ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 219 เรียกฉันว่าอาสะใภ้ ฉันจะช่วยคุณทันที
เช้าวันต่อมา หลานเสี่ยวถางได้รับยาที่เย่เหลียนอีส่งมาให้ทางเครื่องบิน
เธอโทรหาสือมูเฉินทันที เพียงแต่คนที่มากลับเป็นสือเพ่ยหลินและทนายสองคน
ในมือของสือเพ่ยหลินถือซองเอกสารอยู่ เขาเดินมาด้านหน้าหลานเสี่ยวถางแล้วพูดขึ้น “เสี่ยวถาง พ่อของผมเซ็นชื่อเรียบร้อยแล้ว”
ขณะที่พูดเขาหยิบเอกสารสามชุดออกมา ยื่นไปด้านหน้าหลานเสี่ยวถาง
หลานเสี่ยวถางยื่นยาในมือออกไป แล้วหยิบปากกาขึ้นมา เซ็นชื่อของตัวเอง
ทนายเก็บเอกสารไว้ชุดหนึ่ง แล้วพูดขึ้น “พวกผมจะไปที่สำนักงานรับรองเอกสารเพื่อดำเนินการตามขั้นตอน เมื่อคุณทั้งสองได้รับหนังสือแจ้งแล้ว มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” หลานเสี่ยวถางพยักหน้า
ทนายความกลับไปก่อน สือเพ่ยหลินกำยาไว้ในมือ แล้วพูดขึ้น “เสี่ยวถาง ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณ”
“คุณพูดมา” หลานเสี่ยวถางเก็บเอกสาร
สือเพ่ยหลินเดินมาข้างตัวเธอ มองดูหน้าด้านข้างของหลานเสี่ยวถาง พูดขึ้น “ถ้าหากไม่มีหุ้น 8% นี่ ผมไม่มีอะไรที่สามารถให้คุณได้ คุณจะมอบยาให้ผมไหม?”
หลานเสี่ยวถางหันตัวมา น้ำเสียงค่อนข้างเฉยชา “คุณได้ของที่ตัวเองอยากจะได้แล้ว อีกอย่างฉันรับปากไว้แล้วว่าจะติดตามการรักษาต่อไปของคุณ การสมมุติของคุณเมื่อครู่ ยังสำคัญไหม?”
“สำคัญ” สือเพ่ยเฉินจ้องมองดวงตาของหลานเสี่ยวถาง “ผมแค่อยากรู้ ว่าคุณอยากให้ผมตายไหม?”
หลานเสี่ยวถางยิ้มมุมปาก “ฉันไม่ใช่หลานเสี่ยวถางในอดีตแล้ว คุณดูสิ ฉันพูดถึงผลประโยชน์ เช่นนั้นคุณรู้สึกว่าคุณให้อะไรฉันไม่ได้ ฉันจะยินยอมเหรอ?”
สือเพ่ยหลินผิดหวัง ความหวังในดวงตาถูกทำลาย ยิ้มขมขื่น “ดังนั้น ถ้าหากไม่ใช่เพื่อสือมูเฉิน คุณไม่มีทางยินยอมช่วยผม?”
เขารู้สึกจุกในลำคอเล็กน้อย คำตอบนี้ ถึงแม้จะรู้ตั้งนานแล้ว แต่เมื่อได้ยินหลานเสี่ยวถางพูด เขาก็ยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ดี
“คุณพูดแบบนี้ จู่ ๆ ทำให้ฉันคิดได้ถึงเรื่องหนึ่ง” หลานเสี่ยวถางพูดแล้วหรี่ตา มีแสงสว่างในดวงตาที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ สุดท้ายเหลือเพียงแค่ความล้อเล่น “เพ่ยหลิน อันที่จริงฉันให้คุณอยู่แล้ว เพียงแต่คุณต้องรับปากฉันเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องอะไร?” สือเพ่ยหลินรู้สึกว่าเลือดในหัวใจสูบฉีดขึ้นสมอง มีความลังเลชั่วขณะ
“อันที่จริงง่ายมาก ทำได้ง่าย เทียบกับหุ้นส่วน 8% ง่ายเยอะเลย!” หลานเสี่ยวถางกะพริบตา “ต้องการคำพูดของคุณแค่ประโยคเดียว”
ความมึนงงในหัวของสือเพ่ยหลินชัดเจนยิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขามืดลง การหายใจติดขัดเล็กน้อย “เสี่ยวถาง ผมเคยพูดกับคุณไว้ว่า ผมเสียใจมากจริง ๆ ที่เลิกกับคุณ พวกเราเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม? เพราะว่าผม…”
“รักคุณ” คำพูดสองคำนี้ ถูกหลานเสี่ยวถางขัดไว้ เธอส่ายหน้า “ไม่ใช่คำนี้”
“คุณแค่เรียกฉันคำหนึ่ง…” หลานเสี่ยวถางพูด ตั้งใจพูดทีละคำช้า ๆ น้ำเสียงชัดเจนเป็นอย่างมาก “อาสะใภ้ อาสะใภ้!”
อารมณ์ที่ซับซ้อนบนใบหน้าของสือเพ่ยหลินจางหายไปในทันที เขาก้าวถอยหลัง สายตาฟาดฟัน “ไม่มีทาง!”
หลานเสี่ยวถางคิดไม่ถึงว่าเขาจะมีปฏิกิริยาตอบรับหนักขนาดนี้ อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเขาอย่างสับสน “ง่ายขนาดนี้ แลกกับชีวิตของคุณ คุณไม่ยินยอมเหรอ?”
หน้าผากของสือเพ่ยหลินมีเส้นเลือดปูดขึ้น เขาหายใจแรง ดวงตาลุกเป็นเปลวไฟ “เสี่ยวถาง คุณรู้ทั้งรู้ว่าผมคิดยังไงกับคุณ ทำไมต้องให้ผมลำบากใจขนาดนี้?!”
“ตื่นเต้นขนาดนี้?” จู่ ๆ ความชั่วร้ายในหัวใจของหลานเสี่ยวถางก็ปรากฏขึ้น “ฉันเปลี่ยนความคิดกะทันหันแล้ว! ยานี้ฉันให้คุณแน่ แต่ว่าถ้าจะให้ฉันไปเป็นเพื่อนคุณรักษาอาการต่อที่ประเทศอเมริกา นอกจากว่าคุณจะเรียกฉันว่าอาสะใภ้! อาสะใภ้!”
“ฝันไปเถิด!” สือเพ่ยหลินตัวสั่นเล็กน้อย เขาชูยาในมือขึ้น เหมือนกับวินาทีต่อมาจะขว้างมันให้แตกกระจาย “หลานเสี่ยวถาง ถ้าให้ผมเรียกคุณ นอกจากผมตายไป!”
หลานเสี่ยวถางประหลาดใจ “ดังนั้น คุณยินยอมที่จะไม่รับการรักษา แล้วก็ไม่เรียกฉันว่าอาสะใภ้?”
เธอพูดอย่างทะเล้น “น่าเสียดายจัง อายุยังน้อย อาหารการกินชีวิตที่หรูหราอยู่ตรงหน้าไม่เอา ก็ตายไปแบบนี้แล้ว ช่างน่าสมเพชจริง ๆ!”
สือเพ่ยหลินกำยาในมือไว้แน่น เพราะว่าออกแรงเยอะ ขวดแก้วมีเสียงเปาะดังขึ้น เหมือนวินาทีจะแตกละเอียดแล้ว
หลานเสี่ยวถางเห็นท่าทางโมโหของเขา จึงเดินเข้าไป แล้วเหลือบมอง “ทำแตกแล้วจริง ๆ เหรอ? งั้นก่อนหน้านี้ที่คุณอยากมีชีวิตอยู่ เห็นฉันถูกรถชนนอนจมกองเลือด แล้วไม่ช่วยฉัน แล้วไปเอาอกเอาใจเฉินจื่อโร่ว ตอนนั้น ทำไมคุณถึงไม่แข็งข้อแบบตอนนี้?!”
“เสี่ยวถาง!” สือเพ่ยหลินมองตาหลานเสี่ยวถาง “เรื่องพวกนั้น เป็นเรื่องที่ผมผิดมากที่สุด! จนถึงตอนนี้ ผมเพิ่งรู้ ว่าอะไรสำคัญกับผมที่สุด! ถ้าหากคุณต้องการให้ผมเรียกคุณแบบนั้นจริง ๆ ถ้างั้น ผมจะเอาเรื่องโอนหุ้นไปบอกคุณอา!”
หลานเสี่ยวถางตะลึง
สือเพ่ยหลินยิ้มขมขื่น “หึหึ คุณกลัวแล้วสินะ? คุณกลัวว่าเขาจะรู้ว่าย่าของผมยังเกลียดเขาขนาดนั้นสินะ? คุณกลัวว่าเขาจะรู้ว่า เป็นเพราะยาของคุณ ถึงได้ตำแหน่งประธานกลับมา ความภาคภูมิใจของเขาจะถูกทำลาย?”
หลานเสี่ยวถางสีหน้าเย็นชา ไม่ได้พูดอะไร
เธอคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะถูกสือเพ่ยหลินโจมตี
“เสี่ยวถาง คิดไม่ถึง ว่าในใจของคุณ เขาสำคัญขนาดนี้!” สือเพ่ยหลินไม่พอใจ ตอนนี้เขารู้สึกว่าเลือดของเขาที่สองเดือนมานี้ตั้งใจเลิกยาเสพติด แทบจะบ้าคลั่งเพราะอารมณ์โมโหเมื่อครู่
เขายื่นมือออกไปค้ำโต๊ะ ยิ้มมุมปากเยาะเย้ย “ผมตายก็ไม่มีทางเรียกคุณแบบนั้น! ต่อให้พวกเราลงโลง คุณก็ไม่มีทางได้ยินผมเรียกคุณแบบนั้น! ดังนั้นคุณล้มเลิกความคิดนั้นเหอะ!”
“แค่คำเรียกแค่นั้นแหละ! หลานเสี่ยวถางเห็นสือเพ่ยหลินตัวสั่น เธอก้าวถอยหลังเพื่อป้องกันตัว
การถอยหลังของเธอ ดึงดูดสายตาของเขา
เพราะความอดกลั้น เล็บมือแทบจะฝังลงในโต๊ะไม้ “เสี่ยวถาง ก็เหมือนกับที่คุณอาไม่อนุญาตให้คุณแยกรุ่นตามผม เหมือนที่เรียกเขาว่าคุณอา อารมณ์เดียวกัน!”
ขณะที่พูด ร่างกายของเขาเริ่มกระตุก แต่ว่าสายตากลับจ้องมองไปทางหลานเสี่ยวถาง
เธอเห็นเขาท่าทางไม่ปกติ จึงเอ่ยขึ้น “คุณยังไม่เลิกยา?”
“พอเห็นคุณ ก็กำเริบอีกแล้ว” เป็นเพราะสือเพ่ยหลินออกแรง เขากัดริมฝีปากจนเลือดออก เขาเช็ดปาก ยิ่งทำให้กระหายเลือดและโมโหมากยิ่งขึ้น
“ฉันไปตามหาหมอให้คุณ” ขณะที่หลานเสี่ยวถางพูด เตรียมจะออกจากห้องไป
“อย่า ไป!” สือเพ่ยหลินเห็นเธอหมุนตัว เขารีบปล่อยโต๊ะ ยื่นแขนออกไปจับหลานเสี่ยวถาง
แต่ว่าเป็นเพราะควบคุมร่างกายไม่ได้ ฉุกละหุก ยาในมือของเขาร่วงตกลงมา
หางตาของหลานเสี่ยวถางเห็นภาพนี้ สัญชาตญาณตอบรับโดยธรรมชาติ เธอหมุนตัวกลับมา แล้วจับยาที่กำลังจะตกลงบนพื้นไว้ในมือ
สือเพ่ยหลินเห็นภาพนี้ หัวใจที่เยือกเย็นสุขุมเหมือนกับถูกฉีกขาดในคืนมืด มีแสงสว่างอันอบอุ่นเผยออกมา เหมือนได้รับแสงสว่างและได้เกิดใหม่
เขาตัวสั่น มองดูเธอ แล้วส่งเสียงพูดออกมาอย่างยากเย็น “เสี่ยวถาง คุณ คุณยัง เป็นห่วง ผม ใช่ไหม?”
หลานเสี่ยวถางส่ายหน้า “ฉันแค่รับปากคุณพ่อของคุณแล้วแค่นั้นแหละ”
“เมื่อกี้คือสัญชาตญาณของคุณ” สือเพ่ยเฉินพูดเสียงเบา “เร็วขนาดนั้น คุณ ไม่มีทาง คิดได้ทัน!”
สายตาของหลานเสี่ยวถางเต็มไปด้วยความหงุดหงิด “สือเพ่ยหลิน ฉันไม่อยากเล่นเกมจิตวิทยาอะไรกับคุณ!”
“ผมรู้ คุณ ไม่อยาก ให้ผมตาย งั้นผม จะใช้ชีวิตดี ๆ…” มุมปากของเขาเต็มไปด้วยเลือดสด แต่เขากลับยิ้ม ดวงตาเยิ้ม แฝงไปด้วยความใสซื่อ
“บ้าไปแล้ว!” หลานเสี่ยวถางขมวดคิ้ว วางยาไว้บนโต๊ะ “ตัวเองเก็บไว้ให้ดี ยานี้ถ้าหากไม่มี เวลาสั้น ๆ ทำออกมาไม่ได้แล้ว ถึงเวลานั้นจะมีชีวิตอยู่ไม่เกินหนึ่งปี!”
“ผมจะใช้ชีวิตอย่างดี…” สือเพ่ยหลินนั่งหมอบอยู่บนพื้น ใบหน้าบูดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด แต่ว่าดวงตากลับยิ้มมองไปทางหลานเสี่ยวถาง
หลานเสี่ยวถางเดินถึงประตูห้องพอดี โทรศัพท์ดังขึ้น เป็นซูสือจิ่นโทรมา “พี่สะใภ้ พี่เฉินฟื้นแล้ว!”
หลานเสี่ยวถางหัวใจพองโต ยิ้มมุมปากโดยไม่รู้ตัว ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ตกลง ฉันจะไปเดี๋ยวนี้!”
“คุณจะไปไหน?” สือเพ่ยหลินตะโกนอยู่ด้านหลังเธอ
“ไปพบคุณอาของคุณ” หลานเสี่ยวถางพูดจบ ก็สาวเท้าเดินออกไป
สือเพ่ยหลินจ้องมองเธอเดินหายลับไป มือที่สั่นไหวเช็ดเลือดที่มุมปาก นิ้วมือกุมมุมโต๊ะไว้ แล้วพูดออกมาทีละคำ “ผม จะ ไม่…”
หลานเสี่ยวถางมาถึงห้องพักผู้ป่วยของสือเพ่ยเฉิน เห็นหมอกำลังตรวจร่างกายให้สือมูเฉิน เธอยืนข้างซูสือจิ่นแล้วยื่นหน้ามาถาม “มูเฉินเพิ่งฟื้น?”
ซูสือจิ่นพยักหน้า “ค่ะ เพิ่งลืมตาขึ้น เหมือนยังมีความสับสนอยู่บ้าง”
“อืม จำไว้นะ บางเรื่องห้ามพูดออกมา” หลานเสี่ยวถางพูดกำชับ
“ทราบแล้วค่ะ พี่สะใภ้!” ซูสือจิ่นโอบแขนของหลานเสี่ยวถาง “ตอนนี้ฉันยิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกว่า พี่กับพี่เฉินเหมาะสมกันมาก! ฉันอิจฉาแทบตาย!”
หลานเสี่ยวถางยิ้ม “ไม่เป็นไร เธอเพิ่งเรียนจบไม่ใช่เหรอ เด็กกว่าฉันสองปีแหนะ ตอนนี้อยู่ที่นี่ก็มั่นคงแล้ว เดาว่าโชคความรักจะรุ่งเรืองในไม่ช้าแล้ว!”
“พี่สะใภ้ อันที่จริง…”ซูสือจิ่นมองไปทางเจียงซีหยู่ แล้วก็หยุดพูด
“ทำไมเหรอ?” หลานเสี่ยวถางคิดถึงวันนั้นที่ซูสือจิ่นดื่มเหล้าจนเมา แล้วถามเสียงเบา “เธอพูดมา ไม่ใช่ว่ามีคนที่แอบชอบตั้งนานแล้วนะ? บอกว่ามาเป็นใคร โชคดีขนาดนี้!”
“มีที่ไหนกัน?” ซูสือจิ่นยิ้ม “พี่ดูนิสัยของฉัน จะมีคนแอบชอบได้ยังไง? ถ้าฉันจะชอบใคร ฉันคงห่อกลับบ้านเลย จับเขาจำคุกจนกว่าจะยอมแพ้!”
หลานเสี่ยวถางหัวเราะ “ก็ใช่นะ อิจฉานิสัยแบบนี้ของเธอจริง ๆ!”
มือที่อยู่ข้างกายของซูสือจิ่นกำแน่นขึ้น
เธอไม่ได้พูดว่าบนโลกนี้ มีอยู่คนหนึ่ง ถึงเธอจะชอบแต่ก็ไม่กล้าพูดมาโดยตลอด
อยากจะจับกุมเขา แต่ก็ไม่สามารถทำให้เขาหยุดได้
คนอื่นพูดว่าเขาเอ็นดูเธอที่สุด แต่ว่าพวกเขาไม่รู้ตรงที่ เธอไล่ตามหลังเขาตลอด
เขาอยู่ในประเทศ เธออยู่ที่เมืองของเขา
เขาไปทำงานต่างประเทศ เธอตามไปเรียนที่ต่างประเทศ
ตอนนี้ ในประเทศมั่นคงแล้ว เขาวางแผนกลับมาพัฒนา เธอปฏิเสธคำเชิญของมหาลัยที่จะให้เธออยู่ที่มหาลัย ตามเขาที่มีแฟนแล้วกลับมาโดยไม่ลังเล
ทุกคนไม่รู้ ว่านี่คืออีกส่วนของเธอ แม้กระทั่งตัวเธอเองก็แทบจะไม่รู้จักตัวเองแล้ว
รักคนคนหนึ่ง จะสูญเสียความเป็นตัวเอง