ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 218 จะเอาอะไรมาแลกกับยาล่ะ
หลานเสี่ยวถางชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง รองประธานบริษัทของ Times Group ไม่ใช่สือมูชิงหรือ?
ก่อนหน้านี้ สือเพ่ยหลินนั้นเป็นเพราะว่าติดยาเสพติด ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกา ก็ไม่ทราบเลยว่าไปที่ไหนแล้ว
ตอนนี้ สือมูชิงมาหาเธอทำไมนะ?
จู่ ๆ ในตอนนั้นเอง หลานเสี่ยวถางเป็นเพราะได้นึกถึงข่าวที่กักเก็บข้อมูลก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ เป็นเพราะว่าที่กักเก็บข้อมูลทางฝั่งนั่นได้ให้ประโยชน์เป็นจำนวนมาก ดังนั้นแล้ว เธอจึงไม่ได้นำเรื่องราวมาใส่ใจเลย
ตอนนี้ สือมูชิงตามหาเธอ หรือว่าจะเป็นเพราะว่ามาเพื่อกางไพ่ที่อยู่ในมือกันนะ?
เมื่อเห็นว่าสือมูเฉินยังไม่ตื่น จงใจที่จะมาเยาะเย้ยพวกเขา นำตำแหน่งที่ประธานบริษัทที่เสียไปแล้วได้กลับคืนมาแล้วอย่างนั้นสินะ?!
หลานเสี่ยวถางบันดาลโทสะเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็สาวเท้าก้าวยาวออกไป
ซูสือจิ่นสั่งอาหารเสร็จแล้ว เห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี จึงหันไปฝากฝังกับเจียงซีหยู่สองสามประโยค หลังจากนั้นก็ตามหลานเสี่ยวถางไปแล้ว
หลานเสี่ยวถางเห็นว่าเป็นสือมูชิงที่มาพร้อมกันกับสือเพ่ยหลิน ทันใดนั้นเองก็ตกตะลึงเล็กน้อย แต่ทว่า เธอเอ่ยปากแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรเท่าใดนักว่า “ที่ทั้งสองท่านมา จะมาซ้ำเติมกันหรือเปล่าคะ?”
“เสี่ยวถาง——”นัยน์ตาของสือเพ่ยหลินมีความเจ็บปวด “พวกเรามาเยี่ยมอา”
“ฮ่า ๆ การประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่ในตอนเช้าของวันนี้เกรงว่าจะราบรื่นมาก ๆ เลยใช่ไหมคะ?” มุมปากของหลานเสี่ยวถางมีแต่คำเสียดสีพรั่งพรูออกมา “เมื่อครู่นี้เพื่อนของฉันบอกว่ามีท่านรองประธาน Times Group มาหา เกรงว่า เดี๋ยวฉันก็คงจะต้องเปลี่ยนคำเรียกแล้วหรือเปล่านะ?”
“ไม่ใช่นะ” สือเพ่ยหลินเอ่ย “ผมกับคุณพ่อไม่ได้วางแผนอยากที่จะได้ตำแหน่งประธานบริษัทนะ”
หลานเสี่ยวถางตกตะลึงเล็กน้อย เธอหรี่ตาลง เมื่อคิดได้ว่าหน้าประตูไม่ใช่สถานที่ที่ควรจะพูดคุยกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จึงพาทั้งสองคนเข้าไปในห้องพักของหยานชิงเจ๋อก่อนหน้านี้แทน หลังจากนั้นก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า “ถ้าทั้งสองท่านมีอะไรจะพูด ก็พูดมาตามตรงเลยเถอะค่ะ!”
สือมูชิงไม่ชื่นชอบท่าทางในตอนนี้เป็นอย่างมาก เขามีนิสัยสูงส่งอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าหลานเสี่ยวถาง เมื่อก่อนเขาเคยเป็นลูกสะใภ้ของเขา แสดงความเคารพยำเกรงต่อเขา แต่ทว่าตอนนี้……
แต่ทว่า เพื่อชีวิตของบุตรชายแล้ว เขาจึงจำเป็นที่จะต้องวางมาดลง!
สือมูชิงเอ่ยปากขึ้นมาว่า “เสี่ยวถาง เรื่องที่เพ่ยหลินไม่สบายเธอเองก็น่าจะรู้อยู่แล้ว อีกทั้งฉันได้ยินเพ่ยหลินบอกว่า ยาอยู่ในกำมือของเธอ ดังนั้นแล้ว ที่พวกเรามากันในครั้งนี้ เป็นเพราะว่าคิดจะมาขอร้องยาให้กับเพ่ยหลิน เธอลองดูก่อนว่ามีข้อต่อรองอะไรหรือเปล่า ขอเพียงแค่ฉันสามารถทำได้ ฉันก็จะทำอย่างสุดกำลังเลยนะ……”
ทางด้านข้าง ซูสือจิ่นเป็นเพราะว่าไม่เข้าใจความเป็นมาก่อนหน้าเลย เมื่อได้ยินคำที่น่าเวทนาเหล่านี้แล้ว จึงไม่ได้ยู่ปากอะไร
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง” หลานเสี่ยวถางสบตามองสือเพ่ยหลิน “เป็นคุณที่เข้าไปขวางการประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่เอาไว้หรือคะ?”
สือเพ่ยหลินหลุบตามองต่ำ “ใช่”
ในตอนนั้นเอง เขารู้สึกว่าศักดิ์ศรีของตนเองราวกับว่าถูกเหยียบเอาไว้ใต้เท้าแล้ว ที่ผ่านมาที่เขาดูแคลนหลานเสี่ยวถาง รู้สึกว่าเธอตบหน้าของเขาจนทำให้เขาโกรธ
แต่ทว่าในตอนที่เขาค้นพบแล้วว่าตนเองหลงรักเธอนั้น เธอเสียดสีราวกับว่าเป็นใบมีดแหลมคมเลยจริง ๆ ทำให้หัวใจของเขาได้รับบาดเจ็บจากคมมีดจนเนื้อเหวอะหวะ
ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบการร้องขออย่างขอทานเช่นนี้ แต่ทว่า เขาก็ยังคงทำได้เพียงแค่วางมาดของตนเองเอาไว้ เป็นเพราะว่า เขานั้นหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ
มีชีวิตอยู่ต่อเพื่อมีความหวัง หวังว่าจะสามารถชดใช้ทดแทนความสูญเสียของตนเองก่อนหน้านี้มาได้ อีกทั้งยังมีหวัง หวังว่าสักวันจะสามารถนำของล้ำค่าที่สูญเสียไปกลับคืนมา!
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” หลานเสี่ยวถางเอ่ยปาก “รอฉันพิจารณาครู่หนึ่งนะคะ”
พูดไป เธอก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่าง
ที่ด้านล่างของทั้งเมืองเต็มไปด้วยแสงไฟ หลานเสี่ยวถางหวนนึกถึงวันนั้น ในตอนที่ในที่สุดสือมูเฉินก็แย่งชิงตำแหน่งของ Times Group กลับคืนมาได้ สายตาของเขาตื่นเต้นและปีติมากนั้นไหน ราวกับว่าจุดไปเอาไว้เป็นพันเป็นหมื่นดวงเลยทีเดียว
เธอรู้ เขาแย่งชิงกลับมานั้นไม่ได้เป็นเพราะว่าเขารักตำแหน่งประธานบริษัทนี้หรอก แต่ทว่านั่นเป็นของที่บิดาของเขาทิ้งเอาไว้ให้กับเขา ความรักของบิดาที่เป็นหลักฐานยืนยันนั้นจะต้องกักเก็บคืนมาต่างหาก!
อีกทั้งหลานเสี่ยวถางก็นึกขึ้นมาได้อีกว่า ในคืนนั้น สือมูเฉินกอดเธอเอาไว้ในอ้อมกอด น้ำตาของเขาไหลรินออกมา ก่อนจะสัมผัสเข้าที่หัวไหล่ของเธอ
เขาเป็นเพราะว่าโจวเหวินซิ่วทำร้ายเขาจนเจ็บปวดมากมายขนาดนั้น ถ้าหากว่า เขารู้ว่าในช่วงเวลาที่หลงทางอย่างสับสนอยู่ โจวเหวินซิ่วอีกทั้งยังโจมตีเขาอย่างสุดกำลังอยู่อีก แม้กระทั่ง ก่อนหน้านี้สองสามวันที่พวกเราจะประสบกับการโจมตีและอุบัติเหตุนั้น ก็อาจจะเป็นเพราะทั้งหมดนี้โจวเหวินซิ่วเป็นคนทำก็ได้ ถ้าอย่างนั้นแล้วสือมูเฉินจะเจ็บปวดมากขนาดไหนกันนะ?
หลานเสี่ยวถางยืนนิ่งไม่พูดไม่จาอยู่ที่หน้าต่าง อีกทั้งที่เขตโซฟาก็มีสือมูชิงกับสือเพ่ยหลินที่ภายในหัวใจก็ยังครุ่นคิดอยู่ด้วยเช่นกัน
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ในที่สุด หลานเสี่ยวถางก็หมุนกายกลับมา
เธอตัดสินใจบางอย่างได้แล้ว
เธอมาหยุดยืนอยู่ที่ตรงหน้าของสือมูชิงสองพ่อลูก หลังจากนั้นก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า “ยาสามารถให้กับพวกคุณได้นะคะ แต่ทว่า ฉันมีข้อแม้อยู่ข้อแม้หนึ่งค่ะ”
หัวใจของสือมูชิงผ่อนคลายลงทันที เอ่ยว่า “ข้อแม้อะไรหรือ?”
หลานเสี่ยวถางเอ่ยขึ้นตามตรงว่า “หุ้นแปดเปอร์เซ็นต์ของแม่ของมูเฉิน ฉันหวังว่าพวกคุณจะมอบมันให้ฉันค่ะ”
นี่เหมือนกับที่สือมูชิงคาดเดาเอาไว้ในใจได้ก่อนหน้านี้เลย แต่ทว่า หลานเสี่ยวถางก็ไม่ได้ถือโอกาสนี้เป็นเสือที่อ้าปากใหญ่นัก ดังนั้นแล้ว สือมูชิงจึงตอบรับไปโดยตรงว่า “ไม่มีปัญหา”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นแล้วก็ตามนี้ค่ะ ค่ำวันนี้ฉันจะติดต่อให้คนนำยาล็อตแรกมาให้ค่ะ ในขณะเดียวกัน พวกคุณก็ต้องรีบติดต่อทนาย ทิ้งหุ้นก่อนหน้านี้ของท่านหญิงโจวเหวินซิ่วแปดเปอร์เซ็นต์นั่น แล้วก็ส่งมอบมันให้กับฉัน”
สือมูชิงเองก็เกรงว่าจะฝันไปอยู่ ที่กลัวไปกว่านั้นเลยก็คือหลังจากนี้หลานเสี่ยวถางจะฟังคำพูดของใคร แล้วจะรู้สึกว่าตนเองนั้นได้น้อยมาก ดังนั้นแล้ว จึงรีบพยักหน้าทันที “ได้เลย พวกเราจะติดต่อกันเดียวนี้เลย เพื่อที่จะเตรียมถ่ายโอนหุ้น”
“รอเดี๋ยวค่ะ” หลานเสี่ยวถางแสดงท่าทางหยุดออกมาครั้งหนึ่ง
หัวใจของสือมูชิงตื่นตัวขึ้นมาทันที “เสี่ยวถาง ยังมีปัญหาอะไรอีกหรือเปล่า?”
“มีข้อเรียกร้องอีกจริง ๆ ค่ะ” หลานเสี่ยวถางเอ่ย เรื่องที่คุณจะโอนหุ้นแปดเปอร์เซ็นต์ให้กับฉัน ไม่ต้องบอกกับมูเฉิน ในขณะเดียวกันนั้นเอง หุ้นแปดเปอร์เซ็นต์ของคุณหญิงโจวเหวินซิ่วที่ให้กับคุณนั้น ก็ไม่ต้องบอกเขาเช่นกัน”
หัวใจของสือมูชิงกระตุกทันที หรือว่าหลานเสี่ยวถางคิดที่จะหักหลังสือมูเฉินกันนะ? เขายิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้สิ ในเมื่อ ยานี่เป็นของเธอ พวกเราตอบแทนเธอนั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติมาก”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ” หลานเสี่ยวถางเอ่ย “ฉันเพียงแค่หวังว่า สือมูเฉินจะไม่รู้ว่าแม่ของเขาทำเช่นนั้นกับเขา แล้วก็ไม่อยากให้เขารู้ด้วย ว่าตำแหน่งประธานบริษัทนั่นของเขาตอนนี้ เป็นเพราะได้มาจากการแลกยากับเพ่ยหลิน ฉันไม่อยากให้เขารู้สึกว่าตนเองไร้ค่าแม้แต่นิดเดียวน่ะค่ะ!”
สือเพ่ยหลินได้ยินคำพูดของหลานเสี่ยวถาง จู่ ๆ ก็ช้อนสายตาขึ้นอย่างรวดเร็ว ประสานสายตาเข้ากับเธอ
เขาได้ยินแล้ว สือมูชิงที่นั่งอยู่ทางด้านข้างตกปากรับคำอย่างง่ายดาย “ได้สิ”
ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าตนเองนั่งไม่ไหวอีกต่อไปแล้วเล็กน้อย เขาลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันไปเอ่ยกับหลานเสี่ยวถางและสือมูชิงว่า “ผมขอตัวออกไปเดินเล่นหน่อยแล้วกันครับ ประเดี๋ยวจะกลับมาใหม่”
“ได้สิ” สือมูชิงพยักหน้าขึ้นลง “อย่าเดินไปไหนไกลนักล่ะ เสี่ยวถางยังต้องเตรียมยาเพื่อแกอีก”
“ทราบแล้วครับ” สือเพ่ยหลินพยักหน้า ก่อนจะสาวเท้าออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
เขามาจนกระทั่งถึงที่ชั้นล่างของโรงพยาบาล สายลมเย็น ๆ พัดเข้ามาสายหนึ่ง ถึงจะตื่นออกจากภวังค์
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยนี่ว่าเป็นเรื่องที่ควรที่จะดีใจ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าชีวิตของเขานั้นสามารถยืดออกไปต่อได้แล้ว แต่ทว่า ทำไมได้ยินคำพูดของหลานเสี่ยวถางที่คำนึงถึงสือมูเฉินนั้นแล้ว หัวใจของเขากลับพรั่งพรูความเจ็บปวดที่เย็นยะเยือกนี้มาได้กันนะ?
แม้กระทั่ง เขากลับยังรู้สึกว่า หลานเสี่ยวถางนั้นไม่เห็นด้วยเสียยังจะดีกว่า แบบนี้ สามารถบอกได้เลยว่าสือมูเฉินนั้นอยู่ในหัวใจของหลานเสี่ยวถาง ตำแหน่งนั้นไม่สามารถเป็นเช่นนั้นได้อีกแล้ว!
ภายในตัวห้อง ทนายความได้รับสายจากสือมูชิงเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเริ่มเตรียมหนังสือถ่ายโอน
ในขณะเดียวกัน หลานเสี่ยวถางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ก่อนจะโทรหาเย่เหลียนอี
ทางฝั่งอเมริกา ประจวบเหมาะกับเป็นช่วงเช้าพอดี เย่เหลียนอีเลื่อนรับสาย ก่อนจะหาวออกมา “ถางถางที่รักจ๊ะ คิดถึงแม่หรือไง?”
มุมปากของหลานเสี่ยวถางอดที่จะยกยิ้มไม่ได้ เธอเดินเข้าไปอีกห้องหนึ่ง ก่อนจะปิดประตูลงแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ใช่ค่ะ แม่คะ ทำอะไรอยู่หรือคะ?”
“ยังไม่ลุกขึ้นมาจากเตียงเลยจ้ะ” เย่เหลียนอีเอ่ย “น้องชายของลูกอีกไม่กี่วันก็จะกลับจากตะวันออกกลางแล้วนะ ตอนลืมตาเมื่อกี้นี้ก็เห็นอีเมลของเขาเข้าให้แล้ว”
หัวใจของหลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น “หนูก็อยากจะเจอเขามากเลยค่ะ อีกอย่าง คุณแม่คะ อีกสองสามวันหนูจะเตรียมตัวไปอเมริกาอีกสักรอบนะคะ”
น้ำเสียงของเย่เหลียนอีอดที่จะดังขึ้นมาไม่ได้ “ดีมากเลย! มาเมื่อไหร่จ๊ะ อยากทานอะไรไหม แม่จะส่งคนไปเตรียมเอาไว้ก่อน!”
หลานเสี่ยวถางคำนวณระยะเวลาที่สือมูเฉินพักฟื้น ก่อนจะเอ่ยว่า “เกรงว่าจะเป็นสี่วันหลังจากนี้ค่ะ คุณแม่คะ เป็นแบบนี้ค่ะ ยังจำเรื่องยาก่อนหน้านี้ได้ไหมคะ? ที่ฉันพาเขาไปรักษาน่ะค่ะ”
“อ๋อ คิดออกแล้วจ้ะ ตัดสินใจจะให้ยาแก่เขาแล้วหรือ?” เย่เหลียนอียิ้มก่อนจะเอ่ยว่า “ลูกสาวของแม่เนี่ยเป็นหญิงสาวที่มีจิตใจงดงามจังเลยนะเนี่ย!”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ หนูเองก็มีข้อแลกเปลี่ยนเพื่อได้ประโยชน์เหมือนกันนะ เพียงแค่เรื่องนี้ไม่ได้บอกมูเฉินค่ะ คุณแม่คะ กลับไปหนูค่อยอธิบายให้แม่ฟังอย่างละเอียดนะคะ แต่ทว่า แม่ก็ต้องเก็บเป็นความลับนะคะ อย่าบอกเหตุผลกันเขานะ” หลานเสี่ยวถางเอ่ย
“ได้จ้ะ ถางถาง ลูกว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้นจ้ะ!” เย่เหลียนอีเอ่ยอย่างรักใคร่ “กลับมาครั้งนี้ แม่จะทดสอบท่าทีของคุณตาลูกดูอีกครั้งหนึ่งเสียหน่อย อันที่จริงแล้ว แม่ละกลัวที่สุดเลยว่าเขาจะรั้งลูกเอาไว้ที่อเมริกา ไม่ให้ลูกไปพบหน้าพ่อของลูก”
“สามารถลองก่อนได้ค่ะ” หลานเสี่ยวถางเอ่ย “คุณแม่คะ อันที่จริงแล้วหนูไม่อยากที่จะรบกวนแม่มากนะคะ หนูวิ่งไปกลับเองสองรอบก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แบบนี้ก็สามารถช่วยแม่กับพ่อฝากบอกไปได้นะคะ”
“นั่นน่ะสิ” เย่เหลียนอีเอ่ย “ปัญหาของเลือดแบบนี้อาจจะต้องใช้เวลารักษาประมาณเดือนหนึ่ง ก่อนหน้านี้มียาอยู่ แม่สามารถส่งคนให้ไปเอามาได้ พรุ่งนี้ก็สามารถให้ลูกได้แล้วจ้ะ แบบนี้ ก็จะถือว่าสามารถเป็นหลักฐานให้แก่เขาได้อย่างหนึ่งเลยนะ”
นัยน์ตาของหลานเสี่ยวถางเป็นประกายในทันที “ถ้าอย่างนั้นก็เยี่ยมไปเลยค่ะ!”
เย่เหลียนอีเอ่ย “ถางถาง ถ้าอย่างนั้นแล้วแม่จะรอลูกที่อเมริกานะจ๊ะ รอลูกกลับมากับมูเฉิน!”
“ใช่ค่ะ” หลานเสี่ยวถางวางสายไปแล้ว กลับเข้าไปในห้อง ก่อนจะเดินไปเอ่ยกับสือมูชิงว่า “ยาล็อตแรก พรุ่งนี้ก็จะสามารถได้มาแล้วค่ะ”
นัยน์ตาของสือมูชิงเป็นประกายตื่นเต้นขึ้นมาเช่นกัน “ได้เลย ทนายความก็เริ่มเตรียมเอกสารแล้วล่ะ รอให้ยามาถึง ฉันจะเซ็นทันทีเลยนะ”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นแล้วตานั้นนะคะ! การรักษาของเพ่ยหลิน ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนค่ะ รอให้หลังจากเซ็นสัญญาพรุ่งนี้เสร็จแล้ว ฉันจะให้เขากับฉัน มูเฉินไปรักษาพร้อมกับที่อเมริกาค่ะ!”
สือมูชิงหยักหน้า “ขอบใจนะ!”
“ฉันยังมีอีกคำถามหนึ่งค่ะ” หลานเสี่ยวถางสบตามองสือมูชิง “ไม่รู้ว่าที่ฉันกับมูเฉินถูกโจมตีนั้น มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพี่ใหญ่ด้วยหรือเปล่าคะ?”
นัยน์ตาของสือมูชิงสับสนเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานนัก เขาส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ถึงแม้ว่าฉันจะรู้ว่าเป็นใคร แต่ทว่าฉันสามารถบอกได้เพียงแค่ว่าไม่ใช่ฉันหรอก”
“ฉันทราบแล้วค่ะ” หลานเสี่ยวถางหยักหน้าหงึกหงัก
“ถ้าอย่างนั้นแล้วฉันขอตัวก่อน” สือมูชิงจากไปแล้ว
หลานเสี่ยวถางนึกถึงสายตาเมื่อครู่นี้ของเขา จู่ ๆ หัวใจก็เย็นยะเยือกขึ้นมาเล็กน้อย
วันนั้นที่เกิดเรื่อง คนกลุ่มแรกที่เห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน ตอนนี้ก็จากไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าอย่างนั้นแล้ว ก็คงจะไม่กลับมาอีกแล้ว
แต่ทว่า เธอกับสือมูเฉินกลับถูกโจมตีอีกครั้ง อีกทั้งยังถูกโยนลงไปบนเกาะอีก
หลังจากนั้น ประจวบเหมาะกับที่โจวเหวินซิ่วโอนหุ้นให้สือมูชิงพอดี ดังนั้นแล้ว……
เธอไม่กล้าคิดต่อไปอีกแล้วเล็กน้อย หัวใจเริ่มสั่นเทา หรือว่าแม่คนนี้ จงใจที่จะช่วยเหลือลูกอีกคนหนึ่ง แล้วปฏิบัติต่อลูกอีกคนหนึ่งเช่นนี้จริง ๆ นะ?
ต่อให้ เธอเคยประสบกับความเจ็บปวดเช่นนั้นมาก่อน แต่ทว่า นี่ก็คือลูกแท้ ๆ ที่เธอให้กำเนิดมาเลยเชียวนะ!