ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 181 หุ่นของผมเป็นอย่างไรบ้าง คุณพอใจไหมล่ะ?
แค่คำแรกเฉียวโยวโยวก็นึกออกมาได้แล้ว นั่นคือคำว่า ‘อย่า’
จากนั้นฟู่สีเกอก็ได้เขียนในฝ่ามือของเธออีกคำหนึ่งไว้ว่า ‘กลัว’
เขาเขียนต่ออีกไปว่า: “มีผม”
ในขณะที่เขายังคงเขียนต่อไปนั้นเฉียวโยวโยวอ่านคำสี่คำนี้ออกมาพร้อมกัน
อย่ากลัว มีผม
หัวใจของเธอสั่นไหวและเธอก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองเขา
เวลานี้เขาก็ยังก้มหน้าอยู่ ปลายนิ้วเรียวยาวของเขายังคงเขียนและวาดอยู่ในฝ่ามือของเธอ
ภายใต้แสงจันทร์สีหน้าของเขาดูจริงจังมาก ขนตาของเขาก็ยาวมากและเธอมองเห็นขนตาทีละเส้นได้อย่างชัดเจน
จนกระทั่งฟู่สีเกอเขียนเสร็จ เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อถามเธอว่าเธอมองเห็นมันได้อย่างชัดเจนหรือไม่ เฉียวโยวโยวพึ่งตระหนักว่าเมื่อกี้นี้เธอลืมทุกอย่างไปจนหมดแล้ว ดังนั้นเธอจึงมองจ้องไปที่เขาอยู่อย่างนั้น
ฟู้เจียนปอที่นั่งอยู่ข้าง ๆเธอ หลังจากที่ฟู้เจียนปอพูดแล้วไม่มีเสียงตอบรับ เขาก็กระซิบพูดขึ้นอีกครั้งว่า: “เสี่ยวถาง โยวโยว พวกคุณหลับหรือยัง?”
คำตอบที่เขาได้นั้น ทุกอย่างกลับเงียบสนิทเหมือนเสียงของเขามันเป็นเพียงแค่อากาศ
เขาถอนหายใจออกมาด้วยความสับสน: “ลมหายใจนี้สามารถพัดขวดเหล้าล้มลงได้เลย!”
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คิดมากแต่กลับดึงเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงที่ระเบียง
แม้ว่าเฉียวโยวโยวและฟู่สีเกอเขาทั้งสองคนจะไม่ได้มองไปทางฟู้เจียนปอ แต่เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวของฟู้เจียนปอพวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าฟู้เจียนปอยังไม่ได้จากไป
เฉียวโยวโยวมองไปที่ฟู่สีเกอด้วยความกังวลใจ เธอรู้สึกเสียใจและได้แต่โทษตัวเองอยู่ในหัวใจ เธอได้ทำเรื่องบางอย่างที่ผิดต่อฟู้เจียนปออีกครั้ง และดูเหมือนว่าเธอก็กลายเป็นคนสารเลวมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทั้งสองคนยืนอยู่ที่มุมระเบียง หลังจากยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ฟู้เจียนปอยังคงนั่งอยู่ที่เดิมและไม่มีท่าทีว่าจะจากไป
เฉียวโยวโยวรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมา จมูกของเธอเริ่มรู้สึกคัน และเธอก็รีบเอามือปิดปากของเธอด้วยความตื่นตระหนก หลังจากนั้นเธอจึง กลั้นไม่ให้ตัวเองจามออกมา
เมื่อรับรู้ได้ถึงความรู้สึกหนาวเย็นขึ้นมาบนผิวกาย ฟู่สีเกอก็ได้เอาเสื้อคลุมชุดนอนคลุมไว้ที่ตัวของเฉียวโยวโยว แล้วเหยียดแขนออกเพื่อกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา
เธอไม่กล้าขยับเขยื้อนเลย ปล่อยให้เขากอดเธอไว้อยู่อย่างนั้น จนได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงของเขาได้อย่างชัดเจน และเสียงหัวใจนั้นก็เต้นแรงถี่มากขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ฟู้เจียนปอยังคงยืนอยู่ที่ระเบียง เฉียวโยวโยวรู้สึกเพียงว่าเธอเริ่มอ่อนแรง และเธอก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปและเขย่าแขนของฟู่สีเกอและเงยหน้ามองเขาราวกับว่าเธอต้องการจะพูดอะไรบางอย่างกับเขายังไงยังงั้นแหละ
เขากางฝ่ามือออกแล้วยื่นไปตรงหน้าเธอ
ภายใต้แสงจันทร์ เธอเห็นรอยฝ่ามือของเขาได้อย่างชัดเจน เธอเคยอ่านบนอินเทอร์เน็ตมาก่อน และลายเส้นบนฝ่ามือนั้นบ่งบอกได้ว่าคนคนหนึ่งนั้นมีความกังวลใจมากแค่ไหน อีกทั้งลายเส้นนั้นสามารถบ่งบอกเกี่ยวกับเรื่องราวความรักได้ ซึ่งมันบอกว่าเขาเป็นคนรักเดียวใจเดียว
เธอคิดอยู่ในใจว่าคนบนอินเทอร์เน็ตนั้นหลอกลวงจริง ๆ แม้แต่ฟู่สีเกอเองก็เคยพูดว่าก่อนหน้านั้นเขาเคยมีแฟนมาแล้วหลายคน
เฉียวโยวโยวขจัดความคิดอันซับซ้อนของเธอ ยกปลายนิ้วขึ้นและเขียนลงบนฝ่ามือของฟู่สีเกอ
เธอรู้สึกว่าฝ่ามือของเขาอุ่นและดูแห้งกร้าน อีกอย่างคือฝ่ามือของเขาก็กว้างมาก มันทำให้เธอนึกถึงเรื่องราวเมื่อกี้นี้ตอนที่เขาเอามือสัมผัสและนวดหน้าอกของเธอ
เธอได้แต่โทษตัวเองที่จู่ ๆใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างกะทันหัน จนเธอลืมขยับนิ้วและนิ้วมือของเธอก็อยู่ในฝ่ามือของฟู่สีเกออยู่อย่างนั้น
เขารู้สึกได้เพียงว่าฝ่ามือของเขาถูกวาดเส้นราวกับขนนกได้วาดผ่านก้นบึ้งของหัวใจ และทำให้เลือดในตัวของเขาเดือดพล่านโดยไม่รู้ตัว
ลูกกระเดือกของฟู่สีเกอขยับเล็กน้อย เขายังไม่ทันรอให้เฉียวโยวโยวเขียนต่อ เขาก็ก้มศีรษะลงประกบจูบเธอ
เธอสั่นสะท้านไปทั้งตัว เขารู้ว่าเธอต้องการหลบหลีก แต่เนื่องจากเธอไม่สามารถส่งเสียงได้ เธอจึงทำได้เพียงโอนอ่อนผ่อนตามเขาไปปล่อยให้เขาได้เชยชมตามอำเภอใจ
เขาใช้โอกาสนี้ จากจูบแผ่วเบาเป็นหนักหน่วง แลกพันลิ้นกันในโพรงปากของเธอ
เขาเอาลิ้นไล่ตามตลอด เธอก็พยายามหลบทางตลอด และในที่สุดเธอไม่สามารถหลบหลีกมันได้ เธอทำได้เพียงต้องยอมจำนน
เขายิ่งจูบก็ยิ่งจูบอย่างเร่าร้อนมากขึ้น เขาพยายามควบคุมปากของเขาโดยไม่ให้ส่งเสียงใด ๆออกมา และเขารู้สึกว่าร่างบางอ่อนระทวยของเฉียวโยวโยวราวกับต้องมนตร์
เขาต้องการเธอมาก แต่เขาก็รู้ดีว่าสถานการณ์เช่นนี้ดี ถ้าเขาต้องการร่วมรักกับเธอจริง ๆแล้วล่ะก็ ฟู้เจียนปอที่อยู่ข้าง ๆ คงได้ยินการเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน
แม้ว่าเขาจะไม่กลัวที่จะมีใครได้ยิน แต่เขาก็ไม่ต้องการให้เฉียวโยวโยวต้องรู้สึกอึดอัดใจเช่นกัน
เขาแค่รู้สึกว่าเขากำลังรนหาที่จริง ๆ เขาเป็นคนจุดประกายไฟสวาทเอง แต่กลับไม่สามารถดับมันได้เลย ฟู่สีเกอสับสนอยู่เป็นเวลานานก่อนที่เขาจะแยกริมฝีปากออกจากริมฝีปากของเฉียวโยวโยว
เธอถอนหายใจออกมาอย่างเงียบ ๆ ภายใต้แสงจันทร์ริมฝีปากของเธอดูสว่างขึ้นและบวมเบ่งช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน
เขาบังคับตัวเองให้มองไปทางอื่น ไม่เช่นนั้นเขาไม่รู้ว่าเขาจะทำในสิ่งที่ควบคุมไม่ได้อีกหรือไม่ หลังจากผ่านไปนานฟู่สีเกอก็ยกมือขึ้นอีกครั้ง ยื่นให้เฉียวโยวโยวและส่งสัญญาณให้เธอเขียนต่อ
เธอไม่กล้าหันเหให้ความสนใจอย่างอื่นอีก และรีบเขียนลงในฝ่ามือของฟู่สีเกออย่างรวดเร็ว: “ฉันแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว”
ก็จริงอยู่ เมื่อกี้นี้เธอเพิ่งจูบกับเขาเป็นเวลานาน แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น แต่เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธออ่อนระทวยไปทั้งตัว
ฟู่สีเกอคิดอยู่ครู่หนึ่ง จับมือเฉียวโยวโยวอีกครั้งและเขียนลงบนฝ่ามือของเธอว่า: “คุณเอนตัวพิงเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของผม”
เธอเข้าใจคำพูดของเขา แก้มของเธอเริ่มแดงระเรื่อ แต่ร่างกายของเธอก็หมดเรี่ยวแรงเกินกว่าจะยืนไหว ดังนั้นเธอจึงเอนตัวเข้าไปพิงเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของฟู่สีเกอ
เขาเอื้อมมือไปโอบเธอและเขียนลงบนฝ่ามือของเธอว่า: “คุณรู้สึกไหมว่าการสื่อสารโดยไม่ใช่เสียงแบบนี้มันช่างโรแมนติกมากเหลือเกิน?”
ใช่ค่ะ ในอดีตดูเหมือนจะมีฉากแบบนี้อยู่ในซีรีย์เช่นกัน ในขณะนั้นเธอดูด้วยความอิจฉาและเธอเคยคิดว่าสักวันหนึ่งตัวเองและเจ้าชายขี่ม้าขาวก็จะมีฉากแบบนี้ร่วมกันเช่นกัน
ต่อมาเธอคบกับฟู้เจียนปอ และฟู้เจียนปอก็ดีต่อเธอจริง ๆ แต่เขาให้ความสนใจและทุ่มเทกับเรื่องเรียนจนหมด เพราะฉะนั้นช่วงแรกๆ พวกเขาก็มักจะไปเรียนด้วยตนเองพร้อมกันอยู่เสมอ ทำการบ้านด้วยกันและตั้งใจทบทวนติวเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ด้วยเหตุนี้ภาพจินตนาการอันแสนหวานและโรแมนติกในวัยเด็กนั้น จึงยิ่งห่างไกลออกไป
คาดไม่ถึงว่าเวลานี้ภาพที่เธอได้จินตนาการอันแสนหวานและโรแมนติกในวัยเด็กนั้น ในตอนนี้เธอกลับทำกับผู้ชายอีกคนอยู่!
หัวใจของเฉียวโยวโยวรู้สึกซับซ้อนและสับสนอย่างมาก ด้านหนึ่งเธอได้โทษตัวเองและรู้สึกว่าการกระทำของเธอนั้นแย่เกินไป ในทางกลับกัน เธอรู้สึกแอบพอใจและมีความสุขกับจินตนาการอันแสนหวานและโรแมนติกเช่นนี้อย่างบอกไม่ถูก
เธอรู้สึกว่าเธอถูกแบ่งออกเป็นสองด้าน ด้านหนึ่งคือแสงสว่างและอีกด้านหนึ่งคือความมืด
อย่างไรก็ตาม ในวินาทีต่อมาฟู่สีเกอได้โอบไหล่ของเธอไว้ และฝ่ามือของเขาตบที่หลังเธอเบา ๆเกลี้ยกล่อมให้เธอนอนหลับเหมือนเด็กยังไงยังงั้นแหละ
การเต้นของหัวใจเธอเต้นแรงถี่มากขึ้นไปอีก และทั้งร่างกายของเธอก็อยู่ในอ้อมแขนของเขา และเธอรู้สึกสับสนวุ่นวาย ภายในใจของเธอนั้นรู้สึกชาไปทั้งตัว
เพียงแต่ว่าเพราะเธอดื่มมากไปหน่อยและเหนื่อยมาก ตอนแรกเฉียวโยวโยวยังคงไม่หยุดคิดไปเรื่อยเปื่อย แต่ในตอนหลังเธอก็ผล็อยหลับอยู่ในอ้อมกอดของฟู่สีเกอจริง ๆ
เสียงลมหายใจของเธอละลายไปกับสายลม และจางจนแทบไม่ได้ยิน ดังนั้นฟู้เจียนปอซึ่งอยู่ห่างออกไปสามเมตรจึงไม่รู้ว่าเฉียวโยวโยวอยู่ที่ระเบียงห้องถัดไป
ฟู้เจียนปอนั่งอยู่บนระเบียงเป็นเวลานาน จนกระทั่งเขาเห็นว่าขอบฟ้าที่อยู่ห่างไกลเริ่มสว่างขึ้นเล็กน้อย
ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่าท้องฟ้าใกล้จะรุ่งสางแล้ว
เขาไม่รู้ว่ามันเป็นภาพลวงตาของเขาหรือเปล่า เขามักจะรู้สึกว่าหลังจากกลับประเทศมาในครั้งนี้ เฉียวโยวโยวดูเหมือนจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจจะหลบหน้าเขายังไงยังงั้นแหละ
เขาอยากจะจูบเธอแต่เธอกลับหลบ จนเขาต้องบังคับให้เธอยืนติดผนัง แต่เธอไม่ตอบสนองต่อการจูบของเขาเลยสักนิด
ในช่วงเวลากลางคืน เขามองดูคุณแม่ของเธอผล็อยหลับไปแล้ว และขอให้เธอไปที่ห้องของเขาแต่เธอมักจะหาข้อแก้ตัวอยู่เสมอ
และในวันนี้ เขานอนไปได้สักพัก ในใจรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่เสมอ นอกจากนี้เขายังฝันว่าเขายังอยู่ในลอนดอน และยังนอนกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ และเฉียวโยวโยวก็ผลักประตูเข้ามาและเห็นเขากำลังร่วมหลับนอนกับผู้หญิงคนอื่น ๆอยู่ ดังนั้นเธอจึงหันหลังและวิ่งหนีจากไป
เขาวิ่งไล่ตามหลังเธอ แต่ไม่ว่าเขาจะวิ่งเร็วแค่ไหน เขาก็ไล่ตามเธอไม่ทัน
ในท้ายที่สุด เขาเห็นว่าเธอเริ่มห่างออกไปเรื่อย ๆ และในที่สุดก็หายลับไปจากสายตาเขา
ในขณะนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงที่ดังมาจากระเบียงห้องข้าง ๆ อย่างไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก เหมือนเขาได้ยินเสียงของบางอย่างตกลงมา เขาเรียกชื่อเธอเพื่อปลุกเธอตื่น จากนั้นเขาก็ไม่รู้สึกง่วงอีกเลย
เป็นไปได้ไหมตอนที่ซูสือจิ่นอยู่ลอนดอนนั้นเคยเห็นเขามีผู้หญิงคนอื่นอยู่ข้างกายเขา เมื่อคืนนี้เขาได้เล่าความจริงให้เฉียวโยวโยวฟังหมดแล้ว?
ฟู้เจียนปอรู้สึกกังวลใจและอึดอัดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขารีบยืนขึ้นและรีบเปิดประตูระเบียงแล้วกลับไปที่ห้อง
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและต้องการส่งข้อความถึงเฉียวโยวโยว แต่เขากลัวว่าเธอกำลังหลับอยู่อาจรบกวนจนทำให้เธอตื่น
ในเวลานี้ลมพัดแรงและทำให้ประตูที่ระเบียงยังคงส่งเสียงดังไม่หยุด ฟู้เจียนปอต้องลุกขึ้นล็อคประตูระเบียงแล้วกลับไปนั่งบนเตียงต่ออย่างลังเลใจ
ฟู้เจียนปอนั่งบนระเบียงนานแค่ไหน ฟู่สีเกอก็ยืนอยู่ตรงมุมระเบียงและโอบกอดเฉียวโยวโยวนานเท่านั้น
เขาได้ยินการเคลื่อนไหวของฟู้เจียนปอและรู้ว่าฟู้เจียนปอกลับไปที่ห้องของเขาที่อยู่ข้างๆ และล็อคประตูแล้ว ดังนั้นฟู่สีเกอจึงเหยียดแขนออกและเขย่าเฉียวโยวโยวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาเบา ๆ
เพราะเธอกังวลใจอยู่แล้ว เธอไม่ได้หลับสนิทและเธอกำลังกึ่งฝันกึ่งตื่นอยู่ ดังนั้นเมื่อฟู่สีเกอเขย่าตัวเธอ เฉียวโยวโยวก็ตื่นทันที
เธอลืมตาขึ้น มองดูท้องฟ้าสีซีดในระยะไกลและเงยหน้ามองฟู่สีเกอ
“เขาไปแล้ว” ฟู่สีเกอกระซิบที่ข้างหูของเธอ: “คุณไปพักผ่อนที่ห้องของผมสักครู่ เพราะไม่เช่นนั้นร่างกายของคุณอาจรับไม่ไหว”
เธอกระพริบตาและกำลังจะถามเขาว่าจะไปที่นั่นได้อย่างไร ฟู่สีเกอมีสีหน้าบิดเบี้ยวบนใบหน้าของเขา
เพราะเขายืนนิ่งอยู่เป็นเวลานานเกินไป เขายกขาขึ้นก็รู้สึกชาทันที และชาจนเขาแทบจะยืนต่อไม่ไหว ดังนั้นเขาจึงต้องพิงกำแพง
ฟู่สีเกอใช้เวลานานในการหลุดพ้นจากความชาไปทั้งตัวแบบนี้ เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกและยิ้มให้เฉียวโยวโยว:”เอาล่ะ”
เฉียวโยวโยวนึกขึ้นได้ว่า จริงๆ แล้วเขายืนอยู่ตรงมุมกำแพงและไม่ขยับเขยื้อนมาทั้งคืน เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสนเล็กน้อยและอธิบายความรู้สึกแบบนี้ไม่ถูกเช่นกัน
เธอพยายามระงับความรู้สึกนั้นและพูดกับเขาว่า: “ถ้าเมื่อคืนนี้คุณไปเอากุญแจที่เสี่ยวหลาน มันก็จะไม่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายมากขนาดนี้แล้วล่ะ ”
เขามองลงมายังเธอที่ริมฝีปากยังบวมอยู่เล็กน้อยและยิ้มพร้อมพูดกับเธอว่า: “นี่เป็นการแสดงความจริงใจอยู่หรือเปล่า? ผมกำลังแสดงกลยุทธ์ความทุกข์ทางกายให้คุณดูอยู่คุณดูไม่ออกหรอกเหรอ?”
เฉียวโยวโยวไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เธอพึ่งออกมาจากอ้อมแขนของเขา เพราะความหนาวเย็นเธอกำลังจะดึงเสื้อคลุมชุดนอนของฟู่สีเกอให้แน่นขึ้น เธอกลับพบว่าเขาเอาเสื้อคลุมชุดนอนให้กับเธอ บนตัวเขานั้นกลับไม่มีอะไรเลย!
เธอกลับนอนพิงชายเรือนร่างเปลือยเปล่าเนี่ยนะ และเธอยังคงหลับลงได้อย่างสบายใจทั้งคืนเลยเนี่ยนะ!
เฉียวโยวโยวรู้สึกเพียงเสียงฟ้าร้องที่ดังลงมา เธอรีบถอดเสื้อคลุมชุดนอนออกแล้วยื่นให้ฟู่สีเกอ ไม่กล้ามองเขาอีกเลย: “เร็วเข้า รีบสวมใส่มันซะ!”
เขาเอื้อมมือไปจับ แต่ฝ่ามือของเขากลับไปแตะที่ตัวเธอ: “ถ้าอย่างนั้นคุณแน่ใจนะว่าคุณจะยอมให้ตัวเองเปลือยกายอยู่แบบนี้?”
เฉียวโยวโยวรู้สึกว่าเธอสวมชุดนอนอยู่ แต่เมื่อเธอมองดูตัวเอง เธอเพิ่งรู้ตัวว่าก่อนหน้านี้ชุดนอนของเธอได้ถูกฟู่สีเกอถอดออกจนหมดแล้ว? !
เวลานี้ชุดนอนถูกถอดกองอยู่บนพื้น และดูเหมือนว่ามันจะถูกเหยียบไปแล้วหลายครั้ง……
เธอรีบก้มลงหยิบชุดนอนของเธอขึ้น และไม่สนว่าจะใส่ผิดด้านหรือไม่ เธอรีบสวมมันทันที
ในเวลานี้ ฟู่สีเกอได้สวมเสื้อคลุมชุดนอนแล้ว แต่เขาจงใจสวมมันอย่างช้า ๆ และไม่ได้คาดสายคาด เมื่อเห็นเฉียวโยวโยวมองมาที่เขา เขาจงใจเปิดมันออกกว้างขึ้นและเลิกคิ้วใส่เธอ: “เป็นไง คุณพอใจกับหุ่นของผมใช่ไหมล่ะ?”
เฉียวโยวโยวจ้องมองไปที่เขาตาค้อน: “คุณรีบไปเร็ว ๆเถอะ ใกล้จะสว่างแล้ว ถ้าคุณยังอยู่ที่นี่ฉันยิ่งจะอธิบายได้ยากขึ้นนะ!”
“ไม่ ผมจะไม่ไปคนเดียวหรอก ยังมีคุณ เราจะไปด้วยกัน” ฟู่สีเกอพูด :“ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าคุณอยู่ที่นี่คนเดียว คุณจะเป็นหวัดได้นะ”