ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 182 เป็นเพราะเรื่องนั้น คุณทำให้ผมรู้สึกหวั่นไหว
เฉียวโยวโยวตระหนักได้ว่าฟู่สีเกอได้มอบเสื้อคลุมชุดนอนให้เธอ แล้วเขายืนเปลือยกายอยู่ทั้งคืน คาดว่าเขาน่าจะหนาวสั่นไปทั้งตัวแล้ว
เธออดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปแตะนิ้วของฟู่สีเกอ
ปลายนิ้วของเขาเย็นเฉียบ และเธอรู้สึกผิดขึ้นมาทันที
“คุณวางแผนที่จะยอมรับข้อเสนอของผมแล้วหรือยัง?” ฟู่สีเกอยิ้มให้กับเธอ
“ฉันกลัวว่าคุณจะเป็นหวัดและเกรงว่าตัวเองนั้นจะเป็นคนทำให้คุณมาพลอยลำบากไปด้วย” เฉียวโยวโยวลืมตาขึ้น: “ฉันไม่ได้มีความสามารถเหมือนอย่างคุณนี่ ที่สามารถปีนระเบียงข้ามมาได้ คุณไปเองดีกว่า ถ้าคุณกลับไปที่ห้องคุณช่วยหาผ้าห่มหรืออะไรก็ได้เอามาให้ฉันห่มหน่อยแล้วกัน เวลานี้ยังเช้าอยู่ เสี่ยวถางคงยังไม่ตื่นอย่างแน่นอน ดังนั้นอย่าไปรบกวนเธอเลย”
“โอเค ผมเข้าใจแล้ว” ฟู่สีเกอคาดเสื้อคลุมชุดนอนเสร็จพร้อมพยักหน้า
เฉียวโยวโยวคิดว่าเขาคงเห็นด้วยแล้ว แต่เมื่อเธอกำลังจะบอกให้เขาระวังตัวอยู่นั้น เขากลับเดินไปทางประตูระเบียง
เมื่อเฉียวโยวโยวกำลังจะถามฟู่สีเกอว่าเขาจะทำอะไรอยู่นั้น เขาก้มศีรษะมองดูล็อคจากด้านใน จู่ ๆก็ถอยหลังสองก้าวและเตะล็อคออกทันที
“ปัง!” ประตูถูกเตะเปิดออก ดวงตาของเฉียวโยวโยวเบิกกว้างทันที นี่ฟู่สีเกอคุณต้องการให้ทุกคนได้ยินเหรอเนี่ย? !
เธอโกรธและวิตกกังวลใจมาก แต่เขาจับมือเธอและเดินจากระเบียงกลับไปที่ห้องของเฉียวโยวโยวทันที
ก่อนที่เธอจะยืนทรงตัวได้อยู่นั้น เขาก็รัดเอวเธอแล้วเอามือปิดปากของเธอ
เธอเอื้อมมือออกไปดันอกเขา แต่เขากลับเปลี่ยนท่าทางโดยอัตโนมัติ เขากอดเธอไว้แน่นแล้วพาเธอไปที่เตียง แล้วกดเธอลงบนเตียงทันที
ในเวลานี้ ฟู้เจียนปอที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินเสียงดังมาจากระเบียงก็อดไม่ได้ที่จะเดินออกไปดูที่ระเบียงอย่างรวดเร็ว: “โยวโยว เสี่ยวถาง เกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณหรือเปล่า?”
เขาถาม แต่ก็ไม่มีใครตอบกลับมา
เป็นผลทำให้น้ำเสียงของฟู้เจียนปอตึงเครียดมากขึ้น: “โยวโยว พวกคุณโอเคไหม?”
ริมฝีปากของเฉียวโยวโยวถูกฟู่สีเกอปิดไว้ เธอไม่สามารถพูดอะไรได้เลย เธอดิ้นรนอย่างกังวล แต่เขาใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของเธอแยกขาของเธอออก
“โยวโยว?” ฟู้เจียนปอพูดข้าง ๆห้อง: “ไม่เป็นไรใช่ไหม? ผมจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้?”
เฉียวโยวโยวตกใจและพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะผลักฟู่สีเกอออกไป
เธอสูดหายใจเข้าอย่างแรงและมองเขาอย่างดื้อรั้นและกล่าวว่าปล่อย
เขายังหายใจหอบและจ้องตาเธอ: “ถ้าเขากล้ามา ผมจะโยนเขาออกจากระเบียงนี้ไปซะ!”
เฉียวโยวโยวเห็นไอสังหารในดวงตาของเขาทำให้เธอตกใจมาก: “คุณต้องการอะไร?”
เขามองดูเธอและพูดออกมาทีละคำ: “เลิกกับเขา”
“คนบ้า!” เฉียวโยวโยวพูด เมื่อเห็นฟู่สีเกอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เธอกลัวว่าเขาจะทำอะไรลงไป ดังนั้นน้ำเสียงของเธอจึงอ่อนลง: “ฟู่สีเกอ คุณอย่าเป็นแบบนี้ ถ้าคนอื่นมาเห็นว่าคุณอยู่ในห้องของฉัน ไม่ว่ากับฉันหรือคุณมันก็ไม่ดีด้วยกันทั้งนั้น ”
เขากำหมัดของเขาแน่น: “ครั้งสุดท้าย”
เธอไม่ตอบ แต่ลุกขึ้นจากเตียงพร้อมผลักเขาออก จัดชุดนอนให้เป็นระเบียบแล้วรีบเดินไปที่ระเบียง
ข้าง ๆระเบียง เมื่อฟู้เจียนปอเห็นว่าไม่มีใครตอบกลับมาเป็นเวลานาน ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะปีนไปดู แต่เมื่อเขากำลังจะลงมืออยู่นั้น เขาเห็นเฉียวโยวโยวที่กำลังขยี้ตา
เฉียวโยวโยวรู้สึกเพียงว่าเธอได้แต่ตำหนิตัวเองอย่างมาก และเรื่องเมื่อคืนนี้เธอยังต้องสำนึกบาปอย่างจริงใจ
เธอขยี้ตา แสร้งทำเป็นง่วง เงยหน้าขึ้นเพื่อพูดกับฟู้เจียนปอว่า: “มันน่ารำคาญมากจริง ๆ เมื่อกี้นี้ลมก็แรงพัดประตูกระแทกเสียงดังปึงปังจนมันทำให้ฉันตื่น เสียอารมณ์จริง ๆเลย”
สีหน้าของฟู้เจียนปอผ่อนคลายลง: “โอ้ โยวโยว คุณเข้านอนเถอะ ยังเช้าอยู่เลย ตื่นม้าราค่อยคุยกันนะ”
“ค่ะ” เฉียวโยวโยวยิ้มให้กับฟู้เจียนปอ
แต่ทันทีที่เธอหันกลับมา เธอก็ได้ยินฟู้เจียนปอเรียกเธอว่า: “โยวโยว ”
เธอลืมตาขึ้นแล้วถามเขา: “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
ฟู้เจียนปอมองมาที่เธอ ความวิตกกังวลเริ่มก่อตัวในใจของเขาและพูดกับเฉียวโยวโยวว่า: “โยวโยว คุณยังรักผมอยู่หรือเปล่า?”
เฉียวโยวโยวตัวแข็งทื่อ
เธอกำลังจะตอบ แต่ตระหนักได้ว่ายังมีฟู่สีเกออยู่ในห้องด้วย
ส่งผลให้สีหน้าของเธอค่อนข้างสับสน
ฟู้เจียนปอที่ยืนอยู่ข้าง ๆระเบียงมีสีหน้าเศร้าหมอง เขามองดูเธอพร้อมพูดว่า: “โยวโยว ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าคุณมักจะหลบหน้าผม หรือเป็นเพราะว่าผมคิดมากไปเองหรือเปล่า หรือว่าคุณไม่ได้รักผมแล้ว? โยวโยว ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ คุณก็รู้มาโดยตลอดนี่ ……”
เมื่อได้ฟังคำพูดของเขา เฉียวโยวโยวก็อดไม่ได้ที่จะหดตัวเล็กน้อย
ตอนแรกแม้ว่าเขาจะทำผิดต่อเธอ แต่ภายหลังเขาปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี แต่เมื่อคืนนี้เธอ……
ดังนั้น เธอจึงพูดกับฟู้เจียนปอว่า: “ไม่มีนี่คะ เจียนปอคุณคิดมากเกินไปแล้ว ฉันแค่มีอาการกลัวก่อนแต่งงานเท่านั้นเองค่ะ”
ฟู้เจียนปอฟังแล้วก็ตกตะลึงอยู่สองนาที เขารู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขาถามเธอว่า: “โยวโยว เมื่อคืนนี้ผมฝันร้ายและฝันว่าคุณทิ้งผมไปแล้ว นั่นเป็นเพียงแค่ความฝันใช่ไหม?คุณจะแต่งงานกับผมใช่ไหม?”
เฉียวโยวโยวมองไปที่สีหน้าของฟู้เจียนปออย่างระมัดระวัง เช่นเดียวกับความวิตกกังวลภายใต้ดวงตาของเขา เธอก็เริ่มรู้สึกทนดูไม่ได้ เธอพยักหน้า: “อืม เราจะแต่งงานกันค่ะ”
ในที่สุดฟู้เจียนปอก็รู้สึกโล่งอก เขายิ้มให้เฉียวโยวโยว: “โยวโยว ผมรอวันที่จะแต่งงานกับคุณไม่ไหวแล้ว”
เฉียวโยวโยวรู้สึกว่าฟู่สีเกอดูเหมือนจะมีความอดทนถึงขีดจำกัดแล้ว ดังนั้นเขาจึงยิ้มให้ฟู้เจียนปอ:”ฉันขอตัวนอนต่อนะคะ” จากนั้นหันกลับมาที่ห้องและรีบปิดประตูระเบียง
เนื่องจากตัวล็อคถูกเตะพังทำให้ล็อคไม่ได้ แต่โชคดีที่ยังล็อคได้นิดหน่อย หลังจากที่เฉียวโยวโยวหันกลับมาก็เห็นฟู่สีเกอนั่งอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าหน้าดำคร่ำเครียด
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นฟู่สีเกอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้ และเธอก็อดรู้สึกผิดไม่ได้
เฉียวโยวโยวค่อย ๆ เดินเข้าไปและพูดกับเขาว่า: “ฉันจะดูว่ามีใครอยู่ข้างนอกหรือไม่ ถ้าหากไม่มีคุณรีบออกไปและกลับไปที่ห้องของคุณเถอะ?”
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอถามอีกครั้ง: “ใช่สิ ประตูห้องคุณไม่ได้ล็อกใช่ไหม? คุณเข้าห้องได้ไหม?”
อย่างไรก็ตาม หลังจากถามคำถามจบฟู่สีเกอก็ไม่ได้ตอบกลับใด ๆ
เฉียวโยวโยวอดไม่ได้ที่จะมองดูเขา และเขาก็เงยหน้าขึ้นหรี่ตามองอย่างอันตราย ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ
เมื่อทั้งสองสบตากัน ทั้งสองก็ไม่พูดอะไร ฟู่สีเกอลุกขึ้นก่อนแล้วก้าวเข้าไปหาเฉียวโยวโยวทีละก้าว
เขาทำให้เธอตกใจกลัวจนต้องก้าวเดินถอยหลัง จนกระทั่งแผ่นหลังไปกระทบกับผนังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ฟู่สีเกอวางมือไว้บนไหล่ของเฉียวโยวโยว และกดตัวเธอให้ติดผนังแล้วพาดแขนไว้กับกำแพง เขามองลงมาที่เธอ และความกดดันถูกปล่อยออกมาจากร่างกายของเขาทีละเล็กทีละน้อย
เฉียวโยวโยวรู้สึกว่าในขณะนี้ เธอเป็นเหมือนนักเรียนที่ทำผิดแล้วถูกคุณครูทำโทษยังไงยังงั้นแหละ คุณครูยังพูดไม่ทันจบ ตัวเองก็รู้สึกกลัวไปก่อนแล้ว
แต่ทำไมเธอต้องกลัวเขาด้วยล่ะ? เพราะการกระทำของเขาในตอนนี้เหรอ?
และเธอไม่ใช่คนของเขานี่นา เธอยังไม่ได้ทำอะไรผิดต่อเขาเลย แล้วทำไมเธอต้องกลัวด้วยล่ะ? !
เมื่อนึกได้เช่นนี้เฉียวโยวโยวก็ยืดตัวขึ้นทันที
เธอพูดกับฟู่สีเกอว่า: “สิ่งที่ฉันเพิ่งพูดไปเมื่อกี้นี้ คุณได้ยินหรือเปล่า? คุณควรกลับไปได้แล้ว มันไม่ดีทั้งกับคุณและฉัน!”
“แล้วสิ่งที่ผมพูดกับคุณ คุณได้ยินหรือเปล่า” ฟู่สีเกอเหล่ตาของเขา :“บอกเขาว่าคุณจะไม่แต่งงานกับเขา”
จู่ ๆไฟในหัวใจของเธอก็ถูกกระตุ้นโดยเขา: “มีสิทธิ์อะไร? คุณมีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องของฉัน?”
“ก็สิทธิ์ตรงที่คุณเป็นผู้หญิงของผมนะสิ!” หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็คว้าตัวเฉียวโยวโยวและจูบริมฝีปากของเธอทันที
ฟู่สีเกอในสภาพแบบนี้ทั้งดูแข็งแกร่งและอันตรายมาก หัวใจของเฉียวโยวโยวเต้นแรงถี่ขึ้นเรื่อย ๆ และเธอพยายามดิ้นรนอย่างหนัก แต่เขากลับเดินก้าวมาข้างหน้าอีก และกดทับร่างกายให้แนบชิดกับตัวเธอ แม้แต่ช่องว่างเพียงเล็กน้อยก็ไม่มี
เธอไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้ แม้แต่เธอจะยกเท้าไปเหยียบเขายังไม่สามารถทำได้เลย
มีเสียงคร่ำครวญในลำคอของเธอเหมือนลูกแมวกำลังกระซิบ
ฟู่สีเกอรีบจูบริมฝีปากเธออย่างเร่าร้อนทันที และเขาก็ผนึกลมหายใจทั้งหมดของเธอไม่ให้เธอมีโอกาสได้หายใจ
จูบดังกล่าวอัดแน่นเข้าไปในปอดของเฉียวโยวโยว เธอเหมือนถูกดูดอากาศออกเกือบจนหมด การต่อต้านของเธออ่อนแอลงและร่างกายของเธอก็หมดเรี่ยวแรงลงเนื่องจากขาดออกซิเจน
ฟู่สีเกอเหมือนรู้สึกบางอย่างได้เขาจึงค่อย ๆปล่อยเธอช้า ๆ เมื่อเธอหลุดจากเขา เธอก็พยายามเงยหน้าขึ้นและสูดอากาศบริสุทธิ์ ค่อยๆ บรรเทาความรู้สึกที่เหมือนขาดอากาศหายใจ
เฉียวโยวโยวมองไปที่ฟู่สีเกอด้วยสีหน้าท่าทางที่อดทน และร่างกายของเธอก็สั่นเล็กน้อย
หลังจากรู้สึกผ่อนคลายลง เธอก็ตระหนักได้ว่าร่างกายของเขาตื่นขึ้นแล้ว และในขณะนี้เหมือนไฟในร่างกายของเขากำลังร้อนราวกับก้นบุหรี่
เฉียวโยวโยวไม่กล้าพูดอะไร เพราะกลัวว่ามันจะกระตุ้นไฟที่อยู่ภายในตัวฟู่สีเกอให้ระเบิดออกมา
เป็นผลให้ทั้งสองยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ในที่สุดฟู่สีเกอก็เปิดปากพูดก่อน
“ผมขอโทษ” เขาพูดกับเธอ
เธอแปลกใจเล็กน้อย: “อะไรนะ?”
“ผมไม่ควรบังคับคุณจริง ๆ” ฟู่สีเกอเงียบไปครู่หนึ่งและพูดอย่างจริงจังว่า: “อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณจะยังยืนกรานที่จะอยู่กับเขาจริง ๆ คุณก็ต้องเสียใจที่คุณตัดสินใจแบบนี้”
“คุณหมายความว่า ถ้าฉันเลือกที่จะไม่อยู่ด้วยกันกับเขา ฉันก็จะไม่เสียใจอย่างนั้นใช่ไหม?” เฉียวโยวโยวมองเขา
“เรื่องนี้ผมก็ไม่สามารถคาดเดาได้” ฟู่สีเกอพูดว่า: “อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ของพวกคุณมันเกิดรอยแผลขึ้นแล้ว รอยแผลเช่นนี้ใช่ว่าคุณอยากจะมองข้ามคุณก็สามารถมองข้ามมันไปได้หรอกนะ เรื่องบางเรื่องอาจดูว่าเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเวลาที่คุณอ่อนแอนั้น มันก็จะย้อนกลับมาทิ่มแทงคุณอย่างแรงเช่นกัน ”
เขาจับหน้าเธอแล้วพูดว่า: “ทุกความสัมพันธ์จะมีช่วงเวลาที่เปราะบางและจะต้องเผชิญกับสิ่งล่อใจหรือสิ่งอื่น ๆ และในเวลานั้น ความรู้สึกที่ถูกละเลยก็จะไม่สามารถควบคุมได้โดยสัญชาตญาณ และเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่มีรอยร้าวและพังได้ในที่สุด”
เฉียวโยวโยวตกตะลึง และชั่วขณะหนึ่งเธอก็ไม่สามารถตอบโต้กลับได้เลย
ฟู่สีเกอกล่าวว่า: “จริง ๆแล้วในคืนที่เราอยู่ด้วยกันเป็นครั้งแรก ผมไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก ผมแค่รู้สึกว่าร่างกายของเรามีความกลมกลืนกันอย่างสมบูรณ์แบบ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าทำไมผมถึงให้ความสนใจกับคุณขนาดนี้?”
เฉียวโยวโยวไม่ค่อยคุ้นเคยกับฟู่สีเกอที่จริงจังเช่นนี้ ในดวงตาที่สวยงามของเขามีเงาของเธอสะท้อนให้เห็นในขณะนี้ซึ่งชัดเจนและสวยงามมาก มันทำให้ผู้คนรู้สึกได้รับสิ่งที่เรียกว่าความจริงใจ
แต่อย่างที่บอก เขามีแฟนมาหลายคนแล้ว แล้วยังมีอยู่หนึ่งคนที่เขาไม่เคยลืม เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ แล้วเขาจะมีช่วงเวลาที่จริงจังได้แบบนี้ได้อย่างไร?
เธอส่ายหัวและละทิ้งความรู้สึกประหลาดใจในหัวใจของเธอ: “ฉันไม่รู้”
“ตอนที่คุณช่วยชีวิตเสี่ยวถาง” ในขณะที่ฟู่สีเกอพูดอยู่นั้น ปลายนิ้วมือของเขาก็ลูบบนเส้นผมของเฉียวโยวโยวเบา ๆ และพบรอยแผลเป็นนั้น
เนื่องจากผมมีความหนา โดยปกติจึงไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน แต่เมื่อเขาสัมผัสมัน เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากหนังศีรษะโดยปกติทั่วไป
เขาบอกกับเธอว่า: “ผมเคยรู้จักผู้หญิงมาตั้งมากมาย มีทั้งดาราดังที่มาให้ผมออกแบบ และมีผู้หญิงรอบ ๆตัวผมอีกมากมาย แต่ผม กล้าพูดเลยว่า ผู้หญิงเหล่านั้นไม่มีใครจะไม่ลังเลและโง่เหมือนคุณที่จะใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยชีวิตของคนอื่นเลยสักคน”
ฟู่สีเกอมองตรงเข้าไปในดวงตาของเฉียวโยวโยว: “เฉียวโยวโยว แต่คุณกลับเป็นคนโง่คนนั้น ดังนั้นผมจึงสนใจคุณ”