ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 210 นี่กล้าว่าแฟนผมเหรอ ปากวอนหาเรื่องจริง ๆ!
หลังจากนั้นไม่นานฟู่สีเกอก็อาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกจากห้องน้ำ
ผมของเขายังคงมีน้ำหยดปลอย ๆ เขาเหลือบมองที่กระเป๋าและเลิกคิ้วให้เฉียวโยวโยว: “คุณเห็นแล้วเหรอ?”
“ไม่” เฉียวโยวโยวพูดปากไม่ตรงกับใจ
“ถ้าเช่นนั้นอาบน้ำเสร็จแล้วออกมาค่อยดู” ฟู่สีเกอยื่นผ้าเช็ดตัวให้เธอ: “ไปอาบน้ำเถอะ!”
เฉียวโยวโยวยื่นมือออกไปรับ: “ควรต้องมีเสื้อผ้าที่สะอาดมาเปลี่ยนด้วยไหม?”
“ส่วนไหนของร่างกายคุณที่ผมยังไม่เคยเห็นบ้าง?และมีส่วนไหนที่ผมยังไม่เคยสัมผัสบ้าง ไม่ว่าจะสัมผัสเรือนร่างภายนอกหรือภายในผมก็เคยสัมผัสมันมาจนหมดแล้ว……” ฟู่สีเกอยังจะพูดต่ออีก แต่เมื่อเฉียวโยวโยวมองเขาด้วยสายตาตักเตือนแล้ว เขาจึงเอาเสื้อผ้าออกจากกล่องแล้วพูดด้วยน้ำเสียงยอมจำนนว่า: “เอาล่ะ เดี๋ยวคุณใส่ชุดนี้ออกมา”
เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดชุดนั้นเตรียมไว้สำหรับเธอจริง ๆ?
เฉียวโยวโยวมองดูแบรนด์นั้นและรู้สึกคุ้นตาเล็กน้อย
จำได้ว่าเมื่อก่อนสมัยที่เธออาศัยอยู่ต่างประเทศ ดูเหมือนเธอเคยเห็นในนิตยสาร……
เธอตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นมองฟู่สีเกอ: “ชุดนี้ราคาต้องแพงมากใช่ไหม?”
“ไม่รู้สิ ผมไม่ได้ใช้เงินเลย” ฟู่สีเกอพูดอย่างเป็นธรรมชาติ
อันที่จริงเขาไม่ได้ใช้เงินเลยจริง ๆ เนื่องจากแบรนด์เป็นของตัวเอง เขาจึงแจ้งแค่ขนาดตัวเฉียวโยวโยวเท่านั้น และผู้ช่วยก็ส่งเสื้อผ้ามาให้ทันที
สำหรับจำนวนเงินเท่าไหร่นั้น เขาไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย
เฉียวโยวโยวดูแล้วเหมือนเขาจะไม่ได้พูดล้อเล่นจริง ๆ ดังนั้นเธอจึงพูดว่า “สปอนเซอร์มอบให้ทำนองนั้นหรือเปล่า?”
“เจ้าโยวเด็กโง่ คุณนี่เป็นคนที่มีจินตนาการสูงจริง ๆ” ฟู่สีเกอลูบผมของเฉียวโยวโยว: “อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ขโมยมาหรือปล้นมาหรอกนะ มันได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย คุณสวมใส่มันอย่างสบายใจเถอะ!”
ในขณะที่พูดอยู่นั้นเขาก็ผลักเธอเข้าไปในห้องน้ำ
น้ำอุ่นไหลสาดลงมาและเฉียวโยวโยวมองลงไปที่ร่องรอยบนร่างกายของเธอ ชั่วขณะหนึ่งเธอก็ไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเองเลย
แม้ว่าฟู่สีเกอจะพยายามไม่ทิ้งรอยไว้ที่คอของเธอ แต่บนเรือนร่างของเธอถูกเขาทำจนเต็มไปด้วยรอยสีแดงคล้ายสตรอเบอร์รี่ไปทั้งตัว
ร่องรอยของอารมณ์ปรารถนานั้น ดูเหมือนจะจงใจจะทำให้เธอต้องขีดเส้นตายตัดขาดกับฟู้เจียนปออย่างชัดเจน และในขณะเดียวกัน เขาก็ประกาศความเป็นเจ้าของเธออีกด้วย
ดังนั้นเธอคบกับฟู่สีเกอจริง ๆแล้วเหรอ?
เฉียวโยวโยวรู้สึกว่ามันไม่ใช่ความจริงเลยสักนิด แต่เรือนร่างของเธอในกระจกนั้นแสดงให้เห็นว่านี้คือความจริงอยู่ตลอดเวลา
เธอรู้สึกปวดหัวจนต้องนวดขมับ ทำไมเธอถึงต้องหลงใหลความยั่วยวนของฟู่สีเกอขนาดนั้นด้วย เธอตัดสินใจที่จะอยู่กับเขาจริงๆ เหรอ?
ไม่ ช่องว่างระหว่างเรานั้นมันแตกต่างกันมากเกินไป ก็เหมือนดั่งเช่นวันนี้
ผู้หญิงอย่างตู้ลี่ลี่นั้นชอบเสแสร้งทำเป็นจริงใจก็ต่อเมื่ออยู่หน้ากล้องเท่านั้นแหละ นี่กลับต้องมาเอาอกใจเขาเนี่ยนะ อีกทั้งยังมีเสื้อแบรนด์นี้อีก ทั้งทั้งที่ต้องมีการจองล่วงหน้าถึงจะได้ของ แต่ว่าเขาแค่กดสายโทรออกก็มีคนส่งมาให้ถึงที่เลย……
เฉียวโยวโยวถอนหายใจออกมา เพียงรู้สึกว่าความคิดในหัวของเธอเริ่มยุ่งเหยิง
หลังจากที่เธออาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมา ฟู่สีเกอกำลังนั่งอ่านนิตยสารอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง และเมื่อเขาเห็นเธอออกมา เขาก็กระโดดเข้ามาใกล้ไปแล้วพูดว่า: “เจ้าโยวเด็กโง่ ไหนยืนขึ้นและให้ผมดูดี ๆหน่อยสิ!”
เนื่องจากเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง ดังนั้นเสื้อผ้าที่เขาเตรียมไว้สำหรับเธอนั้นเป็นเสื้อผ้าตามฤดูกาลถือเป็นปัจจัยหลัก นอกจากนี้เน้นความอบอุ่นยังเป็นแฟชั่นที่ทันสมัยอีกด้วย
ด้านในเป็นเสื้อสเวตเตอร์ผ้าทอลายทแยงสีขาว น้ำเงินทรงหลวม มีชายเสื้อด้านหน้าและด้านหลังยาวเท่า ๆกัน ด้านล่างเป็นกางเกงทรงดินสอสีดำ และตรงสะโพกมีโลโก้แนวนอนอีกด้วย
ทั้งสองแบบเป็นสไตล์ค่อนข้างเรียบง่าย แต่พอสวมใส่แล้วเน้นส่วนเว้า ส่วนโค้ง เส้นกรอบของสรีระเห็นได้อย่างชัดเจน
เฉียวโยวโยวไม่ได้ส่องกระจกดูอย่างละเอียด เมื่อยืนอยู่หน้ากระจกแบบนี้ เธอพบว่าขาของเธอเรียวมาก และโลโก้ที่ปักอยู่ตรงสะโพกนั้นยิ่งทำให้เห็นส่วนโค้งเว้ามากกว่าปกติเล็กน้อย
ร่างกายท่อนบนของเธอค่อนข้างอวบ แต่เมื่อเทียบกับฉากหลังของเสื้อสเวตเตอร์เธอกลับดูผอมมาก แถมตัวเธอรู้สึกผิวพรรณดีผ่องใสอมชมพู
เธออดไม่ได้ที่จะพูดกับฟู่สีเกอว่า: “ตอนที่ฉันหยิบมันขึ้นมาฉันยังรู้สึกว่าเสื้อผ้านั้นดูธรรมดา ดูเหมือนว่าในห้างสรรพสินค้าก็มีขายทั่วไป แต่ทำไมเวลาสวมใส่แล้วผลลัพธ์มันช่างแตกต่างกันสิ้นเชิง? ”
“เพราะในห้างไม่ได้รู้รายละเอียดและขนาดไซส์ตัวคุณเท่ากับผมนี่” ฟู่สีเกอโน้มตัวและพูดว่า :“คุณรู้สึกไหมว่าการที่มีผู้ชายคนหนึ่งรู้สัดส่วนของตัวเองนั้นมันก็ดีไม่ใช่น้อยเลย?”
เฉียวโยวโยวเอื้อมมือออกไปและตีเขาอย่างหมั่นไส้: “คุณหัดจริงจังขึ้นนิดคุณจะตายหรือไง?”
“การเอาจริงเอาจังต้องขาดใจตายแน่นอน!” ฟู่สีเกอแสร้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บและพูดว่า: “เอาล่ะ ที่รัก คุณนั่งลงแล้วออกแบบทรงผมให้ผมหล่อ ๆหน่อยเร็วเข้า!”
ในขณะที่เขาพูดอยู่นั้น เขาดึงเฉียวโยวโยวนั่งลงบนเก้าอี้ เขาขอให้เธอหันหลังให้กระจก และอยู่ตรงข้ามกับเขา จากนั้นทาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวให้กับเธอ
เฉียวโยวโยวไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง เวลาไปร้านเสริมสวยเป็นครั้งคราวนั้น ส่วนมากช่างเสริมสวยล้วนเป็นผู้หญิง
ตอนนี้ฟู่สีเกออยู่ตรงหน้าเธอแล้วทำให้เธอรู้สึกกดดันเป็นพิเศษ ดังนั้นเธอจึงพูดว่า: “ฉันจะทำเองดีกว่า!”
“เจ้าโยวเด็กโง่ มีคนส่วนมากอยากให้ผมไปออกแบบทรงผมให้ผมยังไม่คิดจะไปเลย นี่ผมตั้งใจออกแบบให้คุณมาก และแต่คุณกลับทำท่าทางว่ารังเกียจผมงั้นเหรอ……” ฟู่สีเกอพูดด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคืองเล็กน้อย .
“ฮึ่ม พวกเธอชอบหาคุณ ดังนั้นคุณก็ไปทำให้พวกเธอสิ!” เฉียวโยวโยวกล่าวว่า: “ฉันเดาว่าแค่คุณโชว์ตัว ลี่ลี่คนนั้นก็คนออกมาใช้บริการคุณคนแรกเลย!”
“หึงเหรอ?” ฟู่สีเกอกระพริบตา ดวงตาของเขาเป็นประกาย
เฉียวโยวโยวพูดว่า: “หึงบ้าไร ฉันแค่ทนเห็นท่าทางที่หยิ่งยโสของคุณแบบนี้ไม่ได้ต่างหากเล่า!”
“ตกลง ผมยอมคุณทุกอย่าง คุณพูดอะไรก็แบบนั้น!” ในขณะที่ฟู่สีเกอพูดอยู่นั้นเขาก็รองพื้นให้กับเฉียวโยวโยว
ในเมื่อเขาได้ลงมือแต่งหน้าให้กับเธอแล้ว และเธอไม่สามารถหยุดเขาได้ ดังนั้นเฉียวโยวโยวจึงต้องปล่อยให้ฟู่สีเกอแต่งหน้าให้เธอตามอำเภอใจ
ห้องแต่งตัวเงียบสงัดจนมีเพียงเสียงหายใจของคนสองคนเท่านั้น
เนื่องจากพวกเขาอยู่ใกล้กันมา ดังนั้นเฉียวโยวโยวจึงสามารถมองเห็นขนตาทุกเส้นของฟู่สีเกอได้อย่างชัดเจน
ท่าทางที่จริงจังของเขาเช่นนี้ จริง ๆแล้วก็มีเสน่ห์เหมือนกันนะเนี่ย เธอจ้องทุกส่วนไปทั่วใบหน้าของเขาอย่างเงียบ ๆ
ลักษณะใบหน้าของเขานั้นงดงามและหล่อเหลามาก เพราะอารมณ์ที่เขามักจะแสดงออกนั้นค่อนข้างดื้อรั้นกว่าเล็กน้อย
เธอรู้สึกว่าเธอไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว หน้าตาของเขาแบบนี้มักจะดึงดูดและเป็นไอดอลของเด็กวัยรุ่นเท่านั้น และมันก็ไม่น่าจะดึงดูดสาว ๆ ในวัยแบบเธอได้แล้วล่ะ แต่ทำไมเธอถึงพบว่าเธอไม่อาจละสายตาจากเขาได้เลย?
เป็นเพราะรูปร่างหน้าตาที่จริงจังของเขา มันมีความไร้เดียงสาและความน่ารักอยู่ด้วยอย่างนั้นเหรอ?
หรือเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาที่จริงจังเป็นครั้งคราวของเขา และเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของผู้ชายที่ดูสุขุมและเป็นผู้ใหญ่?
สุดท้ายจนกระทั่งฟู่สีเกอเริ่มพูด: “คุณหลับตาก่อน”
เฉียวโยวโยวตระหนักได้ว่าเธอกำลังจ้องมองไปที่เขาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเธอจึงรีบหลับตาแน่นทันที
เดิมทีคิดว่ามองไม่เห็นแบบนี้มันน่าจะดีที่สุดแล้ว แต่เธอกลับพบว่ามันยิ่งแย่กว่าเดิมอีก
เธอไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ เธอแค่รู้สึกว่าปลายนิ้วของเขาสัมผัสแก้มของเธอเป็นระยะ ๆ รู้สึกนุ่มนวลอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่าเขากำลังลูบไล้หน้าเธออยู่ยังไงอย่างนั้นแหละ
เพราะอยู่ใกล้เกินไป เธอได้กลิ่นเจลอาบน้ำจางๆ บนร่างกายของเขา และเป็นกลิ่นที่เป็นเอกลัษณ์ของเขาโดยเฉพาะ และกลิ่นนั้นมันโชยเข้าจมูกของเธอ
เธอมองไม่เห็นเขา รู้เพียงว่าระยะห่างระหว่างเขากับเธอไม่เกินคืบ ความรู้สึกเหมือนคู่รักกำลังพลอดรักกันยังไงยังงั้นแหละ
ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวของเฉียวโยวโยว
เขาแต่งหน้าทำผมให้กับดาราสาวเหล่านั้น ก็น่าจะเหมือนกันกับแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? เขาหล่อมากขนาดนี้ พวกเธอจะแอบรู้สึกหวั่นไหวไหมนะ?
ดังนั้น ก่อนหน้านี้ที่เขามีแฟนเยอะขนาดนั้น มันก็น่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ด้วยหรือเปล่านะ?
เขาต้องทำงานร่วมกับคนผู้หญิงอยู่ตลอดเวลา และคาดว่าอีกไม่นานเขาคงจะไปชอบคนอื่นอีกใช่ไหม?
เมื่อเธอนึกถึงตรงนี้ เฉียวโยวโยวก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เธอเริ่มคิดถึงแต่เรื่องของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ความคิดเหล่านั้นของเธอเมื่อกี้นี้ นี่คงคิดว่าตัวเองนั้นเป็นแฟนของเขาจริง ๆล่ะสินะ นี่คิดจากส่วนไหนในสมองกันเนี่ย?
แต่อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกยังไงกับเขากันแน่ เธอก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน ทั้ง ๆที่เธอยังไม่ได้ตัดสินใจเลย
ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าเธอรู้สึกว่าปัญหาระหว่างเธอและฟู้เจียนปอนั้นมันมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และจำเป็นต้องเลิกรา แต่มันก็ควรต้องเว้นระยะเวลาในการทำใจหน่อยไม่ใช่เหรอ เลิกรากับฟู้เจียนปอปุ๊บก็มาคบกับฟู่สีเกอเลยเนี่ยนะ
“นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่?” ฟู่สีเกอถาม: “เจ้าโยวเด็กโง่ จู่ ๆก็รู้สึกว่าคุณเหมาะที่จะเป็นนักแสดง ดูสีหน้าของคุณสิแสดงออกมาอย่างชัดเจนขนาดนี้!”
เฉียวโยวโยวตระหนักได้ในทันที และเปลี่ยนหัวข้อคุยกัน: “อีกนานแค่ไหนเนี่ย?”
“10 นาที” ในขณะที่ฟู่สีเกอพูดอยู่นั้นก็ยืนขึ้นทันที: “แต่งหน้าเสร็จแล้ว ตอนนี้ผมจะออกแบบทรงผมให้คุณ”
พูดจบ เขาก็หยิบผ้าขนหนูและเช็ดผมให้กับเฉียวโยวโยว
เฉียวโยวโยวรู้สึกว่ามีนิ้วเรียวยาวของเขาลูบผ่านผมของเธอ ลูบไล้เบา ๆ แต่ไม่ขาดสัมผัสที่บดขยี้ ฟู่สีเกอเกือบแนบชิดหลังของเธอและรู้สึกสัมผัสผ่านเสื้อไปยังร่างกายของเธอ แล้วเธอก็รู้สึกว่ามันร้อนวูบวาบเล็กน้อย
หลังจากเช็คด้วยผ้าขนหนู เขาก็ใช้ไดร์เป่าผมเป่าผมของเฉียวโยวโยวจนแห้ง และหวีผมให้กับเธอจนเรียบ จากนั้นจึงเริ่มจัดแต่งทรงง่าย ๆ
เฉียวโยวโยวมองดูนาฬิกาของเธอ: “สไตลิสฟู่คะ ในสิบนาทีเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งนาทีแล้วนะ!”
“อันที่จริงถ้าเป็นคนอื่น ห้านาทีก็เสร็จแล้ว” ฟู่สีเกอกล่าว
“ทำไม?” เฉียวโยวโยวหันศีรษะ เธอใช้หางตามองดูตัวเองในกระจก แต่ถูกฟู่สีเกอบังไว้
“เพราะถ้าหากเป็นคนอื่น ผมจะไม่ช่วยเป่าผมให้แห้ง และไม่ต้องเป่าผมจริงจังขนาดนั้น เพราะมันไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลยถ้าเธอเป็นหวัด” ฟู่สีเกอปล่อยผมของเธอพร้อมพูดว่า: “เอาล่ะ”
เฉียวโยวโยวสูดหายใจเข้าลึก ๆ เธอจงใจเพิกเฉยต่อความหมายของคำพูดของเขา จากนั้นจึงหันหลังกลับมา
ในอดีตฉันเคยได้ยินหลานเสี่ยวถางพูดว่าในอุตสาหกรรมแฟชั่นกล่าวว่าฟู่สีเกอมีมือวิเศษ แต่เธอไม่เชื่อ
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นตัวเองในกระจกในเวลานี้ ในที่สุดเฉียวโยวโยวก็รู้ว่ามันคือความสามารถเฉพาะตัวของเขา และไม่ใช่ชื่อเสียงที่ได้มาโดยปากเปล่าเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าเขาใช้เครื่องสำอางพื้นฐานเท่านั้น แต่เธอกลับพบว่าลักษณะใบหน้าของตัวเองไม่เคยแต่งออกมาสวยและดูมีมิติขนาดนี้เลย
เธอมีใบหน้ารูปไข่ และมีเนื้อที่แก้มเล็กน้อย แต่ตัวเองในกระจกนั้นเกือบจะกลายเป็นใบหน้าเรียว วีเชฟเล็กลง ที่กาแสกำลังมาแรงในทีวี
แก้มเล็ก น่ารัก ตาโตเหมือนยิ่งมีพลัง จมูกตั้งตรงโปร่งใส ผิวไม่มีฝ้า ดูแล้วเหมือนใช้แอปMeitu Xiuxiu แต่งรูปออกมาอย่างนั้นแหละ
ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีนั้นผมของเธอเป็นผมตรงอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นเพราะผมค่อนข้างแห้ง หลังจากสระผมและเป่าแห้ง ผมค่อนข้างชี้ฟู แต่ตอนนี้ผมกลับดูไม่ชี้ฟูเลยสักนิด
ไม่เพียงเท่านั้น มันยังเงางามและเป็นธรรมชาติอีกด้วย ซึ่งทำให้เธออยากจะรู้ว่าแชมพูที่อยู่ข้างในนั้นคือแชมพูอะไร
เขาออกแบบทรงผมของเธอด้วยลอนผมหลายม้วนที่ปลายผมของเธอ และผมที่หน้าผากยาวของเธอก็ถูกม้วนเป็นลอน ห้อยอยู่สองข้างของหน้าม้าของเธอ ดูเหมือนเจ้าหญิงน้อยผู้งามเลิศ
ทรงผมนี้ออกแบบเรียบง่ายและไม่เว่อร์เกินไป อีกทั้งยังดูน่ารักสดใส และเป็นผู้หญิงที่ดูแพงเช่นกัน
“เป็นยังไงบ้าง? คุณชอบไหม? ” ฟู่สีเกอยืนอยู่ข้าง ๆเฉียวโยวโยว หันหน้าถามเธอในกระจก
เธอกัดริมฝีปากและพยักหน้า: “อืม ฉันชอบ!”
ผู้หญิงรักสวยรักงาม มีใจที่อยากสวย และอีกอย่างเฉียวโยวโยวรู้สึกว่าตั้งแต่ตัวเองเกิดมาจนอายุ 25 ปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอสวยได้ขนาดนี้
“ไปกันเถอะ ไปให้ตู้ลี่ลี่ประหลาดใจหน่อย และเสียใจกับสิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้!” ในขณะที่ฟู่สีเกอพูดอยู่นั้น เขาก็จูงมือเฉียวโยวโยวแล้วเดินออกไปทันที
“ไม่จำเป็นมั้งคะ?” เฉียวโยวโยวมองไปที่ฟู่สีเกอ: “เสื่อฤดูร้อน คุณอย่าเป็นคนใจแคบขนาดนี้สิคะ เธอแค่พูดคำว่า ‘จืดชืด’เท่านั้นเอง นี่คุณยังโกรธเคืองอยู่อีกเหรอ?”
“ใครบอกให้เธออยากดูถูกแฟนของผมล่ะ!” ฟู่สีเกอเลิกคิ้ว :“เมื่อกี้นี้ผมไม่ได้แต่งหน้าให้เธอจนดูอัปลักษณ์และน่าเกลียดเลย ทั้งหมดเป็นเพราะให้เกียรติคุณต่างหาก!”