ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 170 มูเฉิน ทำไมคุณถึงไร้หัวใจมากถึงขนาดนี้
หัวใจของหลานเสี่ยวถางกระตุกในทันที ด้วยสัญชาตญาณที่ตีตื้นขึ้นมา
ทางด้านข้าง หันจื่ออี้เรียกเธอให้หยุดเอาไว้ “เสี่ยวถาง หรือว่าจะเป็นพี่สาวของเธอที่เป็นคนทำ?”
“ฉันไม่ทราบค่ะ” ศีรษะของหลานเสี่ยวถางไม่ได้หันกลับไปด้วยซ้ำ อีกทั้งยังเดินไปทางฝั่งนั้นไปแล้ว
สือมูเฉินเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหลานเล่อซินแล้ว ก่อนจะเอ่ยปากพูดกับเธอว่า “คุณหลาน”
เรียวนิ้วมือของหลานเล่อซินที่จะกำลังยกขึ้นเมื่อครู่นี้แข็งค้างในทันที เธอเงยหน้าขึ้น มองเห็นสือมูเฉิน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความปีติ “มูเฉิน——”
“คุณหลาน สะดวกที่จะไปคุยกันหน่อยไหมครับ” สือมูเฉินเอ่ยขึ้น
หลานเล่อซินรับลุกขึ้นยืนในทันที ก่อนจะเอ่ยด้วยความยินดีว่า “ได้สิคะ!”
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง หลานเสี่ยวถางก็เดินเข้าไปหาเรียบร้อยแล้ว
หลานเล่อซินเห็นหลานเสี่ยวถาง เธอจึงหันไปยิ้มแล้วพยักหน้า “เสี่ยวถาง”
หลานเสี่ยวถางหรี่ตา ไม่ได้เอ่ยอะไร
หลานเล่อซินเห็นดังนั้นแล้ว จึงอดที่จะเอ่ยออกมาอย่างอ่อนแรงไม่ได้ว่า “เสี่ยวถาง เธอโกรธหรือ? ฉันกับมูเฉินไม่ได้ทำอะไรกันเลยนะ เธออย่าพึ่งเข้าใจผิด…..”
หลานเสี่ยวถางสบตามองไปยังสือมูเฉิน เห็นเขาเดินนำหน้าไปก่อนแล้ว เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว จึงหันไปเอ่ยกับหลานเล่อซินว่า “พวกเราไปกับเขากันเถอะค่ะ จะได้พูดคุยกันให้ชัดเจน!”
“เสี่ยวถาง ฉันไม่มีงาน ดังนั้นช่วงนี้ก็เลยเป็นอาจารย์สอนเปียโน เมื่อวานได้รับสายโทรศัพท์ว่าให้ฉันมาเล่นเปียโนหน่อย ฉันก็เลยมา ไม่ได้จงใจเพื่อที่จะเข้าใกล้มูเฉินเลยจริง ๆ นะ!” หลานเล่อซินเอ่ยขึ้นอย่างกระวนกระวายเล็กน้อยพลางจับเข้าที่ช่วงแขนของหลานเสี่ยวถาง “เสี่ยวถาง ฉันไม่กล้าทำเรื่องผิดต่อเธอหรอกนะ ไม่กล้าทำเลยจริง ๆ!”
หลานเสี่ยวถางรู้สึกรำคาญเล็กน้อย เธอดึงมือกลับไป ก่อนจะแสดงสีหน้าสื่อว่าให้หลานเล่อซินเดินตามมา
สือมูเฉินเดินออกไปก่อนแล้ว เมื่อเดินมาถึงที่โถงทางเดิน หลานเสี่ยวถางทั้งสองคนก็เดินตามมาถึงแล้ว
ในตอนนั้นเอง ประจวบเหมาะกับว่ามีพนักงานคนหนึ่งเดินออกมาจากลิฟต์พอดี และกำลังเดินผ่านกลุ่มคน
แต่ทว่าในตอนที่เขาเดินผ่านไหล่ของกลุ่มคนไปนั้นเอง หลานเสี่ยงถางจำเขาได้แล้ว ว่าเป็นคนคนนั้นที่นำทางเธอผิดไปก่อนหน้านี้ไปนั่นเอง!
เพียงแต่ เธอยังไม่ทันที่จะได้ลงมือ พนักงานคนนั้นก็หันไปมองทางหลานเล่อซินเสียแล้ว หลังจากนั้น นัยน์ตาก็ดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย
รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นเอง ถูกสือมูเฉินเห็นหมดแล้ว เขายื่นมือออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเข้าไปขวางทางของพนักงานคนนั้นเอาไว้
ฝีเท้าของพนักงานคนนั้นหยุดลง ก่อนจะหันไปมองสือมูเฉิน แล้วเอ่ยถามขึ้นมาว่า “คุณครับ คุณมีอะไรให้รับใช่หรือครับ?”
สือมูเฉินเปิดเข้าตรงประเด็น “ผมไม่ชอบให้คนอื่นมาเล่นลูกไม้ต่อหน้าของผมหรอกนะครับ พูดมา ใครใช้ให้คุณทำ?”
เมื่อครู่นี้เอง เขามองเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลานเสี่ยวถาง อีกมั้งยังมองเห็นสายตาที่สื่อถึงกันของพนักงานคนนี้และหลานเล่อซินอีกด้วย ถ้าหากว่าจะบอกว่าพนักงานคนนี้ไม่มีปัญหาอะไร แล้วเขาจะสามารถเชื่อถือได้อย่างไรกัน!
พนักงานแสร้งทำเป็นนิ่งเฉย “คุณครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคุณเลยครับ……”
น้ำเสียงของสือมูเฉินกดข่มขึ้นหลานส่วน “ในเมื่อคุณทำเรื่องเหล่านี้แล้ว คงไม่สามารถไม่ทราบได้หรอกนะครับว่าผมคือใคร แล้วก็ควรจะทราบเอาไว้ด้วยนะครับ ว่าคุณทำผิดต่อผมแล้วจะมีจุดจบอย่างไรบ้างน่ะ! ผมให้เวลาคุณสามนาที เล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมา อธิบายทุกอย่างอย่างชัดเจนให้ผมฟังเดี๋ยวนี้!”
ร่างทั้งร่างของพนักงานคนนั้นอ่อนแรงลงในทันที เขาโบกมือไม่มาไม่หยุด “คุณสือครับ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผมเลยจริง ๆ นะครับผม ที่ผมทำไปก็เพื่อเงินเท่านั้นเอง คุณปล่อยผมไปเถอะนะครับ!”
เมื่อเห็นว่าสือมูเฉินไม่เอ่ยอะไร พนักงานจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาอีกครั้งหนึ่งว่า “วันนี้ตอนเที่ยววัน มีคนให้ผมดูภาพถ่ายของคุณหลาน หลังจากนั้น ก็ให้ผมพาเธอไปยังที่นั่งทางด้านข้างของคุณหัน ในขณะเดียวกันนั้นเอง ก็ให้ผมคิดหาวิธีที่จะถ่วงฝีเท้าคุณหันเอาไว้ด้วย ไม่ให้เขาเข้าไปในตัวอาคารเร็วนักครับ”
สือมูเฉินถามขึ้นอีกครั้งว่า “คนคนนั้นมีท่าทางเป็นอย่างไร เป็นผู้ชายหรือว่าผู้หญิง แล้วติดต่อกับคุณอย่างไร?”
พนักงานคนนั้นหันไปมองหลานเล่อซินอย่างรวดเร็วในทันที ร่างทั้งร่างสั่นเทา “คุณสือครับ ขอร้องคุณล่ะครับ ผม ผมไม่ทราบครับ!”
สือมูเฉินหรี่ตาลง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้ม ๆ อย่างรวดเร็วว่า “คำถามเดียวกัน ผมไม่คิดที่จะเอ่ยเป็นครั้งที่สองหรอกนะครับ”
พนักงานคนนั้นประชิดเข้ากับกำแพง สีหน้าหวาดกลัวบนใบหน้านั้นยุ่งเหยิงมากกว่าเดิม สุดท้ายแล้ว เขาก็หันศีรษะกลับไปมองทางหลานเล่อซิน “คุณหลาน ขอโทษด้วยนะครับ ที่บ้านผมมีคนแก่ที่ยังต้องเลี้ยงดูอยู่ ขอโทษจริง ๆ นะครับ……”
สีหน้าของหลานเล่อซินแปรเปลี่ยนไปในทันที “คุณหมายความว่าอย่างไรกันคะ? เอาอะไรมาใส่ร้ายฉัน? ก่อนหน้านี้พวกเราเคยพบกันหรือคะ?!”
พนักงานคนนั้นตัวสั่นเทาไม่หยุด “คุณหลานครับ ขอร้องล่ะครับพวกคุณปล่อยผมไปเถอะนะ ผมไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ! วันนี้ตอนเช้าคุณมาหาผม ทำไมคุณไม่ยอมรับละครับ? ขอโทษด้วยนะครับ ผมหลบหนีไปต่อไม่ได้แล้วจริง ๆ……”
ร่างทั้งร่างของหลานเล่อซินเริ่มสั่นเทาขึ้นมาแล้ว ใบหน้าของเธอแดงซ่านไม่รู้เป็นเพราะว่าโกรธหรืออะไร มันแดงขึ้นเป็นชั้น ๆ เล็กน้อย”คุณเป็นคนอย่างไรกันคะเนี่ย? วันนี้ฉันมาก็จริง แต่ทว่าก็เป็นเพราะเพื่อลองเปียโน ฉันได้ไปพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับคุณตอนไหนคะ? คุณบอกมาสิคะ ใครกันแน่ที่เป็นคนไปหาคุณ แล้วกล้าที่จะใส่ร้ายฉันมากขนาดนี้?!”
พนักงานไม่ได้อธิบายต่อแล้ว เพื่อแค่กอดศีรษะของตนเองเอาไว้ “ขอร้องพวกคุณละครับ ผมไม่มีทางหนีแล้วจริง ๆ นะครับ ขอให้พวกคุณปล่อยผมไปเถอะนะ……”
“คุณไสหัวไปได้แล้วล่ะ” สือมูเฉินพูดไป ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสาย “ช่วยฉันสืบหาภาพในกล้องวงจรปิดหน่อยสิ”
พูดจบ สายตาเย็นยะเยือกของเขาก็มองไปทางหลานเล่อซิน ก่อนที่น้ำเสียงกดดันจะดังขึ้นมาว่า “มากับผม!”
พูดไป เขาก็เปิดห้องพักทางด้านข้างห้องหนึ่งออก ก่อนจะเดินมุ่งหน้าตรงเข้าไปด้านใน
หลานเล่อซินเห็นสีหน้ากดดันและโทสะบนใบหน้าของสือมูเฉิน ภายในหัวใจก็สับสนขึ้นมาในทันที “มูเฉินคะ คุณฟังฉันพูดก่อน ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ นะคะ! คนเมื่อกี้นี้เขาใส่ร้ายฉันค่ะ! คุณต้องเชื่อฉันนะคะ!”
เมื่อเห็นว่าสือมูเฉินไม่เอ่ยอะไร หลานเล่อซินก็วิ่งไปกอดแขนของหลานเสี่ยวถางเอาไว้แทน “เสี่ยวถาง ไม่ใช่ฉันจริง ๆ ฉันจะทำร้ายเธอไปทำไมกัน? อันที่จริงแล้ว ตั้งแต่กลับจากต่างประเทศมา ฉันก็มีความหวาดกลัวอยู่นิดหน่อยอยู่แล้วด้วย อีกอย่าง ในตอนนั้นเธอก็ช่วยฉันจากผู้หญิงคนนั้นนี่นา ดังนั้นแล้ว ฉันไม่สามารถทำร้ายเธอได้หรอกนะ……”
หลานเสี่ยวถางแกะมือออก “ถ้าอย่างนั้นแล้ว พี่อธิบายให้ฉันฟังหน่อยสิคะ ว่าทำไมวันนี้พี่เผอิญมาไปเล่นเปียโน อีกทั้งยังเล่นเพลงนั้นพอดีอีกด้วย……”
เพลงนั้น เป็นในตอนแรกที่สือมูเฉินไปที่ตระกูลหลาน หลานเล่อซินเคยเล่นให้เขาฟังด้วย สามารถพูดได้เลยว่าเพลงนั่นน่ะ ถือว่าเป็นการแสดงความรักของเธอและยังคงรูปแบบเดิมเอาไว้อีกด้วย
หลานเล่อซินได้ยินคำพูดของหลานเสี่ยวถาง ใบหน้าก็ซีดเผือดขึ้นในทันที “เสี่ยวถาง เธอฟังฉันก่อนนะ วันนี้ฉันประจวบเหมาะกับได้รับการจัดการให้มาเล่นเปียโนที่นี่จริง ๆ นะส่วนเพลงนั่น ฉันเพียงแค่ เพียงแค่……”
ความเป็นจริงแล้ว เป็นเพราะว่าเธอเห็นสือมูเฉิน ดังนั้นแล้วจึงเล่นเพลงนั้นต่างหาก หัวใจของหลานเล่อซินสับสนจนถึงขีดสุดแล้ว “มูเฉินคะ ฉันแค่เคยชินเท่านั้นเอง ฉันไม่ได้คิดอะไรเลยนะคะ!”
“เงียบ” สือมูเฉินขมวดคิ้วแน่น
หลานเล่อซินไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาอีกแล้ว ทำได้เพียงแค่ยืนอยู่ตรงกลางห้อง ห้ามหยาดน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ก่อนจะมีท่าทางน่าเวทนาออกมา
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของสือมูเฉินดังขึ้นมา เขามองอยู่ครู่หนึ่ง เป็นผู้ช่วยของเขาเองที่ต่อสายโทรศัพท์เข้ามาหา เขาเลื่อนรับสาย ก่อนจะเอ่ยถามว่า “สืบได้หรือยัง?”
ผู้ช่วยเอ่ยว่า “ประธานสือครับ คุณหลานเล่อซินวันนี้ตอนเช้าเข้ามาที่โรงแรมจริง ๆ ครับ อีกทั้งยังมีการพูดคุยกับพนักงานคนหนึ่งอีกเว้ย พวกเขาพูดคุยกับประมาณสี่นาที แต่ทว่าเป็นเพราะว่าระยะห่างนั้นห่างจากกล้องวงจรปิดมาก ดังนั้นจึงได้ยินไม่ชัดนักครับว่ากำลังพูดคุยอะไรกัน”
“อืม” สือมูเฉินเอ่ย “ต่อเลยครับ”
ผู้ช่วยเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “อีกอย่างหนึ่ง บัญชีของพนักงานคนนั้นช่วงค่ำวันนี้ครับ จู่ ๆ ก็มีเงินเพิ่มขึ้นสามหมื่น ส่วนคนโอนนั้น แสดงชื่อเป็นนิรนามครับผม”
สือมูเฉินหรี่ตาลง “มีแค่นี้หรือ?”
“ครับผม ตอนนี้มีเท่านี้ครับ ท่านประธานสือ” ผู้ช่วยเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม
“จับตาดูสื่อเอาไว้ ถ้าหากว่าวันนี้มีคำวิจารณ์ที่ไม่สมควรมีออกมา ก็รีบกลบข่าวไปเลย” สือมูเฉินเอ่ย
ผู้ช่วยตบปากกับคำว่า “ครับผม”
หลังจากที่วางสายไปแล้ว สือมูเฉินจังหันไปมองหลานเล่อซิน เอ่ยออกมาเพียงแค่ประโยคเดียวเท่านั้น “เรื่องวันนี้ คุณจะรับผิดชอบอย่างไรครับ?”
หลานเล่อซินได้ยินคำพูดที่แน่นอนและเย็นยะเยือกของสือมูเฉิน ภายในหัวใจก็เย็นเฉียบในทันที “มูเฉินคะ ฉันไม่ได้ทำจริง ๆ ค่ะ คุณต้องเชื่อฉันนะคะ……”
“หลานเล่อซิน ผมปล่อยคุณไปและให้โอกาสคุณหลายครั้งแล้ว” สือมูเฉินเอ่ย “ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดำเนินการอะไร หนึ่งเลยก็เป็นเพราะว่าในตอนแรกคุณย่าของคุณกับพ่อของผมมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน สอง แม่ของผมสามารถกลับคืนมาได้ ก็เป็นเพราะคุณ แต่ทว่า คุณกลับไม่รักษาโอกาสนี้เอาไว้ให้ดี ไม่ปล่อยวาง อีกทั้งยังใช้กลอุบายลับหลังไม่หยุดอีกด้วย ตอนนี้ ผมก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกันครับ”
สีหน้าของหลานเล่อซินแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก หวังจะยื่นมือเข้าไปจับแขนของสือมูเฉินอย่างรวดเร็ว แต่ทว่า มือกลับคว้าจับได้เพียงแค่อากาศ
เธอส่ายหน้า “มูเฉินคะ ขอร้องล่ะ คุณสืบหาอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งดูสิคะ ไม่ใช่ฉันจริง ๆ นะคะ! ฉันไม่เคยทำเรื่องผิดต่อหลานเสี่ยวถางจริง ๆ นะคะ!”
“คุณกำลังทำให้ผมเข้าใจผิดต่อเสี่ยวถาง อยากจะได้ในสิ่งที่คุณไม่สนควรจะได้ ผมไม่ลงไม้ลงมือกับผู้หญิงหรอกนะครับ ดังนั้น——” สือมูเฉินเอ่ย “คุณตบหน้าตัวเองเสีย ตบจนกว่าผมจะบอกให้หยุด”
หลานเสี่ยวถางก็ตกตะลึงไปเล็กน้อยเช่นกัน อันที่จริงแล้ว เธอไม่เคยเห็นสือมูเฉินเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย
โทสะของเขาในวันนี้ เธอไม่เคยเห็นมันเลยจริง ๆ แต่ทว่า เธอส่งข้อความไปหนึ่งข้อความ เป็นการอธิบายง่าย ๆ หนึ่งประโยค เดิมเขาก็ไม่ได้เปิดอ่านดู ก็เชื่อถือเสียแล้ว
หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าเขาเชื่อถือตนเองมากขนาดนั้น ภายในหัวใจจึงอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย
กลางห้อง หลานเล่อซินยกมือขึ้นมา หยาดน้ำตาไหลริน “มูเฉิน คุณต้องไร้หัวใจมากถึงขนาดนี้จริง ๆ หรือคะ?”
สีหน้าบนใบหน้าของสือมูเฉินนอกจากความไม่อดทนแล้ว ก็ไม่มีสีหน้าอื่นใดอีกเลย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาไร้ความรู้สึกว่า “ผมไม่อยากเสียเวลาครับ”
หลานเล่อซินกัดริมฝีปาก สบตามองชายหนุ่มด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา
หัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยความหงุดหงิดทั้งหมด มีแต่ความเกลียดชังให้แก่เธอ
หัวใจของเธอนั้น ค่อย ๆ แตกเป็นเสี่ยง ๆ อย่างเชื่องช้า เธอเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ได้ค่ะ ฉันจะตบเอง แต่ทว่า ฉันไม่ได้เป็นคนทำจริง ๆ นะคะ ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนฉันจะทำเรื่องมากมายต่อเสี่ยวถาง แต่ทว่าตั้งแต่กลับมาจากอเมริกามา ฉันก็ไม่เคยทำอะไรอีกเลยนะคะ เป็นเพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอช่วยชีวิตของฉันเอาไว้ ฉันก็ไม่สามารถทำผิดต่อเธอได้!”
เธอพูดจบ ก็ยกมือง้างขึ้น ก่อนจะฟาดลงไปบนใบหน้าที่แก้มด้านข้างของตนเอง
เสียงนั้นดังขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะเป็นในตอนที่ภายในตัวห้องนั้นเงียบสงบลง มันจึงทำให้ได้ยินอย่างชัดเจน
“เพี๊ยะ!” เธอยกมืออีกข้างหนึ่ง ก่อนจะฟาดลงไปที่แก้มอีกข้าง
หลานเล่อซินสบตามองผ่านม่านน้ำตา มองไปยังสีหน้าบนใบหน้าของสือมูเฉิน ไม่มีความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่นิดเดียว สายตาของเขาในยามปกติที่มันจะนิ่งสงบ ตอนนี้กลับยังคงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
เธอรู้สึกว่าหัวใจของตนเองมีความเจ็บปวดทิ่มแทงขึ้นมา แม้กระทั่งอวัยวะภายในและกระดูกทั้งหมดก็เริ่มปวดร้าวไปหมดแล้ว
ถูกคนที่ตนเองชอบมาหลายปี ทำเช่นนี้ต่อหน้าของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง สั่งให้ตบหน้าตนเอง ความเจ็บปวดไม่ได้มีแค่ที่ใบหน้า แต่ทว่ายังอยู่ภายในหัวใจด้วย
ภายในหัวใจ นอกจากความเจ็บปวดแล้ว อีกทั้งยังมีความอับอายและขายหน้าที่ยากจะเอ่ยขึ้นอีกด้วย หากเทียบกับภาพที่อเมริกาก่อนหน้านี้แล้ว นั่นก็ยิ่งทำให้เธอเจ็บปวดมากกว่าเดิมอีก
“เพี๊ยะ!” มีเสียงฟาดติดต่อกันไม่หยุด ถึงแม้ว่าในทุก ๆ ครั้งนั้นแรงจะไม่มากนัก แต่ทว่า เป็นเพราะว่าจำนวนเยอะเกินไปแล้ว ดังนั้น ใบหน้าของหลานเล่อซินจึงรู้สึกได้เพียงแค่ความเจ็บแสบราวกับไฟ อีกทั้งใบหูก็เริ่มเจ็บขึ้นมาแล้วด้วย
เธอกลืนน้ำลาย รู้สึกว่าตอนนี้ได้ทานรสชาติกลิ่นคาวบางอย่าง เธอจึงใช้ปลายนิ้วสัมผัสไปที่ริมฝีปากครั้งหนึ่ง ถึงได้รู้ว่ามีเลือดไหลออกมาจำนวนมากตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบได้
เธอยกปลายนิ้วเปื้อนเลือดขึ้น ก่อนจะมองไปทางสือมูเฉิน เอ่ยขึ้นอย่างสะอื้นว่า “มูเฉิน คุณคงไม่ได้หวังจะให้ฉันตายหรอกใช่ไหมคะ?”