ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 18 แต่งงานกับผม เข้ามาสัมผัสวงจรชีวิตของผม
สือมูเฉินยิ้มก่อนจะจ้องมองเธอ ราวกับว่าเขาสามารถคาดเดาทุกอย่างเอาไว้อยู่ภายในหัวใจแล้ว “แน่นอนว่าย่อมต้องรู้อยู่แล้ว”
หลานเสี่ยวถางเห็นท่าทางเรียบเฉยของสือมูเฉิน ทันใดนั้นเอง ก็รู้สึกว่าใบหน้าแดงเป็นชั้นและเห่อร้อนสลับกันทันที
เขามั่นใจมากขนาดนั้นเลยหรือว่าเธอจะต้องตอบตกลง?หรือจะบอกว่า เรื่องใหญ่มากขนาดนี้ เธอตอบรับไปแล้ว เขาก็ไม่มีท่าทีตื่นเต้นอะไรเลยงั้นหรือ?
“เลิกตะลึงได้แล้วครับ” สือมูเฉินโยกศีรษะของหลานเสี่ยวถางไปมา “คุณมักจะเป็นแบบนี้เสมอ ผมชักจะสงสัยขึ้นมาเสียแล้วสิว่าไอคิวของภรรยาในอนาคตของผมจะส่งผลกระทบต่อรุ่นต่อไปหรือเปล่าน่ะ……”
“คุณ——” หลานเสี่ยวถางรู้สึกเพียงแค่ว่าใบหน้าและแก้มเห่อร้อนไปหมด เธอคิด ถ้าหากว่าตอนนี้มีกระจกสักบานหนึ่ง ใบหน้าของเธอคงต้องเหมือนปูนึ่งอย่างแน่นอน
หญิงสาวคนนั้นเห็นทั้งสองคนคุยกับกะหนุงกะหนิงไปมา ดวงตาของเธอก็อดไม่ได้ที่จะขึ้นสีแดงก่ำ ก่อนจะทิ้งท้ายประโยคว่า “ฉันไปออกกำลังกายก่อนนะคะ” หลังจากนั้น ก็สะบัดศีรษะแล้ววิ่งจากไปเรียบร้อยแล้ว
หลานเสี่ยวถางมองสือมูเฉิน เขาแทบจะไม่รับรู้เลยว่าคนที่แอบชอบเขาโกรธเข้าให้แล้ว อีกทั้งยังเริ่มสอนเธอให้ออกกำลังกายตามอย่างจริงจังขึ้นด้วย
ถึงแม้ว่าหลังจากแต่งงานกับสือเพ่ยหลินแล้ว หลานเสี่ยวถางก็มักจะทำงานบ้านอยู่เสมอ แต่ทว่า ไม่เคยที่จะได้ออกกำลังกายอย่างหนักแบบนี้มาก่อนเลยจริง ๆ ดังนั้นแล้ว หลังจากที่วิ่งมากว่ายี่สิบนาทีแล้วนั้น เธอเหนื่อยจนหอบ แต่ทว่าสือมูเฉินที่อยู่ทางด้านข้างของเธอกลับสบาย ๆ และไม่มีแม้กระทั่งเหงื่อที่ไหลออกมา
ใบหน้าของหลานเสี่ยวถางเด็กขึ้นเล็กน้อย จนสุดท้ายแล้วก็อดทนออกกำลังกายจนเสร็จ
หลังจากที่กลับบ้านมาแล้ว ทั้งสองคนแยกกันไปอาบน้ำในห้องน้ำคนละห้อง สือมูเฉินสวมชุดลำลองสบาย ๆ ออกมาก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “เสี่ยงถางครับ ว่าที่สามีของคุณกำลังรออาหารเช้าจากคุณอยู่นะ!”
การเต้นของหัวใจของหลานเสี่ยวถางเป็นเพราะว่าคำเรียกนั้นจึงทำให้หายใจติดขัดเล็กน้อย เธอตอบกลับไปอย่างเชื่องช้าว่า “อาหารเช้า……”
“ครั้งก่อนคุณติดหนี้ผมจะครบสี่พันอยู่แล้วนะครับ เป็นหนี้ที่ต้องชำระก่อนแต่งนะ” สือมูเฉินเอ่ยพูดไป ก่อนจะเข้าไปใกล้หลานเสี่ยวถาง “แต่ทว่า ถ้าหากอยากที่จะลดหนี้ล่ะก็ ผมจะให้ทางเลือกหนึ่งกับคุณครับ”
“อะไรคะ?” หลานเสี่ยงถางเอ่ยถามขึ้นในทันที
“จูบผมครั้งหนึ่ง หนึ่งพันครับ” สือมูเฉินเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง
ใบหน้าของหลานเสี่ยวถางแดงเถือกขึ้นมาในทันที เธอกุลีกุจอหมุนตัว “ฉันจะไปทำอาหารค่ะ!”
เธอเดินไปถึงห้องครัวแล้ว ก็ยังคงได้ยินเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของสือมูเฉินอยู่เลย
หากจะให้เธอเอ่ยถึงอาหารเช้าแล้วละก็ถือว่ามีชั่วโมงบินสูงอยู่เลยทีเดียว หลานเสี่ยวถางปิ้งขนมปังต้นหอมสองแผ่น หลังจากนั้นก็ทำไข่ดาวอีกสองใบ อีกทั้งยังต้มโจ๊กผักอีกถ้วยหนึ่งด้วย
บนโต๊ะอาหาร สือมูเฉินรับประทานอาหารไปพลางก่อนจะเอ่ยพูดขึ้นมาไปพลางว่า “ประเดี๋ยวไปเปลี่ยนชุดเสียนะครับ พวกเราจะไปจดทะเบียนสมรสกัน”
หลานเสี่ยวถางพลันชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง “เร็วขนาดนี้เลยหรือคะ?”
เธอตอบตกลงไปแล้ว แต่ทว่ากลับยังไม่รู้เลยว่าความหมายของเขาคือไปเดี๋ยวนี้เลย
“เร็วหรือครับ?” สือมูเฉินขมวดคิ้ว “คิดอยากเปลี่ยนใจหรือ?”
พูดไป จู่ ๆ เขาก็ขยับเข้าไปใกล้เธออย่างรวดเร็ว ก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วย “ความโหดร้าย” เป็นอย่างมากว่า “เสี่ยวถางครับ คุณต้องคิดไตร่ตรองให้เป็นอย่างดีเสียแล้วล่ะ อย่าคิดว่าหนีจากสือเพ่ยหลินมาแล้วเส้นทางจะราบเรียบนะครับ ไม่แน่ว่า ผมอาจจะน่ากลัวกว่าเขาก็ได้นะครับ?”
สัญชาตญาณของหลานเสี่ยวถางถอยหลังกลับไป แต่ทว่า ในตอนที่เธอเห็นนัยน์ตาดำขลับของสือมูเฉินที่แฝงไปด้วยความหยอกล้อเล็กน้อยนั่นแล้ว เธอกลับส่ายศีรษะ “ฉันไม่เชื่อค่ะ”
“ดูท่าแล้ว ภาพจำของผมในใจของคุณก็ไม่เลวเลยทีเดียวนะครับ” สือมูเฉินเอ่ยขึ้น พลางลุกขึ้นยืน “ผมจะไปเปลี่ยนชุด เมื่อได้ทะเบียนสมรสมาแล้วพวกเราก็จะกลับกันเลย”
สองชั่วโมงหลังจากนั้น หลานเสี่ยวถางและสือมูเฉินก็ออกมากันจากสำนักงานเขต ในมือของทั้งสองคนมีสมุดสีแดงเล่มเล็กเพิ่มขึ้นมาคนละเล่ม
หลานเสี่ยวถางสบตามอง “ทะเบียนสมรส” ตัวใหญ่ คนทั้งคนยังไม่อาจเชื่อได้เลยสักนิดว่านี่คือเรื่องจริง
เมื่อวันก่อน เธอหย่าแล้ว
วันต่อมา เธอก็แต่งงานใหม่อีกแล้ว
อีกทั้งสามีเก่าก็มีศักดิ์เป็นหลานชายแท้ ๆ ของสามีคนปัจจุบัน……
หลานเสี่ยวถางนวดคลึงศีรษะที่ยังคงรู้สึกมึนงงเล็กน้อยของตนเอง ก่อนจะไปพร้อมกับสือมูเฉิน แล้วเดินไปที่ลานจอดรถ
ในตอนนี้เอง จู่ ๆ มือของเธอก็แน่นขึ้นมาทันที หลานเสี่ยวถางหลุบตามองลงไป ก่อนจะค้นพบว่าสือมูเฉินจับมือของเธอเอาไว้อยู่
เธอกับสือเพ่ยหลินแต่งงานกันมานานขนาดนั้น เมื่อก่อนเขานอนติดเตียง หลังจากนั้น เขาก็สามารถยืนได้แล้ว ก็ไม่เคยที่จะจับมือของเธอแบบนี้มาก่อนเลย
ทันใดนั้นเอง เธอรู้สึกได้ว่าหัวใจของตนเองแปรเปลี่ยนไปบีบรัดตัวขึ้นมาเล็กน้อย ไม่รู้จะวางมือเอาไว้ตรงไหน เดิมทีก็ไม่กล้าสบตามองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ทางด้านข้าง
“เที่ยงนี้อยากทานอะไรครับ?” สือมูเฉินใช้น้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติเอ่ยถามขึ้นมา
“ดูเหมือนว่าฉันจะยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่น่ะค่ะ……” หลานเสี่ยวถางตอบเอ่ยพูดขึ้นด้วยความประหม่า
“ไม่หิวก็ต้องทานครับ กันไว้ก่อนที่คนอื่นจะได้เห็น แล้วยังมาพูดว่าแต่งกับผมมาแล้ว ผมไม่เลี้ยงดูคุณให้อิ่มท้อง” สือมูเฉินเอ่ยพูดไป ก่อนจะจูงหลานเสี่ยวถางมาถึงรถ “ผมรู้จักร้านหนึ่งที่ไม่เลวเลยทีเดียวครับ เจ้าของร้านเป็นเพื่อนของผม ผมจะพาคุณไปแล้วกัน”
“เพื่อนของคุณงั้นหรือคะ?” หลานเสี่ยวถางมีท่าทางตกใจเล็กน้อย จู่ ๆ เธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เธอยังไม่เคยถามเขาเลย เรื่องที่พวกเขาแต่งงานกันนั้น สามารถบอกคนรอบข้างได้ไหม
สือมูเฉินพยักหน้า “ครับ รสชาติไม่เลวเลยทีเดียว ในเมื่อคุณแต่งงานกับผมแล้ว ย่อมต้องเข้ามาสัมผัสกับชีวิตและเพื่อนฝูงของผมอยู่แล้ว”
ทันใดนั้นเอง หลานเสี่ยวถางแสดงสีหน้าออกมาเล็กน้อย
เธอหันหน้ากลับไป มองไปทางด้านนอกของหน้าต่างรถ เพื่อที่จะไม่ให้สือมูเฉินมองไม่เห็นสีหน้าของเธอในตอนนี้
ตกบ่าย สือมูเฉินไปที่บริษัท หลานเสี่ยวถางได้รับสายโทรศัพท์จากคนรับใช้ของสือเพ่ยหลิน บอกว่าของของเธอตอนนี้จัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ให้เธอเข้าไปเอาด้วย
เธอโดยสารรถมาจนถึงเขตคฤหาสน์แล้ว ยังไม่ทันที่จะได้เข้าไป ก็มีสายโทรศัพท์จากหลานไห่ฮว๋าโทรเข้ามา น้ำเสียงของเขา เคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “หลานเสี่ยวถาง งานประมูลในวันนี้มันอย่างไรกันแน่น่ะ? ทำไม Times Group ถึงเข้ามามีส่วนร่วมในการแข่งขันด้วย?!”
หลานเสี่ยวถางรู้สึกเพียงแค่ว่าร่างทั้งร่างเย็นเฉียบ แทบจะไม่เชื่อหูของตนเองเล็กน้อย “อะไรนะคะ? Times Group ก็เข้าร่วมงั้นหรือคะ? จะเป็นไปได้อย่างไรกันคะ!”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้?!” ทางสายฝั่งนั้น น้ำเสียงของหลานไห่ฮว๋าราวกับว่าแทบจะสามารถทะลุออกมาได้อยู่แล้ว “ตอนนี้ พวกเขาประมูลได้ไปแล้ว! เธอรู้ไหมว่าในการประมูลครั้งนี้พวกเราตระกูลหลานเสียไปตั้งเท่าไหร่?! Blue Sky Group รอคอยโครงการนี้อยู่ ตอนนี้ล้มเหลวไม่เป็นท่า พวกเราทุกคน ไม่มีอะไรจะกินแล้ว!”