ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 166 ถางถาง พ่อเขาเคยตามหาหนูด้วยนะ
นัยน์ตาของฟู่สีเกอหดตัวลงเล็กน้อย “ฟู้เจียนปอไปแล้ว เสี่ยวถางก็ต้องรออีกครู่หนึ่งจะกลับมา ถ้าหากจะให้ผมไป ก็เป็นในตอนที่หลังจากรอให้คนใดคนหนึ่งในพวกเขาให้มาก่อน”
เฉียวโยวโยวได้ยินคำพูดของเขา โทสะเมื่อครู่นี้ลดลงไปบ้างเล็กน้อยแล้ว “ขอโทษนะคะ ฉันเพียงแค่……”
“ไม่เป็นไรครับ” ฟู่สีเกอวางผลไม้ไว้ที่ข้างเตียง “คุณทานเองได้ไหมครับ?”
“อือ” เฉียวโยวโยวตกปากรับคำ
เขาไม่ได้เอ่ยอะไร ก่อนจะหมุนตัวกลับไปนั่งที่เขตโซฟา
ผ่านไปครู่หนึ่ง ฟู้เจียนปอกับมารดาของเขากลับมากันแล้ว ในมือของทั้งสองคนล้วนแล้วแต่ถือผลไม้และของบำรุงกำลังเล็กน้อยมาด้วย
ฟู่สีเกอเห็นดังนั้นแล้ว จึงลุกขึ้นยืนจากโซฟา น้ำเสียงไม่ใส่ใจอะไรมากนัก “ภารกิจของผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เฉียวโยวโยว รักษาตัวให้ดี ทานอาหารให้ครบ แล้วก็รีบ ๆ แข็งแรงเข้านะครับ!”
พูดไป เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าเงิน หลังจากนี้ก็เดินมุ่งตรงออกไปแล้ว
ในตอนที่เขาเดินไปถึงประตูห้องพักนั้นเอง ก็ได้ยินมารดาของฟู้เจียนปอกำลังเอ่ยถามขึ้นมาว่า “โยวโยวจ๊ะ พ่อหนุ่มเมื่อครู่นี้ใครหรือ?”
เฉียวโยวโยวเอ่ย “เพื่อนสามีของเสี่ยวถางค่ะ”
“อ๋อ ถึงว่าพ่อหนุ่มคนนั้นมีน้ำใจจัง!” มารดาของฟู้เจียนปอเอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่ง
หลังจากนั้นจนกระทั่งเฉียวโยวโยวออกจากโรงพยาบาลมา ฟู่สีเกอก็ไม่ได้ไปหาอีกเลยจริง ๆ
วันนี้ เฉียวโยวโยวออกจากโรงพยาบาลแล้ว หลังจากที่หลานเสี่ยวถางส่งเธอกลับไปแล้ว ก็ได้รับสายโทรเข้ามาจากสือมูเฉิน
“เสี่ยวถางครับ เตรียมตัวที่บ้านเสียหน่อยนะ ผมให้คนส่งชุดชุดหนึ่งไปให้แล้วคุณไปหาที่ฟู่สีเกอที่นั่นอีกครั้งหนึ่งแล้วให้เขาช่วยเสริมสวยให้คุณอีกหน่อยนะครับ วันนี้ทุ่มหนึ่งมีงานเลี้ยงกาล่า ดินเนอร์ คุณไปออกงานกับผม” สือมูเฉินดูแทบจะยุ่งมาก “ผมจะส่งคนขับรถไปรับคุณนะ คุณไม่ต้องขับรถไปเองนะครับ”
“ได้ค่ะ” หลานเสี่ยวถางตกปากรับคำ หัวใจก็มีการคาดเดาอะไรได้บางอย่างขึ้นมาแล้ว “มูเฉินคะ คุณจะแนะนำสถานะของฉันหรือเปล่า?”
“ใช่ครับ” สือมูเฉินเอ่ย “ก่อนหน้านี้ยุ่งจนไม่มีเวลามาโดยตลอดเลย ก็เลยถือโอกาสในวันนี้เสียเลย ที่จะพาคุณออกงาน เพื่อป้องกันไม่ให้ในอินเทอร์เน็ตนำข้อมูลส่วนตัวของผมไปใส่สีตีไข่อีก”
หลานเสี่ยวถางหัวเราะ แต่ทว่ากลับเอ่ยขึ้นอย่างลังเลขึ้นมาเล็กน้อยว่า “จะว่าไปแล้วนะคะ ฉันจะทำคุณขายหน้าไหมคะเนี่ย?”
“ไม่มั่นใจต่อตนเองมากขนาดนั้นเลยหรือครับ?” สือมูเฉินเอ่ย “เอาล่ะครับ ผมไปจัดการธุระก่อนนะ วันนี้ยังมีประชุมสำคัญอีกประชุมหนึ่งด้วย คนขับรถจะไปรับคุณไปที่สีเกอเอง หลังจากนั้นก็จะพาคุณไปที่สถานที่จัดงานเลี้ยงอีกทีหนึ่ง เมื่อถึงตอนนั้นแล้วคุณก็รอผมอยู่ที่นั่นนะครับ”
“ค่ะ” หลานเสี่ยวถางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ให้กำลังใจแก่ตนเอง
เธอกลับบ้าน ก่อนจะค้นพบว่าโจวเหวินซิ่วไม่อยู่ เป็นเพราะว่าตอนกลางคืนมีกิจกรรมสำคัญ ดังนั้นแล้วเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก ก่อนจะรีบไปอาบน้ำอาบท่าอย่างรวดเร็ว เป่าผมให้แห้ง ก่อนจะสวมใส่ชุดที่สือมูเฉินเตรียมเอาไว้ให้กับเธอ
ผ่านไปไม่นานนัก คนขับรถก็โทรศัพท์เข้ามาหา บอกว่าจะรอเธออยู่ที่ชั้นล่าง หลานเสี่ยวถางไปถึงที่ของฟู่สีเกอแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ก่อนจะทำผมเล็กน้อย หลังจากนั้นทุกอย่างก็เสร็จสรรพหมดแล้ว ยังพอเหลือเวลาอยู่บ้าง
เธอนั่งอยู่บนโซฟา และกำลังพูดคุยกับฟู่สีเกออยู่ ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นมา
ในตอนที่หน้าจอแสดงผลขึ้นมานั้นเอง เธอก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วในทันที ก่อนจะเดินไปทางด้านข้าง แล้วรับสาย “คุณแม่คะ”
เย่เหลียนอีเอ่ยว่า “ถางถาง คิดถึงแม่หรือยัง?”
มุมปากของหลานเสี่ยวถางยกยิ้มขึ้น “ย่อมแน่นอนอยู่แล้วน่ะสิคะ คิดถึงอยู่บ่อย ๆ เลยล่ะค่ะ”
“เป็นลูกสาวที่น่ารักจริง ๆ เลยนะเนี่ย!” เย่เหลียนอีพูดไป จู่ ๆ น้ำเสียงก็เคร่งขรึมขึ้นหลานส่วนทันที “ถางถาง แม่จัดเตรียมวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว ประมาณเดือนหน้าวันที่เจ็ด แม่จะส่งคนไปรับลูกแล้วไปหาพ่อของลูกนะจ๊ะ”
ลมหายใจของหลานเสี่ยวถางแข็งเกร็งขึ้นมาในทันที “คุณแม่คะ แม่บอกเขาหรือคะ?”
“ใช่จ้ะ แม่ส่งข้อความไปหาพ่อเขาแล้วล่ะ แต่ทว่ายังไม่ได้รับข้อความตอบกลับจากพ่อเขาเลย” เย่เหลียนอีเอ่ย “สองสามวันมานี้เขามีภารกิจสำคัญมาก ๆ ไม่สามารถผละออกมาได้เลยจ้ะ เกรงว่าอาจจะติดต่อภายนอกได้ยากหน่อย แต่ทว่า แม่ติดต่อเพื่อนอีกคนหนึ่งไปแล้ว เขาบอกว่าประมาณวันที่หกพ่อเขาก็จะสามารถกลับมาได้แล้วล่ะ ถ้าหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงล่ะก็ วันที่เจ็ดพวกลูกก็จะได้พบหน้ากันแล้วล่ะ”
มือของหลานเสี่ยวถางบีบโทรศัพท์จนสั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อย “แม่คะ พ่อเขาอาจจะทิ้งหนูไปตั้งนานแล้วก็ได้นะคะ หรือไม่ เขาก็……”
“ถางถาง เขาตามหาลูกมาโดยตลอดเลยนะ” น้ำเสียงของเย่เหลียนอีแฝงไปด้วยความเศร้าหลายส่วน “เขาไปตามหาลูกที่ประเทศจีน แม่ตามหาลูกที่อเมริกา แต่ทว่าพวกเราก็ยังเคยประกาศตามหาคนบนหนังสือพิมพ์ด้วย แล้วก็ยังเคยส่งลูกน้องออกตามหาด้วยในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังไปตามหาที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่หนึ่งด้วย”
“จริงหรือคะ?” หลานเสี่ยวถางรู้สึกเพียงแค่ว่าหัวใจเต้นระรัวขึ้นมาในทันที ความรู้สึกที่ตนเองเคยถูกคนในครอบครัวใส่อกใส่ใจนั้นทำให้ร่างทั้งร่างของเธออบอุ่นขึ้นมาในทันที
มุมปากของเธอประดับไปด้วยรอยยิ้ม “คุณแม่คะ แม่ยังจะเก็บความลับอีกหรือคะ? นานมากแล้วนะคะเนี่ย ก็ยังไม่ยอมบอกหนูเลย ว่าเขาคือใคร”
“เหมือนกันจ้ะ ในข้อความที่แม่ส่งไปบอกเขานั้นแม่ก็ไม่ได้บอกเหมือนกัน ว่าลูกคือใคร” เย่เหลียนอีถอนหายใจออกมา “น่าเสียดายแล้วล่ะ แม่ไม่สามารถไปอยู่เห็นภาพในตอนที่พวกลูกได้พบหน้ากันอีกครั้งหนึ่งได้”
หลานเสี่ยวถางรู้สึกมีความสุข ในขณะเดียวกันปลายจมูกก็เริ่มแสบร้อยขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว “คุณแม่คะ ถ้าอย่างนั้นแล้วเมื่อถึงตอนนั้นหนูจะถ่ายภาพเอาไว้ แล้วค่อยส่งให้แม่ดูนะคะ”
“จ้ะ” เย่เหลียนอีเอ่ย “เมื่อถึงเวลานั้นแล้วแม่ก็จะแต่งรูปตัวเองเข้าไปด้วย”
“ได้เลยค่ะ!” หลานเสี่ยวถางวางสายไปแล้วก่อนจะกลับไปนั่งที่เดิม ฟู่สีเกอเห็นสีหน้าของเธอแล้ว จึงอดที่จะเอ่ยขึ้นอย่างเย้าหยอกไม่ได้ว่า “เสี่ยวถาง ยิ้มแบบนี้ หรือว่าจะแอบไปรู้จักกับหนุ่ม ๆ ลับหลังอาเฉินหรือเปล่าเนี่ย?”
หลานเสี่ยวถางจะยิ้มก็ไม่ออกจะหัวเราะก็ไม่ได้ “ฉันไม่ได้ชอบเด็กหนุ่มเสียหน่อยนะคะ!”
“ถ้าอย่างนั้นแล้วหรือคุณจะชอบหนุ่มใหญ่?” ฟู่สีเกอเอ่ยถามขึ้นอย่างสนใจ “พูดสิ พูดสิ คุณชอบแบบอาเฉินหรือเปล่า?”
หลานเสี่ยวถางหลบสายตา “มีใครที่ไหนเขาถามมาแบบนี้กันละคะ?! จะว่าไปแล้ว มูเฉินก็ไม่ได้แก่ แล้วก็ไม่ใช่หนุ่มใหญ่ด้วย! แต่จะว่าไปแล้วนะคะ ปกติก็ฟังคุณพูดถึงแฟนสาวอยู่ตลอดเลย แต่ทว่าฉันเห็นคุณก็รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาดีมากเลยนี่ แต่ทำไมกลับกันกับคล้ายกับพวกคนโสดไปได้กันละคะเนี่ย?”
“นี่ คนที่พูดดีเขาไม่พูดออกมากันหรอกนะ ต้องเปิดโปงผมมากขนาดนี้เลยหรือไงกัน?” สีหน้าของฟู่สีเกอดูไม่ใส่ใจ “รอให้ผมสนุกพอแล้วก็ค่อยว่ากันเถอะ!”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นแล้วคุณก็เล่นไปเถอะค่ะ! หันกลับมามองทุกคนก็เป็นฝั่งเป็นฝากันหมดแล้ว ฉันจะดูสิว่าคุณจะอิจฉาตาร้อนหรือเปล่า” หลานเสี่ยวถางเอ่ย
“ทุกคน?” ฟู่สีเกอขมวดคิ้ว “ก็แค่คุณกับอาเฉินแต่งงานกันก็เท่านั้นเองหรือเปล่า ชิงเจ๋อกับผมก็โสดเหมือน ๆ กันนะครับผม คุณพูดว่าทุกคน คงไม่ได้หมายถึงเพื่อนสนิทของคุณคนนั้นหรอกใช่ไหม?”
“โยวโยวอาจจะได้แต่งงานแล้วจริง ๆ ก็ได้นะคะ” หลานเสี่ยวถางกักเก็บรอยยิ้มคืนมา “ครั้งที่แล้วที่ออกจากโรงพยาบาลมา ฟู้เจียนปอดูเป็นห่วงเป็นใยเธอมากเลย แม่ของเขาก็ดีต่อโยวโยวมาก ถึงแม้ว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แต่ทว่าทั้งสองคนก็มีรักร่วมกันมาหลายปีแล้ว โดยปกติแล้วดูเหมือนโยวโยวจะดูร้ายกาจมากก็ตาม แต่ทว่าเด็กผู้หญิงน่ะ ใจอ่อนง่ายจะตายไป”
“ดังนั้นแล้ว เธอยอมที่จะตอบตกลงแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นแล้ว?” ฟู่สีเกอหรี่ตาลง
“เกรงว่าอีกไม่เท่าไหร่แล้วล่ะค่ะ ในตอนที่อยู่ที่โรงพยาบาล หมอและพยาบาลทั้งหมดก็เห็นกันหมดแล้ว อีกทั้งยังพูดต่อโยวโยวกันด้วยอีกว่า แฟนหนุ่มของคุณดีต่อคุณมากจริง ๆ อีกทั้งยังหาความสัมพันธ์ระหว่างแม่ผัวกับลูกสะใภ้ที่ดีด้วยแก่กันแบบนี้ยากมากด้วย” หลานเสี่ยวถางถอนหายใจออกมาหนึ่งประโยค “อีกทั้งเมื่อตอนต้นปีฟู้เจียนปอก็จองโรงแรมเพื่อจะจัดงานแต่งเอาไว้แล้วด้วย อีกทั้งยังบอกอีกว่าวันหลังจะพาโยวโยวไปลองชุดแต่งงาน……สรุปแล้ว เกรงว่าจะอีกไม่นานแล้วล่ะค่ะ”
“ยายผู้หญิงที่ไม่มีอนาคต!” ฟู่สีเกอเหยียดยิ้มออกมา แล้วหยิบบุหรี่จากด้านข้างออกมาม้วนหนึ่ง แล้วจุดไฟ
หลานเสี่ยวถางไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ ประจวบเหมาะเข้ากับ คนขับรถโทรศัพท์เข้ามาหาพอดี เวลาก็พอประมาณแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เธอจึงกล่าวลากับฟู่สีเกอ แล้วมุ่งหน้าไปโรงแรมที่จัดงานเลี้ยง
ในตอนที่หลานเสี่ยวถางใกล้จะถึงแล้วนั้นเอง ก็โทรศัพท์หาสือมูเฉิน เขาบอกว่าเขาพึ่งจะประชุมผ่านวิดีโอเสร็จเมื่อครู่นี้ กำลังจะเดินทางตามไปแล้วเหมือนกัน ให้เธอเข้าไปในงานก่อน แล้วรอเขามา
เป็นเพราะว่างานเลี้ยงกาล่า ดินเนอร์รูปแบบงานประมูล ดังนั้นแล้ว แขกเหรื่อทุกคนล้วนแล้วแต่มีที่นั่งประจำ
ในตอนที่หลานเสี่ยวถางถือบัตรเชิญเข้างานไปนั้นเอง สายตาของคนจำนวนไม่น้อยก็มองตกลงมา เมื่อเห็นเรือนร่างของเธอสวมใส่เดรสไหล่เฉียงราคาแพง ดูสาวอีกทั้งก็ยังไม่มีหนุ่มควงอีกด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะค่อย ๆ เริ่มคาดเดาถึงสถานะของเธอกันขึ้นมาทีละคนทีละคนแล้ว ล้วนแล้วแต่พูดกันว่าเป็นลูกสาวของตระกูลไหนที่พึ่งกลับมาจากต่างประเทศหรือเปล่า
เธอพึ่งจะเดินเข้าไป ก็มีพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาหาแล้ว ก่อนจะเอ่ยต่อเธออย่างมีมารยาทว่า “ขออนุญาตเรียนถามนะครับว่าใช่คุณหลานหรือเปล่าครับ?”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้าหงึกหงัก
พนักงานจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “คุณหลานครับ เชิญคุณตามผมมาได้เลยครับผม ที่นั่งของคุณถูกจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วครับ”
หลานเสี่ยวถางนึกว่าคงจะเป็นคนที่สือมูเฉินเตรียมเอาไว้ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจึงพยักหน้าขึ้นลง “ขอบคุณนะคะ”
เธอเดินตามพนักงานไปทางด้านหน้า จนกระทั่งถึงที่นั่งแถวที่สองติดตรงกลาง
ตรงนั้น มีที่นั่งอยู่สองที หลานเสี่ยวถางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนั่งลงที่ทางฝั่งซ้ายฝั่งนั้น เตรียมที่ตรงกลางนั้นเหลือเอาไว้ให้กับสือมูเฉิน
ในตอนนั้นเอง แขกเหรื่อก็ทยอยเข้ามากันจนเต็มแล้ว มีเพียงแค่ที่นั่งทางด้านข้างของหลานเสี่ยวถางเท่านั้น และที่นั่งทางแถวหนึ่งทางด้านหน้าที่ยังมีที่ว่างอีกสองที่
หลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลงไปเปิดกระเป๋าถือ หันไปมองโทรศัพท์ คิดอยากจะถามสือมูเฉินว่าเมื่อไหร่จะมาถึง ก่อนจะเปิดวีแชทก็กลัวว่าจะรบกวนเขา จึงนำโทรศัพท์ยัดกลับเข้ากระเป๋าไป
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง ที่ด้านข้างของเขามีลมเบา ๆ พัดเข้ามา ตามต่อมาด้วย ที่นั่งถูกเปิดออกเล็กน้อย หลังจากนั้นก็มีคนนั่งลงแล้ว
“มู——” เมื่อหลานเสี่ยวถางหันศีรษะกลับไปนั้นเอง เป็นในตอนที่มองเห็นคนทางด้านข้างเขาพอดี คำว่า ‘เฉิน’ คำนั้นยังคงติดอยู่ในลำคอของเธออยู่เลย
เธอชะงักไปหลายวินาที ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างงุนงงว่า “คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกันคะ?”
หันจื่ออี้หันไปยิ้มราวกับเป็นสายน้ำในวสันต์ฤดูในแก่หลานเสี่ยวถาง “เสี่ยวถาง เธอก็มาด้วยหรือ? วันนี้เธอสวยมากเลยนะ!”
หลานเสี่ยวถางขมวดคิ้ว “นี่คือที่นั่งของคุณหรือคะ?”
หันจื่ออี้พยักหน้า ก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ทางผู้จัดงานเขานึกว่าผมมีสาวคู่คงมาด้วย ก็เลยทิ้งที่นั่งอีกที่หนึ่งเอาไว้ให้คู่ควงของผมโดยปริยายน่ะครับ”
พูดไป สายตาร้อนแรงของเขาก็มองไปที่หลานเสี่ยวถาง “แต่ทว่าดูท่าจากตอนนี้แล้ว พวกเขานั้นมีลางสังหรณ์ที่ชัดเจนเป็นจริงดีจริง ๆ เลยนะครับ ผมชอบใจมากเลย”
หลานเสี่ยวถางมีปฏิกิริยาอะไรบางอย่างตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่สายตาจะตกกระทบลงที่แถวนั่งแถวที่หนึ่งทางด้านหน้า เธอหรี่ตาลง ก่อนจะฝืนสบตามองชื่อที่ติดอยู่บนที่นั่นเอาไว้ ทันใดนั้นเอง รู้สึกเพียงแค่ว่าร่างทั้งร่างนั้นเย็นเฉียบในทันที!
เห็นเพียงแค่พื้นที่ตรงกลางนั้นเท่านั้น ที่ด้านบนเขียนเอาไว้สามคำว่า ‘สือมูเฉิน’ อีกทั้งถึงแม้ว่าอีกด้านหนึ่งจะไม่ได้เขียนอะไรเอาไว้ แต่ทว่า ก็สามารถคาดเดาเอาไว้ได้อยู่แล้ว ว่าที่ตรงนั้นเว้นเอาไว้ให้เธอ!
ดังนั้นแล้ว เธอนั่งผิดที่แล้ว อีกทั้งอาจจะเป็นเพราะว่าการนำทางของพนักงานคนนั้นแน่ ๆ ที่จงใจจัดเตรียมเอาไว้เช่นนี้!
เธอนึกขึ้นได้ถึงคำพูดของหันจื่ออี้ว่าเดิมเขาไม่ได้มีคู่ควงมาด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะทิ้งสายตาเรียวแหลมทิ่มแทงลงบนร่างของหันจื่ออี้ “คุณจัดเตรียมเอาไว้ใช่ไหมคะ? คุณจงใจส่งคนไปนำทางให้ฉันมานั่งผิดที่ แล้วคุณก็ค่อยปรากฏตัวใช่ไหม?!”
“เสี่ยวถาง——” นัยน์ตาของหันจื่ออี้หดตัวเกร็งลง ดวงตาแสดงความเจ็บปวดออกมาทั้งหมด “เธอบอกว่าฉันจงใจส่งคน? ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ หรือว่าเธอไม่เชื่อฉันหรือ? ในหัวใจของเธอ ฉันเคยใช้กลอุบายแบบนี้กับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
หลานเสี่ยวถางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็รู้สึกว่าหันจื่ออี้ไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้มาก่อนเลยจริง ๆ เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยคำว่า ‘ขอโทษ’ ออกมา อีกทั้งก็ยังไม่ทันที่จะไปตามสืบเลยว่าใครกันแน่ที่เป็นคนทำ กำลังจะลุกขึ้นยืน แล้วไปยังที่นั่นตรงแถวที่หนึ่ง
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง พิธีกรก็เดินเข้ามาแล้ว มาถึงที่ด้านหน้าของเวที อีกทั้งทางด้านข้างของพิธีกรนั้นเอง ก็มีชายหนุ่มในชุดสูทสีดำทั้งตัวอีกคนหนึ่งด้วย ดูท่าแล้วน่าจะเป็นชายหนุ่มรูปงาม ถ้าไม่ใช่สือมูเฉินแล้วจะสามารถเป็นใครไปได้อีก?!
ในตอนที่หลานเสี่ยวถางกำลังจะเคลื่อนตัวลุกขึ้นยืนนั้นเอง เธอช้อนสายตาขึ้น ก่อนจะประสานสายตาเข้ากับสายตาของสือมูเฉิน