ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 179 ถ้าไม่อย่างนั้น ก็เลิกเขา แล้วก็มาอยู่กับผม
ในขณะที่พูดนั้น เขาก็ได้เดินไปยังที่ระเบียงทั้งสองที่เชื่อมติดกัน
สถานที่นั้นกว้างเพียงแค่ 10 เซนติเมตร และยาว 3 เมตรกว่า ถ้าหากกระโดดข้ามไป เห็นได้ชัดว่าระยะห่างมันไกลมาก
แต่ถ้าเดินไปละก็ 10 เซนติเมตรอันที่จริงมันเทียบเท่ากับความกว้างของเท้าเท่านั้น ถ้าเหยียบพลาดไป แน่นอนว่าคงตกลงไปอยู่กับพื้น
ชั้น 3 เป็นเพราะว่าเป็นคฤหาสน์ เดิมทีมันก็สูงอยู่แล้ว สูง 10 เมตรได้ ถ้าคนปกติตกลงไปละก็ ไม่ตายก็ต้องพิการอย่างแน่นอน
พอเฉียวโยวโยวเห็นก็ตกใจกลัวอย่างมาก รีบทำไม้ทำมือและพูดว่า : “ คุณอย่าไปนะ ! มันอันตรายเกินไป ! เสี่ยวถางยังไม่หลับ คุณไปเคาะประตูของเธอและให้เธอเอากุญแจมาเปิดประตูห้องของฉันก็ได้แล้ว !”
แต่ทว่าฟูสีเกอไม่ได้ฟังสิ่งที่เธอพูดเลย ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยความฮึกเหิมและราวกับว่าความรู้สึกเร้าใจแบบนี้มันเป็นโยชน์ที่มาได้พอดิบพอดีเลย
เขาเหยียบความกว้าง 10 เซนติเมตรที่เชื่อมต่อกัน ฝีเท้าก็ค่อยๆโยกย้ายมาทีละนิด และก็ค่อยๆเข้าใกล้เฉียวโยวโยว
ในขณะนั้น ก็มีเมฆเป็นชั้นๆบดบังแสงจันทร์เอาเล็กน้อย ในชั่วพริบตาเดียว เฉียวโยวโยวคิดว่าฟูสีเกอหายไปแล้ว และทำให้เธอตกใจกลัวมากจนขาอ่อนแทบจะล้มลงไปนั่งอยู่กับพื้น
แต่วินาทีต่อมา ต่างหูของเขาก็ได้มีการหักเหกับกับแสง และเมฆเป็นชั้นๆก็ถูกลมพัดออกไปอีกครั้ง แสงที่เจิดจ้าของดวงจันทร์ก็สาดลงมาอย่างไม่คาดคิด
เฉียวโยวโยวจ้องมองไปที่ฟูสีเกอ ความรู้สึกช่วงเวลาที่แสงจันทร์สาดส่องลงมาที่แก้มของเขา ทำให้นึกถึงบทกวีหนึ่งในอินเทอร์เน็ตที่กล่าวขานกันว่า : “ งดงามดั่งหยก ไม่อาจมีชายใดเทียบได้ ”
เมื่อเธอเพิ่งจะคิดประโยคนี่ออก ทันหลังจากนั้น ก็ถุยทิ้งในใจของตัวเองอีกครั้ง และคาดไม่ถึงว่าจะถูกรูปลักษณ์ภายนอกของฟูสีเกอทำให้สับสนไปชั่วขณะ ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ !
ความรู้สึกในใจของเธอที่กำลังปลิวว่อน ทันใดนั้นฟูสีเกอก็กระโดดเข้ามาหาเธอพร้อมกับลมที่พัดเข้ามา
เขาราวกับกลายเป็นนักมายากลที่มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าของเธอ และยักคิ้วให้เธอ : “ เห็นไหม ก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไรเป็นอะไรแน่นอน !”
เธอพูดด้วยความโกรธเคือง : “ ถ้าหากว่าตกลงไปจริงๆจะทำยังไง ? ฟูสีเกอ อายุของคุณก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วนะ ทำไมยังทำตัวเหมือนกับเด็กๆในสมัยเรียนอยู่อีก ? ถ้าหากว่าตกลงไปจริงๆแล้วพ่อแม่ของคุณจะเสียใจมากแค่ไหนกัน !”
เขารอให้เธอบ่นและสั่งสอนเขาจนเสร็จ จากนั้นเขาก็ดึงเธอขึ้นมาจากบนเก้าอี้
เป็นเพราะว่าเฉียวโยวโยวดื่มเหล้ามา ด้วยความกะทันหันแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่มั่นคง เธอที่กำลังจะพูดกับเขา ทันใดนั้นฟูสีเกอก็เปิดชุดคลุมนอนออก จากนั้นก็ดึงตัวเธอมาห่ออยู่ในอ้อมกอด
ในชั่วพริบตานั้นความอบอุ่นและลมหายใจที่ดีงามของผู้ชายนี้ก็ทำให้เธอเกร็งไปทั้งตัว เดิมทีคำพูดที่หมุนกลิ้งออกมาอยู่ตรงลิ้นและจู่ๆก็ติดอยู่ตรงนั้นพูดไม่ออก
เฉียวโยวโยวเงยหน้ามองฟูสีเกอ และเขาก็ก้มลงมองแววตาของเธอ พร้อมกับน้ำเสียงที่ยังคงหยอกล้อยู่ : “ ยังอยากจะสั่งสอนอะไรอีก ป้าโยวโยว ?”
“ ป้า ? !” ดวงตาที่กลมโตของเธอ : “ นี่คุณอยากจะบอกว่าฉันแก่อย่างนั้นหรอ ? !”
ฟูสีเกออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาและพูดอย่างได้ใจว่า : “ ถ้าไม่อย่างนั้นก็ น้องโยวโยว ?”
เธอเหยียบไปที่เท้าของเขา : “ พูดจาให้มันดีๆหน่อย !”
“ ครับ ” ฟูสีเกอยืมแสงจันทร์มองไปยังเธอ : “ ถ้าให้พูดดีๆก็คือตอนนี้ยังหนาวอยู่ไหม ?”
ในชั่วพริบตาเฉียวโยวโยวก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นผิดปกติไป เธอรู้สึกร้อนที่ผ่าวแก้มเล็กน้อย จากนั้นก็ตระหนักถึงระยะห่างของทั้งสองคน และยื่นมือดันเขาออก : “ ใครให้คุณยุ่งเรื่องคนอื่นละ ?”
“ คุณไม่สบายอยู่ที่บ้านของเสี่ยวถาง แล้วเสี่ยวถางก็ยังเป็นภรรยาของเพื่อนผมที่รู้จักกันมาตั้งแต่เดกๆ แบบนี้ ผมก็ต้องมีความรับผิดชอบอยู่บ้าง ” ฟูสีเกอที่พูดกึ่งเล่นกึ่งจริง : “ อีกอย่าง พวกเราสองคนก็มีความสัมพันธ์ระหว่างกันไม่ใช่หรอ ?”
เธอพูดด้วยความโกรธเคือง : “ คุณจะใช้โอกาสนี้เพื่อฉวยโอกาสฉันมาใช่ไหม ? ผู้ชายอย่างพวกคุณไม่ใช่คนดี !”
ฟูสีเกอหัวเราะ และเขาก็กอดเฉียวโยวโยวแน่นขึ้น : “ ผมเห็นว่าคุณหนาว กลัวว่าคุณจะไม่สบาย ก็เลยมาช่วยให้ความอบอุ่นกับคุณ ยังไม่ใช่เรื่องดีอีกหรอ ?”
เธอก็ไม่ได้พูดอะไร เมื่อกำลังจะละสายออก ก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าบนร่างกายของฟูสีเกอนอกจากกางเกงในแล้วก็มีชุดคลุมนอน แล้วเขาก็ได้เปิดชุดคลุมนอน กอดเธอ และเธอก็แทบจะแนบติดกับร่างกายที่เปลือยเปล่าของเขา
ทันใดนั้น ก็รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกนับครั้งไม่ถ้วนจนแทบบ้า ลมหายใจที่อยู่ในเลือดก็แตกกระเจิงมาพร้อมอุณหภูมิที่ร้อนมากที่ไม่สามารถจะบรรยายได้ จากเดิมทีที่เธอรู้สึกหนาว คาดไม่ถึงเลยว่าเพียงแค่แป๊บเดียวเหงื่อก็ออกในทันที
“ มันร้อนมาก คุณปล่อยฉันได้แล้ว ” เฉียวโยวโยวพบว่า น้ำเสียงของตัวเองที่ออกมานั้นจะเหมือนกับว่ากำลังออดอ้อน
“ที่แท้การให้ความอบอุ่นของผมผลลัพธ์ที่มันดีขนาดนี้นี่เอง ?” ฟูสีเกอก็ยิ้มมุมปากและก็ไม่มีทางที่จะปล่อยไม่เลย
สายตาของเขาที่ก้มลงมองเธอ เห็นเธอที่หันหน้าหนี ดังนั้น ริมฝีปากของเขาก็เข้าไปใกล้กับริมหูของเธอ : “ เรื่องที่ผมพูดกับคุณตอนที่ปิดไฟ คิดได้บ้างยัง ?”
เฉียวโยวโยวที่ได้ยินเขาพูดขึ้นเรื่องตอนที่ดับไฟ ในดวงตาก็มีไฟรุกขึ้นมา : “ คุณยังกล้าพูดอีกหรอ ทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะฉัน !”
เธอเอื้อมมือไปหยิกที่เอวของฟูสีเกอ แต่ทว่าพอหยิกไปได้สักแป๊บก็พบกว่าเขาไม่มีอะไรที่มาปกปิดกล้ามเนื้อของเขาเลย และจู่ๆก็รู้สึกว่าปลายนิ้วของฉันร้อนขึ้นมาในทันที
“ ลืมแล้วหรอเรื่องที่ผมเคยพูดกับคุณ ?” ฟูสีเกอเข้าไปใกล้เฉียวโยวโยวแล้วก็เลียหูของเธอ จากนั้นก็เป่าลมหายใจที่ร้อนอีกหนึ่งครั้ง และทันใดนั้นเธอก็เกร็งไปทั้งร่างกาย
เขาก็หัวเราะอย่างลำพองใจ : “ ว่ายังไง ไม่อย่างนั้นก็เลิกกับเขา ?”
ในใจของเฉียวโยวโยวก็รู้สึกอัดอั้นตันใจเล็กน้อย
เขาปีนข้ามมายังที่ของเธอขนาดนี้ แล้วก็ยังลงไม้ลงมือยั่วยุเธอขนาดนี้ มันชัดเจนว่านี่กำลังเย้าเล่นกับเธอ ลองคิดเรื่องนี้ดูแล้ว ลูกคุณหนูอย่างฟูสีเกอแบบนี้ จะจริงใจแค่ไหนกัน ?
”
สีหน้าของเธอเงียบขรึมลง และเงยหน้าขึ้นพูดอย่างจริงจัง : “ เรื่องของวันนั้นที่มาเลเซีย ถึงแม้ว่าจะฉันเมา แต่มันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูก แต่ในวันรุ่งขึ้นฉันก็บอกอย่างชัดเจนแล้วว่าเรื่องของคืนนั้นให้คิดสักว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ”
เขาก้มลงมองเธอ ไม่ได้พูดอะไร และเป็นการบอกใบ้ให้เธอพูดต่อ
เธอก็พูดต่อไป : “ เรื่องเหลวไหลของเจียนปอที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ฉันถือสาเป็นอย่างมาก แต่ทว่าคืนนั้น ฉันก็ทำเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือกับเขา ดังนั้น ฉันกับเขาก็ชดเชยซึ่งกันและกัน ก็ถือว่าไม่ใครติดค้างกัน เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป ตอนนี้ พวกเรากำลังจะแต่งงานกัน ทั้งงานเลี้ยงกับชุดแต่งงานก็สั่งไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลง ”
“ ฉะนั้นแล้ว ?” ความขี้เล่นบนใบหน้าของฟูสีเกอก็หายไป
“ เพราะฉะนั้นคุณอย่าทำแบบนี้ ” เฉียวโยวโยวก็สูดหายใจเข้าลึกๆและพูดว่า : “ คุณก็ไม่ได้ขาดแคลนผู้หญิง เพียงแค่คุณกวักมือ ก็มีผู้หญิงมากมายมาแย่งกันต่อแถวรออยู่แล้ว เลิกมาล้อฉันเล่นแบบนี้ได้แล้ว ถึงแม้ปกติฉันมักจะดูพูดเปะปะเล็กน้อย แต่ฉันไม่สามารถที่จะเห็นเป็นเรื่องเล็กได้ ฉันก็เป็นคนที่ค่อนข้างที่จะประเพณีโบราณ และเรื่องของวันนั้น ฉันก็รู้สึกโทษตัวเองมากพอยู่แล้ว……”
พอฟูสีเกอฟังเธอพูดจบ จึงพูดถามอย่างใจเย็น : “ พูดจบแล้วใช่ไหม ?”
เฉียวโยวโยวพยักหน้า : “ อืม ”
ฟูสีเกอสายตามองไปยังไวน์แดงที่วางอยู่บนโต๊ะ เห็นว่าดื่มไปได้ครึ่งขวดแล้ว เขาก็เลยหันกลับมาพูดว่า : “ ทั้งหมดนั้นคุณเป็นคนดื่มเอง ?”
เฉียวโยวโยวพยักหน้า
“ ดื่มได้ไม่เลวเลยนิ ” ในขณะที่ฟูเสีเกอพูดก็ค่อยๆปล่อยเฉียวโยวโยว
เขานั่งลงบนเก้าอี้ แล้วก็เหลือบไปมองเธอ จากนั้น ก็เหยียดแขนออกไปดึงเธออย่างแรง และดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตัวเองอีกครั้ง
เธอที่กำลังดิ้นรน : “ เมื่อกี้ฉันก็พูดไปอย่างชัดเจนแล้วนะ !”
“ ชู่ว์ ” ฟูสีเกอทำท่าบอกให้เงียบๆ และมองไปยังระเบียงห้องของฟู้เจียนปอ : “ คุณอยากให้เขาออกมาเห็นหรอ ?”
เฉียวโยวโยวกถึงกับตาโต ด้วยเหตุนี้ จึงไม่กล้าที่จะขยับเลย
ฟูสีเกอหัวเราะ แล้วก็กางชุดคลุมนอนออก แล้วก็ห่อตัวของเฉียวโยวโยวเอาไว้ในอ้อมกอด และคางของเขาก็วางอยู่บนไหล่ของเฉียวโยวโยวพร้อมกับพูดว่า : “ ถ้าอย่างนั้นคุณบอกผมหน่อยว่าตอนนี้คุณยังรักเขามากไหม ?”
เฉียวโยวโยวก็หายใจติดๆขัดๆ และหลังจากที่เกร็งอยู่ครู่หนึ่ง : “ ถ้าไม่รักจะตกลงแต่งงานทำไม ?”
เขาก็ยิ้มมุมปาก น้ำเสียงที่มาพร้อมกับความมั่นใจ : “ คุณเอาแต่พูดว่าให้ลืมเรื่องในอดีตที่มันผ่านไปแล้ว แล้วก็อยู่กับเขาคนนั้น แต่ทว่าสิ่งที่ผมเห็นกลับไม่เป็นอย่างนั้น ”
เฉียวโยวโยวก็ยังปากแข็งเล็กน้อย : “ แล้วคุณเห็นอะไร ? คุณก็ไม่ได้อยู่กับพวกเราตลอดสักหน่อย คุณจะไปรู้อะไรได้ ?”
ฟูสีเกอหัวเราะ และเงยหน้าพูดว่า : “ ตอนที่อยู่โรงพยาบาล ผมเห็นว่าเขามีหลายครั้งที่อยากจะแตะต้องตัวคุณ คุณก็ปฏิเสธ แต่วันนี้—— ”
เขาตั้งใจที่จะลากเสียง : “ เป็นเพราะว่าคุณไม่อยากจะอยู่ห้องเดียวกับเขา กลัวว่าเขาจะขอมีอะไรกับคุณ เพราะฉะนั้น คุณถึงได้ยอมให้เสี่ยวถางบอกว่าจะพักห้องเดียวกับคุณใช่ไหม ? ถึงแม้ผมจะไม่ค่อยเข้าใจเสี่ยวถางสักเท่าไหร่ แต่ก็รู้ว่าคุณไม่ค่อยกล้าที่จะออกความคิดเห็นเอง ”
เฉียวโยวโยวในใจก็แอบตกใจ อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมามองไปยังสีหน้าของฟูสีเกอ
เขาดูสงบจิตสงบใจมาก สีหน้าก็เต็มไปด้วยความสุขุมและมั่นใจ
เธอก็รู้ในทันทีเลยและเขาก็ดูมันออกจริงๆ
ดังนั้น เฉียวโยวโยวก็ไม่ได้เถียงอะไร และพูดอย่างยอมรับว่า : “ แล้วยังไงละ ? ฉันก็แค่ไม่ยอมรับชั่วคราวก็เท่านั้น แต่พอแต่งงานแล้ว ในไม่ช้าก็เร็วมันก็จะ……”
ฟูสีเกอหัวเราะ : “ ผิดต่างหาก ”
เขายกมือขึ้น จากนั้นก็ลูบไปยังปลายจมูกของเฉียวโยวโยว : “ บางที ถ้าเกิดว่าตอนนั้นคุณไม่ได้ไปลอนดอน ไม่ได้เห็นเรื่องพวกนั้น พวกคุณตอนนี้คงจะดีมาก หรือว่า ถ้าตอนนี้คุณไม่ได้มีนิสัยแบบนี้ และคุณก็ไม่ได้ถือสาเรื่องนั้นขนาดนั้น พวกคุณก็อาจจะดีมากๆ ”
“ แต่เสียดาย ที่มันไม่ใช่ ” ฟูสีเกอพูดต่ออีกว่า : “ คุณรู้อยู่แล้วว่าเขานั้นทรยศคุณ และคุณก็มีความสัมพันธ์กับผม ถึงแม้ว่าคุณจงใจที่จะลืมมัน แต่ยิ่งอยากจะลืมมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งอยู่ในความทรงจำลึกมากเท่านั้น ”
เฉียวโยวโยวถูกคนอื่นพูดความในใจ ก็แทบจะอับอายขายหน้าและโมโห : “ นี่คุณเรียนจิตวิทยามาเหรอ ? !”
“ โยวโยว ผมแค่อยากจะบอกกับคุณว่า คุณกับเขา ไม่มีทางที่จะกลับไปเหมือนเดิมได้ ” เขาหันหน้าของเธอมา และจ้องไปที่ดวงตาของเธอ : “ ไม่ว่าคุณจะปกปิดความจริงยังไง คุณกับเขา ก็ไม่มีทางที่จะย้อนมันกลับไปได้ แล้วทำไมต้องยังต้องขืนใจตัวเองอีก ?”
“ ฟังจากที่คุณพูด เหมือนกับว่าคุณจะเป็นห่วงฉันมากนะ ” เฉียวโยวโยวก็มองไปที่ดวงตาของเขา : “ ที่คุณพูดกับอย่างนี้ มีจุดประสงค์อะไร ?”
เขาดูเหมือนว่าไม่รู้สึกถึงน้ำเสียงที่ประชดประชันของเธอเลย และพยักหน้าพูดว่า : “ ไม่ได้มีจุดประสงค์อะไร ผมก็แค่หวังดีมาเตือนคุณเท่านั้น ไม่อยากให้คุณมาเสียใจทีหลัง ”
“ ถ้าจะเสียใจทีหลัง มันก็เป็นเรื่องของตัวฉันเอง ” เฉียวโยวโยวออกแรงยื่นมือออกไปเพื่อหยิบไวน์แดงที่วางอยู่บนโต๊ะ : “นายน้อยอย่างคุณ ที่สามารถใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาได้ทั้งวัน รู้ได้ยังไงว่าปกติแล้วพวกเราควรต้องพิจารณาเรื่องอะไรบ้าง !”
เฉียวโยวโยวดื่มไปหนึ่งอึก และพูดต่อว่า : “ พ่อแม่ของฉันและเขารู้จักกันมานานหลายปี ทั้งสองครอบครัวก็รู้จักกำพืดกันดี ที่ฉันแต่งงานกับเขา ไม่ใช่เพียงเพราะแค่ความรัก แต่ยังรวมถึงความรักในครอบครัวที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี อีกทั่ง พอฉันแต่งงานออกไป ไม่ต้องกังวลว่าจะปวดหัวกับความสัมพันธ์แบบแม่สามีและลูกสะใภ้ และทั้งสองครอบครัวก็มีฐานะเท่าเทียมกัน พอแต่งานไปก็สามารถพึ่งพากันได้ ”
พอเขาฟังเธอพูดจบ และดูเหมือนว่ากำลังคิดอยู่สักพัก ถึงจะถาม : “ เพราะฉะนั้น ที่คุณแต่งงานกับเขา คือคุณแต่งงานให้กับครอบครัวของเขามากกว่าอย่างนั้นหรอ ?”
เฉียวโยวโยว : “ เดิมทีการแต่งงานมันก็เป็นการผูกพันของทั้งสองครอบครัว มันแปลกตรงไหน ?”
“ เพียงแต่คุณอยู่กับเขา มันก็ดีใจสำหรับคนในครอบครัวของพวกคุณ แต่กลับลำบากใจตัวเอง เต็มใจเหรอ?” ทันใดนั้นฟูสีเกอจูบไปที่ริมฝีปากของเฉียวโยวโยว : “ ถ้าไม่อย่างนั้น ก็เลิกเขา แล้วก็มาอยู่กับผม ?”
งดงามดั่งหยก ไม่อาจมีชายใดเทียบได้
###ความหมายดั้งเดิมของผู้นิยามซึ่งเป็นการเปรียบเทียบสุภาพบุรุษหรือกุลสตรีในสมัยก่อนที่มีความงามที่ไม่มีใครสามารถเปรียบเทียบได้