ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 177 ตกหลุมรักคุณ ก็เท่ากับตกหลุมรักความอ้างว้าง
ก็ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นการแข่งขันกันอยู่หรือเปล่า ฉะนั้นในตอนท้ายของการดื่ม นอกจากสือมูเฉินกับหลานเสี่ยวซินที่ยังได้สติอยู่ คนอื่นๆที่เหลือก็ดื่มกันจนเมามายแล้ว
ในนั้น ฟู่สีเกอที่ดูคึกคักที่สุด เขาลุกขึ้นยืน เดินมาที่เคาน์เตอร์บาร์ข้างๆห้องรับแขกแล้วพูดว่า : “อาเฉิน เครื่องเสียงดีหรือเปล่า? มาร้องเพลงกันไหม?”
สือมูเฉินลุกขึ้น นำเครื่องเสียงมาเชื่อมต่อดีแล้ว ก็ให้หลานเสี่ยวถางปรับแสงไฟที่เคาน์เตอร์บาร์เล็กน้อย แล้วกล่าวว่า : “อย่างนี้ได้ไหม?”
“โอเค!” ฟู่สีเกอพยักหน้า : “ทุกคนมาฟังเจ้าชายแห่งบทเพลงรักร้องเพลงให้พวกคุณฟังสักสองสามเพลงกันเถอะ!”
พูดจบเขาก็หยิบรีโมตคอนโทรลขึ้นมา แล้วเริ่มกดเลือกเพลง
ซูสือจิ่นที่อยู่ข้างๆเห็นฟู่สีเกอกดเลือกเพลงอยู่หลายเพลง ก็อดไม่ได้ที่จะไปแย่งรีโมตมา : “ฉันยังไม่ได้ร้องเลยนะ!”
“ได้ พวกบ้าไมค์!” ฟู่สีเกอเห็นว่าบทเพลงแรกดังขึ้นแล้ว ฉะนั้นจึงนั่งลงตรงเคาน์เตอร์บาร์ แล้วหยิบไมค์ขึ้นมาเริ่มร้องเพลง
ปกติแล้วน้ำเสียงของเขาค่อนข้างใส แต่เพราะว่าวันนี้ดื่มเหล้าเข้าไป น้ำเสียงจึงแหบพร่าเล็กน้อย จนกระทั่งรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของการผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ภายใต้แสงไฟ เดิมทีใบหน้าของเขาที่หล่อเหลาอยู่แล้วก็ดูลึกซึ้งยิ่งขึ้น กระทั่งหลานเสี่ยวถางยังอดไม่ได้ที่จะอุทานกับสือมูเฉินว่า : “สีเกอหล่อจริงๆเลย!”
สือมูเฉินหรี่ตามอง : “ระวังเถอะคืนนี้ฉันจะลงโทษคุณ!”
หลานเสี่ยวถางเลิกคิ้ว : “ฉันกำลังอยู่ในภาวะคับขัน นอกเสียจากคุณอยากจะต่อสู้อย่างนองเลือด”
สือมูเฉินบีบแก้มของเธอเล็กน้อย : “ดีมาก วันนี้จะจดบัญชีไว้ก่อน รอคุณหายดีแล้ว จะคิดคืนเป็นสองเท่าเลย!”
หลานเสี่ยวถางหดคอกลับ บีบขาสองข้างเข้ากันแน่นโดยจิตใต้สำนึก รู้สึกเย็นสันหลังวาบ
เฉียวโยวโยวหยิบเครื่องดื่มมาหนึ่งแก้ว มองไปทางฟู่สีเกอที่อยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์บาร์
ถึงแม้ก่อนหน้านี้เธอจะพยายามคลุกคลีกับเขาให้น้อยลง แต่เธอจำต้องยอมรับเลยว่า ฟู่สีเกอเวลานี้ รูปร่างหน้าตาเหมือนกับชายหนุ่มรูปงามในอุดมคติตอนช่วงชีวิตวัยรุ่นเลย
แต่เพราะว่าต่อมาฟู้เจียนปอตามจีบเธอ อีกทั้งเธอไปสร้างเรื่องวุ่นวายข้างนอกอยู่หลายครั้ง เขาก็เป็นแพะรับบาปแทนเธอ เวลาค่อยๆผ่านไป เธอก็ถูกเขาทำให้ประทับใจ หลังจากนั้นก็ชอบเขา
ดูเหมือนจะพบว่าเฉียวโยวโยวกำลังมองตนเองอยู่ ฟู่สีเกอที่กำลังร้องเพลงอยู่ ทันใดนั้นก็หันมองไปทางเฉียวโยวโยว
เมื่อทั้งคู่สบสายตากัน เธอจึงรีบหันมองไปทางอื่น เขาเลยยิ้มออกมา : “สาวๆเสียดายไหมล่ะที่มีแฟนเร็วขนาดนั้น?”
ซูสือจิ่นเบ้ปาก : “พี่สีเย็น พอเถอะน่า! คุณอย่าวางยาสาวใสไร้เดียงสาของเราเลย!”
เวลานี้ฟู่สีเกอก็เริ่มร้องเพลงต่อ
เดิมทีเฉียวโยวโยวก็ไม่อยากฟังหรอก แต่ก็ถูกเสียงเพลงของเขาดึงดูดความสนใจอีกครั้งโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าเธอจะได้ยินร่องรอยของความโศกเศร้าอยู่ในน้ำเสียงของเขา
ในใจเธอหวั่นไหวเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะมองไปยังฟู่สีเกอ คิดอยู่ในใจว่า เขานึกถึงแฟนสาวคนนั้นของเขาที่ไม่อยู่แล้วใช่ไหม?
“โยวโยว” ฟู้เจียนปอพูดข้างๆหูว่า : “คุณอยากร้องเพลงไหม? เรามาร้องเพลง 《Becauase Of Love》กันสักเพลงไหม?”
เฉียวโยวโยวได้สติกลับมา แล้วยิ้มๆให้เขา : “โอเค คุณไปเลือกเพลงเถอะ!”
ฟู่สีเกอร้องจบแล้ว ก็กลับมานั่งที่โซฟาคนเดียว หยิบขวดไวน์ขึ้นมารินไวน์ให้ตัวเอง และเวลานี้ ซูสือจิ่นก็เดินมาถึงหน้าเคาน์เตอร์บาร์แล้ว
เมื่อเสียงเพลงดังขึ้น เธอก็เอนพิงอยู่กับเคาน์เตอร์บาร์ ในชั่วพริบตา หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าท่าทีของเธอดูเปลี่ยนไป
เสียงของซูสือจิ่นใสมาก เดิมทีเพลงนี้ไม่เหมาะกับเธอเลย แต่เมื่อเธอเริ่มร้องออกมา ก็มีความกลมกลืนเข้ากันได้ดีอย่างไม่สามารถอธิบายได้ : “คืนที่หนาวเหน็บของฤดูใบไม้ร่วง ผ่านไปพร้อมกับใบไม้ที่ร่วงหล่นลง กี่ปีมาแล้ว ที่พระอาทิตย์ขึ้นแต่ดวงจันทร์ไม่หวนกลับมากาลเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว หยาดฝนที่เยือกเย็น ตกลงมาบนมืออุ่นๆของฉัน กี่หยดน้ำตา ที่ไหลอาบแก้มไม่หยุด”
“ร้องเพลงเพราะจัง!” เฉียวโยวโยวพูดอยู่ข้างๆหลานเสี่ยวถาง : “เสี่ยวถาง คนรอบข้างสามีคุณเป็นคนมีความสามารถหมดเลยนะ!”
หลานเสี่ยวถางหัวเราะ : “แต่คนรอบข้างฉันก็ไม่เลวนะ คุณลืมไปแล้วเหรอ ก่อนหน้านี้ที่คุณร้องเพลงก็ถูกคนชื่นชมแบบนั้น!”
เฉียวโยวโยวหัวเราะ : “แต่สองปีนี้ที่อยู่ต่างประเทศ ไม่ค่อยได้ร้องเพลงเลยจริงๆ”
พอดีนึกอะไรขึ้นได้ เธอจึงกระซิบข้างๆหูหลานเสี่ยวถางว่า : “เสี่ยวถาง คืนนี้ฉันไม่อยากอยู่ห้องเดียวกันกับเจียนปอ คุณบอกได้ไหม ว่าคืนนี้คุณต้องการจะพูดคุยกับฉัน หลังจากนั้นเราจะได้อยู่ด้วยกันได้ไหม?”
หลานเสี่ยวถางแปลกใจเล็กน้อย : “หลังจากที่เขากลับประเทศมา พวกคุณยังไม่เคยทำอย่างนั้นกันเลยเหรอ?
เฉียวโยวโยวพยักหน้า สูดหายใจเข้าอย่างยากลำบากเล็กน้อย : “ฉันก็รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นไม่ช้าก็เร็ว แต่ฉันยังต้องการเวลาที่จะยอมรับสิ่งเหล่านั้นของเขาสักหน่อย”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า : “โอเค คุณวางใจเถอะ ฉันจะจัดการให้”
และที่ข้างๆบาร์ ซูสือจิ่นกำลังมองไปด้านหน้า ดูเหมือนกำลังมองใครคนหนึ่งผ่านทางด้านหน้านั้น : “ความฝันของฉัน ที่ถูกซ่อนลึกไว้ในใจ ข้างในนั้นคือภาพฝันอันแสนสุขที่ล้วนแต่เป็นเธอและฉัน แต่เธอกลับบอกว่ามันไกลเกินไป แค่ความฝันมันคงไม่พอ เธอยังต้องการระยะห่าง เพื่อให้เราได้ต่างฝ่ายต่างเสาะหาความสุขกันอีกสักครั้ง……”
ที่บนโซฟา ฟู่สีเกอหรี่ตา เขามองไปที่ซูสือจิ่น จากนั้นก็วางแก้วไวน์ในมือลง หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอ
เปิดวีแชต จากนั้นฟู่สีเกอก็ส่งวิดีโอให้หยานชิงเจ๋อ : “ดูสิ สาวน้อยโตแล้ว พวกเราก็แก่กันแล้วใช่ไหม?”
อีกด้านหนึ่งของมหาสมุทร หยานชิงเจ๋อผู้ซึ่งถูกปลุกให้ตื่นขึ้นและไม่สามารถกลับไปนอนต่อได้ จึงกดคลิกที่มือถือและดาวน์โหลดวิดีโอ
———หนังสือยอดนิยมที่สุด ที่ได้รับความสนใจในการค้นหาบนวีแชต [樱桃阅读] โหลดเลยจะได้ไม่พลาด———
ได้ยินเสียงอันมีชีวิตชีวาของเด็กผู้หญิงที่อยู่ด้านในดังขึ้น: “แค่อยากได้ยินคุณพูดอีกว่า คุณเต็มใจจะรักฉัน ตราบชั่วฟ้าดินสลาย สุดปลายศตวรรษ แค่อยากได้ยินเธอพูดจริงๆ ว่าฉันเป็นอะไรในใจของเธอ ให้คำตอบฉันสักคำ มันจะเป็นการขอร้องที่มากเกินไปหรือเปล่า……”
ริมฝีปากที่งดงามของเขาค่อยๆยกยิ้มขึ้น กล่าวตอบกลับฟู่สีเกอว่า: “สือจิ่นคงไม่ได้ตกหลุมรักใครเข้าแล้วใช่ไหม?”
ฟู่สีเกอกล่าวตอบกลับว่า: “สวรรค์รู้ดีว่า เด็กคนนี้ปากแข็งขนาดนั้น พวกเราไม่มีทางถามอะไรได้หรอก”
หยานชิงเจ๋อกล่าวว่า: “อืม ให้เธอบอกมา ถ้ามีใครแล้วจริงๆ กลับไปก็ให้พาออกมา พี่ชายสองสามคนจะช่วยตรวจสอบ”
เวลานี้ ซูสือจิ่นที่นั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ไม่รู้ถึงหัวข้อสนทนาที่หยานชิงเจ๋อกำลังพูดคุยโดยสิ้นเชิง เธอจับไมโครโฟน หลับตาแล้วส่งเสียงร้องเพลง: “เรือนร่างคุ้นเคยที่ยากจะลืมเลือน เฝ้ารอให้โอบกอดฉันให้แน่นอีกครั้ง แต่คุณไม่ยอมหันหลังกลับ แค่อยากฟังคุณพูดอีกครั้งว่า เต็มใจที่จะรักฉันต่อไป แต่คุณกลับก้มหน้า แล้วเงียบไม่พูดจา”
ฟู่สีเกอที่เพิ่งตอบกลับข้อความเสร็จ ก็เงยหน้าขึ้น หยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้งแล้วบันทึกต่อ และนำช่วงตอนสุดท้ายส่งให้หยานชิงเจ๋อ
หยานชิงเจ๋อยิ้มอย่างจนใจ แล้วกดเปิดอีกครั้ง
ในหน้าจอ ทันใดที่เด็กผู้หญิงลืมตา ในชั่วพริบตานั้น คาดไม่ถึงว่าเขาจะรู้สึกว่าเธอกำลังมองเขา ร้องเพลงให้เขา: “แค่อยากได้ยินเธอพูดจริงๆ ขอร้องคุณอย่าหลบลี้หนีหน้าอีกเลย เพิ่งรู้ว่าการตกหลุมรักคุณ เท่ากับการตกหลุมรักความอ้างว้าง เพิ่งรู้ว่าการตกหลุมรักคุณ เท่ากับการตกหลุมรักความเดียวดาย……”
ที่เคาน์เตอร์บาร์ ซูสือจิ่นวางไมโครโฟนลง เดินไปยังบริเวณโซฟาแล้วหยิบน้ำผลไม้ดื่ม วันนี้ดื่มเหล้าไปไม่น้อย ถึงแม้ความสามารถในการดื่มเหล้าของเธอจะดี เพียงแต่ ร้องเพลงจบไปเพลงหนึ่งแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย
เวลานี้ ฟู่สีเกอยื่นมือถือมายังตรงหน้าของเธอ ยิ้มแล้วกล่าวว่า: “คุณดูสิ ฉันนำวิดีโอของคุณให้ชิงเจ๋อดู เขาบอกว่า ท่าทีที่คุณร้องเพลงในช่วงสุดท้ายนั้น สายตาที่จ้องมองตรงมาข้างหน้า ทำให้เขาตกใจแทบแย่ ถ้าไม่รู้ว่าคุณกำลังร้องเพลงอยู่ที่บ้านอาเฉิน เขายังจะคิดว่า เนื้อเพลงนั้นที่คุณร้องเมื่อกี้นี้ คือกำลังร้องให้เขาฟัง!”
“เพล้ง!” แก้วน้ำที่อยู่ในมือของซูสือจิ่น ลื่นตกลงบนพื้น แตกจนกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยหลายชิ้น เมื่อแสงตกกระทบจึงเป็นประกายระยิบระยับ คล้ายกับถูกเคลือบเงาไปทั่วทั้งพื้น
หลานเสี่ยวถางได้ยินเสียงที่ดังขึ้นจึงรีบเข้ามา: “ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ขอโทษนะคะ เมื่อกี้ฉันเวียนหัว…..” ซูสือจิ่นสีหน้าซีดขาวเล็กน้อย
หลานเสี่ยวถางส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า: “ไม่เป็นไร รีบไปนั่งพักข้างๆก่อนเถอะ ฉันจัดการเอง”
ซูสือจิ่นไม่ได้ดึงดัน เธอนั่งลงบนโซฟา ถอดรองเท้า งอเท้าขึ้น แล้วกอดเข่าเอาไว้
ข้างหูของเธอยังดังก้องไปด้วยคำพูดเมื่อกี้ของฟู่สีเกอ
เขาบอกว่า หยานชิงเจ๋อคิดว่า เนื้อเพลงท่อนนั้นคือร้องให้เขาฟัง
เธอตัวสั่นเล็กน้อย ความรู้สึกมากมายลอยขึ้นมาภายในใจ แต่เธอเข้าใจดีว่า ตอนที่หยานชิงเจ๋อพูดประโยคนี้ ก็เพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น
เธอหลับตา ฝืนยิ้มมุมปาก
หลานเสี่ยวถางเก็บเศษแก้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็ขึ้นไปร้องเพลงกันต่ออีกสองสามเพลง จากนั้น ฟู่สีเกอก็ตาเป็นประกาย ทันใดก็กล่าวเสนอขึ้นมาว่า: “พวกเรามาเล่นเกมกันหน่อยไหม!”
“เกมอะไร?” ซูสือจิ่นปรับอารมณ์ดีแล้ว ก็เงยหน้าขึ้นมา
“เกมดับไฟ” ฟู่สีเกอหรี่ตามอง กวาดสายตาไปยังทุกคน: “เดี๋ยวจะมีคนหยิบรีโมต ปิดไฟที่อยู่ในห้องทั้งหมด ปิดไฟหนึ่งนาที ในหนึ่งนาทีนี้ พยายามกลั่นแกล้งคนอื่นๆให้มากที่สุด แน่นอนว่า ถ้าคนยิ่งมาก ก็ยิ่งสนุก เพียงแต่พวกเรานำมาเล่นกัน ก็ค่อนข้างน่าสนใจนะ!”
เขาพูดพลาง ชี้ไปยังขนมเค้กบนโต๊ะที่เฉียวโยวโยวนำมา: “ตัวอย่างเช่น อีกเดี๋ยวถ้าเปิดไฟ อาจจะมีคนที่หน้าเต็มไปด้วยครีมเค้ก แล้วก็อาจจะ มีคนถูกเบียร์ราดใส่จนเป็นหมาตกน้ำก็ได้…..”
หลานเสี่ยวถางยิ้มมุมปาก: “ฉีเกอ คุณอยากจะลงมือกับใคร ที่ปกติแล้วไม่กล้า เลยใช้โอกาสนี้เพื่อแก้แค้นหรือเปล่า?”
ฟู่สีเกอมองไปยังสือมูเฉินแล้วเลิกคิ้ว: “อาเฉิน กล้าไหมล่ะ?”
“แน่นอน” สือมูเฉินกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
“ดี อย่างนั้นก็เล่นกันเลย!” ฟู่สีเกอหยิบรีโมตบนโต๊ะส่งให้หลานเสี่ยวถาง: “เสี่ยวถาง คุณมาปิดไฟเถอะ แบบนี้คุณจะได้หลบได้เร็วหน่อย เกรงว่าอีกเดี๋ยวคุณถูกฉันทาครีมเค้กเข้า แล้วพี่เฉินจะมาคิดบัญชีกับฉัน”
หลานเสี่ยวถางรับรีโมต แล้วกล่าวกับทุกคนว่า: “โอเค ทุกคนมายืนตรงกลางของบ้านนะ พร้อมแล้วหรือยัง? เตรียมตัว! สาม สอง หนึ่ง! ดับไฟ!”
ตามการกดรีโมตที่อยู่ในมือของเธอ ทันใด ในสายตาก็มืดสนิท
และในชั่วพริบตาที่วิสัยทัศน์การมองเห็นได้หายไป หลานเสี่ยวถางก็รู้สึกได้ถึงลมที่จู่โจมเข้ามาที่ตนเองอย่างรวดเร็ว เธอนึกถึงฟู่สีเกอที่บอกว่าจะทาหน้าของเธอด้วยครีมเค้ก จึงอดไม่ได้ที่จะตกใจ
เพียงแต่ วินาทีต่อมา อีกฝ่ายออกแรง ดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอด โอบกอดปกป้องเธอเอาไว้แน่น
หลานเสี่ยวถางได้กลิ่นที่คุ้นเคย ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก
เพียงแต่เธอก็ไม่เข้าใจเล็กน้อยว่า ลมที่พัดมาอย่างรวดเร็วนั้นหายไปไหนแล้ว?
เฉียวโยวโยวที่เดิมทีอยู่ข้างๆฟู้เจียนปอ ชั่วพริบตาที่ไฟดับลง ทันใดก็ตกใจ แล้วรีบเดินไปยังอีกด้านหนึ่ง
และในเวลานี้ ก็มีลมพัดมายังเธอ จากนั้น ก็มีคนดึงข้อมือของเธอ พาเธอออกไปห่างจากตำแหน่งของฟู้เจียนปอ
เธอตกใจ จนแทบจะส่งเสียงร้องออกมา แต่วินาทีต่อมา มือของเธอถูกยกขึ้น คนคนนั้นบังคับให้เธอคลำไปที่ติ่งหูของเขา
บริเวณนั้นมีของแข็งที่นูนขึ้นมาเล็กน้อย เฉียวโยวโยวรู้ได้ทันทีว่าคือใคร
ดูเหมือนว่าฟู่สีเกอจะใส่ต่างหูเพชรแบบนี้