ฟู่สีเกอสบตามองเธอ “คุณคิดที่จะอยู่ร่วมกับเขาจริง ๆ หรือไงครับ?”
“ฉันกับเขาจะเป็นอย่างไรกัน มันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยละคะ?” เฉียวโยวโยวฉีกยิ้ม “คุณก็แปดแหกเหมือนกันนี่คะ หลายปีที่ผ่านมานี้ ก็ยังคงลืมความรักครั้งนั้นของคุณไม่ลงเลยนี่”
วันนั้น ฟู่สีเกอก็เล่าเรื่องของผู้หญิงคนนั้นให้เธอฟังแล้ว เธอรู้ ภายในหัวใจของฟู่สีเกอยังลืมผู้หญิงที่ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้วไม่ลง
ภายในตัวห้องน้ำเงียบสงบลงในทันที บรรยากาศค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นหยุดนิ่งลงเล็กน้อย
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงทำลายความเงียบจากด้านนอกดังขึ้นมา
ร่างของเฉียวโยวโยวอดไม่ได้ที่จะแข็งเกร็งในทันที เธอช้อนสายตาขึ้นสบตามองฟู่สีเกออย่างกระวนกระวาย
เสียงนั่นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ มีคนมาถึงที่หน้าประตูห้องน้ำแล้ว ขยับลูกบิดประตูครั้งหนึ่ง ก่อนจะค้นพบว่ามันล็อกอยู่ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจึงเอ่ยเสียงเบาขึ้นมาว่า “มีคน?”
ฟู่สีเกอมองเฉียวโยวโยวอยู่ครู่หนึ่ง มันเป็นสัญญาณที่แสดงออกว่าให้เธอพูด
เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว เฉียวโยวโยวจึงเอ่ยปากขึ้นมาว่า “เสี่ยวถาง ฉันอยู่ข้างในเองจ้ะ”
“อ๋อ” หลานเสี่ยวถางเอ่ย “โยวโยวจ๊ะ เธอเข้าห้องน้ำไปหรือ อยากให้ฉันช่วยประคองเธอไหม?”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ ฉันไม่เป็นไร” เฉียวโยวโยวเอ่ย “ฉันถ่ายหนักน่ะ เธอกลับห้องไปรอก่อนนะ ฉันคงต้องอีกประเดี๋ยวน่ะถึงจะสามารถออกไปได้”
“ได้จ้ะ โยวโยว ถ้าหากว่าไม่สบายตรงไหนก็ร้องเรียกฉันดัง ๆ เลยนะ!” หลานเสี่ยวถางพูดไป ก่อนจะหมุนตัวแล้วจากไปแล้ว
เมื่อได้ยินว่าไม่มีเสียงเคลื่อนไหวแล้ว เฉียวโยวโยวจึงผลักฟู่สีเกอออก “ฉันจะกลับออกไปแล้วค่ะ”
“ผมอุ้มคุณออกไปนะ” ฟู่สีเกออดพูดไป และกำลังจะย่อตัวลงแล้วอุ้มเฉียวโยวโยวขึ้นมา
เฉียวโยวโยวเอ่ยปฏิเสธขึ้นมาว่า “ไม่ต้องค่ะ ฉันสามารถเดินเองได้” ประเดี๋ยวถ้าหากออกไปแล้ว ถูกหลานเสี่ยวถางเห็นเข้าว่าฟู่สีเกอกำลังอุ้มเธออยู่ มันอยากที่จะอธิบายได้เลยจริง ๆ
“ได้ครับ” ฟู่สีเกอพยักหน้าหงึกหงัก ปล่อยเฉียวโยวโยวลง
เขาเดินนำออกไปก่อน เมื่อเห็นว่าเท้าของเฉียวโยวโยวยังคงอ่อนแออยู่เล็กน้อยแล้ว เขาจึงถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือไปจับมือของเธอเอาไว้
เธอสะบัดออกแล้วครั้งหนึ่งแต่ทว่าก็ยังคงสะบัดไม่หลุด ทำได้เพียงแค่ยอมให้เขาคว้าจับเอาไว้ หลังจากนั้นจึงเดินออกไป
โชคยังดี หลานเสี่ยวถางกลับไปรอที่ห้องพักของตนเองแล้ว ดังนั้น เฉียวโยวโยวออกมาจึงไม่ได้พบเข้ากับใครเลย
แต่ทว่า ในตอนที่เธอกำลังจะเดินถึงห้องพักของผู้ป่วยนั้นเอง ประตูห้องพักของฟู้เจียนปอก็เปิดออกมาแล้ว
ดวงตาของเฉียวโยวโยวเบิกกว้าง ทันใดนั้นเอง ร่างทั้งร่างราวกับสัมผัสเข้ากับกระแสไฟก็ไม่ปาน ไม่รู้ว่าควรที่จะทำอย่างไรดี
แต่ทว่าจู่ ๆ ผู้ชายที่อยู่ทางด้านข้างกลับยื่นมือออกมา แล้วดึงเธอมากดเอาไว้ในอ้อมกอด ตามต่อมาด้วย ฟู่สีเกอกกกอดเฉียวโยวโยวเอาไว้ แล้วหลบเข้าไปที่มุมกำแพงอย่างรวดเร็ว ร่างของทั้งสองคนหลบอยู่ภายใต้เงามืด
ฟู้เจียนปอไปที่ห้องพักผู้ป่วยของเฉียวโยวโยวก่อนแล้ว เมื่อเห็นว่าบนเตียงไร้คน อดไม่ได้ที่จะชะงักไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็เดินออกมา
เผอิญ หลานเสี่ยวถางได้ยินเสียงของการเคลื่อนไหว นึกว่าเฉียวโยวโยวออกมาแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็ออกจากห้องพักมา เธอเห็นฟู้เจียนปอ เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วจึงเอ่ยว่า “โยวโยวไปเข้าห้องน้ำแล้วค่ะ”
“อ๋อ” ฟู้เจียนปอพยักหน้าหงึกหงัก “ผมไปดูเธอเสียหน่อยดีกว่าครับ”
พูดไป เขากับหลานเสี่ยวถางก็เดินไปทางห้องน้ำด้วยกันแล้ว
ภายใต้เงามืด ฟู่สีเกออุ้มเฉียวโยวโยวขึ้นมา กลับเข้าห้องพักผู้ป่วยของตนเองผ่านทางระเบียง
เธอไม่รู้เลยว่าทำไมเขาถึงพาเธอไปที่นั่น กระวนกระวายใจจะตายอยู่แล้ว แต่ทว่า อีกทั้งก็ไม่กล้าที่จะส่งเสียงออกไปด้วย
พวกเขายืนนิ่งกันอยู่ที่มุมระเบียง ฟู่สีเกออุ้มเฉียวโยวโยวลง ก่อนจะกดเสียงต่ำ แล้วเอ่ยขึ้นที่ข้างใบหูของเธอว่า “ประเดี๋ยวคุณออกไปเองก็แล้วกันนะครับ ผมจะออกไปช้าหน่อย วางใจได้ครับ พวกเขาไม่เห็นหรอก”
เฉียวโยวโยวพยักหน้า รู้สึกเพียงแค่ว่าเมื่อครู่ตื่นเต้นจนทำให้เธอแทบจะวิงเวียนไปหมดแล้ว แข้งขาอ่อนแรง เกือบจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว
ฟู่สีเกออดมีปฏิกิริยาอย่างรวดเร็วมาก คว้าร่างที่อ่อนแรงของเธอเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา ๆ ที่ข้างใบหูของเธอ “เดินไม่ไหวหรือครับ? หรือว่าจะให้พวกเราออกไปพร้อมกัน เพื่อให้แฟนหนุ่มของคุณเข้าใจผิดก็ไม่เป็นไรหรอกนะ บอกไปว่าผมขู่บังคับคุณแล้วกัน อย่างมาก ผมกับเขาก็แค่ทะเลาะกันครั้งหนึ่ง”
พูดไป ราวกับว่าเขาคิดถึงอะไรที่น่าสนใจได้บางอย่าง รู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว จึงกดข่มความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่
“ไม่เอาค่ะ!” เฉียวโยวโยวส่ายหน้าอย่างกระวนกระวาย คว้าจับเข้าที่ช่วงแขนของฟู่สีเกอเอาไว้
เดิมศีรษะของเธอก็ได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ ศีรษะจึงรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย อดไม่จะเอนกายเข้าไปซบฟู่สีเกอใหม่ไม่ได้อีกครั้ง
นัยน์ตาของเขาเข้มขึ้นหลายส่วน ก่อนจะล้มศีรษะลงมา แล้วเข้าใกล้เธอทีละนิด ปลายจมูกสัมผัสกันแล้ว ริมฝีปากคลอเคลียอยู่ใกล้ ๆ อุณหภูมิความร้อนออกมาจากลมหายใจของเฉียวโยวโยวผ่านทางริมฝีปาก “เป็นผู้หญิงที่ปอดแหกจริงคนหนึ่งจริง ๆ เลยนะครับ”
ในตอนนั้นเอง หลานเสี่ยวถางทั้งสองคนไปหาเฉียวโยวโยวที่ห้องน้ำมาแล้วรอบหนึ่ง ก็ไม่พบเจอคนเลย จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นอย่างกระวนกระวายว่า “ทำไมไม่เห็นโยวโยวแล้วล่ะ?”
ฟู้เจียนปอเอ่ยกับตนเอง ก่อนจะสาวเท้าก้าวยาวออกไป แล้วร้องเรียกเสียงดังออกมาที่ด้านนอกว่า “โยวโยวครับ!”
ในระเบียง ร่างทั้งร่างของเฉียวโยวโยวแข็งค้างในทันที
จู่ ๆ เธอก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ว่าตนเองนั้นไม่ได้เป็นพวกลักลอบคบชู้เสียหน่อย เห็นได้อย่างชัดเจนเลยนี่นาว่าหลังจากคืนนั้นแล้ว ก็ไม่ได้อะไรกับฟู่สีเกอแล้ว แต่ทว่า สถานการณ์เช่นนี้ในวันนี้นั้น หลับทำให้ความคิดของคนที่ไม่รับรู้อะไรได้เลยคิดว่ามันไม่ชัดเจน แม้กระทั่งตัวเธอเอง ก็ตื่นตระหนกราวกับว่ากำลังทำเรื่องผิดอยู่เลยก็ไม่ปาน!
“คุณออกไปตอนนี้ก็พอแล้วล่ะ ทำเป็นว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น” ฟู่สีเกอเอ่ยขึ้น ก่อนจะก้มลงไปจุ๊บเข้าที่ข้างแก้มของเฉียวโยวโยวอย่างรวดเร็วครั้งหนึ่ง อีกทั้งยังเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้ายกาจเข้าที่ข้างใบหูของเธออย่างแผ่วเบาอีกด้วยว่า “จู่ ๆ ก็ค้นพบแล้ว สีหน้าของคุณที่แสร้งทำเป็นผู้หญิงเข้มแข็งนั่นน่ะ ความเป็นจริงแล้ว……”
ประโยคหลังนั้นแผ่วเบามาก เฉียวโยวโยวไม่ได้ยิน
ในตอนนี้เอง หัวใจของเธอเต้นจนแทบจะถึงดวงตาอยู่แล้ว หลังจากที่หายใจเข้าลึก ๆ ครั้งหนึ่งแล้ว จึงหันไปเอ่ยกับคนทั้งสองคนที่อยู่ด้านนอกว่า “ฉันอยู่นี่”
พูดไป เธอก็แสร้งทำเป็นมีท่าทีแข็งแรงตั้งตรงแล้วเดินออกจากระเบียงไป
จู่ ๆ ฟู้เจียนปอก็เข้ามาต้อนรับเธออย่างรวดเร็ว ดึงมือของเธอเอาไว้ น้ำเสียงแฝงไปด้วยโทสะเล็กน้อย “โยวโยวครับ คุณได้รับบาดเจ็บอยู่นะ ทำไมยังวิ่งออกไปตากลมที่ระเบียงอีกล่ะครับ? อุณหภูมิในฤดูใบไม้ร่วงนี้ต่ำมาเลยนะครับ ถ้าออกไปแล้วเป็นหวัดขึ้นมาจะทำอย่างไร?!”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ” เฉียวโยวโยวไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย คิดอยากที่จะดึงมือกลับ “ตอนกลางวันฉันนอนมากเกินไปแล้ว ก็เลยนอนไม่หลับก็เท่านั้นเองค่ะ”
ฟู้เจียนปอไม่ได้สัมผัสถึงความผิดปกติอะไรเลย ทำได้เพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น “เอาเถอะครับ ถ้าหากว่านอนไม่หลับ ผมจะคุยเป็นเพื่อนคุณเอง แต่ทว่า ห้ามวิ่งไปมั่วที่ไหนอีกแล้วนะครับ แผลบนศีรษะของคุณยังไม่สมานตัวดีเลย มันจะทำให้เป็นรอยแผลเป็นได้ง่ายนะครับ”
“รู้แล้วค่ะ” หัวใจของเฉียวโยวโยวซับซ้อนขึ้นมาเล็กน้อย
เธอรู้ ฟู้เจียนปอเป็นห่วงเธอจริง ๆ ภายในหัวใจของเธอก็ไม่ได้มีคนอื่น แต่ทว่าในทุก ๆ ครั้งที่ฟู้เจียนปอเข้าใกล้เธอ เธอมักจะอดที่จะควบคุมไม่ให้นึกถึงภาพที่เธอเห็นเข้าที่ลอนดอนไม่ได้เลย
ภายในตู้เสื้อผ้า เสื้อผ้าของผู้ชายกับผู้หญิงแขวนเอาไว้ด้วยกัน บนเตียง ยังมีชุดชั้นในของผู้หญิงคนอื่นอีกด้วย……
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง แผ่นหลังของเธอ ราวกับว่ายังมีอุณหภูมิอบอุ่นของฟู่สีเกอเมื่อครู่นี้หลงเหลือเอาไว้อยู่เลย แม้กระทั่งบนใบหน้า ราวกับว่ายังมีลมจากคำพูดของเขาอยู่ด้วยเลย
เธอและเขา มันไม่ใช่ท่าทางในตอนแรกเริ่มอีกต่อไปแล้ว……
เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจึงหันไปเอ่ยกับฟู้เจียนปอว่า “ฉันจะกลับขึ้นไปเอนหลังแล้วค่ะ”
“ครับ โยวโยว ผมประคองคุณนะ” ฟู้เจียนปอพูดไป ก่อนจะช่วยพยุงให้เฉียวโยวโยวนอนลง ก่อนจะช่วยเธอคลุมผ้าห่มด้วยอีกครั้ง
เขานั่งอยู่ที่ทางด้านข้างของเตียงแล้วมองเธออย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งเธอหาวออกมาครั้งหนึ่ง แล้วหันไปเอ่ยกับเขาว่า “เจียนปอคะ คุณกลับไปนอนเถอะค่ะ ฉันก็ง่วงแล้ว จะนอนแล้วล่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะดูคุณนอนเอง” ฟู้เจียนปอสบตามองใบหน้าของเฉียวโยวโยว รู้สึกเพียงแค่ว่าเมื่อช่วงเวลาอันสกปรกเมื่อหลานเดือนก่อนที่ลอนดอน กำลังจะค่อย ๆ เลือนหายไปอย่างช้า ๆ ทั้งหมดจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว
หลังนั้น เขาก็ได้ยินเสียงลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอของเธอ ดังนั้นจึงนั่งต่ออีกครู่หนึ่ง ถึงจะกลับเข้าไปยังห้องพักของตนเอง
ที่ระเบียง ฟู่สีเกอพิงเข้ากับมุม ความคิดเบื่อหน่ายและอยากที่จะสูบบุหรี่เล็กน้อย แต่ทว่า บุหรี่และไฟนั้นก็ไม่อยู่ อีกทั้งก็ยังไม่สามารถส่งเสียงออกไปได้ ดังนั้นแล้ว จึงทำได้เพียงแค่ช่างมัน
เขาสบตามองแสงไฟไกล ๆ รู้สึกขบขันแก่ตนเองเล็กน้อย
เขาที่เป็นนายน้อยที่สง่าผ่าเผยคนหนึ่ง นอนกันผู้คนมามากมาย แต่ในกลางดึกนี้เขากลับหลบอยู่ที่มุมนี้ราวกับลักลอบคบชู้ก็ไม่ปาน เรื่องราวที่ผ่านมา เขาไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ นอกเสียจากเมื่อครู่นี้เห็นว่าเฉียวโยวโยวมีท่าทางน่ารักดี ก็เลยจงใจแกล้งจุ๊บเธอไปครั้งหนึ่งก็เท่านั้นเอง แม้กระทั่งความคิดที่ไม่เหมาะสมก็ไม่มีเลยจริง ๆ นะ……
ในเมื่อ คืนนั้นเอง ก็ดื่มเข้าไปมาก มิฉะนั้นแล้ว เขาก็คงจะไม่ลงมือทำอะไรกับคนที่มีแฟนหนุ่มอยู่แล้วหรอก อีกทั้งก็ยังเป็นผู้หญิงที่อาจจะแต่งงานในเร็ววันนี้แล้วอีกด้วย
เพียงแต่ ในเมื่อเขาก็เคยนอนกับผู้หญิงไปแล้ว เขาจึงมักจะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนกันอยู่ภายในหัวใจ
ก็เหมือนกับในวันนี้ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าคนเดินไปแล้ว เขาก็ยังไปตามกลับมาถึงรัง อีกทั้งยังนอนอยู่บนโซฟาไม่ไปไหนด้วย
เขาคิด เขารู้สึกว่าไม่คุ้มค่าแทนเฉียวโยวโยว บวกเข้ากับการกระทำที่กล้าทำไม่กล้ารับนั่นของฟู้เจียนปอด้วยอีก ดังนั้นแล้ว จึงสอดมือเข้ามายุ่ง
เมื่อได้ยินเสียงจากทางด้านนอกในที่สุดก็หยุดลงแล้ว ผ่านไปครู่หนึ่ง ฟู่สีเกอถึงเดินออกมาจากระเบียงอย่างแผ่วเบา
เขากลับไปเอนหลังบนโซฟา ตอนแรกเริ่มนั้นยังไม่มีความคิดที่จะหลับเลย แต่ทว่าหลังจากนั้นดันหลับไปอย่างไม่รู้ตัวเลยจริง ๆ เสียแล้ว อีกทั้งยังฝันอีกด้วย……
เช้าของวันที่สอง เขาลืมตาขึ้น หวนนึกถึงฝันนั้นของเมื่อคืน ก่อนจะก่นด่าตนเองเบา ๆ ครั้งหนึ่ง แล้วลุกขึ้นนั่งตรงบนโซฟา
เมื่อคืนวาน เขาฝันว่าเห็นเฉียวโยวโยวนอนเปลือยอยู่บนเตียง แทบจะ เร่าร้อนเป็นบ้าเลย
แม้กระทั่ง ในตอนช่วงเช้าที่นั่นเป็นเพราะว่าไม่สามารถที่จะระบายความร้ายกาจของความบูดบวมนั่นได้เลย จึงทำได้เพียงแค่หยิบเสื้อผ้ามาปกปิดเอาไว้ หลังจากที่เข้าห้องน้ำไปจัดการตนเองแล้ว จึงเดินออกมาที่ด้านนอก
เป็นเพราะว่ามารดาของฟู้เจียนปอมาแล้ว ดังนั้น เช้าของวันที่สอง เขารอให้เฉียวโยวโยวไข้ลดลง ก่อนจะหลับไปที่โรงแรมแล้ว เพื่อไปรับประทานอาหารเช้าเป็นเพื่อนกับมารดา
หลานเสี่ยวถางเป็นเพราะว่าล่าช้าในการทำงานไปหนึ่งวัน จึงอดไม่ได้ที่จะต้องกลับบ้านไปหยิบคอมพิวเตอร์และเอกสารอื่น ๆ เล็กน้อย
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ภายในห้องพักผู้ป่วยจึงเหลือเพียงแค่เฉียวโยวโยวและฟู่สีเกอ
เป็นเพราะว่าเรื่องของเมื่อคืนวาน เฉียวโยวโยวจงใจที่จะไม่พูดคุยกับฟู่สีเกอ เธอนอนเอนหลังอยู่บนเตียง เป็นเพราะว่าไม่สามารถเล่นโทรศัพท์มือถือได้ ดังนั้นแล้ว สายตาจึงทำได้เพียงแค่มองตกลงไปยังนอกหน้าต่าง สบตามองบรรยากาศมากมายที่ด้านนอกนั่น
ในตอนนั้นเอง รู้สึกว่ามีเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้แล้ว ตามต่อด้วย ฟู่สีเกอที่เดินข้ามเตียงไปอีกฝั่งหนึ่ง ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นในสายตาของเธอ
เขาเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ลุกขึ้นมาทานผลไม้หน่อยครับ”
เฉียวโยวโยวถึงจะมองเห็น ในมือของเขามีถาดผลไม้เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ด้านในเต็มไปด้วยผลไม้ที่ถูกจัดแจงอย่างเรียบร้อยพร้อมทั้งไม้จิ้มฟัน
เธอหวนนึกถึงเรื่องของเมื่อคืนวาน ภายในหัวใจเกิดความกระวนกระวายอย่างน่าประหลาดบางอย่าง คำพูดเลยแฝงไปด้วยโทสะอยู่หลายส่วน “ฟู่สีเกอ คุณหมายความว่าอย่างไรกันแน่คะ? คุณเป็นนายน้อยดี ๆ ก็ไม่ยอมเป็น อีกทั้งยังมานอนเป็นเพื่อนด้วยที่นี่ทำไมกันคะ? อยากที่จะให้คนเขาเข้าใจเราผิดจริง ๆ หรือไงคะ?!”