ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 176 หากยังไม่มีแฟนอีก ก็จะถูกบังคับให้ไปดูตัวแล้ว
แทบจะมองออกได้อย่างชัดเจนเลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เฉียวโยวโยวจึงอดที่จะถามออกไปไม่ได้ว่า “สือจิ่นจ๊ะ เธออยากที่จะพูดอะไรบางอย่างหรือเปล่า?”
สีหน้าของซูสือจิ่นยุ่งเหยิงเล็กน้อย สุดท้ายแล้ว เธอก็เอ่ยขึ้นมาอย่างจำยอมประโยคหนึ่งว่า “อันที่จริงแล้ว รู้สึกว่าฟู้เจียนปอก่อนหน้านี้ที่อยู่ต่างประเทศเขาก็ได้รับความนิยมมากเลยน่ะค่ะ ในตอนนั้นเห็นว่าเขามีความสัมพันธ์กับผู้หญิงด้วย ฉันยังนึกว่าเป็นแฟนสาวของเขาอยู่เลยนะ! แต่ทว่า พวกพี่จะแต่งงานกันแล้วนี่เนอะ พี่ก็อย่าคิดอะไรเยอะนะคะ อาจจะเป็นฉันที่มองผิดไปก็ได้น่ะค่ะ”
มือที่อยู่ข้างลำตัวของเฉียวโยวโยวอดไม่ได้ที่จะกำเข้าหากันเบา ๆ
ในที่สุดเธอก็ทราบแล้ว ที่ได้เห็นใบหน้าของฟู้เจียนปอหลังจากที่ในตอนที่ได้ฟังซูสือจิ่นเอ่ยว่าเคยเจอเขา ว่าเขามีแสดงสีหน้าแบบไหนออกมา
ที่แท้ ในช่วงเวลานั้น นอกจากเธอที่จะทราบแล้ว ก็แม้กระทั่งหญิงสาวที่พึ่งจะได้พบเจอในวันนี้กลับรับรู้ด้วยเช่นกัน!
หัวใจของเธอรู้สึกทรมานเล็กน้อย ความรู้สึกเจ็บปวดที่ตั้งใจจะลืมเลือนนั่น กลับตีขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเสียแล้ว
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าไม่ใช่ความผิดของเธอด้วยซ้ำ แต่ทว่า เธอกลับรู้สึกละอายแก่ใจตนเองเข้าเสียแล้ว
หลานเสี่ยวถางเข้าใจขึ้นมาแล้ว เธอหันไปหัวเราะให้ซูสือจิ่น “ใช่จ้ะ ก่อนหน้านี้ในประเทศฟู้เจียนปอก็ได้รับความนิยมไม่น้อยเลยด้วยนะ ดังนั้นแล้ว หลังจากที่โยวโยวเรียบจบแล้ว ก็เลยให้ลูกพี่ลูกน้องผู้หญิงของเจียนปอช่วยดูเจียนปอให้น่ะ ในตอนที่อยู่ข้างนอก ก็เลยบอกว่าเป็นแฟนสาวของเขาอย่างไรล่ะ ดังนั้นแล้ว วิธีนี้ถือว่าใช้ได้ผลเลยจริง ๆ เนอะ!”
สีหน้าบนใบหน้าของซูสือจิ่นผ่อนคลายลงเล็กน้อย เธอถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่งว่า “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง! ทำเอาฉันเมื่อครู่นี้ตื่นตระหนกเลยทีเดียวค่ะ กลัวว่าจะเผลอพูดอะไรผิดไปแล้วน่ะ!”
“อืม อืม ไม่เป็นไรจ้ะ ไม่เป็นไร!” หลานเสี่ยวถางหัวเราะ “พวกเราลงไปที่ชั้นล่างแล้วไปดูกันที่กว่าเนอะว่าผูกชายสามคนนั้นทำอะไรกันอยู่!”
“ได้เลย!” เฉียวโยวโยวยื่นมือออกไปจับเข้ากับมือของหลานเสี่ยวถาง สบสายตาเข้ากับเธอครั้งหนึ่ง
ถึงแม้ว่าฟู้เจียนปอจะเคยใช้ชีวิตอยู่คนเดียวที่ต่างประเทศแล้วสองสามปี ดังนั้นมือเท้าจึงคล่องแคล่วว่องไว ไม่นานนัก ก็เก็บกวาดข้าวของทุกอย่างจนสะอาดแล้ว
ยังเหลือเวลาอีกมากกว่าจะถึงมื้อค่ำ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ทุกคนเลยรวมตัวพูดคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น
ซูสือจิ่นยังคงไม่ลืมภารกิจที่สำคัญเท่าชีวิตของตนเอง ตอนนี้เป็นอย่างมากเริ่มจดบันทึกข้อมูลของห้องพักแล้ว ก่อนจะเริ่มเตรียมที่จะวาดภาพออกแบบ
“พี่เฉินคะ ฉันรู้สึกว่าที่ตรงนี้เพิ่มโถงทางเดินหน่อยจะดีกว่านะคะ ห้องรับแขกของพวกพี่นั้นใหญ่มาก ถ้าเพิ่มโถงทางเดินเข้าไปก็ไม่ได้ทำให้ห้องรับแขกดูเล็กลงเลยค่ะ กลับกันกลับจะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ด้วยนะ เพื่อป้องกันให้เวลาเข้ามาแล้ว จะทำให้เห็นบรรยากาศทั้งหมดได้น่ะค่ะ……”
เมื่อสือมูเฉินได้ยินคำพูดของซูสือจิ่นจบแล้ว เอ่ยว่า “ได้สิ เธอไปบอกกับพี่สะใภ้ของเธอก็ได้นะ ฉันตามใจเขาทั้งหมดน่ะ”
“พี่เฉิน พี่ไม่ได้เป็นพวกกลัวเมียหรอกใช่ไหมคะ?” ซูสือจิ่นอดที่จะยิ้มไม่ได้ “การแต่งงานเนี่ยเปลี่ยนคนไปมากขนาดนี้เลยจริง ๆ หรือเนี่ย? พี่เฉิน ฉันรู้สึกว่าพี่เปลี่ยนไปราวกับคนละคนเลยนะคะ!”
ทางด้านข้าง ฟู่สีเกอหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ผัดผัก ถ้าอยากรู้ล่ะก็ ถ้าอย่างนั้นแล้วเธอก็ลองแต่งงานดูสิ!”
ซูสือจิ่นไหวไหล่ไปมา “พี่กลับบอกว่ามันอย่างง่ายดาย แต่ทว่าก็ยังไม่มีคู่เหมือนกันนั่นแหละ!”
“นี่——” จู่ ๆ ฟู่สีเกอก็พุ่งเข้าไปหา ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างมีเลศนัยว่า “แต่ว่านะถ้าจะว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว ตั้งแต่เด็กจนโต ก็ไม่เคยเห็นเธอคบหากันใครเลยนี่นา ข้าวผัดผัก เธอคงจะไม่ได้ชอบผู้หญิงหรอกใช่ไหม?”
“พรืด——” หลานเสี่ยวถางกลั้นเอาไว้ไม่อยู่แล้ว จึงหัวเราะออกมา
“ใช่ค่ะ ฉันชอบผู้หญิง!” ซูสือจิ่นพูด ก่อนจะคล้องมือไปวางเอาไว้บนไหล่ของหลานเสี่ยวถาง “ฉันตัดสินใจแล้วว่าหลังจากนี้จะเป็นศัตรูหัวใจของพี่เฉิน พี่เฉินคะ พี่ต้องระวังเอาไว้หน่อยเสียแล้วล่ะนะ ระวังฉันจะมาแย่งภรรยาของพี่ไป!”
สือมูเฉินกวาดสายตามองเธอครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอย่างเรียบเฉยว่า “เธอมีฮาร์ดแวร์หรือไง?”
น้ำเสียงนั้น เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ฮ่า ๆ ๆ!” ฟู่สีเกอที่ได้ยินคำพูดของสือมูเฉินแล้ว ทันใดนั้นก็ระเบิดหัวเราะออกมาทันที พวกเฉียวโยวโยวก็หัวเราะด้วย หลานเสี่ยวถางหน้าแดงซ่านในทันที
เมื่อหัวเราะกันจนพอแล้ว ฟู่สีเกอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ต่อสายไปหาหยานชิงเจ๋อ ตามต่อด้วย กดเปิดวิดีโอ
ผ่านไปครู่หนึ่ง การโทรแบบวิดีโอก็ติดแล้ว ด้านในมีน้ำเสียงของหยานชิงเจ๋อที่ไม่พอใจดังขึ้นมาว่า “พี่สีเกอ พี่ประสาทหรือไงครับ ยังเช้ามืดอยู่เลยก็ปลุกผมตื่นแล้วเนี่ย!”
“แค่ก แค่ก ระวังภาพลักษณ์หน่อย คนที่ดูนายเปลือยตอนนี้ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวหรอกนะ!” ฟู่สีเกอพูดไป ก่อนจะหันกล้องไปทางซูสือจิ่น แล้วเอ่ยกับหยานชิงเจ๋อว่า “แหกตาดูสิ ดูสิว่านี่คือใคร?”
หยานชิงเจ๋อคงจะยื่นมือไปสัมผัสเข้ากับโคมไฟที่ทางด้านข้าง เมื่อกดเปิดแล้ว ทันใดนั้นเอง ทางเขาฝั่งนั้นก็สว่างขึ้นมาแล้ว
เขาเบิกตากว้าง น้ำเสียงเลือนรางเล็กน้อย “สือจิ่นหรือ?”
หลังจากที่ถามเสร็จ ก็เอ่ยสมทบขึ้นมาอีกประโยคว่า “พวกพี่อยู่ที่ไหนกันเนี่ย?”
ซูสือจิ่นหัวเราะใส่โทรศัพท์ครู่หนึ่ง “พวกเราอยู่ที่บ้านของพี่เฉินกันหมด ชิงเจ๋อ ขาดแค่พี่แล้ว”
หยานชิงเจ๋อหาวออกมาครั้งหนึ่ง “สือจิ่น ไม่ได้พาแฟนหนุ่มกลับมาด้วยหรอกหรือ?”
สีหน้าของซูสือจิ่นแข็งเกร็งในทันที “ฉันบอกว่าฉันมีแฟนแล้วตอนไหนกัน?” เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเธอกับเขาอยู่เมืองเดียวกัน ทุกครั้งเป็นเธอที่เรียกเขาออกไปทางข้างด้วยกันก่อน เขาจะไปเห็นแฟนของเธอได้อย่างไรกัน?
หยานชิงเจ๋อลุกขึ้นมานั่งบนเตียงนอน เขาสวมใส่เพียงแค่เสื้อกล้ามตัวหนึ่งเท่านั้น นั่นจึงเผยให้เห็นกล้ามเนื้อของเขา “อายุอานามของเธอก็ได้แล้วนะ ปีนี้ก็ยี่สิบสี่ปีใช่หรือเปล่า? เธอกลับมาแล้ว ที่บ้านของเธอจะต้องวางแผนจัดการให้เธออย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันนะเนี่ยว่าจะเป็นคุณชายน้อยของตระกูลไหนที่จะได้แต่งสือจิ่นน้องสาวของพวกเราไปน่ะ!”
“พี่หวังอยากจะให้ฉันแต่งงานมากขนาดนั้นเลยหรือไง?”
“ไม่ใช่เพราะว่าฉันหวังหรือไม่หวัง ที่บ้านเธอน่ะ พวกเขาสามารถให้เธอโสดแบบนี้ได้หรือไง?” หยานชิงเจ๋อถอนหายใจ “ที่บ้านฉันก็เหมือนกันไง ปีใหม่นี้ถ้าหากว่าฉันไม่พาคนกลับไปด้วย เกรงว่าฉันก็คงจะถูกจัดแจงให้ไปดูตัวแล้วล่ะ……”
ซูสือจิ่นบีบโทรศัพท์มือถือแน่น “พี่ก็จะดูตัวหรือ?”
หยานชิงเจ๋อส่ายหน้า “ไม่ให้พวกเขาได้สมหวังหรอกนะ! เธอรอดูแล้วกัน รอให้ฉันกลับไปในครั้งหน้าก่อน จะไม่กลับไปคนเดียวแน่!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว ซูสือจิ่นสับสนมากขึ้นหลานส่วน เธอผ่อนลมหายใจออกมา “ชิงเจ๋อ พี่มีคนที่ชอบแล้วหรือไง?”
“อืม” นัยน์ตาของหยานชิงเจ๋อเป็นประกายมากขึ้นหลายส่วน มุมปากประดับรอยยิ้มขึ้นมาทันที “รอให้กลับไปอย่างมั่นคงก่อน แล้วค่อยถ่ายรูปให้พวกเธอดู”
“ได้” ซูสือจิ่นเบนสายตาหนี ก่อนจะส่งโทรศัพท์มือถือไปให้สือมูเฉิน “พี่เฉินคะ พี่จะคุยกับชิงเจ๋อไหมคะ?”
สือมูเฉินรับโทรศัพท์ไป ก่อนจะเอ่ยกับหยานชิงเจ๋อว่า “ชิงเจ๋อ วันนี้ตอนเช้าฉันส่งอีเมลไปหานายแล้ว นายลุกจากเตียงแล้วค่อยไปเปิดอ่านดูด้วยหน่อยแล้วกัน”
ทางด้านข้าง ฟู่สีเกอเห็นดังนั้นแล้ว จึงกระแทกเข้าที่ไหล่ของซูสือจิ่นไปมา “พี่เฉินเอาอีกแล้ว บ้างาน!”
เพียงแค่ พอเขาเอ่ยจบ รออยู่หลายวินาทีซูสือจิ่นก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบรับอะไรเลย เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเธอมากเสียหน่อย “นี่ ฉันว่านะข้าวผัดผัก เธอผีเข้าหรือไงน่ะ?”
“พี่สิผีเข้า!” ซูสือจิ่นจ้องเขาอย่างเขม็งไปทีหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวแล้วกลับไปที่เขตโซฟา ริมน้ำมาหนึ่งแก้ว ก่อนจะดื่มเข้าไปหลายอึกติดต่อกัน
ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว หนิงเฉิงยากที่จะมีอากาศดี ๆ เป็นอย่างมาก ดังนั้นแล้ว ทุกคนจึงไปรวมตัวกันเพื่อเล่นไพ่กันอีกครั้งบนสนามหญ้า
จนกระทั่ง ฟู่สีเกอถูกยุ่งในหญ้ากันเข้าจนเป็นตุ่มหลายตุ่มแล้ว เขาถึงลุกขึ้นยืนอย่างไม่ยินดีแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ยุ่งนี้มันแค้นอะไรกับฉันนักนะ? ทำไมถึงไม่กัดพวกนายแต่ว่ากลับมากัดฉันคนเดียวเนี่ย? ไป พวกเราเข้าไปเตรียมตัวกินหม้อไฟกันเถอะ!”
ในตอนนั้นเอง พระอาทิตย์ก็ค่อย ๆ ตกลงแล้ว ซูสือจิ่นเดินตามทุกคนเข้าไป ในจังหวะที่หมุนตัวกลับไปแล้วมองเห็นนั้นเอง จู่ ๆ หัวใจก็กระตุกครั้งหนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วบันทึกภาพถ่ายของพระอาทิตย์ตกเอาไว้
“สือจิ่น อารมณ์ไม่ดีหรือ?” สือมูเฉินสบตามองเธอครั้งหนึ่ง “วันนี้เธอดูผิดปกติไปนิดหน่อยนะ”
ซูสือจิ่นหัวเราะ “ไม่นี่คะ แค่ปรับเวลาไม่ได้นิดหน่อยน่ะค่ะ แค่รู้สึกเหนื่อย ๆ เท่านั้นเองค่ะ”
สือมูเฉินพยักหน้า “อืม ตอนเช้าเสี่ยวถางเขาจัดห้องเอาไว้แล้ว ถ้าอย่างนั้นแล้วคืนนี้เธอก็เข้านอนเร็ว ๆ หน่อยแล้วกันเนอะ” พูดจบ เขาก็สาวเท้าเดินออกไปแล้ว
“พี่เฉินคะ” จู่ ๆ ซูสือจิ่นก็เรียกเขาให้หยุดเอาไว้ “พวกเราสี่คน พี่บ้างานที่สุด แต่ทว่า กลับเป็นคนที่ละเอียดและใส่ใจที่สุด พี่สะใภ้แต่งกับพี่ จะต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอนค่ะ”
สือมูเฉินอดที่จะยิ้มไม่ได้ “ทำไม วันนี้รู้สึกเศร้าขึ้นมาแล้วหรือไง? บอกตามจริงเลยนะ ถ้าหากว่าเธอมีคนที่ชอบล่ะก็ ก็รีบ ๆ คบหากันเสีย เพราะว่านะ วันนั้นฉันไปประชุมที่ Su Group ได้ยินคุณลุงซูบอกว่า อาจจะให้มีการแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลเสิ่นด้วยล่ะ”
สีหน้าของซูสือจิ่นอดไม่ได้ที่จะเข้มขึ้นทันที “จริงหรือคะ?”
“อืม ในเมื่อพ่อของเธอก็พูดมาขนาดนั้นแล้ว เกรงว่าจะในเร็ววันนี้แล้วล่ะนะ” สือมูเฉินพูดไป ก่อนจะอดที่จะเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้ว่า “สือจิ่น เธอยังไม่มีคนที่ชอบจริง ๆ หรือ? มักจะรู้สึกนะว่าเธอหลายปีมานี้ มักจะเที่ยวเล่นมากกว่าหญิงสาวคนไหน ๆ แต่ทว่า ก็ราวกับว่าจะดูจริงใจมากกว่าใครด้วยเหมือนกัน”
“ไม่นี่คะ” ซูสือจิ่นส่ายหน้า “ฉันไม่มีคนที่ชอบหรอก ฉันก็แค่ชอบอิสระก็เท่านั้นเองค่ะ”
“เอาเถอะ อีกอย่างสถานการณ์ก็เป็นแบบนี้แล้ว ถ้าหากว่าต้องการความช่วยเหลือ จำเอาไว้เลยนะว่าสามารถบอกพวกเราได้ในทันทีเลย” สือมูเฉินเอ่ย “ฉันกับสีเกออยู่ในประเทศ สามารถช่วยเหลือเธอได้ตลอดเวลา หยานชิงเจ๋ออยู่ไกล ถ้าหากเธอมีเรื่องขึ้นมา เขาก็ไม่สามารถที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยได้หรอกนะ”
ซูสือจิ่นได้ยินสือมูเฉินเอ่ยถึงหยานชิงเจ๋อ เธอจึงอดที่จะขบเม้มริมฝีปากไม่ได้ เนิ่นนาน ถึงจะผ่อนคลายลง “ค่ะ พวกเราเข้าไปกันเถอะ อย่าให้พี่สะใภ้เข้าใจผิดเลยว่าพวกเราแอบคุยอะไรกันอยู่”
หลานเสี่ยวถางเป็นเพราะรู้ว่าคนเยอะ ดังนั้นจึงซื้อหม้อไฟยวนยางมาเพิ่มหนึ่งหม้อก่อนหน้านี้แล้ว
ครึ่งหนึ่งเป็นซุปแดงครึ่งหนึ่งเป็นซุปขาว รสชาติที่ไม่เหมือนกันสามารถทานได้อย่างจุใจ
หลานเสี่ยวถางเป็นเพราะว่าสองวันมานี้เป็นวันหยุดราชการพอดี กลัวว่าจะทานเผ็ดแล้วท้องเสีย ดังนั้นแล้วจึงนั่งทางฝั่งซุปสีขาว เฉียวโยวโยวเป็นคนที่ชอบทานเผ็ด ในตอนที่เธอพึ่งนั่งลงไปนั้นเอง ฟู่สีเกอก็นั่งลงไปที่ทางด้านข้างของเธอแล้ว นั่งตรงหน้าหม้อไฟที่กำลังเดือดทั้งสอง “ฉันชอบเครื่องปรุงของไห่ตี่เลามาก วันนี้สุดยอดไปเลย!”
เดิมฟู้เจียนปอกะว่าจะไปนั่งที่ตรงนั้น แต่ทว่าผลลัพธ์คือที่นั่งทางด้านข้างของเฉียวโยวโยวก็ถูกซูสือจิ่นยืดไปเสียแล้ว อดไม่ได้ที่จะหมดคำจะพูดแล้วเล็กน้อย จึงทำได้เพียงแค่นั่งอยู่ทางด้านข้างของซูสือจิ่นแทน
ในตอนนั้นเอง สือมูเฉินหยิบเหล้ามา ก่อนจะหันไปเอ่ยกับทุกคนว่า “วันนี้เป็นคนกันเองกันทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจอะไรมาก กินเล่นให้เต็มที่! แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าจะดื่มมากแล้วจะกลับบ้านไม่ได้หรอกนะครับ เพราะว่าวันนี้เสี่ยงถางจัดแจงห้องหับเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทุกคนมีที่พักกันทั้งหมดแล้วล่ะ”
ฟู้เจียนปอได้ยินประโยคนี้เข้า นัยน์ตาจึงอดไม่ได้ที่จะเป็นประกายออกมาครู่หนึ่ง
หลังจากที่กลับประเทศมา เขายังไม่เคยไม่อาศัยอยู่ร่วมกันกับเฉียวโยวโยวจริง ๆ เลยสักครั้งเดียว
เป็นเพราะว่าเริ่มแรกเฉียวโยวโยวพักอยู่ที่โรงพยาบาล รออย่างไม่ง่ายเลยกว่าจะรอให้เฉียวโยวโยวออกมาจากโรงพยาบาล แม่ของเขาก็มาอีก
ในเมื่อทั้งสองคนยังไม่ได้แต่งงานกัน ดังนั้นแล้ว มีผู้อาวุโสในบ้านอยู่ เขาย่อมไม่สามารถเดินเข้าออกในห้องพักของเฉียวโยวโยวได้อย่างสะดวกนัก
ดังนั้นแล้ว ในสองสามวันนี้ เฉียวโยวโยวนั้นพักอยู่กับแม่ของเขาตลอดเลย
แต่ทว่าวันนี้……
ฟู้เจียนปอหยิบเหล้าขึ้นมาดื่มหนึ่งอึก ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง
“ถ้าอย่างนั้นแล้วฉันก็จะอยู่ด้วย!” ในตอนนั้นเอง ฟู่สีเกอก็เอ่ยปากขึ้นมา “ถึงแม้ว่าบ้านฉันก็อยู่ในเขตเล็กนี่เหมือนกัน แต่ว่าฉันก็จะอยู่กับพวกนายด้วย!”
สือมูเฉินไม่สนใจเขา หลานเสี่ยวถางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ได้สิคะ ไม่มีปัญหาเลย ประเดี๋ยวฉันจะไปเตรียมห้องอีกห้องหนึ่งก็โอเคแล้วล่ะ”
คนหนุ่มสาวนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน ครึ่งแรกก็ดูเหมือนว่าจะรับประทานกันจริง ๆ อยู่หรอก แต่ทว่า เมื่อมาถึงครึ่งหลังแล้ว ก็เริ่มที่จะดวลเหล้ากันแล้ว
วันนี้ อารมณ์ของซูสือจิ่นในช่วงบ่ายไม่ค่อยจะดี จึงหยิบแก้วเหล้าขึ้นมา ก่อนจะหันไปเอ่ยกับฟู่สีเกอว่า “พี่สีเย็น วันนี้กล้าที่จะดวลกับฉันหรือเปล่า?”
“เหอะ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงกล้าหาญ ฉันยังต้องกลัวอะไรอีกงั้นหรือ?” ฟู่สีเริ่มเหล้าให้กับตนเองจนเต็มแก้ว “สู้แค่ตาย!”
พูดไป เขาก็ยื่นหน้าเข้าไปหาทั้งสองคน ก่อนจะหันไปเลิกคิ้วใส่ฟู้เจียนปอ “ฟู้เจียนปอ ดูจากท่าทางหนอนหนังสือของคุณแล้ว ดื่มเหล้าเป็นหรือเปล่าครับเนี่ย?”
แผ่นหลังของฟู้เจียนปอตั้งตรงขึ้นมาในทันที “ผมก็จะสู้แค่ตายครับ!”