ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 230 ออกกำลังกายให้มาก แบบนี้กำลังกายตอนกลางคืนถึงจะดี
ฟู่สีเกอลุกขึ้น พับผ้าห่มวางบนโซฟา แล้วมาถึงข้างเตียงเฉียวโยวโยว
เธอนอนหลับปุ๋ย กอดหมอนใบหนึ่งไว้ ม้วนเป็นก้อนท่าทางนิ่งๆ
เมื่อก่อน เขาเคยเรียนจิตวิทยาอยู่พักหนึ่ง ดังนั้นตอนเห็นท่าทางการนอนของเฉียวโยวโยว จู่ ๆฟู่สีเกอก็เข้าใจบางอย่างทำไมเฉียวโยวโยวไม่เลือกเขา
แม้ว่า เฉียวโยวโยวมองแล้วจะเหมือนผู้หญิงไม่ใส่ใจแบบนั้น แต่แท้จริงแล้ว ปกติเธอเป็นคนขาดความมั่นคง ดังนั้นสัญชาตญาณเลยอยากคงสภาพเดิมไว้
และเขา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเมฆที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า เธอจับไม่ได้ ทำได้แค่มองไกลๆ และยังรู้สึกว่าสามารถจากเธอไปตลอดเวลา
ฟู่สีเกอเข้าใจมาโดยตลอด ตัวเองทำให้ผู้หญิงรู้สึกแบบนั้น เมื่อนานมาแล้ว ขนาดแฟนสาวที่ตายไปแล้วของเขาก็เคยพูดแบบนี้
แต่บนโลกมีคนหลายประเภท มีผู้หญิงที่คบกับเขา ที่อวดได้ก็คือความเลื่อนลอยที่สวยงามนั้น ไม่ต้องคิดถึงอนาคตเกินไป ขอแค่เคยครอบครองเพียงครั้ง ก็ไม่ต้องการนิรันดร
แต่เฉียวโยวโยวเป็นผู้หญิงหัวโบราณ ตอนนั้นเขาเหมือนใช้ผิดวิธีการ…
ฟู่สีเกอมองเธอเงียบๆครู่หนึ่ง แล้วเปิดประตูออกจากห้องไปเงียบๆ
การนอนครั้งนี้ เฉียวโยวโยวนอนจนถึงนาฬิกาปลุกดัง
แปดโมงเช้า ด้านนอกสว่างแล้ว สูดลมหายใจฟังเสียงเคลื่อนไหวในห้อง
ตรงโซฟาเงียบสงบ เหมือนไม่มีคนอยู่
เฉียวโยวโยวกะพริบตาเปิดผ้าห่มเดินออกไป
ที่โซฟา มีผ้าห่มผืนบาง พับอย่างเรียบร้อย และฟู่สีเกอหายไปแล้ว
เฉียวโยวโยวหารอบห้อง มั่นใจว่าฟู่สีเกอไม่อยู่ เธอถึงเดินกลับไปนั่งเหม่อบนเตียงครู่หนึ่ง แต่งตัวออกห้อง
และคืนนี้ ซูสือจิ่นหลับไม่สนิททั้งคืน เธอนั่งอยู่นอกระเบียงตัวเองมาตลอด หัวสมองตื่นตัว
จนถึงแสงแดดด้านนอกแสงเริ่มแยงตา เธอถึงออกกำลังกายเล็กๆ เดินออกจากระเบียงไป
เธอมาถึงในห้องน้ำ มองตัวเองในกระจก
เมื่อวานร้องไห้ทั้งคืน หลังจากร้องไห้จนเหนื่อยแล้ว เธอก็ไม่ได้ร้องไห้อีก
ตอนนี้ตาบวมแล้ว เพียงแต่นัยน์ตามีเส้นเลือดฝอยมากมาย ใต้ตายังมีรอยเขียวนิดๆ
เธอวักน้ำเย็นสาดหน้า เปิดกระเป๋าเครื่องสำอาง เริ่มแต่งหน้าให้ตัวเอง
หน้าสดของเธอสวยอยู่แล้ว แต่วันนี้เธอเหมือนจะไปแข่งกับใคร เลยแต่งหน้าตัวเองให้สวยงามมากขึ้น
ที่ผ่านมาเธอเคยเรียนกับฟู่สีเกอมากพักหนึ่ง แม้ว่าฝีมือจะสู้เขาไม่ได้ แต่เพราะพื้นฐานดี แค่แต่งเล็กน้อย คนทั้งคนก็เหมือนเปล่งประกายทันที
เธอยิ้มให้ตัวเองในกระจก ยกริมฝีปาก แต่นัยน์ตาเศร้า
ซูสือจิ่นเพิ่งเก็บของเสร็จแล้วออกมา เพิ่งแง้มประตูออก ก็ได้ยินเสียงข้างนอก
ได้ยินสือมูเฉินพูดกับหยานชิงเจ๋อ “ชิงเจ๋อ สีหน้าไม่เลว!”
หยานชิงเจ๋อยิ้ม “ไหนเลยจะสู้พี่เฉินได้!”
“นึกว่าคืนนี้นายจะตื่นสายหน่อย ทำไมถึงตื่นเช้าขนาดนี้ ?” สือมูเฉินพูดแซว “กำลังกายไม่เลว ดูแล้วออกกำลังกายเป็นประจำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง!”
หยานชิงเจ๋อที่จริงเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หล่อน้ำเย็นอดทนไว้ แต่เพราะศักดิ์ศรี เขาต้องยันไว้ “ถึงยังไงก็แค่27-28 กำลังกายที่เหมาะสม!”
สือมูเฉินขมวดคิ้ว “ความหมายของนายคือฉันแก่? ฉันแค่30ปี นายถามพี่สะใภ้นาย ฉัน——”
เขายังพูดไม่จบ ก็ได้ยินเสียงปิดประตูดัง “ปัง” จากใกล้ๆ
เพราะฉะนั้น ชายหนุ่มสองคนบนทางเดินหยุดสนทนาสองแง่สองง่ามในตอนเช้าลงพร้อมกัน
สือมูเฉินมองไปทางเสียงที่ได้ยิน “ใคร?”
หยานชิงเจ๋อมองไป “เป็นเสี่ยวจิ่น”
สีหน้าเขาดูอึดอัดเล็กน้อย “เหมือนเธอจะได้ยินบทสนทนาของพวกเรา”
สือมูเฉินยักไหล่ไม่สนใจ
“พี่เฉิน ภาพลักษณ์ที่จริงจังของพี่ในใจของเธอพังลงมาแล้ว” หยานชิงเจ๋ออารมณ์คึกคัก
“กลัวว่าที่พังคือนายมั้ง คนที่เสี่ยวจิ่นสนิทที่สุดคือนาย วันนี้ได้ยินคำพูดพวกนั้นของนายเกรงว่า…” สือมูเฉินพูด
หยานชิงเจ๋อมองประตูห้องที่ปิดอยู่ของซูสือจิ่น ด้วยความจำใจ “ช่างเถอะ…รอเสี่ยวจิ่นมีแฟนหนุ่ม คงจะเข้าใจได้!”
ซูสือจิ่นอยู่ในห้อง หลังติดประตู หน้าอกขยับขึ้นลง
เธอไม่รู้ว่าตัวเองปวดใจหรือโกรธ เดิมคิดว่าระบายอารมณ์ไปเมื่อคืนจะดีขึ้นแล้ว แต่ตอนนี้กลับยังทรมานเหมือนเดิม!
และพฤติกรรมตั้งแต่เช้าของหยานชิงเจ๋อเหมือนพอใจกับเมื่อคืน และก็หมายความว่า ไม่รู้ว่าเขาแนบชิดกับเจียงซีหยู่ไปกี่ครั้ง!
———การอ่านที่ใหม่และฮิตที่สุด บัญชีสาธารณะที่ค้นหาในวีแชท [Cherry Reading] หายไปจากรถติดตาม———
ส่วนลึกในใจของซูสือจิ่นทรมานราวกับมีมดเป็นหมื่นเป็นพันตัวมากัด เธออยากระบาย อยากจะหนี บีบมือถือที่ฝ่ามือ มองหน้าจอก็อยากเขวี้ยงลงไป
แต่เมื่อวานหน้าจอก็แตกแล้ว เหมือนเตือนเธอแต่แรก ถึงแม้จะแตกละเอียดกว่านี้ ก็ไม่มีใครมาปลอมเธออีก บอกจะช่วยซ่อมให้ใหม่…
คนที่เธอคิดถึงตลอดเวลา สุดท้ายก็สูญเสียไป
ผู้ชายที่คุยอยู่ด้านนอกคนนั้น เป็นแฟนหนุ่มของผู้หญิงคนอื่น และพี่ชิงเจ๋อของเธอ หายไปจากในความทรงจำของเธอไปนานแล้ว…
ตอนเช้า ฟู่สีเกอตื่นสายสุด ตอนเขาออกมา ทุกคนต่างกินข้าวเช้าแล้ว
เฉียวโยวโยวเห็นเขา กำลังลังเลว่าจะทักทายดีไหม ก็เห็นฟู่สีเกอยิ้มให้ทุกคน “คืนนี้ผมยังมีงานต้องกลับประเทศ อีกเดี๋ยวก็ไปแล้ว! ขอให้ทุกคนมีความสุข!”
ขณะที่พูด เขาหยิบแซนด์วิชชิ้นหนึ่งแล้วหันหลังออกไป
เวลานี้ ซูสือจิ่นนวดไปมาเพราะไม่ได้นอนทั้งคืน รู้สึกหัวหนักนิดๆ พูดว่า “พี่สะใภ้ วันนี้ฉันไม่ไปไหน อยู่ช่วยพี่ออกแบบอยู่ที่คฤหาสน์ พรุ่งนี้เช้าฉันคงต้องกลับแล้ว”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า “ได้ ขอบใจสือจิ่น! อีกเดี๋ยวฉันต้องออกไป ถ้าหากต้องการอะไร บอกกับคนดูแลบ้านก็พอ”
กำลังพูดอยู่ หยานชิงเจ๋อโอบไหล่เจียงซีหยู่มา เขาเลื่อนเก้าอี้ให้เธอ แล้วยกน้ำอุ่นแก้วหนึ่งให้ “ดื่มน้ำอุ่นหน่อยจะได้สบาย”
เฉียวโยวโยวที่อยู่ด้านข้างเห็น พูดด้วยความชื่นชม “เอาใจใส่จังเลย”
หยานชิงเจ๋อยิ้ม “ซีหยู่ไม่ค่อยสบาย ดูแลเป็นเรื่องสมควร”
ซูสือจิ่นสีหน้าซีดขาวไปทันที เพราะเมื่อคืนเป็นครั้งแรกของเธอเหรอ? ดังนั้นออกกำลังมากไปเลยไม่สบาย?
หัวใจเธอวุ่นวายนิดๆ จับหน้าจอที่แตกเปิดหาแหล่งช็อปปิ้ง แล้วจองมือถือเครื่องใหม่หนึ่งเครื่อง
เพิ่งส่งรายการ มือถือของเธอก็ดังขึ้น ซูสือจิ่นก้มมอง เป็นพ่อเธอโทรมา เลยกดรับสาย “คุณพ่อ”
พ่อซูพูดว่า“สือจิ่น สุดสัปดาห์ลูกว่างใช่ไหม? พ่อพาลูกไปพบพวกผู้ใหญ่!”
“ค่ะ ว่าง”ซูสือจิ่นตอบแบบส่งๆ
“สือจิ่น ครั้งนี้ไม่ไปไม่ได้นะ!” น้ำเสียงของพ่อซูแฝงความคาดหวังไว้ไม่น้อย “จำที่พ่อเคยพูดกับลูกได้ไหม! ลูกชายของลุงลั่วของลูกเพิ่งกลับจากประเทศอเมริกา อายุเหมาะสมกับลูก ปีนี้อายุ 28 ปี เก่งมาก…”
ซูสือจิ่นพูดขัดพ่อ“พ่อ ความหมายของพ่อคือ สุดสัปดาห์ไปพบผู้ใหญ่คือบังหน้า ที่จริงแล้วให้หนูไปดูตัวใช่ไหม?”
เธอถามแบบนี้ หลานเสี่ยวถางความสนใจที่รอคนอยู่ถูกดึงดูดไปทั้งหมด
พ่อซูยิ้มพูดอย่างจำใจ “ก็ได้ ลูกคนนี้ ไม่ยอมฟังพ่อให้จบ ให้ลูกไปดูตัว ปีนี้ลูกอายุ23แล้ว ยังไม่เคยคบใครเลย พ่อกับแม่ลูกต่างร้อนใจแทนลูก และลั่วฝานหวาอยู่ต่างประเทศไม่ได้พึ่งพาที่ครอบครัวก็…”
ได้ยินพ่อเริ่มจู้จี้อีกครั้ง ซูสือจิ่นพูดขัดอีกครั้ง “พอแล้ว หนูรู้ว่าคนเก่งมากก็พอแล้ว พ่อสบายใจได้ สุดสัปดาห์หนูจะไปดูตัว!”
พ่อซูเพราะซูสือจิ่นรับปากทันทีเลยตอบสนองไม่ทัน อึ้งไปหลายวินาที ถึงได้พูดเน้น“สือจิ่น ลูกเห็นด้วย?”
ซูสือจิ่นมองไปทางหยานชิงเจ๋อ ภายใต้แสงแดด เธอเห็นบนใบหน้าเขาไม่ได้แสดงอาการใดๆ ถึงขนาดสนใจคำพูดของเธอไปพลาง ดูแลเจียงซีหยู่ไปพลาง
หัวใจของเธอชาไปทีละน้อย ซูสือจิ่นเปิดปาก “ค่ะ หนูเห็นด้วย ถ้าหากเจอกันแล้วเข้ากันได้ แต่งงานก็ไม่มีปัญหา!”
พ่อซูถูกซูสือจิ่นที่ปกติมักต่อต้านทำให้ไม่อยากจะเชื่อคำพูดของเธอเวลานี้ ยังคงถามอีกหนึ่งประโยค“ลูก ลูกคิดได้แล้ว ในที่สุดก็ยอมหาแฟน?”
“ค่ะ” ซูสือจิ่นหันเหสายตาที่มองหยานชิงเจ๋อ วางสายไป
สือมูเฉินที่อยู่ข้างๆ เปิดปากพูด “สือจิ่น คุณลุงซูนัดดูตัวให้เธอเหรอ?”
ซูสือจิ่นพยักหน้า “อืม ลั่วฝานหวาของตระกูลลั่ว”
สือมูเฉินจ้องตาเขม็ง หลังจากนั้นครู่หนึ่ง พยักหน้าพูดว่า “ฉันไม่ค่อยรู้จักเขาจริงๆ”
หลานเสี่ยวถางที่อยู่ด้านข้าง ถามอย่างสนใจ “มูเฉินเป็นยังไง? เหมาะสมกับสือจิ่นของพวกเราไหม?”
“ระหว่างผมกับเขาทักทายกันหลายครั้ง และเห็นตัวจริงในงานเลี้ยงธุรกิจหลายครั้ง โดยรวมภาพลักษณ์ใช้ได้”
สือมูเฉินพูดประเมินตามความคิด “หน้าตาและการเรียนดี สือจิ่น ฉันรู้สึกว่าครั้งนี้คุณลุงซูหาคู่ดูตัวให้เธอได้เหมาะสมมาก”
หยานชิงเจ๋อได้ยินถึงตรงนี้ ไม่รู้ทำไม ถึงไม่ค่อยสบายใจนัก เขาเปิดปากพูดอย่างห้ามไม่ได้ “พี่เฉิน ดีขนาดนั้นจริง
เหรอ? ยังไม่ได้รู้จักดี นิสัยเขาเป็นยังไง คงยากจะรับประกันได้มั้ง?”
สือมูเฉินคิดแล้วพูดว่า “ปัจจุบันผู้กุมอำนาจตระกูลลั่วทำงานการกุศลมาโดยตลอด ชื่อเสียงในเมืองหนิงเฉิงก็ใช้ได้ คิดแล้วลูกหลานพวกเขาคงเหมือนกัน”
พูดจบ เขาก็พูดเสริมอีก “สือจิ่น ไม่เป็นไร เธอไปเจอก่อน หาโอกาส พวกเราไปช่วยเธอเช็ก!”
ซูสือจิ่นมองไปที่หยานชิงเจ๋อ ตอนนี้คิ้วเขาคายตัวแล้ว พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดสือมูเฉิน
เธอจับมือถือแน่นอย่างช่วยไม่ได้ ริมฝีปากกลับยกขึ้นยิ้มอย่างอ่อนหวาน ซูสือจิ่นกอดแขนสือมูเฉินพูด “ยังไงพี่เฉินก็ดีที่สุด! งั้นกลับมาต้องช่วยฉันตรวจเช็กให้ดีนะ!”
หยานชิงเจ๋อได้ยินคำพูดเธอ อดหันมองไปไม่ได้ เห็นรอยยิ้มบนหน้าของซูสือจิ่น อดถามไม่ได้ “เสี่ยวจิ่น ทำไมจู่ ๆเธอถึงอยากแต่งงาน ?”
ซูสือจิ่นหันไปมองเขา นัยน์ตาประกายความสับสน “แม้ฉันจะเด็กกว่าพวกพี่ แต่ฉันไม่อยากเป็นคนสุดท้ายที่โสดอยู่
พี่ชิงเจ๋อ ถึงเวลานั้น พวกเรามาดูกันว่าใครแต่งงานก่อนกัน ?”
หยานชิงเจ๋อชะงักกับรอยยิ้มของซูสือจิ่นไปครู่หนึ่ง เขาเก็บอาการอย่างรวดเร็ว มองและพูดกับเจียงซีหยู่ที่อยู่ข้างๆ “
ซีหยู่ คุณดูเสี่ยวจิ่นยื่นสาส์นท้ารบให้พวกเรา ดังนั้นอย่างแพ้เด็ดขาด!”
เจียงซีหยู่ยิ้มอย่างอ่อนหวาน “งั้นรอกลับประเทศ พวกเราค่อยปรึกษาเรื่องนี้กันดีๆ”